ตอนที่ 222 ผมยังเลี้ยงคุณได้
ซูตานหงคาดไม่ถึงว่าแม่สามีจะคิดแบบนี้ แต่เธอก็รู้สึกโล่งใจเช่นกัน
ใครติดค้างจี้อวิ๋นอวิ๋นกัน ถึงต้องตามใจหล่อนไปเสียทุกอย่าง นั่นไม่โง่ไปหน่อยเหรอ
เมื่อก่อนที่ยังอยู่ในบ้านแม่ก็ช่างเถอะ แต่ตอนนี้แต่งงานออกไปแล้ว ยังคิดจะสร้างปัญหาให้แม่อีก คิดว่าตัวเองยังเป็นเด็กสาวอยู่หรืออย่างไร
แม้ว่าลูกสาวก็คือลูกสาว แต่การแต่งงานออกไปแล้วกับการยังไม่แต่งงานนั้นแตกต่างกันมาก
คุณแม่จี้โกรธจนไม่อยากสนใจ จึงทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ส่วนซูตานหงก็คร้านจะสนใจเช่นกัน ตอนนี้อากาศเริ่มหนาวขึ้นเรื่อย ๆ อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่หน้าหนาว ซึ่งได้เวลากินเกี๊ยวแล้ว
เธอตักน้ำพุวิเศษมารดขึ้นฉ่ายที่ปลูกไว้หลังบ้าน จากนั้นก็เริ่มห่อเกี๊ยวเนื้อขึ้นฉ่าย เกี้ยวปลาขึ้นฉ่าย และเกี๊ยวหมูขึ้นฉ่าย ทั้งหมดล้วนเป็นของว่างแสนอร่อย
จี้อวิ๋นอวิ๋นกำลังเฝ้ารออยู่ในเมือง โดยคาดหวังว่าแม่ของหล่อนจะนำไก่และไข่มาให้ หล่อนรู้เรื่องต่าง ๆ ในสวนของพี่สามแล้ว และแม่ของตนก็ไม่ได้พูดอะไรกับพี่สามเลย
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนที่หล่อนตั้งท้องก็รู้สึกอยากกินของดี ๆ มากยิ่งขึ้น แต่หล่อนไม่คาดคิดเลยว่าจะถูกปล่อยให้รอ แม่ของหล่อนจะไม่มาหาเลยงั้นเหรอ?
แน่นอนว่าหล่อนสามารถซื้อทั้งไก่และไข่มากินเองได้ทันทีที่หลี่จื้อได้รับเงินเดือน อีกทั้งยังได้รับเงินค่าอาหารอีก 1 หยวน เนื่องจากเขาค่อนข้างยุ่งกับการสอน จึงต้องปล่อยให้หล่อนดูแลตัวเองและซื้อทุกอย่างที่อยากจะกิน
แต่หล่อนก็ประหยัดเงินเอาไว้บ้าง หากยังเป็นแบบนี้ ต่อไปก็จะสามารถซื้อบ้านของตัวเองได้ ตอนนี้ห้องที่หล่อนอาศัยอยู่มีขนาดใหญ่สักแค่ไหนกัน แค่ 20 ตารางเมตรเท่านั้นและแออัดแทบแย่
ดังนั้นหล่อนจึงต้องการให้แม่ของหล่อนนําไข่และไก่มาด้วย วิธีนี้จะช่วยให้หล่อนประหยัดเงินได้มาก
อย่างไรเสียตอนนี้ราคาอาหารก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก การจะซื้อไข่และไก่ ต้องใช้เงินไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่หลังจากที่รอมานานก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น?
เมื่อหลี่จื้อกลับมาในวันนั้น เธอจึงพูดกับเขา “แม่ของฉันเป็นบ้าอะไรกันเนี่ย? รู้ว่าฉันตั้งท้องก็ยังไม่มาหาจนถึงตอนนี้!”
“คุณแม่คงจะยังไม่รู้น่ะครับ” หลี่จื้อพูดขณะตรวจการบ้าน
การเป็นคุณครูของชั้นมัธยมปีที่ 3 ได้เงินเดือนค่อนข้างสูง แต่ภาระงานก็มากตาม เขาต้องตรวจการบ้านจนถึง 5 ทุ่มทุกวัน ทั้งยังต้องยุ่งกับเอกสารและงานเขียนอื่น ๆ อีก
“ทำไมถึงจะไม่รู้ล่ะคะ พี่สามมาที่นี่เมื่อเดือนก่อน คุณก็บอกเขาไปแล้ว เขาจะไม่กลับไปพูดได้ยังไง!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกล่าว
“ตอนนี้พี่สามกำลังยุ่งกับการปรับปรุงอ่างเก็บน้ำ คงไม่มีเวลามาพูดเรื่องของคุณหรอก ผมเดาว่าเขาน่าจะลืมไปแล้ว” หลี่จื้อพูดอย่างเฉยเมย
“ฉันท้องแล้วนะ เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะไม่พูดถึงฉันได้ยังไง?” จี้อวิ๋นอวิ๋นโมโหขึ้นมาทันที
หลี่จื้อยังคงใจเย็นอย่างมาก เขาเอ่ยกลับ “คุณก็ว่างอยู่นี่ ถ้าคุณแม่ไม่มาคุณก็ไปหาท่านสิครับ อยู่ที่นั่นสัก 2 ถึง 3 วันก็ได้ ใคร ๆ ก็บอกว่าที่นั่นฮวงจุ้ยดีมาก เหมาะสำหรับการดูแลคน”
จี้อวิ๋นอวิ๋นแค่นเสียง “ใครจะอยากกลับไปคะ คราวก่อนที่ฉันเจอกับซูตานหง หล่อนยังบอกว่าไม่ให้ฉันไปเหยียบสวนผลไม้นั่นอีก ฉันไม่ได้หน้าด้านขนาดนั้นถึงจะต้องกลับไปที่นั่นนี่!”
หลี่จื้อขมวดคิ้ว “ผมไม่คิดว่าพี่สะใภ้สามจะเป็นคนแบบนั้นนะครับ”
“หลี่จื้อ คุณหมายความว่ายังไงคะ ซูตานหงไม่ใช่คนแบบนั้น งั้นฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นระเบิดอารมณ์ออกมาทันที เสียงของหล่อนดังขึ้นอีก 8 เท่าด้วยความเดือดดาล
“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น…”
“ถ้าไม่ใช่แล้วหมายความว่ายังไง คุณต้องไปโรงเรียนทั้งวัน แม้กระทั่งวันที่ไม่มีสอน คุณเคยสนใจความรู้สึกของฉันบ้างไหม ฉันอุ้มท้องลูกอยู่คนเดียว คุณเคยรู้บ้างไหมว่ามันลำบากแค่ไหน?” จี้อวิ๋นอวิ๋นระเบิดอารมณ์อย่างต่อเนื่อง
“พวกเขาเรียนอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 3 และจะต้องสอบเข้าชั้นมัธยมปลายในปีหน้า ตอนนี้เป็นเวลาที่ต้องรีบเรียนแล้ว ผมเป็นครูประจำชั้นของพวกเขา ก็ต้องคอยดูแลเรื่องนี้ที่โรงเรียน ถ้าพวกเขามีปัญหาอะไรจะได้ถามผมได้ทันที” หลี่จื้อมองหล่อนอย่างจริงจัง ก่อนจะกล่าว “ก่อนแต่งงานผมเคยพูดกับคุณไปแล้ว และคุณเองก็บอกว่ายอมรับได้”
นี่เป็นอาชีพที่เขารัก เขาชอบงานนี้มาก แต่เพราะเนื้องานที่ค่อนข้างยุ่ง จึงทำให้เขาแต่งงานช้าขนาดนี้ เขารู้ดีว่านี่เป็นข้อบกพร่อง จึงบอกไว้ก่อนจะแต่งงาน
“คุณพูด แต่ฉันไม่รู้ว่าคุณจะทำงานจนไม่สนใจครอบครัวขนาดนี้!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันพูด
“ผมไปทำงานตรงเวลาทุกวัน เงินเดือนทุกเดือนก็มอบให้คุณ อยากได้อะไร อยากกินอะไรคุณก็ไปซื้อได้ อีกอย่างในช่วงวันหยุด ไม่ใช่ว่าผมทิ้งงานทั้งหมดเพื่อมาอยู่กับคุณหรอกเหรอ?” หลี่จื้อมองหล่อนแล้วพูด “ใน 1 สัปดาห์ 5 วันเป็นวันทำงานของผม ผมควรจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดี แต่อีก 2 วันที่เหลือผมก็อยู่กับคุณ ถ้าคุณอยากดูหนัง อยากไปซื้อของ ผมก็จะไปกับคุณ ดังนั้นผมจึงไม่สามารถยอมรับคำพูดของคุณที่บอกว่าผมทำงานจนไม่สนใจครอบครัวได้”
“คุณมีสอนก็ไปสิ ฉันไม่ได้ห้ามให้คุณทำนี่!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดอย่างหงุดหงิด
หลี่จื้อจึงพูดกับหล่อน “ที่คุณแม่ไม่ได้มา อาจเป็นเพราะว่างานยุ่งเกินไป พี่สามกำลังสร้างอ่างเก็บน้ำ ตามนิสัยของเขา เขาไม่มีทางที่จะปฏิบัติต่อคนอื่นไม่ดี ดังนั้นเขาจึงเลี้ยงมื้อเที่ยงคนงาน เพื่อให้การสร้างอ่างเก็บน้ำเสร็จเร็วที่สุด คุณแม่อาจจะต้องพาคนไปทำอาหารให้พวกเขาจึงยุ่งจนมาไม่ได้น่ะครับ”
“เป็นแบบนั้นจริงเหรอคะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นถาม
“จริงสิครับ แต่ตอนนี้คุณแม่ยุ่งมาก คุณเป็นลูกจะกลับไปหาแม่ก็ได้ จะได้กลับไปบอกว่าคุณท้องแล้วด้วย” หลี่จื้อกล่าว
“บอกว่าไม่กลับก็คือไม่กลับค่ะ ปีใหม่นี้ฉันก็จะไม่กลับไปที่นั่น!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด
หลี่จื้อจึงส่ายหน้าอย่างจนปัญญาและตรวจการบ้านของเขาต่อไป
“ถ้าอีกไม่กี่วันแม่ของฉันก็ยังไม่มาล่ะ?” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“ถ้าคุณแม่ยังไม่มาก็หมายความว่าท่านกำลังรำคาญคุณ อย่างนั้นก็ไม่ต้องหวังว่าแม่จะส่งไก่กับไข่มาให้หรอกครับ” หลี่จื้อพูดตามตรง
“แม่จะรำคาญอะไรฉัน?” จี้อวิ๋นอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็รีบพูดทันที
“คุณท้องแต่ก็ไม่กลับไปบอกข่าวดี พี่สามก็ยุ่งจนลืม อีกอย่างคุณก็ไม่ยอมกลับไปและพูดอะไรสักคำ” หลี่จื้อกล่าวเสียงเรียบ
“ที่ฉันไม่กลับไปก็เพราะซูตานหง ถ้าไม่ใช่เพราะหล่อน ฉันคงกลับไปแล้ว!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันพูด
หลี่จื้อขมวดคิ้วและไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็ได้ยินภรรยาของเขาสบถออกมา “นังปิศาจชั่วร้าย ตั้งแต่หล่อนแต่งงานเข้ามา ทั้งแม่และพี่สามต่างก็ไม่เห็นว่าฉันเป็นลูก เป็นน้องสาว!”
หลี่จื้อเหลือบมองหล่อน จากนั้นก็ก้มหน้าลงไปตรวจการบ้านต่อ พร้อมกับพูดขึ้นมา “ยังไงผมก็เลี้ยงคุณได้ ไม่ต้องคิดมากเรื่องที่บ้านแล้วนะครับ อยากกินอะไรก็ซื้อได้เลย เงินเดือนของผมเพียงพอที่จะซื้อไข่และเนื้อให้คุณกินอยู่แล้ว”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เสียดายผู้ชายอย่างหลี่จื้อจังเลยค่ะ ทำไมต้องมาแต่งงานมีลูกกับยัยอวิ๋น ๆ ที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางจักรวาลแบบนี้ด้วยน้าา เฮ้อออ
ไหหม่า(海馬)