ตอนที่ 226 จี้เจี้ยนอวิ๋นทำเรื่องไม่ดี
ชายชราชาวปักกิ่งมองจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้วถามขึ้น “พ่อหนุ่ม เคยเป็นทหารมาก่อนเหรอ?”
“คุณลุงเป็นคนปักกิ่งเหรอครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถามกลับหลังจากพยักหน้า
“ใช่แล้ว” คุณลุงชาวปักกิ่งพยักหน้า “มาปักกิ่งตอนนี้ก็ไม่มีอะไรสวย ๆ ให้ดูหรอก ทิวทัศน์จะสวยงามในช่วงฤดูใบไม้ผลิ หรือจะเป็นฤดูใบไม้ร่วงก็ไม่เลว แต่ช่วงนี้ไม่ใช่เวลาที่ดีนัก”
“ช่วงนั้นผมงานยุ่งครับ จะว่างแค่ตอนสิ้นปีเท่านั้น” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“ตอนนี้มีนโยบายวางแผนครอบครัวแล้ว แต่ดูจากอายุของพวกเธอ ทำไมถึงกล้ามีลูกตั้ง 2 คนล่ะ?” ชายชราเอ่ยถามขึ้น
“คลอดออกมาแล้วก็แค่จ่ายค่าปรับครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“ขนาดเคยเป็นทหารมา แต่ก็ยังไม่รู้จักคิดอีก” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้ม
จี้เจี้ยนนอวิ๋นยิ้มตอบ “มีลูกเพิ่มอีกสัก 2 ถึง 3 คน นี่ไม่ใช่การตอบแทนประเทศชาติเหรอครับ?”
ชายชรามองไปยังเหรินเหรินกับฉีฉี “เด็ก 2 คนนี้ได้รับการเลี้ยงดูอย่างดีเลยนะ”
“ตอนนี้ไม่ค่อยเหมือนเมื่อก่อนหรอกครับ ไม่กี่ปีมานี้พวกเขาโตเร็วมาก” จี้เจี้ยนอวิ๋นค่อนข้างสนใจที่จะพูดคุยกับเขาเช่นกัน
แม้ว่าเขาจะสนใจ ทว่าฉีฉีกลับไม่ยินยอม เด็กน้อยยังอยากไปเดินเล่นอยู่ “คุณลุง ไว้พวกเราค่อยคุยกันนะครับ”
เจ้าเด็กดื้อคนนี้พูดโพล่งกับชายชราไปตามตรง
“พ่อของเธอเรียกฉันว่าคุณลุง พวกเธอ 2 คนพี่น้องก็เลยเรียกฉันว่าคุณลุงด้วยเหรอ? ต้องเรียกว่าคุณปู่สิ” ชายชราชาวปักกิ่งหัวเราะ
“คุณปู่ ครั้งหน้าค่อยคุยกันนะครับ” ฉีฉีคล้อยตาม
“ไปเถอะ” ชายชราพูดด้วยรอยยิ้มและไม่หยอกล้อเขาอีกต่อไป
จี้เจี้ยนอวิ๋นยิ้มให้ก่อนจะพาพวกเขาแม่ลูกจากไป
“มีชีวิตชีวาดีจริง” เมื่อมองตามหลังของครอบครัวของพวกเขา ชายชราชาวปักกิ่งก็หัวเราะ
เขาหันหลังเดินกลับเข้าไปในซอย เมื่อก่อนครอบครัวของเขาก็คึกคักมากเช่นกัน ทว่าตอนนี้เหลือเขาเพียงคนเดียวแล้ว
เป็นสุนัขในยุคที่สงบสุขและเจริญรุ่งเรืองดีกว่าผู้เป็นชายในยุคสงคราม*
*แสดงถึงอารมณ์อันเจ็บปวดที่เกิดขึ้นในยามทุกข์ยาก
จี้เจี้ยนอวิ๋นพาภรรยาและลูก ๆ เดินเตร็ดเตร่ไปรอบ ๆ ตอนนี้หิมะหยุดแล้ว เหรินเหรินกับฉีฉีจึงไม่กลัวหนาว พวกเขาต่างมีความสุขและตื่นตาตื่นใจอย่างมาก
ในกรุงปักกิ่งมีถนนโบราณที่น่าสนใจมากมาย สมัยนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก การพัฒนาที่นี่ก็เป็นไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน
ยกตัวอย่างจากบ้านเกิดของเขา แม้จะอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัยพร้อมกับมีลูกอีก 3 คน ก็สามารถกินอาหารหรูหราได้ด้วยเงินเพียง 2 หยวน แต่ในย่านโบราณของกรุงปักกิ่งกลับไม่สามารถทำแบบนั้นได้
ครอบครัวของพวกเขาต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นอีก 1 เท่า แต่เมื่อเทียบกับคุณภาพของที่พักก็นับว่าดีแล้ว พวกเขาจองที่พักเป็นเวลา 5 วัน ซึ่งทั้งหมดนั้นมีราคา 6 หยวน เฉลี่ยแล้วเท่ากับวันละ 1 หยวน 2 เหมา
ทว่าการบริการค่อนข้างดี ทั้งยังสะดวกสบายมาก
พวกเขาเดินดูสินค้าและซื้อของที่น่าสนใจกลับมา 2 อย่าง เป็นของเหรินเหรินกับฉีฉีคนละชิ้น เมื่อเห็นว่าใกล้จะถึงเวลาแล้ว ทั้งครอบครัวก็พากันมากินเป็ดปักกิ่ง
ซูตานหงรู้สึกว่าอาหารมื้อนี้ค่อนข้างธรรมดา แต่เมื่อมองดู 3 คนพ่อลูก พวกเขากลับกินอย่างเอร็ดอร่อย ราวกับได้กินอะไรที่แปลกใหม่มาก
“ถึงวันกลับ ผมจะซื้อกลับไปฝากที่บ้านสักหน่อย ให้พวกเขาได้ลองชิมเป็ดย่างแท้ ๆ ของปักกิ่ง” จี้เจี้ยนอวิ๋นกล่าว
“อืม เอากลับไปด้วย” เหรินเหรินและฉีฉีต่างก็เห็นด้วยว่ามันอร่อยมากจริง ๆ
ในวัยของพวกเขา สิ่งสำคัญคือบรรยากาศ หากผู้ใหญ่บอกว่าอร่อย พวกเขาก็รู้สึกว่ามันอร่อยแล้ว
หลังจากนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นก็พาภรรยาและลูกไปเที่ยวเล่นกันต่อ
แม้หิมะจะตกลงมา แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งความกระตือรือร้นของครอบครัวนี้ได้
พวกเขาถ่ายรูปเก็บไว้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นพระราชวังต้องห้าม พระราชวังฤดูร้อน และวิหารแห่งสวรรค์
แผนการเยี่ยมชมกำแพงเมืองจีนอยู่ในวันที่ 3 แค่ได้สัมผัสก็รับรู้ถึงความยิ่งใหญ่แล้ว เนื่องจากหิมะที่ตกลงมา ทำให้การเดินขึ้นไปบนนั้นค่อนข้างลำบาก แต่พวกเขาก็ได้ถ่ายรูปเก็บไว้
นาน ๆ ทีถึงจะได้ออกมาเที่ยวแบบนี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่ประหยัดมากนัก เขาจ่ายในสิ่งที่สมควรต้องจ่ายและถ่ายรูปไว้มากมาย เหรินเหรินกับฉีฉีสวมเสื้อกันหนาวผ้าฝ้ายตัวหนาจนดูเหมือนลูกบอลกลม ๆ แม้ใบหน้าเล็ก ๆ จะถูกทาด้วยครีมเกล็ดหิมะแต่อากาศก็หนาวจัดจนแก้มของพวกเขาเป็นสีแดง ทว่าทั้งสองพี่น้องต่างก็มีความสุขมาก
หลังจากเที่ยวเล่นกันอย่างสนุกสนาน ได้กินของอร่อยและถ่ายรูปไปอีกมากมาย พวกเขาจึงเตรียมตัวกลับ
ก่อนเดินทางกลับ ซูตานหงได้พาสามีและลูกชายมาที่ร้านทองในย่านเก่าแก่ของกรุงปักกิ่ง
เครื่องประดับของที่นี่ออกแบบอย่างทันสมัย ซูตานหงเลือกซื้อต่างหูทรงกลม 2 คู่ ที่เหมาะกับหญิงสูงวัยให้แม่สามีและแม่ของเธอ
ตอนนี้คุณพ่อจี้เลิกสูบบุหรี่แล้ว แต่เปลี่ยนเป็นสะสมกล้องยาสูบแทน ดังนั้นซูตานหงจึงมาที่นี่ เพื่อหาซื้อของฝากในย่านเก่าแก่ที่มีชื่อเสียงแห่งนี้ เธอเลือกซื้อสินค้าของแท้ราคาแพงและควักเงินออกมาจ่ายทันที
ที่เหลือไม่มีอะไรต้องซื้อแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นยังเอาเป็ดปักกิ่งกลับไปด้วย ถึงตอนนั้นก็แค่แบ่งกัน
ทว่าเมื่อกลับถึงโรงแรม จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ทำให้เธอประหลาดใจ หลังจากพา 2 พี่น้องเข้านอนแล้ว เขาก็หยิบของขวัญที่ซื้อให้เธอออกมา
มีสร้อยคอทองคำ ต่างหูลวดลายประณีต และกำไลข้อมือหยกที่ทำมาจากหยกเหอเถียน*ทรงกลมเนื้อดีราคาสูง
*หยกขาวเนื้อละเอียดความบริสุทธิ์สูง มาจากเขตเหอเถียน ในเขตการปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์
ซูตานหงรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ “คุณซื้อมันตอนไหนคะ?”
ขณะที่อยู่ในร้านทอง เธอมัวแต่สนใจซื้อของให้แม่สามีและแม่ตัวเอง โดยไม่ทันสังเกตว่าเขาซื้อของให้เธอมากมายขนาดนี้
“ผมซื้อที่ร้านนั้นแหละครับ คุณชอบไหม?” จี้เจี้ยนอวิ๋นมองเธอแล้วพูด
หัวใจของซูตานหงเกิดความรู้สึกหวานล้ำอยู่ในอก
ผู้ชายตัวโตคนนี้มักจะทําให้เธอซาบซึ้งใจเสมอ
ด้วยตัวเขาไม่ค่อยเข้าใจในเรื่องสุนทรียะแห่งความงาม จึงไม่ได้คาดหวังว่าเขาจะซื้ออะไรให้ แต่ความตั้งใจของเขานั้นเป็นเรื่องจริง
สร้อยคอทองคำเส้นนี้หนามาก ทั้งยังมีต่างหูที่ทำจากทองคำ ส่วนกำไลข้อมือหยกก็เป็นหยกเหอเถียนชั้นดีอย่างแท้จริง
“หยกเหอเถียนนี้ราคาเท่าไหร่คะ?” ซูตานหงเอ่ยถามขึ้น
“หยกเหอเถียนเหรอ? ที่ร้านบอกว่ามันเป็นหยกขาวนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้นมา
“ฉันจะมองผิดได้ยังไงคะ นี่คือหยกเหอเถียน” ซูตานหงพูดขณะเพ่งมองกำไลหยก
ในชีวิตชาติที่แล้ว ท่านแม่ของเธอเคยซื้อให้หลายชิ้น เธอชอบมันมากจึงสวมใส่อยู่ทุกวัน จะมองพลาดได้อย่างไร?
ซูตานหงพลันตะลึงงัน หรือว่าร้านนั้นไม่รู้จักสินค้า?
“คุณซื้อกำไลนี้มาเท่าไหร่คะ?” ซูตานหงถาม
ในชาติที่แล้ว หยกเหอเถียนแบบนี้มีมูลค่าสูงมากเช่นกัน
“ตอนที่ซื้อกำไลนี้ ผมเหลือเงินไม่มากแล้ว มันราคา 120 หยวนครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ
“แค่ 120 หยวน” ดวงตาของซูตานหงเป็นประกาย “ที่นั่นยังมีอยู่อีกไหมคะ?”
“ยังมีอีกไม่กี่ชิ้นที่เหมือนกัน แต่ก็แค่หยก มีอะไรรึเปล่าครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม
“จะอะไรอีกล่ะคะ นี่คือหยกเหอเถียนของแท้ เจ้าของร้านคนนั้นคงไม่รู้จักสินค้า เลยขายในราคา 120 หยวน แต่ความจริงแล้วเงิน 300 หยวนยังไม่สามารถซื้อได้ด้วยซ้ำ” ซูตานหงพูดต่อ พร้อมกับยื่นเงินให้เขา 500 หยวน “ฉันจะดูแลเด็ก ๆ ส่วนคุณไปซื้ออันที่เหมือนกับหยกชิ้นนี้ทั้งหมดกลับมานะคะ”
จี้เจี้ยนอวิ๋นมุมปากกระตุก ก่อนจะมองไปยังภรรยาของเขาที่กำลังคิดแสวงหาผลกำไร “โอ้… เราทำแบบนี้จะดีเหรอครับ?”
“มีอะไรไม่ดีคะ เขาต้องซื้อมาในราคาปกติของหยกขาวอย่างแน่นอนค่ะ ถึงยังไงก็ไม่ขาดทุนหรอก จะดีใจซะอีกถ้าคุณไปซื้อสินค้าของเขา บ้านเราจ่ายเงินให้ร้านนี้ไปตั้งเยอะ เอาเปรียบเขานิดหน่อยก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” ซูตานหงกล่าวอย่างมั่นใจ
ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไปซื้อมันกลับมา
จี้หยก 3 ชิ้น ปิ่นหยก 1 อัน และถ้วยหยก 1 ใบ ล้วนเป็นหยกเหอเถียนทั้งหมด
หลังจากซื้อมันกลับมาซูตานหงก็มีความสุขมาก
จี้เจี้ยนอวิ๋นที่เพิ่งเคยต้องทำเรื่องไม่ดีแบบนี้เป็นครั้งแรก จึงกดภรรยาของเขาลงกับเตียงเพื่อสั่งสอนเธอ