ตอนที่ 75 เจ้านายที่ดี
“ถ้าคราวหน้าแม่ไม่อยากทำอาหารเอง แม่มากินที่นี่ก็ได้นะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม
คุณแม่จี้ยิ้มพลางพยักหน้า แต่นางไม่มีความคิดนี้แต่อย่างใด ลูกสาวของนางอยู่ที่บ้าน แถมหล่อนยังไม่ลงรอยกับสะใภ้สามอีกด้วย เป็นแบบนี้แล้วนางก็ไม่กล้าพาหล่อนมากินข้าวที่บ้านนี้หรอก
ตอนนี้เหรินเหรินน้อยยังต้องดื่มนมแม่อยู่ ดังนั้นอย่าทำให้ซูตานหงโมโหจะดีกว่า เกิดหล่อนโมโหจนน้ำนมไหลน้อยไม่พอให้เหรินเหรินน้อยดื่มขึ้นมานางจะทำอย่างไร?
ถ้าต้องให้เขาดื่มนมผงขึ้นมาจริง ๆ ล่ะก็ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
ดังนั้นนางจะไม่พาลูกสาวมาที่นี่เพื่อให้เป็นที่ขุ่นเคืองแก่คนอื่นเด็ดขาด
คุณแม่จี้ดื่มน้ำแกงถ้วยหนึ่งแล้วปล่อยให้สองสามีภรรยาได้กินข้าวต่อ จากนั้นนางก็กลับไป
เมื่อกลับมาถึง คุณแม่จี้ก็พบว่าอาหารในครัวถูกกินจนหมดแล้ว เหลือเพียงจานชามตะเกียบวางอยู่ตรงนั้น นางถึงกับส่ายหน้าและเก็บทุกอย่างไปล้าง
ด้านจี้เจี้ยนอวิ๋นก็เอ่ยถามซูตานหง “ตอนที่คุณเอาเนื้อไปให้ อวิ๋นอวิ๋นได้พูดอะไรไหมครับ?”
“ไม่ได้พูดอะไรหรอกค่ะ” ซูตานหงส่ายหน้า
“ภรรยาครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองเธออย่างจนใจ
ซูตานหงคิดในใจ ไม่ใช่ว่าฉันอยากจะฟ้องหรอกนะ แต่ในเมื่อคุณอยากรู้ ฉันก็จะบอกสิ่งที่ฉันได้ยินทั้งหมดจากจี้อวิ๋นอวิ๋นให้คุณฟังแล้วกัน
จี้เจี้ยนอวิ๋นมีสีหน้ามืดครึ้มไปหลังฟังจบ “ผมคิดว่าหล่อนกลับมาคราวนี้จะมีเหตุมีผลขึ้นเสียอีก ไม่คิดเลยว่าหล่อนจะมีนิสัยเหมือนเดิม!”
ซูตานหงมองเขาแล้วเอ่ยขึ้น “ฉันไม่ได้อยากให้คุณไประบายโทสะแทนฉันหรอกนะคะ อีกอย่างคุณกับหล่อนก็เป็นพี่ชายน้องสาวกัน ดังนั้นอย่ามีเรื่องกันเพราะฉันเลยค่ะ”
จี้เจี้ยนอวิ๋นมองภรรยาอย่างไม่พอใจ “ภรรยาครับ คุณอย่าพูดแบบนี้ได้ไหม ผมกับหล่อนเป็นพี่ชายน้องสาวกันก็จริง แต่ผมกับคุณเป็นสามีภรรยากันนะครับ!”
ระหว่างสามีภรรยาสำคัญกว่าหรือพี่น้องสำคัญกว่า ใครบ้างจะไม่ชั่งน้ำหนักพิจารณา?
ซูตานหงได้ฟังก็รู้สึกพอใจ แต่ไม่ได้เก็บมาคิดจริงจังนัก “ฉันรู้ค่ะว่าเราเป็นสามีภรรยากัน ดังนั้นการที่ฉันบอกคุณในเรื่องนี้ก็เป็นแค่การมาบ่นให้ฟังเท่านั้น ไม่ได้หมายความเป็นอย่างอื่นเลย”
จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกจนใจ แต่ก็พูดขึ้นมาบ้าง “ผมรู้แล้วครับ ผมจะไม่พูดเรื่องของหล่อนแล้ว คราวหน้าถ้าหล่อนยังหยาบคายใส่คุณอีก ผมจะสั่งสอนบทเรียนให้กับหล่อนบ้าง”
“นั่นเป็นเรื่องของคุณค่ะ คุณไม่ต้องมาบอกฉันหรอก ไม่อย่างนั้นคุณคงว่าอะไรไม่ได้หากฉันจะไม่หยุดบ้าง” ซูตานหงตอบขณะกินอาหาร
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม
เขารู้ว่าภรรยาคนนี้มักบอกอยู่เสมอว่าเธอไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว แต่ก็ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่ไปกว่าที่เป็นอยู่เลย
เธอเป็นคนโอบอ้อมอารีอย่างมากต่อผู้ที่ทำงานให้เธอ เงินเดือนในแต่ละเดือนล้วนออกตรงกำหนดทุกครั้ง แถมเธอยังเตรียมเนื้อให้ราวชั่งสองชั่งเนื่องในวันหยุดด้วย
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสวี่อ้ายตั๋งกับจี้หงจวินถึงทำงานให้เธอ มันคือความรู้สึกเคารพเธออย่างสุดจิตสุดใจนี่เอง
“ตอนนี้ถึงเวลาต้องซื้อของกลับมาเตรียมงานปีใหม่แล้วล่ะค่ะ คุณอย่าไปซื้อมากระชั้นชิดเกินไปนะคะ เพราะถึงตอนนั้นข้าวของจะแพงขึ้น” ซูตานหงบอก
“ครับ งั้นพรุ่งนี้ผมจะไปซื้อนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นบอก
ช่วงนี้อากาศเย็นลงแล้ว เมื่อวานซืนนี้ก็หนาวเยือกจนเป็นน้ำแข็ง แถมที่บ้านยังมีตู้เย็นอยู่ด้วย หากซื้อของกลับมาแล้วจัดการดีก็จะไม่เน่าเสีย
ไม่กี่วันถัดมา จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เริ่มทยอยซื้อของสำหรับงานปีใหม่
อย่างเช่นป้ายมงคลติดหน้าประตู ขนมของขบเคี้ยว ซึ่งของพวกนี้สามารถซื้อกลับมาล่วงหน้าได้
ส่วนพวกเนื้อสัตว์ควรซื้อมาให้ครอบครัวตัวเองก่อน
เพราะอีกไม่นานในหมู่บ้านจะมีการเชือดหมู ถึงตอนนั้นค่อยซื้อเนื้อและส่วนอื่น ๆ เพิ่ม
อากาศช่วงนี้เย็นลงอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงกลางเดือนสิบสองทางจันทรคติ หิมะก็เริ่มตก
ทุกอย่างในสวนผลไม้ถูกจัดการเข้าที่เรียบร้อยแล้ว อาหารของไก่และแกะก็มีการเตรียมพร้อมไว้ทั้งหมด ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่ต้องเป็นกังวลมากนัก
และในวันนี้เอง ทางหมู่บ้านก็เริ่มลงมือเชือดหมูกันแล้ว
ปีที่แล้วซูตานหงได้ขอเนื้อหมูเอาไว้ครึ่งตัว
มาปีนี้เธอต้องดูแลเหรินเหรินน้อยอยู่ที่บ้านจึงไม่ได้ออกมา จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงออกมาแทนและขอเนื้อหมูไปครึ่งตัว
เนื้อจำนวน 6 ชั่งถูกตัดแบ่งออกมาด้วยเช่นกัน และเขาก็มอบเนื้อสามชั้นให้กับสวี่อ้ายตั๋งและจี้หงจวินคนละ 3 ชั่งต่อหน้าชาวบ้านคนอื่น ๆ
ทั้งคู่ล้วนมีความสุขที่ไม่ต้องไปทำงาน เดิมทีพวกเขาวางแผนไว้ว่าจะออกไปซื้อเนื้อเหมือนกัน และจะซื้อมา 2 ชั่งเพื่อประทังความหิวโหยในช่วงปีใหม่ แต่ไม่คิดเลยว่าเจ้านายของพวกเขาจะให้เนื้อถึง 3 ชั่งกับครอบครัวของพวกเขาโดยตรง
ทั้งคู่ซื้อเนื้อส่วนของตัวเองด้วยคนละ 2 ชั่ง รวมกับเนื้อ 3 ชั่งนี้เข้าไปด้วย ก็เท่ากับว่าพวกเขาได้เนื้อกันไปคนละ 5 ชั่ง
มีเนื้อ 5 ชั่งนี้ พวกเขาทั้งคู่ก็ได้มีช่วงเวลาแห่งความสุขในปีนี้แล้ว!
จี้หงจวินกับสวี่อ้ายตั๋งแบกเนื้อทั้งหมดกลับไปท่ามกลางสายตาร้อนผ่าวของชาวบ้านทุกคน
ทั้งหวังหงฮวาภรรยาของจี้หงจวินและหลี่อวี้ซุ่ยภรรยาของสวี่อ้ายตั๋งต่างมีชีวิตที่ดี
เมื่อเห็นสามีแบกเนื้อกลับมาเป็นจำนวนมาก หวังหงฮวาก็ถึงกับอึ้งไปและอุทานออกมาในทันที “ไม่ใช่ว่าคุณจะซื้อมาประทังความอยากแค่ 2 ชั่งหรอกเหรอคะ ทำไมซื้อมาเยอะขนาดนี้? แล้วมันจะราคาเท่าไหร่กัน? ครอบครัวเราเพิ่งจะกินดีอยู่ดีเพราะความกรุณาของนายท่าน คุณก็เอาเงินมาถลุงเสียแล้วเหรอ?”
“ภรรยา ผมจะกล้าทำอย่างนั้นได้ยังไง” จี้หงจวินยิ้มให้หวังหงฮวา “เนื้อนี่ผมไม่ได้ซื้อมา ตอนนั้นผมกับสวี่อ้ายตั๋งเจอนายท่านซื้อเนื้ออยู่พอดี เขาขอไปครึ่งตัว จากนั้นเขาก็แบ่งเนื้อให้ผมกับสวี่อ้ายตั๋งคนละ 3 ชั่ง บอกว่าให้เป็นของขวัญปีใหม่กับพวกเรา และบอกว่าพรุ่งนี้ให้มาตกลงรับเงินเดือนด้วยครับ”
เมื่อหวังหงฮวาได้ยินดังนี้ หล่อนก็มีความสุขขึ้นมาในทันที “อย่างนั้นเหรอคะ?”
ขณะที่หล่อนพูดก็หยิบเนื้อไปดูด้วย เป็นเนื้อติดมันทั้งนั้น ยอดเยี่ยมไปเลย!
“งั้นพรุ่งนี้คุณก็ไปรับเถอะค่ะ อนาคตคุณต้องขยันทำงานนะคะ ครอบครัวเราจะได้พึ่งพาคุณได้” หวังหงฮวาพูด
อย่าได้หวังว่าจะหาเจ้านายที่ดีแบบนี้จากข้างนอกได้เลย ต้องบอกว่าสามีของหล่อนเต็มใจทำงานเสมอ ไม่อย่างนั้นเขาจะได้ทำงานนี้หรือ?
ทุกช่วงวันหยุด เจ้านายของพวกเขาจะส่งเนื้อบางส่วนมาให้เสมอ และยังจ่ายค่าจ้างตรงเวลาอีกด้วย เจ้านายแบบนี้ต่อให้จุดตะเกียงก็ไม่ได้หาเจอง่าย ๆ หรอก!
ดังนั้นจะเสียตำแหน่งงานนี้ไปไม่ได้
จี้หงจวินพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น “ภรรยา ไม่ต้องห่วงนะ ถึงคนหลายคนจะจ้องมองงานนี้อยู่ ผมก็จะไม่ขี้เกียจเด็ดขาด”
เขาไม่ได้พูดเท็จแต่อย่างใด ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าจี้เจี้ยนกั๋วกับจี้เจี้ยนเยี่ยผู้เป็นพี่ชายของเจ้านายต่างกำลังเล็งงานนี้อยู่
แต่นายหญิงไม่เห็นด้วยและไม่อยากให้ญาติของพวกเขามาทำงานนี้ หล่อนจึงมอบงานนี้ให้พวกเขาแทน แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังมีอีกหลายคนในหมู่บ้านกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ และวันนี้พวกเขาทั้งหลายก็เห็นเจ้านายแบ่งเนื้อให้พวกเขาสองคนด้วย ซึ่งไม่ต้องพูดถึงสายตาอิจฉาริษยาเหล่านั้นเลย
ส่วนสถานการณ์ทางสวี่อ้ายตั๋งเองก็เป็นแบบเดียวกัน
โดยเฉพาะตอนที่พวกเขามารับเงินเดือนในวันถัดไป ซึ่งนอกจากจะได้เงินเดือนไปแล้ว พวกเขายังได้น้ำตาลทรายแดงไปคนละ 2 ชั่งด้วย!
เงินเดือนของทุกเดือนจะจ่ายในวันที่ยี่สิบ แต่ด้วยเดือนนี้ใกล้จะถึงเทศกาลปีใหม่พอดี วันที่รับเงินเดือนจึงเลื่อนเข้ามาเร็วกว่าปกติ และจะจ่ายในวันที่ยี่สิบเหมือนเดิมในเดือนหน้า
อย่างไรก็ตาม น้ำตาลทรายแดง 2 ชั่งนี้นับว่าเป็นของหายาก ไม่ด้อยไปกว่าเนื้อหมูสามชั้นเลย
ทั้งสวี่อ้ายตั๋งกับจี้หงจวินต่างมีความสุขมาก
หลังจากที่ทั้งสองกลับไปแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นก็หันมายิ้มให้ภรรยาและยกนิ้วหัวแม่มือให้
“พวกเขาทำงานด้วยความพิถีพิถันและขยันขันแข็ง สมควรได้รับอะไรแบบนี้แล้วล่ะค่ะ” ซูตานหงเอ่ยด้วยท่าทางไม่จริงจังนัก
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มขณะพูดขึ้น “ผมทราบแล้วครับ อย่างไรคำพูดของคุณก็ถือเป็นสิทธิ์เด็ดขาดอยู่แล้ว”
“พรุ่งนี้คุณซื้อเนื้อแกะกับเนื้อวัวมาด้วยนะคะ” ซูตานหงพูด
“ความจริงเนื้อหมูครึ่งตัวนี่ก็พอกินสำหรับเราแล้วนะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยด้วยมุมปากกระตุกยิก
“แค่อยากเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นบ้างน่ะค่ะ เกรงว่ากินแต่หมูแล้วคุณจะเบื่อเสียก่อน” ซูตานหงพูด
จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นว่าภรรยาของเขาเอาใจใส่เขาในทุกเรื่อง
ส่วนซูตานหงก็คิดในใจว่าฉันเองก็เบื่อที่จะกินหมูซ้ำ ๆ เหมือนกันนั่นแหละ
…………………………………………
Related