ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 136 หย่าร้าง

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 136 หย่าร้าง

ไม่ใช่เพียงแต่ซูตานหงจะไม่ถูกชะตากับจางเสวี่ยหลี ภรรยาของเหล่าฉิน แต่อีกฝ่ายก็ไม่ชอบหน้าซูตานหงเช่นกัน

ครั้งล่าสุดที่ไปหาอย่างมีไมตรีก็คิดว่าซูตานหงจะจริงใจกันบ้าง แต่ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะไม่พอใจขนาดนั้น และยืนกรานหนักแน่นว่าจะไม่ลดราคาให้

ครอบครัวหล่อนเป็นลูกค้ารายใหญ่ ทุกครั้งที่ไปรับของก็ใช่จะซื้อน้อย ๆ ขอลดราคาสักหน่อยจะเป็นอะไรไป?

หากไม่ได้สามีหล่อนคอยดูแลสวนผลไม้ให้ มันจะงอกงามได้ขนาดนี้เหรอ? ผลไม้คงโตขึ้นมาเองไม่ได้ และกิจการก็คงไม่เจริญรุ่งเรืองถึงเพียงนี้

ว่ากันว่าคนเราดื่มน้ำอย่าลืมคนขุดบ่อ* แต่นี่เจ้าหล่อนกลับฆ่าลายามเสร็จงานโม่แป้ง** เสียอย่างนั้น

*คนเราต้องรู้จักกตัญญูรู้คุณคน

**พอเสร็จสิ้นงานก็ทำร้ายบุคคลสำคัญที่เคยช่วยเหลือ

เหล่าฉินมุ่นคิ้วเมื่อได้ยินภรรยาเอ่ย “พูดอะไรของคุณน่ะ?”

“เรื่องอะไรน่ะเหรอ? ภรรยาเจี้ยนอวิ๋นไม่ทำงานแถมยังใจแคบ หล่อนไม่ยอมลดราคาให้ฉันเลยด้วยซ้ำ!” จางเสวี่ยหลีระบายโทสะออกมา

ได้ยินดังนั้น เหล่าฉินก็พลันรู้สึกขายหน้าก่อนเอ่ยต่อว่า “ให้มันน้อย ๆ หน่อยนะคุณ!”

ครั้งที่แล้วที่เขาพาหล่อนไปด้วยก็เพราะต้องการให้รู้จักกันไว้ ด้วยสนิทสนมกับเจี้ยนอวิ๋นมานานก็หวังให้ทั้งคู่ดีต่อกันไว้ ถึงอย่างไรเจี้ยนอวิ๋นก็เป็นคนดี น่าคบหา และยังคอยช่วยเหลือเขาอีกด้วย

เขาถึงได้พาภรรยาไปแนะนำให้รู้จัก

แต่ใครจะไปรู้ว่าภรรยาของเขากลับแอบขอลดราคาของกับเจี้ยนอวิ๋น

เหล่าฉินรู้สึกเสียหน้าไม่น้อย เขารู้ว่าก่อนที่ตัวเองจะเปิดร้าน ซูจิ้นตั๋งเองก็แยกตัวออกมาเปิดร้านในเมืองหลังจากที่เคยไปช่วยขาย และยังได้ซื้อสินค้าในราคาส่งเช่นกัน

แม้แต่กับพี่เขย เจี้ยนอวิ๋นก็ยังขายในราคาเดียวกับเพื่อนอย่างเขา เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่คิดลำเอียง ชนิดที่คงเชื่อไม่ลงหากบอกว่าเจี้ยนอวิ๋นยอมลดราคาให้

อีกทั้งภรรยาขี้ระแวงของเขายังไปถามราคากับเจ้าอื่น และพบว่าสูงกว่าที่เจี้ยนอวิ๋นขายให้ ทั้งที่คุณภาพก็เทียบกับเนื้อไก่และไข่ของอีกฝ่ายไม่ได้แม้แต่น้อย

ไม่ว่าใครที่มาซื้อของที่ร้านเขาต่างก็กลับมาซื้อซ้ำ พร้อมคำชื่นชมถึงคุณภาพของไข่แฝด ทำให้กิจการดำเนินไปอย่างราบรื่น อีกทั้งกำไรที่ได้ก็นับว่าไม่น้อย

ที่สำคัญอีกฝ่ายยังเสนอให้ยืมเงิน หากไปขอซื้อร้านกับเจ้าของร้านผู้ทั้งเจ้าเล่ห์หน้าเลือดแล้วมีเงินไม่พออีกด้วย!

จี้เจี้ยนอวิ๋นช่วยเหลือถึงเพียงนี้จะมีสิ่งใดให้ไม่พอใจอีกล่ะ? เขาเองก็ฝึกอบรมในกองทัพมานาน ย่อมเป็นหมาป่าตาขาว* ไปไม่ได้

*คนเนรคุณ

“ทำไมคุณถึงเอาแต่เข้าข้างหล่อนล่ะ? ไม่คิดเห็นใจกันบ้าง ยังจะโทษฉันอีกเหรอ?” จางเสวี่ยหลีเผยท่าทีไม่พอใจ

“พวกเขาไม่เห็นใจตรงไหนกัน? ที่ได้ราคาเท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว ถ้าไปขอซื้อกับคนอื่นจะได้ราคาขนาดนี้เหรอ? แค่นี้ยังไม่ดีอีกเหรอไง?” เหล่าฉินด่ากราด

เขาถูกชะตากับภรรยาของเจี้ยนอวิ๋นมาก และรู้สึกว่าเธอเป็นผู้หญิงที่คู่ควรกับเจี้ยนอวิ๋น

เธอให้ช่วยดูแลสวนผลไม้ตั้งแต่แรกพบกัน ตอนนั้นเขายังไม่คิดจะทำมาหากินโดยพึ่งพาเพื่อนด้วยซ้ำ แต่เป็นอีกฝ่ายที่เสนอให้เขาไปช่วยงาน ไม่อย่างนั้นเขาจะมีเงินทองขนาดนี้เหรอ?

เมื่อผลผลิตงอกงาม เจี้ยนอวิ๋นกับภรรยาก็ให้ค่าจ้างเขาเพิ่มทันที แม้จะไม่มากแต่อีกฝ่ายก็ไม่ให้เขาต้องทำงานเสียเปล่า คนที่บ้านต่างยินดีกันถ้วนหน้าเมื่อเอาเงินก้อนนี้กลับไป อันที่จริงหลังจากมาย้อนคิดเขาก็รู้สึกว่าตนไม่ได้ช่วยอะไรเจี้ยนอวิ๋นมากนัก เพราะทางนั้นคงมีผลผลิตมากมาตั้งแต่แรกแล้วถึงได้ขอให้ช่วยดูแลสวนให้

ตรงกันข้าม พ่อของเจี้ยนอวิ๋นกลับแนะนำเรื่องธุรกิจให้เขาหลายอย่าง

ทุกครั้งที่เขาไปช่วยอีกฝ่ายขายของก็จะได้เงินตอบแทนเสมอ อีกทั้งครอบครัวของเจี้ยนอวิ๋นยังเตรียมทั้งผลไม้ เนื้อ และไข่ให้เอากลับไปฝากที่บ้านอีกด้วย

ตอนที่ไปช่วยขายผลไม้ เขาก็ได้ผลไม้กลับบ้านอยู่ตลอด คิดดูสิว่าลูกหลานที่บ้านจะมีความสุขขนาดไหน? บางครั้งอีกฝ่ายยังให้ลูกอมหรืออะไรอื่น ๆ กลับมาอีกด้วย ครอบครัวของเจี้ยนอวิ๋นช่างมีน้ำใจจริง ๆ

หากแต่ภรรยาเขากลับไม่รู้ความ เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องผิดใจกันเขาจึงปล่อยให้หล่อนเป็นอย่างนี้ต่อไปไม่ได้

ครั้นจางเสวี่ยหลีได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็พลันหัวเสียและเริ่มพูดอะไรไม่ออก “ถามจริง ๆ เถอะ คุณไม่เห็นหน้าตาเจ้าเล่ห์ของหล่อนบ้างเลยเหรอ?”

“จางเสวี่ยหลี คุณจะไม่หยุดใช่ไหม?” เหล่าฉินไม่สบอารมณ์เช่นกัน เขานึกว่าเธอจะแค่ขี้เหนียวและไม่รู้จักคิด คาดไม่ถึงว่าจะกล้าพูดอย่างนี้ออกมา ไม่คิดเลยว่าจะเป็นคนแบบนี้ ไม่มีความละอายใจบ้างเลยเหรอ?

หากแนะนำให้เจอกันตั้งแต่แรก ทั้งครอบครัวเขาและเจี้ยนอวิ๋นคงไม่ได้อยู่สงบสุขแน่!

ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้รู้สึกว่าที่ผ่านมาไม่ได้รู้จักภรรยาที่อยู่กินมานานเลยกันนะ?

จางเสวี่ยหลีรู้ตัวว่าพลั้งปากไปจึงรีบเอ่ย “เหล่าฉิน ฉันผิดไปแล้ว ฉันไม่ได้ตั้งใจนะ มันก็แค่อารมณ์ชั่ววูบน่ะ!”

“ถ้าคุณไม่ชอบสินค้าจากเจี้ยนอวิ๋น อย่างนั้นต่อไปผมจะไปรับของจากคนอื่นแทนเขาก็แล้วกัน ผมทำอย่างที่คุณต้องการแล้ว พอใจหรือยังล่ะ?” เหล่าฉินกล่าวประชด

เธอท้วงทันที “เหล่าฉิน จะทำอะไรของคุณน่ะ? ฉันไม่ได้บอกให้คุณเลิกไปรับของที่นั่นมาขายสักหน่อย!”

เธอไม่ได้อยากจ่ายแพงขึ้น และต่อให้เอาไข่ของเจ้าอื่นมาขายก็อาจจะขายไม่ดีเท่าเดิม เพราะไข่จากเจี้ยนอวิ๋นส่วนใหญ่ก็เป็นไข่แฝดทั้งนั้น

“ถ้าคุณยังอยากรับของจากเจี้ยนอวิ๋นมาขายก็หุบปากไป ถ้ากล้าพูดให้ได้ยินว่าคิดเล็กคิดน้อยเรื่องนี้อีก ต่อไปก็ไปหาซื้อกับเจ้าอื่นแล้วกัน!” เหล่าฉินว่าแดกดัน

หล่อนยอมสงบปากสงบคำก่อนพูดเบี่ยงประเด็น “วันนี้ป้าเจ้าของที่มาหาอีกแล้วนะคะ เห็นว่าจะขอขึ้นค่าเช่าด้วยล่ะ!”

“ตอนนี้บ้านเรามีเงินอยู่เท่าไหร่?” เขาเอ่ยถาม

อีกฝ่ายชะงักไปและถามกลับอย่างงง ๆ “ถามอะไรของคุณน่ะ?”

“ผมว่าจะซื้อร้านนี้” เขาตอบ

หล่อนถึงกับอึ้งไป “ร้านนี้อย่างถูก ๆ ก็สองสามพันแล้ว เราจะไปมีเงินมากขนาดนั้นได้ยังไงกัน!”

“วันนี้ผมคุยกับเจี้ยนอวิ๋นเรื่องนี้ เขาบอกว่าจะให้ผมยืมเงินบางส่วน” เหล่าฉินว่าขึ้น

จางเสวี่ยหลีกัดฟันเอ่ย “งั้นคุณก็ต้องยืมเงินจากเขาเพิ่มสินะ”

เขานิ่งไปครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ผมจำได้ว่าเรามีอยู่ประมาณพันห้าใช่ไหม?”

หล่อนมองเขาด้วยสายตาหวาดหวั่นเล็กน้อย และเอ่ยขึ้น “จะไปมีมากขนาดนั้นได้ยังไงล่ะคะ ไม่รู้หรอกเหรอว่าข้าวของมันแพงขนาดไหนน่ะ”

“แล้วเหลืออยู่เท่าไหร่กันล่ะ?” ใบหน้าเขาดูขรึมลงเมื่อนึกถึงครอบครัวภรรยา

ภรรยาเขากัดฟันตอบ “แม่ฉันก็บอกว่ามือบวมเพราะน้ำเย็น ฉันเลยซื้อเครื่องซักผ้าให้ ราคาก็ปาไป 300 หยวนแล้ว”

ใบหน้าของเหล่าฉินถึงกับมืดครึ้มขึ้น “แล้วจำเป็นต้องให้แม่คุณซักเสื้อผ้าพวกนั้นด้วยเหรอ? ลูกสะใภ้หายหัวไปไหนหมด? แม้แต่บ้านเรายังไม่มีเครื่องซักผ้าเลยด้วยซ้ำ!”

“แต่ฉันก็ซื้อไปแล้วนี่คะ” หล่อนเอ่ย

“แล้วตกลงตอนนี้มีเงินเหลืออยู่เท่าไหร่?!” เหล่าฉินนถามด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“มีเหลืออยู่มากกว่า 700 หยวนค่ะ” จางเสวี่ยหลีตอบเสียงอ่อย

“มากกว่า 700 หยวนงั้นเหรอ?” ใบหน้าของเหล่าฉินดำคล้ำทันที “คุณเอาเงินไปใช้ทำอะไรหมดเนี่ย?”

“ฉันซื้อจักรยานให้น้องชายเป็นของขวัญแต่งงานค่ะ พี่เขยก็สุขภาพไม่ดี ครั้งที่แล้วเลยให้พี่สาวยืมไป 200 หยวน แล้วก็ค่าสินเดิมของน้องสาว… ” หล่อนสบตาอีกฝ่ายและรู้ทันทีว่าคงไม่อาจปิดบังได้จึงบอกออกไปอย่างหมดเปลือก

เหล่าฉินโกรธเลือดขึ้นหน้า สุดท้ายจึงอดตะคอกใส่ไม่ได้ “ผมฉินอ้ายกั๋วแค่แต่งงานกับครอบครัวตระกูลจางของคุณ ไม่ได้เป็นบรรพบุรุษตระกูลคุณสักหน่อย ผมขอบอกคุณนะจางเสวี่ยหลี คุณพาผมไปเอาเงินคืนมาจากครอบครัวแม่คุณให้หมด นอกจากเครื่องซักผ้าแล้ว ผมต้องได้เงินคืนทุกหยวน ถ้าขาดสักแดงเดียวล่ะก็จางเสวี่ยหลี ผมจะพาคุณไปสำนักงานเขต แล้วเราก็หย่ากัน!

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ฟาดเมียเข้าไปค่ะเหล่าฉิน ขืนปล่อยไว้เมียได้ทำเสียเรื่องแน่ ไม่งั้นต้องแยกกระเป๋าเงินกันแล้วค่ะ กระเป๋าใครกระเป๋ามัน

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท