วันที่6 เดือน4 ณ ห้องส่วนตัวของคุณหนูเอฟีเรีย คฤหาสน์ดยุกไคน์
วันนี้นกกระจอกตัวน้อยบินไปบินมาข้างๆหน้าต่างพร้อมประสานเสียงอย่างน่ารัก คำพูดแรกหลังตื่นมาของฉันต้องเป็นคำพูดทักทายเบาๆ
[เงียบ!!ไอ้นกโง่ จะนอน!!]
สวัสดีเจ้าค่ะ เอฟีเรีย อายุ17ขวบ บุตรีดยุคตระกูล ไคน์ ค่ะ
หลังจากเหตุการณ์เมื่อวาน ฉันก็หาร้านน้ำชาที่เปิดอยู่แต่ไม่ว่าร้านไหนก็ปิด เลยกลับมาชงชาเองกินที่ห้อง จากนั้นก็นอน…เอาจริงๆค่อนข้างกังวลตอนองค์ชายรัชทายาทนั้นตอน บอกเอาไปประหารอยู่นะ นี่นึกว่าจะตายซะแล้วแต่ก็รอดมาได้ โชคยังพอเข้าข้างฉันอยู่บ้างสินะ แถมยังประกาศคำพูดไปแล้วด้วยหลังออกจากที่นี่ก็ดึงฉันกลับมาไม่ได้ล่ะนะ..แต่ลืมนึกถึงตอนเปลี่ยนชื่อประเทศแฮะ ช่างเหอะคงไม่บ้าพอจะทำอย่างนั้นหรอก
วันนี้ฉันตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นขึ้นเล็กน้อย หลังจากที่ไม่ได้นอนไวมานาน ตอนแรกกะเคลียร์เอกสารที่กองอยู่ที่ห้องทำงานก่อนแต่ไหนๆโดนถอนหมั่นแล้ว ก็ไม่เห็นมีเหตุผลที่ต้องไปทำนี่ พอคิดได้อย่างนั้นฉันก็เลยนอน..ง่ายๆแค่นี้เลยล่ะ ส่วนเหตุผลที่ต้องมานั่งทำเอกสารพวกนี้ ขอย้อนกลับไปตอนเด็กซักหน่อยนะ
10ปีก่อน วันไหนซักวัน
ณ สวนดอกไม้ของตระกูลดยุค ไคน์
เด็กสาวตัวน้อยที่ท่าทางหยิ่งในชุดเดรสสีอ่อน กำลังเดินอยู่กลับสาวใช้คนสนิทของเธอ พร้อมกับท่าทีที่หงุดหงิด
[อ่าาา เบื่อจังเลยอ่า แอน ทำไมฉันต้องมาทำอะไรอย่างนี้ด้วยเนี่ย?]
[ก็คุณหนูเป็นคู่หมั่นกับองค์ชายนี่คะ]
[แต่เราไม่ชอบเลยอ่ะ ทำไมต้องทำเพื่อคนที่ไม่เคยเห็นหน้าด้วยล่ะ?]
[มันเป็นหน้าที่ค่ะ ที่คุณหนูฝึกก็เพื่อเป็นเลดี้ที่ดีในอนาคตนะคะ]
[งั้นหรอ…แต่ไม่ชอบยังไงก็คือไม่ชอบอ่ะ…]
เธอพูดไปพร้อมกับย่ำเท้าแรงลงกับพื้นเสียงดัง ลงความรู้สึกหงุดหงิดไปกับพื้นดินอันน่าสงสาร ก่อนที่จะส่งสายตาสีเขียวดั่งมรกตจ้องมองไปที่สาวใช้คนสนิท
[นี่..แอน]
[คะ?]
[เจ้ามีความฝันบ้างหรือเปล่า?]
[ความฝันหรอคะ?]
[ใช่…เรานะน่ะ บางครั้ง…บางครั้งก็คิดนะ ว่าเราอยากเป็นเหมือนก้อนเมฆที่อยู่บนฟ้า หรือดอกไม้พวกนี้นะ]
เอฟีเรียเอื้อมมือก็เอามือไปจับดอกไม้ที่อยู่ใกล้ๆ
[เราอยากมีอิสระ อยากที่จะทำสิ่งต่างๆ และไม่ต้องคิดอะไรให้มันวุ่นวาย ปล่อยตัวล่องลอยไปตามแรงลมนี่ และก็ลอยไปเรื่อยๆแบบนี้อ่ะ]
[…หรอคะ?]
[ใช่เราบอกของเราแล้ว แอนบอกของตัวเองบ้างสิ]
[ของฉันหรอคะ อืม..ฉัน..อยากที่จะ…อยากดูงี่เง่าไปหน่อยนะคะ..ถ้าเป็นไปได้ฉันอยากที่จะรวยค่ะ]
[หืม..? รวยงั้นหรอ? เราไม่เข้าใจเท่าไหร่แฮะ]
[คือว่า เมื่อก่อนฉันเป็นเด็กกำพร้านะค่ะอยู่กับน้องๆที่โบสถ์ถึง ไม่ได้มีสายเลือดเดียวกันแต่พวกเราก็รักกันมาก แต่ไม่นานหลังจากที่ฉันอายุได้16โบสถ์ก็ขาดการสนับสนุนน่ะค่ะ ตอนนั้นพวกเราต้องพยายาม ทำงานเพื่อแลกของกิน แต่เพราะว่าเราเป็นเด็กกำพร้าเลยทำให้หางานยากมากเลยค่ะ ฉันต้องเห็นน้องๆจากไปเพราะความอดอยากและโรคร้ายทีละคนๆ เพราะงั้นถ้าหากฉันรวยล่ะก็ น้องๆก็จะได้อิ่มท้องและซื้อยามาเมื่อยามที่ป่วยน่ะค่ะ…]
[ข-ขอโทษ เราไม่คิดว่า..]
[ไม่เป็นไรค่ะ มันผ่านมานานแล้วถึงจะเศร้าเสียใจอย่างไงน้องๆก็คงไม่กลับมา อีกอย่าง คุณหนูก็เป็นคนช่วยดิฉันไว้ตอนที่กำลังจะสิ้นลมหายใจ ฉันขอบคุณจริงๆค่ะ ตอนนี้เองก็พอมีเงินเก็บอยู่บ้างแล้วด้วย]
[…อืม แอน..พูดแบบนั้นถ้าเราไม่มีเงิน แอนก็จะทิ้งเราไปหรอ?]
[ม-ไม่ใข่นะคะ ฉันแค่จะบอกว่าไม่ต้องห่วงเท่านั้นเองค่ะ!!]
[งั้นหรอ.. ขอบคุณนะ เราจะให้เงินเยอะๆเลย อย่าทิ้งเราไปนะ]
[โถ่ว คุณหนูล่ะก็ ฉันไม่ทิ้งคุณหนูไปไหนหรอกค่ะ]
[ถ้าแอนทิ้งเราไป เราไม่เหลือใครแล้วนะ อย่าทิ้งเรานะ]
เอฟีเรียพูดออกมาและเหมือนจะมีน้ำสีใสออกมาจากดวงตาสีเขียวนั้น
[คุณหนูคะ ฉันจะอยู่กับคุณหนูเองค่ะ ไปว่าจะบุกน้ำลุยไฟ ถ้าหากฉันไม่ถูกไล่ก็ไม่ไปไหนหรอกค่ะ!]
[เราไม่ไล่แอนไปไหนหรอก!]
[สมมุติค่ะ แค่สมมุติ]
หลังเดินซักพัก เหมือนฝนก็ทำท่าจะตก กลิ่นของฝนลอยมาแต่ไกล เอฟีเรียทำจมูกฟุดฟิดเหมือนดมอะไรซักอย่าง
[คุณหนูคะเหมือนว่าฝนจะใกล้ตกแล้วเรากลับกันเลยดีไหมคะ]
[เหมือน เรา..อยากกินชาและก็ขนมฝีมือแอนแล้วกลับไปทำให้เรากินหน่อยได้ไหม?]
[โถ่ว คุณหนูของแอนทำไมทำตัวน่ารักอย่างนี้ล่ะคะ ฉันจะทำให้สุดความสามารถเลยค่ะ ค่อยๆเดินไปนะคะ]
[ได้เลย!]
เอฟีเรียเดินด้วยก้าวเล็กๆของเธอก่อนที่จะวิ่งสุดกำลัง
[คุณหนูคะ อย่างนั้นไม่เรียกค่อยๆแล้วนะคะ]
[จับเราให้ได้สิแอน]
[คุณหนูล่ะก็]
จากนั้นเอฟีเรียก็รีบวิ่งกลับไปทางที่คฤหาสน์ตั้งอยู่ พร้อมกับสาวใช้วิ่งตามพร้อมยกกระโปรงเมดของเธอตามไปด้วยสีหน้าเร่งรีบ โดนที่ไม่ทันมองพื้นให้ดีๆ เอฟีเรียเผลอวิ่งไปเหยียบแอ่งน้ำสีดำเล็ก แล้วอยู่ๆภาพก็หมุน
ดูท่าจะลื่นแฮะ..เอฟีเรียคิด จากนั้นก็ ตุ็บ!! เสียงของศีรษะของฉันกระตบกับของแข็งๆ ภายใต้ดวงตาที่กำลังปิด แต่ก็ยังพอมองเห็นลางๆ เป็นภาพแอนที่กำลังวิ่งมาหาพร้อมน้ำตาที่อาบที่แก้มแล้วเธอก็เรียกของเรา อย่าร้องสิแอน เราไม่อยากเห็นแอนร้องไหแบบนี้เลย อ่าปวดหัวจังไม่ไหวแล้ว แล้วภาพก็ดับลง