ตอนที่ 19 จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้ว
กาลเวลาผ่านไป วันปีใหม่ก็ได้มาถึง
ในวันนี้มีการล้มหมูกันในหมู่บ้าน ซึ่งชาติที่แล้วซูตานหงไม่เคยเห็นการล้มหมูด้วยตาของตัวเองมาก่อน เธอจึงติดตามคุณป้าหยางมาดูบรรยากาศการช่วยเหลือกันอย่างครึกครื้นมีชีวิตชีวาในครั้งนี้ด้วย
ในตอนแรกนั้นเธอคิดว่าตัวเองจะรู้สึกหวาดกลัว แต่เมื่อได้เห็นฉากล้มหมูเข้าจริง ๆ เธอจึงพบว่าเป็นตัวเองที่คิดมากเกินไป
เธอมีความสามารถในการปรับตัวที่ดีเยี่ยม ซูตานหงไม่รู้สึกอะไรเลยเมื่อเห็นฉากนี้ ในความคิดเธอมีเพียงแต่ว่าจะได้เนื้อหมูมาทั้งตัวหรือครึ่งตัวดี
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจที่จะรับเนื้อหมูครึ่งตัว
ครั้งนี้ทางหมู่บ้านล้มหมูทั้งหมด 6 ตัว แต่ซูตานหงต้องการเนื้อหมูถึงครึ่งตัว เรื่องนี้จึงเป็นที่ฮือฮาของชาวบ้านทั้งหลาย
คุณแม่จี้ขอหัวหมู ท้องหมู และไส้หมูสองชุด ซึ่งถือว่าเป็นของที่ต้องการเช่นกัน แต่ในเมื่อซูตานหงขอเนื้อหมูไปครึ่งตัวแล้ว เธอจึงยังได้รับของเหล่านี้อยู่
เฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานก็เห็นเหตุการณ์นี้เช่นกัน ดวงตาของพวกหล่อนทั้งสองเป็นประกายพร้อมกับเดินตรงเข้ามาหาทันที่
“ตานหง เธอซื้อเนื้อมาเยอะขนาดนี้เพื่อกินในเทศกาลปีใหม่นี้เหรอ ให้พวกเราสัก 2-3 ชั่งได้หรือเปล่า ตอนนี้โหวหวาจืออยากกินเนื้อมากน่ะจ้ะ” เฝิงฟางฟางเอ่ย
“ใช่ ตานหง เธอแบ่งเนื้อหมูให้พวกเราหน่อยสิ เธอกับเจี้ยนอวิ๋นกินกันสองคนไม่หมดหรอก” จี้มู่ตานกล่าว
“พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รอง ตรงนั้นยังมีเนื้อหมูอีกเยอะนะคะ ถ้าพวกพี่อยากได้ก็สามารถซื้อได้ที่นั่นเลย ส่วนของฉันกะจะแบ่งให้คุณพ่อคุณแม่แล้วก็ครอบครัวทางบ้านแม่ของฉันน่ะค่ะ ฉันเลยเหลือไม่มากเท่าไหร่” ซูตานหงตอบอย่างไม่ยอมแพ้
คิดว่าเธอไม่รู้หรือว่าพวกหล่อนสองคนหมายความว่าอย่างไร? ในวันปกติครั้งแล้วครั้งเล่าเธอไม่เห็นบ้านรองจะเข้ามาขอผลประโยชน์แบบนี้ แต่ตอนนี้กลับหวังพึ่งพาทุกอย่างกับเธอ
เธอจะหัวอ่อนไม่ได้ เธอไม่ยอมให้เรื่องมันเป็นแบบนี้หรอก!
เมื่อเฝิงฟางฟางกับจี้มู่ตานได้รับการปฏิเสธอย่างนุ่มนวลแล้ว พวกหล่อนจึงต้องไปซื้อเนื้อมา 2 ชั่งด้วยตัวเอง และทนไม่ได้ที่ต้องควักเงินตัวเองซื้อไป
ซูตานหงขอให้คนขายหมูสับซี่โครงและเนื้อให้กับเธอ ก่อนจะนำเนื้อทั้งหมดใส่รถเข็นและลากรถจากไป
รถเข็นคันนี้คุณพ่อจี้เป็นคนทำให้เธอในไม่กี่วันที่ผ่านมา
เมื่อซูตานหงกลับมาถึงบ้าน เธอก็หั่นเนื้อหมู 1 ชั่งแบ่งให้พ่อแม่สามีทันที จากนั้นก็แยกเนื้ออีก 10 ชั่งไว้ให้ครอบครัวทางฝั่งแม่ ระหว่างนั้นเธอก็แวะนำเนื้อส่วนที่เหลือสำหรับครอบครัวตัวเองไปเก็บไว้ที่บ้าน
หลังจากที่ส่งเนื้อให้ทั้งสองครอบครัวแล้ว เธอก็กลับมาลงมือทำอาหาร
หญิงสาวทำลูกชิ้นหมูกับลูกชิ้นเนื้อ ซึ่งมันส่งกลิ่นหอมตลบอบอวลทั่วลานบ้านตลอดทั้งวัน
คุณลุงหยางและคุณป้าหยางที่อยู่ข้างบ้านก็ได้กลิ่น คุณป้าหยางถึงกับมาเคาะประตูบ้าน เมื่อรู้ว่าเธอกำลังทำลูกชิ้น นางก็เข้ามาช่วยเป็นลูกมือด้วย
การมีคุณป้าหยางมาช่วยทำให้ซูตานหงทำงานเสร็จเร็วขึ้นมาก หลังจากนั้นสองวันเธอก็ทำลูกชิ้นเนื้อกับลูกชิ้นหมูได้สองหม้อใหญ่ ๆ นอกจากนี้เธอยังเตรียมหม้อน้ำซุปไว้ตักลูกชิ้นใส่อีกหม้อหนึ่งด้วย จนในหม้อนั้นมีทั้งลูกชิ้นหมูและลูกชิ้นเนื้อ
หญิงสาวส่งลูกชิ้นเนื้อและลูกชิ้นหมูจำนวนเล็กน้อยให้คุณพ่อจี้กับคุณแม่จี้ลองชิมดูแล้ว ส่วนที่เหลือนั้นเธอเก็บไว้กินเอง
นอกจากลูกชิ้นแล้วยังมีซี่โครงหมูทอด เกี๊ยว และอาหารอื่น ๆ ด้วย ที่ต้องเตรียมของพวกนี้ไว้ก็เพราะว่าอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันปีใหม่แล้ว ซึ่งตอนนี้อากาศกำลังหนาวจัด เธอจึงไม่กลัวว่าพวกมันจะบูดเสีย
เพราะซูตานหงยุ่งมาก เวลาจึงผ่านไปค่อนข้างเร็ว และทั้งห้องครัวก็มีแต่กลิ่นของอาหารอบอวลไปทั่ว
สิ่งของทุกอย่างภายในบ้านถูกเก็บอย่างเป็นระเบียบ เสี่ยวเฮยตระเวนไปรอบ ๆ ในสนามหน้าบ้าน เมื่อเร็ว ๆ นี้ซูตานหงไม่ได้ล่ามมันเอาไว้ เพราะมันไม่ชอบออกไปข้างนอกบ้านต่อให้จะไม่ได้ล่ามมันเอาไว้ก็ตาม ส่วนใหญ่มันจะยืนเฝ้าอยู่ตรงประตูและมองไปรอบ ๆ เพื่อปกป้องบ้านหลังนี้
ทุกครั้งที่คนเข้ามาใกล้บ้าน พวกเขาจะหยุดอยู่ข้างนอกและไม่กล้าคิดที่จะเข้ามา
คุณป้าหยางมาที่นี่หลายครั้งและยังเจอกับการปฏิบัติแบบนี้ มีหลายครั้งทีเดียวที่นางบ่นให้ซูตานหงฟังแต่ก็ไร้ประโยชน์ ซึ่งไม่ว่านางจะมากี่ครั้งกี่หนเสี่ยวเฮยก็ยังทำเช่นนี้ มันปฏิบัติกับคนอื่นในแบบของมันต่อไปและไม่ยินยอมให้ใครเข้าบ้านเช่นเคย
หิมะตกหนักมากในคืนที่ล้มหมู นี่เป็นหิมะครั้งที่สามของปีนี้แล้ว
หิมะยังคงตกหนักต่อไปจนถึงคืนก่อนวันส่งท้ายปีเก่า เรื่องนี้ทำให้ซูตานหงเป็นกังวลเล็กน้อยว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะกลับมาได้อย่างปลอดภัยหรือไม่ และยังกังวลว่าเขาจะกลับมาได้ทันเวลาหรือเปล่า
กลางดึกคืนนั้นเองเสี่ยวเฮยก็เห่ากรรโชกออกมา เห็นได้ชัดว่ามันตั้งท่าจะต่อสู้กับใครบางคน ซูตานหงสะดุ้งตื่นแล้วรีบลุกขึ้นสวมเสื้อผ้ามิดชิดในทันทีพร้อมกับถือไม้ท่อนหนึ่งออกมาด้วย
“แกกล้าเข้าบ้านฉันเหรอเจ้าหัวขโมย วอนตายเสียแล้ว!” ซูตานหงเปิดประตูแล้วตะโกนเสียงดังลั่น
คุณป้าหยางกับเพื่อนบ้านอีกคนหนึ่งก็สะดุ้งเช่นกัน พวกเขาก็เปิดประตูแล้วรีบวิ่งมาหาทันทีที่ได้ยินความเคลื่อนไหว
“ตานหง นี่ผมเอง” เสียงของจี้เจี้ยนอวิ๋นดังออกมาจากความมืด
“เจี้ยนอวิ๋น?” ซูตานหงชะงักเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคย
“โฮ่ง! โฮ่ง!” เสี่ยวเฮยยังคงเห่าเสียงขรม
“เสี่ยวเฮย คนนี้คือนายท่านของแก หยุดเห่าได้แล้ว” ซูตานหงเดินออกมาแล้วพูดเสียงดุ ๆ
จากนั้นเธอจึงเห็นว่าสามีผู้ห้าวหาญกำลังกดเสี่ยวเฮยเอาไว้ข้างใต้ แม้เสี่ยวเฮยจะดุร้ายมาก แต่มันก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจี้ยนอวิ๋น
เจ้าสุนัขดำยังคงไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ในครั้งนี้และแยกเขี้ยวขู่
แต่เมื่อได้ยินคำพูดของซูตานหง มันก็ดูเหมือนจะเข้าใจจะส่งเสียงครางต่ำ ๆ ออกมา
จี้เจี้ยนอวิ๋นปล่อยมือออกจากเสี่ยวเฮย เจ้าสุนัขดำเองก็ไม่อยากต่อสู้อีก มันสะบัดหิมะบนตัวออกแล้วเดินไปหาซูตานหงก่อนเงยหน้าขึ้นมองเธออย่างประจบ
“สุนัขดี!” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดขณะปัดหิมะออกจากตัวของเขาและอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า
“แน่สิคะว่าต้องดี เพราะฉันเลี้ยงมันมากับมือ” ซูตานหงยิ้มและเอ่ยต่อ “รีบเข้าบ้านเถอะค่ะ ทำไมคุณถึงกลับมาเวลานี้ล่ะคะ”
จีเจี้ยนหยุนเงยหน้าขึ้นหลังจากปัดหิมะบนตัวของเขาออกหมดแล้ว เมื่อเห็นซูตานหงได้ถนัดตาเขาก็ตะลึงไป “คุณคือ…ตานหง?”
ซูตานหงมองผู้เป็นสามีอย่างขุ่นเคือง ขณะที่จะพูดอะไรออกไปนั้นก็มีเสียงของคุณลุงหยางกับคุณป้าหยางดังขึ้นพอดี “ตานหง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ทำไมเสี่ยวเฮยถึงเห่าเสียงดังมากเลยละ”
“คุณลุงหยาง คุณป้าหยาง ไม่มีอะไรหรอกค่ะ พอดีเจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้วเสี่ยวเฮยไม่รู้จักเขาน่ะค่ะ” ซูตานหงรีบตอบกลับพลางผลักจี้เจี้ยนอวิ๋นเข้าบ้าน
ตาทึ่มนี่ ทำไมกลับมาแล้วถึงไม่บอกกล่าวให้คนอื่นรู้สึกสบายใจบ้าง?
“คุณลุงหยาง คุณป้าหยาง นี่ผมเองครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบหลังมีสติกลับมา ตอนนั้นเขาเหลือบเห็นซูตานหงแล้ว เขาจึงเดินมาเปิดประตู แต่พอก้าวผ่านกำแพงเข้ามาถึงลานบ้านได้ เขาก็ต้องล้มลงเมื่อเสี่ยวเฮยกระโจนเข้าใส่ ซึ่งนั่นทำให้เขาตกใจไม่น้อย
“เป็นเจี้ยนอวิ๋นนี่เอง” พอคุณลุงหยางกับคุณป้าหยางเห็นว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้ว พวกเขาก็รู้สึกโล่งใจ
“มันดึกมากแล้ว คุณลุุงหยางกับคุณป้าหยางกลับเข้าบ้านไปพักผ่อนก่อนเถอะครับ ผมจะไปเยี่ยมใหม่ในวันพรุ่งนี้” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
ทั้งสองอุตส่าห์รีบรุดมาเร็วขนาดนี้ นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาเอาใจใส่ภรรยาของเขาอย่างเห็นได้ชัด จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้สึกขอบคุณ
คุณลุงหยางกับคุณป้าหยางตอบกลับ จากนั้นจึงค่อยกลับบ้านไป
หลังจากปิดประตูแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นถึงได้รู้ว่าซูตานหงเข้าไปในครัว
เมื่อเดินตามเข้ามา เขาก็เห็นว่าภรรยาของเขากำลังทำเกี๊ยวให้เขาอยู่ ทันทีที่เกี๊ยวชามใหญ่ส่งกลิ่นหอมฉุยออกมาจากครัว ซูตานหงก็ยื่นมันให้เขา “คุณได้กลับมารถเที่ยวสุดท้ายเหรอคะ ท่าทางคงจะหิวแย่ รีบกินเถอะค่ะ ในเกี๊ยวนี่มีทั้งหมูกับผักกาดเขียวด้วยนะคะ”
จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้าอย่างว่าง่ายก่อนที่จะนั่งลง
ซูตานหงไม่ทิ้งน้ำที่เหลืออยู่ในหม้อไปเปล่า ๆ เธอหยิบฟืนใส่เข้าไปในเตา และเอ่ยขึ้น “หลังคุณกินเสร็จแล้วก็แช่เท้าในน้ำอุ่นไล่ความหนาวสักหน่อยนะคะ”
เมื่อเธอหันกลับไปมองสามีของตนก็พบว่าเขายังคงนั่งนิ่งมองเกี๊ยวสลับกับใบหน้าของเธอด้วยอาการเหม่อลอย ซูตานหงจึงเอ่ยขึ้นมาในทันที “คุณมองอะไรน่ะคะ? ไม่ได้เห็นฉันนานจนจำไม่ได้เลยเหรอ?”
……………………………………………………