ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 110 ซื้อรถยนต์แล้ว!

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 110 ซื้อรถยนต์แล้ว!

พวกเขาอยากจะกลับมาซื้อผลไม้อีก แต่ก็พบว่าไม่มีสิ่งที่ต้องการซื้อแล้ว!

โดยเฉพาะเหล่าคุณลุงคุณป้าที่ผ่านความลำบากกายมายาวนานหลายปี ซึ่งเดิมทีเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะมาตลอด แต่หลังจากได้กินผลไม้ของครอบครัวเขาเข้าไป พวกเขากลับรู้สึกว่าสภาพร่างกายของตัวเองดีขึ้นมาก

แต่ก็เป็นดังคำกล่าว พอจะกลับมาซื้ออีก ก็ไม่มีของนั้นมาขายแล้ว

ยิ่งพวกเขาไม่สามารถหาซื้อของที่ต้องการได้ พวกเขาก็ยิ่งร้อนใจ และยิ่งมีความประทับใจต่อจี้เจี้ยนอวิ๋นและเหล่าฉินมากขึ้น

ตอนนี้พวกเขาจึงแวะเวียนมาหาอีกครั้ง แต่ละคนต่างพากันมาถามว่าคราวนี้เขาขายอะไรบ้าง?

จี้เจี้ยนอวิ๋นประกาศด้วยเสียงอันดัง ว่ามีแกะ ไก่เป็น ๆ ไข่ และน้ำผึ้ง ทุกอย่างล้วนเป็นของจากภูเขา ด้วยกฎพื้นฐานแล้วขอให้ทุกคนต่อแถวเรียงหนึ่งก่อน ไม่อย่างนั้นเกิดมีการขโมยของขึ้นมาจะทำอย่างไร?

ในตอนแรก การซื้อขายยังไม่เป็นระเบียบจนไม่อาจรู้ได้เลยว่ามีใครแอบขโมยสินค้าไปบ้างหรือไม่ แล้วมันก็มีสินค้าหลายอย่างด้วยไม่ใช่หรือ?

แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็มีประสบการณ์มากขึ้น จึงตั้งกฎนี้ขึ้นมาว่า หากอยากจะซื้อสินค้าอะไรก็ให้ต่อแถวเสียก่อน

คนที่มาซื้อสินค้าต่างเป็นลูกค้าประจำที่คุ้นหน้ากันดี และลูกค้าประจำนี้ก็ต่อแถวเรียงหนึ่งในทันที พลางเอ่ยถามทั้งสองที่กำลังขนสินค้าลงจากรถไปด้วย “ทำไมตอนนี้ไม่มีผลไม้มาขายแล้วล่ะ? ฉันยังอยากจะซื้อผลไม้ของพวกคุณอยู่นะ”

“ตอนนี้เหลือแต่ลูกพลับแล้วครับ ผมคิดว่าจะทำเป็นลูกพลับแห้งแล้วเอามาขายในทันทีที่แห้งสนิทน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

“หลังกินผลไม้บ้านเธอไปแล้ว ฉันรู้สึกว่าร่างกายของฉันแข็งแรงขึ้นเยอะเลยนะ” ชายชราคนหนึ่งยิ้ม

“กลายเป็นว่าไม่ได้มีฉันที่รู้สึกไปเองคนเดียวเสียแล้ว” ใครบางคนเอ่ยอย่างประหลาดใจ

“ดูเหมือนทุกคนจะรู้สึกแบบเดียวกันหมดเลยนะ พ่อหนุ่ม เธอปลูกผลไม้ของเธอที่ไหนเหรอ? ถึงได้มีสรรพคุณแบบนี้”

“…”

ทุกคนต่างพากันพูดเซ็งแซ่ ทำให้บรรยากาศดูคึกคักขึ้นมา

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่เชื่อในสิ่งที่เห็นเลย ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่โต้แย้งอะไรและตอบด้วยรอยยิ้ม “ผมมีน้ำผึ้งมาขายเป็นร้อยโหลเลยนะครับ ทั้งหมดล้วนเป็นน้ำผึ้งจากดอกไม้ในสวนผลไม้บนภูเขาของผมเอง ถ้าผลไม้ของผมดีอย่างที่พวกคุณว่า ดังนั้นน้ำผึ้งนี่ก็คงจะดีไม่ต่างกัน ถ้าชอบก็มาซื้อไปอีก 2 โหลได้นะครับ แต่อย่าซื้อเยอะ จำกัดให้ซื้อได้มากที่สุดแค่ 3 โหลต่อคนเท่านั้น”

“โหลหนึ่งราคาเท่าไหร่?” คุณลุงที่มีพื้นฐานครอบครัวดีคนหนึ่งถาม

“โหลหนึ่งหนัก 2 ชั่ง ไม่แพงเท่าไหร่ครับ แค่ 5 เหมาเท่านั้น” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ

“ราคาไม่ใช่ถูก ๆ เลยนะเนี่ย” ใครบางคนเอ่ยขึ้น เทียบกับค่าเงินในตอนนี้แล้ว นับว่าไม่ถูกจริง ๆ

“ถึงราคาจะไม่ถูก แต่น้ำผึ้งนี่มีคุณภาพดีมากเลยนะครับ พวกคุณเคยกินผลไม้แล้วว่าหวานใช่ไหม? ถ้าอย่างนั้นน้ำผึ้งจะมีรสชาติแย่ได้อย่างไรล่ะ? ผมเอาครอบครัวตัวเองเป็นประกันเลยครับว่าคุณภาพดีเยี่ยมแน่นอน ถ้ากินไปแล้วรู้สึกว่ารสชาติไม่ดีจริงก็มาหาผมในครั้งหน้านะครับ ผมจะคืนเงินให้พวกคุณเลย!” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

ทุกคนต่างหัวเราะ สองคนนี้สมแล้วที่เป็นชายชาติทหาร ช่างมีบุคลิกต่างจากคนทั่วไปจริง ๆ

ไม่นานนักจี้เจี้ยนอวิ๋นกับเหล่าฉินก็จัดเรียงสินค้าเสร็จและเริ่มทำการขายในทันที

เหล่าฉินมีหน้าที่สับเนื้อ ในขณะที่จี้เจี้ยนอวิ๋นมีหน้าที่รับเงินและทอนเงิน แม้ชายร่างใหญ่ทั้งสองจะยุ่งมาก พวกเขาก็ทำงานประสานกันอย่างเป็นระบบ

ส่วนลูกค้าทุกคนก็ตั้งแถวรอด้านนอก ใครอยากซื้ออะไรก็เข้าแถวเรียงหนึ่ง

สินค้าถูกขายออกไปเร็วมาก จนแกะ 3 ตัวมีไม่พอขาย มันจึงขายหมดก่อนที่คนด้านหลังจะมีโอกาสได้ซื้อ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงบอกว่าครั้งหน้าจะนำแกะมาขายมากกว่านี้ ในครั้งนี้ถ้าซื้อแกะไม่ได้ก็ซื้อไก่กลับไปตุ๋นแทน และด้วยความที่เขาไม่ได้ตัดขาและถอนขนไก่ออก มันจึงมีราคาถูกลงเล็กน้อย

เมื่อเห็นว่าเขามีความจริงใจต่อการทำธุรกิจ ทุกคนจึงรู้สึกประทับใจเป็นอย่างมาก

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมบรรดาคุณลุงคุณป้าที่มีเงินในกระเป๋าอย่างจำกัดถึงเต็มใจจะซื้อของจากร้านนี้ ไก่ของที่นี่ล้วนมีชีวิตชีวาและราคาก็ไม่แพงเกินไป คุ้มค่าต่อการซื้ออย่างยิ่ง!

ในเมืองมหาวิทยาลัยแห่งนี้มีโอกาสทางการทำงานเป็นจำนวนมาก พวกเขาส่วนใหญ่ล้วนเป็นคนวัยทำงานจึงมีเงินเก็บอยู่มาก โดยเฉพาะคนในรุ่นเก่า ๆ ที่ได้รับเงินบำนาญในทุกเดือน ซึ่งนี่ถือเป็นเรื่องดีที่พวกเขามีกำลังทรัพย์พอที่จะจับจ่ายใช้สอยได้

พรุ่งนี้เป็นวันเทศกาลไหว้พระจันทร์เช่นกัน การมาซื้อของในวันนี้เพื่อเตรียมไว้สำหรับวันพรุ่งนี้นับว่าคิดถูกแล้ว

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นไข่ แกะ หรือไก่เป็น ๆ ก็ถูกขายออกไปอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องพูดถึงน้ำผึ้งเลยว่าจะขายดีขนาดไหน โดยเฉพาะบรรดาคุณลุงคุณป้าที่คาดเดาถึงสรรพคุณหรือบอกตามตรงว่าตนเองมีญาติพี่น้องในครอบครัวเยอะมาก ซื้อคราวละ 2 โหลมันน้อยเกินไป จนจี้เจี้ยนอวิ๋นต้องอนุโลมให้ซื้อได้เต็มที่ 5 โหลต่อคน

และแล้วน้ำผึ้ง 100 โหลก็ถูกขายหมดเกลี้ยง

พวกเขาออกจากบ้านกันตั้งแต่ตีสี่ครึ่ง และมาถึงที่นี่ในตอนเจ็ดโมงครึ่ง พอถึงแปดโมงครึ่ง ทั้งเขากับเหล่าฉินก็เกือบจะปิดการขายแล้ว ซึ่งเศษเนื้อแกะส่วนที่เหลือนั้นเหล่าฉินเป็นคนเก็บไว้ และขอกับจี้เจี้ยนอวิ๋นว่าตนจะนำกลับไป เพราะเด็ก ๆ ที่บ้านอยากกินมาก

แล้วเหล่าฉินก็ขอให้เขาคิดราคาเนื้อแกะมา

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงบอกว่าแค่เนื้อ 2 ชั่งเท่านั้นไม่ต้องคิดเงินหรอก ให้เขานำกลับไปกินเถอะ

เหล่าฉินจึงไม่เอ่ยอะไร

จี้เจี้ยนอวิ๋นพาเหล่าฉินมากินข้าว แม้เขาจะกินจากที่บ้านมาจนอิ่มแล้ว เขาก็ยังหิวเล็กน้อย หลังกินเกี๊ยวกันเสร็จเรียบร้อย จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เอ่ยขึ้น “เหล่าฉิน ไปซื้อรถด้วยกันกับผมเถอะ!”

“เจี้ยนอวิ๋น นี่นายจะซื้อรถแล้วเหรอ?” เหล่าฉินมีท่าทางยินดีขึ้นมาและถามขึ้น

“ภรรยาผมมีเงินเก็บอยู่บ้าง แล้วผมก็นำเงินส่วนนั้นมาทั้งหมด ผมคิดว่าบ้านผมควรจะมีรถสักคันแล้วล่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้ม

ภรรยาเพิ่งบอกกับเขาเมื่อคืนนี้ ดังนั้นเขาจึงมาที่เมืองมหาวิทยาลัยและมาซื้อรถไปเลยทีเดียว แม้วันนี้จะได้เงินมาไม่มากนัก แต่เขาก็ยังมีเงินติดตัวอยู่ 200 หยวนเป็นอย่างน้อย บวกกับเงินที่ภรรยาให้มาอีก 500 หยวน และเงินที่ได้จากการขายผลไม้ในครั้งก่อนที่มีจำนวนพอ ๆ กัน

“ไอ้หนุ่มคนดี ฉันคิดว่านายจะรอนานกว่านี้เสียอีก ไม่คิดเลยว่านายจะตัดสินใจเร็วขนาดนี้!” เหล่าฉินไม่ได้คิดมาก เขาเอ่ยกับผู้ที่ถือเป็นน้องชายด้วยความยินดี

ปกติถ้ามีเงินแล้วก็ซื้อรถได้ไม่ใช่เหรอ?

จี้เจี้ยนอวิ๋นไปซื้อรถกับเขา ซึ่งเหล่าฉินก็ใช้ประสบการณ์ในด้านนี้เลือกรถคันที่มีราคา 3,500 หยวนให้ ซึ่งไม่ต้องพูดถึงความคุ้มค่าเลย สมรรถนะของมันก็อยู่ในระดับยอดเยี่ยมด้วย

จี้เจี้ยนอวิ๋นลองขับอยู่ครู่หนึ่งและรู้สึกว่ามันขับสบายมาก ต่อให้มันแพงไปสักนิดแต่เขาก็ชอบรถคันนี้จริง ๆ หลังจากนั้นเขาจึงจ่ายเงินซื้อมันไป

ตอนขากลับทั้งคู่จึงได้ขับรถกลับบ้านกันคนละคัน จี้เจี้ยนอวิ๋นขับกลับไปที่บ้านของเขา ส่วนเหล่าฉินขับรถกลับไปที่บ้านของตน

เขาหยิบเนื้อส่งให้ภรรยา ซึ่งหล่อนก็ยิ้มและเอ่ยขึ้น “สหายในกองทัพของคุณช่างน่าสนใจจริง ๆ ครั้งนี้เขาให้คุณมาเท่าไหร่เหรอ?”

“ให้มา 10 หยวนน่ะ” เหล่าฉินตอบ

“ 10 หยวนเอง?” ภรรยาของเขารับเงินแล้วเอ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจนัก

“ 10 หยวนยังว่าน้อยอีกเหรอ?” เหล่าฉินเอ่ยกับหล่อน

สองครั้งก่อนหน้านี้เจี้ยนอวิ๋นให้เงินเขามา 30 หยวน แต่ตอนนั้นก็ใช้เวลาหลายวันอยู่ไม่ใช่เหรอ? ตอนนี้ได้มา 10 หยวนในวันเดียวเท่านั้น ต่อให้งานจะยุ่งมากแต่ก็ถือว่าเป็นค่าจ้างที่สูงเสียดฟ้ามากแล้ว เจี้ยนอวิ๋นต่างหากที่ต้องขอบคุณเขาในเรื่องที่ช่วยเลือกรถให้

“นี่เป็นเนื้อแกะที่เจี้ยนอวิ๋นให้ผมนำกลับมา คุณนำไปตุ๋นเถอะ มันเป็นเนื้อแกะล้วน ๆ ของดีทั้งนั้นเลยนะ!” เหล่าฉินบอก

ภรรยาของเหล่าฉินเบ้ปาก แต่เมื่อเห็นเนื้อ หล่อนก็หัวเราะขึ้นมา “ไม่เลวเลย ถ้าครั้งหน้าเขาขอให้คุณช่วยอีก คุณก็ไปช่วยเขาอีกแล้วกัน”

“คุณไม่ต้องบอกผมให้ไปช่วยเขาอีกหรอก วันนี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อรถของตัวเองแล้ว” เหล่าฉินพูด

“อะไรนะ?” ภรรยาเหล่าฉินอุทานเบิกตากว้าง “เขาซื้อรถเองเหรอ? เขาหาเงินได้เยอะขนาดนั้นภายในเวลาไม่นานเนี่ยนะ? ตอนนี้เขามีรายได้เท่าไหร่แล้ว?”

“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน นี่มันกิจการของเจี้ยนอวิ๋นเขา ทำไมคุณถามเซ้าซี้จริง รีบไปตุ๋นเนื้อแกะได้แล้ว ทำไมคุณยังไม่ไปอีก?” เหล่าฉินไล่

……………………………………

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท