บทที่ 709 หลี่จิ่วเต้า ‘ข้าเรียกเจ้า เจ้ากล้าตอบรับหรือไม่?’
ทิวทัศน์เขาเฟิ่งหวางดงามเป็นอย่างยิ่ง เขาสูงธารน้ำไหล ล้อมรอบไปด้วยม่านหมอก ราวกับแดนเซียนบนผืนดิน เงียบสงบสุขชวนผ่อนคลาย
หลี่จิ่วเต้ากำลังเดินเล่นชมเขาอย่างแช่มช้า ปกติแล้วเขามักจะชอบชื่นชมเพลิดเพลินไปกับทิวทัศน์ ทว่าวันนี้กลับไม่มีกะจิตกะใจจะดื่มด่ำ
“เฮ้อ…”
เขาถอนหายใจออกมาอย่างแผ่วเบา ภายในใจเอ่ยปลอบตัวเองนับครั้งไม่ถ้วน ทว่าก็ยังคงไม่อาจกำจัดความรู้สึกสูญเสียออกจากใจไปได้ ตัวเขานั้นคิดถึงซีเป็นอย่างมาก
ตู้ม!
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงระเบิดดั่งสนั่นทั่วเขาเฟิ่งหวา แสงสว่างอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งสูงทะลุม่านเมฆทำลายผืนนภาเบื้องบน ด้านในปรากฏการก่อตัวของอักขระโบราณ ฉางหนิงระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับเปิดใช้ทุกอย่างที่จัดเตรียมเอาไว้ในเขาเฟิ่งหวาอย่างเต็มที่โดยไม่มีการเก็บออม!
ฉางหนิงทะยานออกมา ก็จะยื่นมือข้างหนึ่งไปด้านหน้า พลันส่วนหนึ่งของเขาเฟิ่งหวาแตกระเบิดทันที มีทวนสีเงินวาววามเล่มหนึ่งพุ่งเข้ามาอยู่ในมือของนาง
นี่คือทวนบรรพจารย์หนิง ตั้งชื่อตามนามบรรพจารย์เซียนของนาง วัสดุที่ใช้สร้างนั้นไม่ธรรมดา เป็นถึงโลหะชนิดแรกที่วิวัฒน์ขึ้นมาจากโกลาหล มีพลังใกล้เคียงกับพลังโกลาหลเป็นอย่างยิ่ง
ยามนั้นเมื่อถอนตัวออกมาจากสนามรบกับความพิศวง นางได้หนีมาถึงเขาเฟิ่งหวา หลังจากนั้นก็มียอดฝีมือออกมาจากแดนบรรพโกลาหล สงบความพิศวงยุติความวุ่นวาย เหลือไว้เพียงนางที่ยังคงอยู่ในเขาเฟิ่งหวา
นางในครานั้นบาดเจ็บสาหัส สภาพย่ำแย่อย่างถึงที่สุด แต่โชคดีที่นางถอนตัวออกมาได้ก่อน ทำให้ยังพอหลงเหลือพลังอยู่ในร่างบ้างเล็กน้อย หลังจากนั้น นางก็ถูกบังคับให้ตกอยู่สภาวะหลับลึกเพื่อรักษาตัว พลังที่หลงเหลืออยู่ยังคงไหลเวียนอยู่ในเขาเฟิ่งหวา กักเก็บสสารฝึกตนระดับสูงจำนวนมากเอาไว้ สร้างโอกาสสำหรับการตื่นขึ้นและฟื้นฟูตัวเอง
ก่อนที่สิ่งมีชีวิตภพเซียนจะจากอาณาจักรแห่งนี้ไป ได้ทำการกวาดล้างกอบโกยครั้งใหญ่ในอาณาจักรแห่งนี้ เก็บสมบัติและสสารการบ่มเพาะระดับสูงทั้งหมดไปด้วย
มิหนำซ้ำ สิ่งมีชีวิตจากเก้าโจวยังเลือกจะแยกตัวออกมา ทำให้เกิดการกวาดล้างครั้งใหญ่อีกครั้ง ทั้งยังเลวร้ายยิ่งกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ ทำให้อาณาจักรแห่งนี้ย่ำแย่ลงจนอารยธรรมการฝึกฝนทั้งหมดแทบล่มสลาย
ทว่าเขาเฟิ่งหวากลับต่างออกไป
ฉางหนิงหลับลึกเพื่อฟื้นฟูตนเอง แต่พลังที่หลงเหลือในร่างกายยังคอยปกป้องเขาเฟิ่งหวา สมบัติและสสารฝึกฝนระดับสูงทั้งหมดในภูเขายังคงได้รับการเก็บรักษาเอาไว้อย่างสมบูรณ์ ไม่ถูกกวาดเอาไปด้วย
และนี่เองก็เป็นสาเหตุที่ตอนนี้ฉางหนิงฟื้นฟูตัวเองมาได้ถึงขั้นทรงพลังเพียงนี้
สมบัติและสสารฝึกฝนระดับสูงจำนวนมากในภูเขามีบทบาทสำคัญอย่างมากในการฟื้นฟูตนเองของฉางหนิง หากไม่มีสิ่งเหล่านี้แล้ว แม้ว่าฉางหนิงจะสามารถตื่นขึ้นมาได้ แต่ก็ไม่อาจแข็งแกร่งได้เท่าปัจจุบันอย่างแน่นอน
“หืม!?”
อีกด้านหนึ่ง สีหน้าของหลี่จิ่วเต้าพลันแปรเปลี่ยน การเคลื่อนไหวภายในเขาเฟิ่งหวาชัดเจนเกินไป ทำให้เขารู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เขารีบเอาธงฮุ่นเยวียนออกมาทันทีอย่างไม่มีลังเล ทั้งร่างหายไปจากจุดนั้นภายในพริบตา
เสียงตู้มดังขึ้น ณ จุดที่ร่างของเขาเพิ่งหายไป ฉางหนิงปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมกับทวนสีเงินในมือ บริเวณที่ถูกทวนของนางแทงลงไปพังทลายลงไปทันที ถึงกับเกิดหลุมขนาดใหญ่อันน่าสะพรึงกลัวนี้มา เปลวเพลิงพวยพุ่งจากพื้นดินทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า
“หาย…หายไปแล้ว!?”
สีหน้าของฉางหนิงแปรเปลี่ยนไปในทันที แววตาของนางมีความประหลาดใจ รู้สึกตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง
นางไม่อยากจะเชื่อ ผลลัพธ์ในการโจมตีครั้งนี้ต่างจากความคาดหมายของนางมาก!
ค่ายกลถูกเปิดออกอย่างเต็มที่โดยไม่มีการเก็บออม นางโจมตีเข้าไปด้วยทวนสีเงินร่วมกับค่ายกล นี่นับเป็นการโจมตีสังหารภายในครั้งเดียวอย่างแน่นอน หลี่จิ่วเต้าไม่มีทางหลบเลี่ยงได้ภายใต้ค่ายกลนี่ ทว่าผลออกมาคือนางกลับโจมตีได้เพียงอากาศเปล่า!
อีกทั้งนี่ยังไม่ใช่สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุด!
สิ่งที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดคือ การที่นางสูญเสียการรับรู้ตัวตนของหลี่จิ่วเต้า ไม่รู้ว่าตอนนี้อีกฝ่ายอยู่ที่ใด!
เป็นไปได้อย่างไร?!
ค่ายกลครอบคลุมทุกหนแห่งบนภูเขาไม่เว้นว่าง เช่นนั้นแล้วหลี่จิ่วเต้าจะสามารถหายตัวไปอย่างไม่อาจรับรู้ถึงได้อย่างไร?
นี่ไม่ใช่ค่ายกลธรรมดาแต่อย่างใด เพื่อการ ‘หย่อนเบ็ดล่อปลา’ ในครั้งนี้ นางได้ลงแรงเป็นอย่างมากในการสร้างค่ายกลขึ้นมา อย่างไรเสียนางก็ต้องการจะจับ ‘ปลาตัวใหญ่’ จากแดนบรรพโกลาหลเหล่านั้น จึงย่อมไม่กล้าประมาทเลินเล่อ
ทว่าหลี่จิ่วเต้ากลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยจนนางไม่อาจจับสัมผัสได้แม้แต่น้อย สิ่งนี้จะทำให้นางไม่ตกตะลึงได้อย่างไรกัน?!
หลี่จิ่วเต้านั้นไม่ธรรมดา ไม่ธรรมดาเลยแม้แต่น้อย เขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุด!
แต่อย่างไรเสียนางก็เป็นถึงบรรพจารย์เซียนผู้หนึ่ง จิตใจย่อมเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง หลังจากตื่นตะลึงไปเพียงชั่วระยะเวลาสั้น ๆ ก็ได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว นางรีบเรียกชุดเกราะออกมาสวมบนร่างทันที
จากนั้นก็นำไข่มุกอันละเอียดอ่อนแวววาวออกมาเพื่อสนับสนุนแล้วปกป้องตนเอง
ไข่มุกเม็ดนี้ถูกนางหล่อหลอมขึ้นมาเมื่อครั้งยังอยู่จุดสูงสุดด้วยวัสดุที่ไม่ธรรมดาเป็นอย่างมาก ไม่ได้ด้อยไปกว่าทวนสีเงินเลย สามารถขยายเขตแดนบรรพจารย์เซียนให้มีพลังมากขึ้นจนไม่อาจจินตนาการถึง!
ชุดเกราะเองก็เช่นเดียวกัน มันถูกหล่อหลอมขึ้นมาเมื่อครั้งที่นางยังอยู่จุดสูงสุด หลังจากสวมเกราะทำให้พลังถูกเสริมมากขึ้น ภายในใจของนางจึงสงบลงได้ในทันที
“เจ้าต้องการสังหารข้าหรือ?”
หลี่จิ่วเต้าถือธงฮุ่นเยวียนไว้ในมือข้างหนึ่ง ก่อนจะปรากฏตัวออกมาในระยะไกลท่ามกลางหมู่เมฆหมอกมองไปทางฉางหนิง
“ใช่แล้ว!”
เมื่อเห็นหลี่จิ่วเต้าปรากฏตัวออกมา ฉางหนิงก็ถือทวนสีเงินพุ่งตรงเข้าไปสังหารเขาอีกครั้ง
ขณะเดียวกัน นางยังคงแผ่ขยายเขตแดนบรรพจารย์เซียนออกมา พยายามห่อหุ้มร่างของหลี่จิ่วเต้าเอาไว้ภายในเขตแดนบรรพจารย์เซียน
เพียงแค่หลี่จิ่วเต้าถูกเขตแดนบรรพจารย์เซียนห่อหุ้มเอาไว้ โอกาสในการชนะของนางก็จะเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ภายในเขตแดนบรรพจารย์เซียน นางนับได้ว่าเป็นผู้ควบคุมชี้ขาดอย่างแท้จริง ทุกอย่างล้วนแล้วแต่อยู่ในกำมือของนาง!
ตู้ม!
อักขระค่ายกลขยับไหว พลังอันน่าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิมรวมเข้าหากันอย่างรวดเร็ว ระดมโจมตีใส่หลี่จิ่วเต้า
ค่ายกลนี่ไม่ธรรมดาอย่างแท้จริง ภายใต้การโจมตีนี้ กระทั่งจักรพรรดิเซียนเองก็จะถูกสังหารตายภายในพริบตา ส่วนบรรพจารย์เซียนเองก็ไม่อาจเมินเฉยได้
“เข้าใจแล้ว…”
หลี่จิ่วเต้าที่ยืนอยู่ท่ามกลางหมู่เมฆหันมองไป ก็เห็นว่าเกิดสิ่งใดขึ้นกับพวกลั่วสุ่ย
เขามองเห็นภายในนั้นได้ไม่ชัดเจนนัก เพราะด้วยกฎเกณฑ์ต่าง ๆ ที่ยังคงเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้นก็สามารถคาดเดาได้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้น
พวกลั่วสุ่ยคงจะถูกพลังบางอย่างกักขังเอาไว้…
หลังจากมองเห็นสถานการณ์แล้ว เขาก็เข้าใจขึ้นมาบ้างแล้วว่าเหตุใดฉางหนิงจึงมาที่นี่เพื่อโจมตีเขา
ฉางหนิงต้องการจัดการพวกลั่วสุ่ย ทว่าพวกสั่วสุ่ยนั้นรับมือได้ยาก จึงเกิดความคิดที่จะลงมือกับเขาก่อน
เขาเป็นเพียงแค่ปุถุชนธรรมดา สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย ฉางหนิงจึงต้องการใช้เขาเพื่อบังคับให้พวกลั่วสุ่ยต้องยอมจำนน!
น่าเสียดาย ถึงแม้เขาจะเป็นปุถุชนก็จริง แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะถูกจัดการลงได้ง่ายดายปานนั้น!
ชายหนุ่มคิดขึ้นมาในใจ ก่อนร่างจะเลือนหายไปอีกครั้ง การโจมตีทั้งหมดล้วนโดนอากาศเปล่า เมื่อเขาปรากฏตัวขึ้นมาอีกหน ก็อยู่อีกด้านหนึ่งเสียแล้ว
“คุณชาย!”
“เจ้าช่างบังอาจยิ่งนัก!”
ในตอนนั้นเอง ลั่วสุ่ยและเซี่ยเหยียนที่ฝ่าออกมาได้ก็เห็นฉากที่ฉางหนิงถึงกับบังอาจลงมือกับคุณชาย พวกนางโกรธขึ้นมาทันที เกิดจิตสังหารต้องการจะฆ่าฉางหนิงทิ้งเสีย
เป็นเช่นนั้นจริง!
การคาดเดาก่อนหน้านี้ของเขาเป็นเรื่องจริง ฉางหนิงไม่อาจจัดการกับพวกเซี่ยเหยียนได้โดยง่าย ดังนั้นจึงหันมามุ่งเป้าใส่เขา
ไม่เช่นนั้นแล้ว เซี่ยเหยียนกับลั่วสุ่ยคงไม่อาจฝ่าออกมาจากที่นั่นได้
หลี่จิ่วเต้าคิดขึ้นมาในใจ
“ข้าจะจัดการเอง”
หลี่จิ่วเต้าบอกลั่วสุ่ยกับเซี่ยเหยียนไม่ให้ลงมือ เนื่องจากเขาต้องการลงมือด้วยตนเอง
เมื่อไม่ได้พบซี เขาก็อารมณ์ไม่ดีเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งฉางหนิงยังกล้ามายั่วยุกันเช่นนี้ เขาพลันรู้สึกอยากจัดการฉางหนิงด้วยตนเอง!
ส่วนเรื่องความแข็งแกร่งของฉางหนิงนั้น… ก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายโจมตีเขามาสองครั้ง ล้วนไม่เป็นภัยคุกคามเขาแต่อย่างใด เขามั่นใจมากว่าตนเองสามารถจัดการนางได้
หลังจากได้ยินคำพูดของคุณชาย ลั่วสุ่ยกับเซี่ยเหยียนก็สงบลงอย่างรวดเร็วและถอยหลังออกไป
คุณชายไม่ให้พวกนางลงมือ ก็เพื่อตัวของพวกนางเอง!
เพียงแค่เขตแดนบรรพจารย์เซียนที่ได้รับพลังจากตัวของฉางหนิงนั้น ก็เกินความสามารถพวกนางที่จะรับมือได้แล้ว
หากพวกนางเข้าไปเผชิญหน้า เกรงว่าจะประสบกับเคราะห์ร้ายครั้งใหญ่ จบลงอย่างไม่ค่อยจะดีนัก
“ข้าจะกลืนกินพวกเจ้าให้หมด!”
ฉางหนิงยิ้มเย้ยหยัน แววตาเปล่งประกายดุดัน พร้อมเอ่ยออกมาอย่างแข็งกร้าว
นางระเบิดพลังพุ่งเข้ามาพร้อมทวนสีเงินอีกครั้ง หมายจะสังหารหลี่จิ่วเต้า!
ขณะเดียวกัน ทั่วทั้งเขาเฟิ่งหวาก็สว่างเจิดจ้า พลังของค่ายกลก่อตัวเป็นฝนแสงอันน่าสะพรึงกลัวร่วงหล่นลงมาทั่วบริเวณ ไม่ปล่อยให้หลี่จิ่วเต้ามีโอกาสได้ซ่อนตัวอีกครั้ง
ทว่านางก็ประเมินตนเองสูงเกินไป…
หลี่จิ่วเต้าก้าวออกไปด้านหน้า ร่างกายพลันหายลับไปอีกครั้ง พลังของค่ายกลที่ก่อตัวเป็นฝนไม่ส่งผลอันใดกับหลี่จิ่วเต้าเลยแม้แต่น้อย ร่างของเขาปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งก็ยกธงฮุ่นเยวียนปิดกั้นฝนแสงที่ตกลงมา
“จริงสิ ข้ายังไม่รู้จักนามของเจ้าเลย ด้วยความเคารพข้าจึงต้องการจะทราบนามของเจ้า”
ชายหนุ่มกล่าวออกมา
“ฉางหนิง!”
ฉางหนิงไม่ได้คิดอันใดมาก หลังจากเอ่ยชื่อตนเองจบแล้ว ก็พุ่งตรงเข้าไปสังหารหลี่จิ่วเต้าอีกครั้ง
“อ้อ”
หลี่จิ่วเต้าโบกธงฮุ่ยเยวียน ร่างกายของเขาเลือนหายไปอีกครั้ง หลบการโจมตีของฉางหนิง
เมื่อร่างของเขาปรากฏขึ้น ก็อยู่อีกด้านหนึ่งเสียแล้ว ในมือมีขวดแก้วใสหนึ่งขวดเปล่งประกายสะท้อนแสงงดงาม
นี่คือขวดแก้วที่สามารถเก็บทุกสรรพสิ่งเข้าไปได้
“ฉางหนิง ข้าเรียกเจ้า เจ้ากล้าตอบรับหรือไม่?”
หลี่จิ่วเต้าชูขวดแก้วขึ้น ชี้ปากขวดไปทางฉางหนิงแล้วตะโกนออกมา
เขาเพียงแค่คิดถึงน้ำเต้าทองคำม่วงในเรื่องไซอิ๋วที่สามารถเก็บสรรพสิ่งเข้าไปได้เหมือนกัน คล้ายกับความสามารถของขวดแก้ว
แน่นอนว่า ที่เขาตะโกนออกมาเป็นวิธีการเก็บคนเข้าไปของน้ำเต้าทองคำม่วง หากคนอื่นตอบรับก็จะถูกดูดเข้าไป ทว่าขวดแก้วนั้นแตกต่าง ขอเพียงแค่เขาต้องการก็สามารถเก็บทุกสิ่งเข้าไปได้ตลอดเวลา ไม่สำคัญว่าเขาเรียกชื่อหรือไม่
“เหตุใดข้าจะไม่กล้า!”
ฉางหนิงตอบกลับเสียงดัง ต่อให้นางตอบรับไปจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นได้กัน?
ฟิ้ว!
ในตอนนั้นเอง แรงดึงดูดมหาศาลก็ปรากฏขึ้นจากขวดแก้ว ฉางหนิงถูกดูดเข้าไปด้านในทันที
ระหว่างขั้นตอนนี้ ไม่ว่านางจะดิ้นรนต่อต้านมากเพียงใดก็ไร้ประโยชน์ ไม่อาจขัดขืนแรงดึงดูดได้แม้แต่น้อย!
“เกิด…เกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร!”
ภายในขวด ฉางหนิงรู้สึกอัดอั้นตันใจเป็นอย่างยิ่ง นางรู้สึกเสียใจมาก หากรู้ตั้งแต่แรก นางคงไม่ตอบรับแล้ว
นางจะไม่ตอบรับอย่างแน่นอน!
“เจ้า…เจ้าเล่นลูกไม้!”
นางโกรธจนอดตะโกนออกมาไม่ได้ อัดอั้นตันใจอย่างถึงที่สุด…ถูกหลอกเข้าเสียแล้ว!
หลี่จิ่วเต้าใช้ประโยชน์จากความชะล่าใจเก็บนางเข้ามา!
“หากเจ้าแน่จริงก็ปล่อยข้าออกไป!”
นางตะโกนออกมา ไม่เต็มใจที่จะถูกหลี่จิ่วเต้าจัดการลงเช่นนี้!
จะเต็มใจได้อย่างไร?
เพียงแค่ตอบรับการเรียกชื่อก็ถูกเก็บเข้ามาแล้ว ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่อาจเต็มใจยอมรับได้!