ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 72 สวนผลไม้ของเรา

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 72 สวนผลไม้ของเรา

จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่กล้าก้าวผ่านประตูแม้แต่ก้าวเดียว เนื่องจากต้าเฮยยืนขวางประตูไว้ หล่อนจึงไม่กล้าเข้ามา เมื่อมองต้าเฮยที่มีขนาดพอ ๆ กับลูกวัวแล้วหล่อนก็รู้สึกกลัวมาก กังวลว่ามันจะกระโจนเข้าใส่ในทันทีที่หล่อนหันหลังกลับหรือไม่

“น้องสามีกลับมาแล้ว เข้ามานั่งในบ้านก่อนไหมจ๊ะ ตอนนี้พี่สามไม่อยู่บ้านน่ะจ้ะ” ซูตานหงเอ่ยกับหล่อนขณะอุ้มเหรินเหรินน้อยไว้

ทันทีที่เห็นเธอเดินออกมา จี้อวิ๋นอวิ๋นก็ไม่รู้สึกหวาดกลัวต้าเฮยในทันที หล่อนถลึงมองมันก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงโมโห “เธอทำอะไรอยู่ ฉันมายืนตะโกนหน้าประตูนานมากแล้ว แต่เธอเพิ่งจะเดินมาเปิดประตูเนี่ยนะ? เธอจงใจปล่อยเจ้าหมานี่ให้มากัดฉันใช่ไหม?”

ซูตานหงอุ้มลูกชายพลางยิ้ม “น้องสามีจะคิดอย่างไรพี่ก็ไม่ว่าหรอกจ้ะ”

เธอเกรงว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นคงมาเพราะเรื่องอะไรแน่ ไม่งั้นหล่อนคงไม่มาที่นี่หรอก

จี้อวิ๋นอวิ๋นมองรูปโฉมดุจนางจิ้งจอกของเธอด้วยความคับแน่นในอก

ไม่เห็นหน้ากันเพียงไม่กี่เดือน ผู้หญิงคนนี้ก็ดูเจ้าเล่ห์แสนกลขึ้นหลายเท่า เดิมทีพี่ชายสามก็หลงเธอหัวปักหัวปำอยู่แล้ว มาตอนนี้เธอมีลูกให้พี่ชายสามอีก เธอก็ยิ่งได้ใจใหญ่

ดูสิ ขนาดหล่อนมา เธอยังไม่รีบบอกให้หล่อนไปนั่งข้างใน แต่ให้หมามาขวางประตูไว้ ทั้งที่นาน ๆ ทีหล่อนถึงจะมา!

แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรอก

จี้อวิ๋นอวิ๋นสูดลมหายใจลึกพลางเชิดหน้ามองเธอ “พี่สะใภ้สี่ของฉันซื้อบ้านแล้วล่ะเธอรู้ไหม แล้วรู้ไหมว่าราคาบ้านตอนนี้เป็นเท่าไหร่?”

ซูตานหงได้ยินก็เข้าใจในทันทีว่าหล่อนหมายความว่าอย่างไร

ฮ่า ๆ เป็นแบบนี้เองสินะ แน่นอนสิว่าฉันรู้ว่าราคาบ้านในเมืองเจียงสุ่ยเพิ่มสูงขึ้นแล้ว ฉันเองก็ซื้อห้องชุดขนาด 108 ตารางเมตรสามห้องนอนสองห้องนั่งเล่นเอาไว้เหมือนกัน บ้านพี่สะใภ้สี่ของเธอมีขนาดแค่ 80 ตารางเมตรเอง จะมาสู้อะไรกับฉันได้?

ประโยคข้างต้นนี้ซูตานหงทำเพียงคิดในใจเท่านั้น เธอไม่สนใจเด็กสาวมารยาททรามคนนี้หรอก แต่เมื่อเห็นท่าทางหยิ่งยะโสของหล่อนแล้ว เธอจึงพููดออกไป “งั้นเธอรู้หรือยังจ๊ะว่าตอนนี้สวนผลไม้ของพี่งอกงามดีแล้วนะ?”

“แต่สวนผลไม้บนภูเขาแห้ง ๆ นั่นจะแข็งตายกันหมดถ้าปีนี้มีหิมะ เกรงว่าปีหน้าเธอจะสูญเงินทั้งหมดน่ะสิไม่ว่า!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเอ่ยหยัน

“นังเด็กบ้า พูดอะไรน่ะ แกนี่วอนเสียแล้ว!” คุณแม่จี้มาได้ยินคำพูดของลูกสาวเข้าพอดี นางก็พลันบันดาลโทสะขึ้นมา เมื่อประชิดตัวได้ก็หยิกแขนหล่อน

“โอ๊ย เจ็บจะตายอยู่แล้ว แม่ทำอะไรน่ะ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นร้อง

“แกช่างกล้าพูดนะ พูดอะไรบ้า ๆ? วอนโดนทุบแล้วใช่ไหม? ฉันบอกไว้เลยนะว่าถ้าแกยังพูดอะไรสั่ว ๆ เกี่ยวกับสวนผลไม้อีก ฉันจะถลกหนังแกให้ดู!” คุณแม่จี้ถลึงมองหล่อน

ครอบครัวสามทุ่มเงินไปกับสวนผลไม้หมดแล้ว ถ้าสวนเป็นอะไรไปก็เท่ากับว่าจะเสียเงินทั้งหมดไป คุณแม่จี้ถึงกับสวดมนต์ภาวนาขอให้สวนผลไม้ยังงอกงามดี แต่ไม่คิดเลยว่าลูกสาวของนางเองจะปากเสียพูดพล่อย ๆ ออกมา ซึ่งทำให้นางโมโหมาก

หลังรับรู้ว่าแม่ของตนโกรธมาก จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่ก็ยังคงไม่ยอมรับ “หนูไม่ได้พูดแบบนั้นนะ นังคนนี้ต่างหากที่ยั่วยุหนู!”

“น้องสามีอย่าโทษพี่เลยจ้ะ พี่จะพาเธอไปดูเองว่าสวนผลไม้ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”ซูตานหงเอ่ยเสียงเบา

จี้อวิ๋นอวิ๋นถลึงมองเธอแวบหนึ่ง

ลูกสาวของนางนับวันชักน่ารำคาญ หล่อนไม่รู้จักปรองดองกับพี่สะใภ้สามบ้างหรืออย่างไรนะ ได้เจอหน้ากันก็แขวะอีกฝ่ายเสียแล้ว หล่อนต้องการจะทำอะไรกันแน่?

คนเป็นพ่อแม่ก็แก่แล้ว ดังนั้นคนที่จะดูแลหล่อนในอนาคตก็คงเป็นบรรดาพี่ชายกับสะใภ้แล้วไม่ใช่หรือ?

ถึงเจี้ยนเหวินจะเป็นคนดี แต่นิสัยของลี่ลี่นั้น พูดให้ดีก็คือหล่อนเป็นพวกทำดีหวังผล ซึ่งนั่นไม่ต้องคิดเลย อย่างไรหล่อนก็ดีไม่เท่าตานหงอยู่แล้ว ซึ่งแม้ว่าฝ่ายหลังจะพูดจาไม่เข้าหูคนอื่น แต่ต่อให้ฝีปากจะเป็นอย่างไรเธอก็ยังมีน้ำใจ!

จี้อวิ๋นอวิ๋นได้ยินก็โมโหมาก “หนูมาที่นี่เพื่อมาหาพี่สาม แล้วมายืนอยู่นานมาก แต่หล่อนก็ไม่คิดจะเรียกให้หนูเข้าไปนั่งข้างในเลย ทีอย่างนี้แม่ไม่ว่าหล่อนบ้างล่ะคะ?”

“ตอนนี้พี่สามของแกอยู่ที่สวน แกเสร่อมาที่นี่เอง อย่าหาว่าหล่อนไม่เชิญแกเข้าไปนั่งเลย ตัวแกยอมเข้าไปนั่งเองไหมล่ะถ้าหล่อนเชิญแกเข้าบ้านแล้ว?” คุณแม่จี้บอก

จี้อวิ๋นอวิ๋นเห็นว่าแม่ตัวเองให้ท้ายคนอื่นขุดหลุมฝังหล่อนก็รู้สึกมึนตื้อไป หล่อนจึงแค่นเสียงหึแล้วเดินจากไปยังสวนด้านหลังภูเขา

“ตานหง นังเด็กคนนี้มันก็เป็นแบบนี้แหละ เธออย่าถือสาหล่อนเลยนะ” คุณแม่จี้พูดกับซูตานหง

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตอนที่น้องสามีมาหา ฉันกำลังเปลี่ยนผ้าอ้อมให้เหรินเหรินอยู่ ฉันก็เลยบอกให้หล่อนรออยู่ครู่หนึ่ง แต่หล่อนคงคิดไปว่าฉันจงใจยั่วโทสะหล่อนแทน” ซูตานหงพูด ความจริงคือเธอจงใจปล่อยให้ต้าเฮยกันจี้อวิ๋นอวิ๋นไว้อย่างไม่ต้องสงสัย

แต่เธอไม่อาจพูดแบบนี้ไปตรง ๆ ได้ จึงเป็นเรื่องง่ายกว่าที่จะใช้ลูกชายมาเป็นข้ออ้างแทน

ปีนี้จี้อวิ๋นอวิ๋นอายุเท่าไรแล้ว? ต่อให้แม่สามีจะชินกับหล่อน แต่เธอไม่มีทางชินกับหล่อนแน่ ฤดูร้อนปีนี้หล่อนสอบเข้ามหาวิทยาลัยเช่นกัน ซึ่งผลการสอบยังไม่เป็นที่น่าพอใจนัก แต่ถึงอย่างไรหล่อนก็เรียนจบครบสามระดับแล้ว จึงไม่มีปัญหาหากในอนาคตจะเป็นครูประจำโรงเรียนประถมศึกษา

แต่ในยุคนี้ การได้เรียนจบมัธยมปลายก็ถือเป็นเรื่องหายากเหมือนกัน

ด้วยเหตุนี้เอง จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงไม่ได้กลับมาที่บ้านในช่วงวันหยุดฤดูร้อนตลอดฤดูร้อนในปีนี้ หล่อนบอกว่าได้งานพิเศษทำแล้ว และจะเรียนต่อที่นั่นอีก

หลังจากนั้นหล่อนก็จะไปเรียนวิชาชีพครูขั้นสูงขึ้นในเมืองมหาวิทยาลัย แล้วจะอยู่ประจำการที่นั่น

ซูตานหงไม่สนใจเรื่องเหล่านี้มากนัก มันไม่ใช่ธุระอะไรของเธอ แล้วหล่อนก็ไม่ใช่ลูกสาวของเธอด้วย

นิสัยของคุณหนูใหญ่ซูก็เป็นเช่นนี้ ใครที่ไม่เข้าตาเธอ เธอก็ไม่สนใจ ใครสุภาพด้วยเธอก็สุภาพตอบ ทำตัวไม่ดีใส่เหรอ? เธอก็ไม่ทักเหมือนกัน!

“นังคนนี้มันนิสัยอย่างนี้แหละ เธออย่าไปสนใจมันเลย” คุณแม่จี้กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

ซูตานหงอุ้มเหรินเหรินน้อยเข้าไปในห้อง ส่วนคุณแม่จี้ไปเก็บผักในโรงเรือนปลูกดอกไม้ที่สวนหลังบ้าน

หลังซ่อมแซมมาระยะหนึ่ง โรงเรือนดอกไม้ก็ดูสะอาดขึ้น มีชั้นวางกระถางตั้งอยู่บนแผ่นกระดานความยาวเกือบ 2 เมตร ด้านบนปลูกผักใบเขียว และยังมีกระถางเบญจมาศที่ได้จากบ้านของครอบครัวหูวางไว้ด้วย ซึ่งข้างในช่างอบอุ่นและดูเจริญตามาก

ถึงโรงเรือนปลูกดอกไม้นี้จะไม่ได้เป็นมาตรฐานพอแต่ก็ยังใช้ได้อยู่ ขอแค่ปลูกผักบางชนิดได้ในฤดูหนาวก็พอแล้ว ไม่ต้องการอะไรยิ่งใหญ่มากมายเลย

คุณแม่จี้เก็บคะน้าไปบางต้นแล้วก็กลับไป ขณะที่จี้อวิ๋นอวิ๋นไปถึงสวนผลไม้แล้ว

หล่อนรู้ว่าสวนผลไม้ของทางบ้านอยู่ที่ไหน ตอนที่พ่อกับแม่ทิ้งที่ดินตรงนั้นไว้ หล่อนยังเรียนชั้นมัธยมต้นในเมืองและยังไม่ขึ้นชั้นมัธยมปลาย ซึ่งตอนนั้นพ่อกับแม่ทุ่มเทไปกับมันมาก ทั้งลำบากและเหนื่อยเหลือแสน

ในตอนแรกหล่อนคิดว่าจะเห็นภูเขาหัวโล้นเสียอีก แต่กลับมองไม่เห็นเลย มันมีกำแพงสูงขนาดนี้มากั้นแล้วเหรอ?

จี้อวิ๋นอวิ๋นอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็จำสิ่งที่แม่ของหล่อนพูดไว้ได้ หลังเดินดูอยู่ครู่หนึ่งหล่อนก็หาประตูเจอและตะโกนเรียกในทันที

หลังจากที่หล่อนตะโกน สุนัขดุร้ายตัวใหญ่ตัวหนึ่งก็เห่าและวิ่งมาหา ทำให้จี้อวิ๋นอวิ๋นตกใจกับแววตาไม่เป็นมิตรนั้น มันดุพอ ๆ กับตัวที่อยู่ในบ้านของซูตานหงเลย!

ครั้นได้ยินเสียงสุนัขเห่า คุณพ่อจี้ก็เดินมาไม่นาน เมื่อเห็นลูกสาวของตนเขาก็เอ่ยขึ้น “แกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”

“หนูกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้วค่ะพ่อ พ่อไม่ได้กลับบ้านก็เลยไม่รู้!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด “พ่อมาเปิดประตูหน่อยค่ะ หนูอยากเข้าไปดูข้างในบ้าง!”

หล่อนรู้สึกตื่นเต้นเหลือเกิน ไม่คิดเลยว่าสวนบ้านหล่อนจะใหญ่โตกว้างขวางขนาดนี้!

เมื่อมองผ่านประตูเหล็กเข้าไปแล้วก็มีแต่ต้นไม้ผลเต็มไปหมด และทุกต้นล้วนเจริญเติบโตงอกงามดี ไม่มีต้นไหนแห้งเหี่ยวยืนต้นตายเลยสักนิด!

…………………………………………

Related

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท