ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 227 แม่ไม่ใช่แม่ของฉันอีกต่อไป!

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 227 แม่ไม่ใช่แม่ของฉันอีกต่อไป!

  

เวลาผ่านไปเล็กน้อย 

ตอนที่สองสามีภรรยาออกเดินทางไปปักกิ่ง คุณพ่อกับคุณแม่จี้ก็รับหน้าที่ใหญ่เช่นกัน  

เดิมทีคุณแม่จี้ยังโกรธอยู่ แต่เมื่อคิดว่าการตั้งครรภ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับลูกสาวของนาง หลังจากคลายความโกรธลงก็คิดอยากจะไปเยี่ยมลูกสาว ทว่าตอนนี้กลับไม่ว่างแล้วเสียแล้ว   

นางยังไม่มีเวลาได้ไปหา แต่วันเสาร์นี้เป็นวันหยุดพอดี หลี่จื้อจึงกลับมาพร้อมกับจี้อวิ๋นอวิ๋น ซึ่งคุณแม่จี้พบกับพวกเขาในหมู่บ้าน จึงพากันไปที่บ้านเดิมก่อน

ตอนนี้จี้อวิ๋นอวิ๋นตั้งครรภ์ได้เกือบ 3 เดือนแล้ว แต่ยังเห็นไม่ชัดนัก ทว่าผิวพรรณของหล่อนกลับดูไม่ค่อยดีเท่าใด  

แม้ในตอนแรกคุณแม่จี้จะรู้สึกผิดหวังในตัวลูกสาวคนนี้มาก แต่เมื่อเห็นหล่อนเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้จะต่อว่าอย่างไร “ท้องแล้วไม่สบายเหรอ? ทำไมสีหน้าดูไม่ค่อยดีเลยล่ะ?”  

“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ อวิ๋นอวิ๋นสบายดี เพียงแต่ 2 วันที่ผ่านมาหล่อนกินอะไรไม่ค่อยลงน่ะครับ แต่อย่างอื่นไม่มีปัญหาอะไร” แน่นอนว่าหลี่จื้อย่อมไม่ทำให้แม่ยายของเขาต้องกังวล จึงพูดออกมาด้วยรอยยิ้ม   

เขาเพียงอยากพาภรรยากลับมาเยี่ยมบ้าน ไม่ได้ต้องการทำให้แม่ยายกังวลใจ  

 

คุณแม่จี้พอใจกับลูกเขยอย่างหลี่จื้อจริง ๆ เมื่อเห็นว่าหลังจากแต่งงานเขาผอมลงมาก จึงพูดขึ้น “เที่ยงวันนี้ก็กินข้าวซะที่นี่เถอะ เดี๋ยวแม่จะทำของอร่อยให้พวกเธอกิน”   

“ขอบคุณครับคุณแม่” หลี่จื้อกล่าวด้วยรอยยิ้ม 

เขารู้ว่าภรรยาของตนไม่อยากไปบ้านพี่สาม แต่เขาต้องไปทักทายสักหน่อย เมื่อแม่ยายเห็นดังนั้นจึงพูดขึ้น “ไม่ต้องไปหรอก เจี้ยนอวิ๋นพาครอบครัวไปเที่ยวที่ปักกิ่งน่ะ ยังไม่กลับมาเลย”  

“ไปปักกิ่งเหรอครับ?” หลี่จื้อถามด้วยความประหลาดใจ  

 

“ใช่แล้ว อยู่ที่นี่นาน ๆ ก็ไม่ดีหรอก ออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกบ้างถึงจะดี” คุณแม่จี้พูดด้วยรอยยิ้ม   

จี้อวิ๋นอวิ๋นโพล่งขึ้นมาทันที “ตอนนี้ชีวิตความเป็นอยู่ของหล่อนดีขึ้นมากเลยสินะคะ ตอนที่ฉันแต่งงานออกไป ยังได้แค่กระติกน้ำร้อน 2 ใบเอง!”  

คุณแม่จี้ได้ยินดังนั้นก็รู้ว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นกําลังพูดถึงพี่สะใภ้สามของหล่อนก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก แต่ต่อหน้าลูกเขยก็อดกลั้นไว้ได้ ก่อนจะยิ้มให้หลี่จื้อ “หลี่จื้อ เธอไปจับไก่บนภูเขาลงมาหน่อยสิ ตอนเที่ยงแม่จะตุ๋นไก่ให้พวกเธอกิน” 

“ได้ครับ” หลี่จื้อรู้ว่าแม่ยายจงใจจะกันเขาออกไป แต่เขาก็ไม่พูดอะไรมาก ถึงอย่างไรภรรยาของเขาก็เป็นลูกสาวของนาง แม่ยายของเขาจะสั่งสอนลูกสาวตัวเองไม่ได้เลยเหรอ?   

หลี่จื้อจำที่นี่ได้ เขาเคยมาแล้วหลายครั้ง จึงขึ้นไปบนภูเขาด้วยตัวเอง 

 

ทันทีที่ลูกเขยจากไป สีหน้าของคุณแม่จี้ก็บูดบึ้ง นางมองดูลูกสาวของตัวเองแล้วพูด “พี่สะใภ้สามของแกมีชีวิตที่ดีได้ไม่ใช่เพราะฉันกับพ่อของแกเป็นคนให้ แต่เป็นเพราะตัวของพวกเขา 2 คน ถ้าแกมีความคิดเห็นอะไรก็เก็บมันเอาไว้บ้าง ไม่ต้องพูดออกมาหาเรื่องให้ไม่สบายใจ”  

นาน ๆ ทีจะกลับบ้านสักครั้ง ในคราแรกนางก็ไม่ได้อยากจะพูดถ้อยคำรุนแรงเหล่านี้หรอก แต่ลูกสาวของนางกลับไม่รู้จักโตสักที!  

แม้กระทั่งตอนนี้ยังคงคิดเล็กคิดน้อยถึงเรื่องกระติกน้ำร้อน 2 ใบนั้น   

พี่น้องมีเงินแล้วเกี่ยวอะไรกับหล่อน หากพวกเขาหาเงินได้ต้องเพิ่มสินเดิมของเจ้าสาวให้หล่อนด้วยเหรอ?  

 

สินเดิมของเจ้าสาวเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ที่ต้องจัดหาให้ ส่วนที่เหลือถือเป็นผลพลอยได้ หากลูกสาวของนางยังคิดถึงเรื่องนี้ เช่นนั้นก็ควรรู้ด้วยว่าพี่ชายและพี่สะใภ้สามของหล่อนสามารถสร้างรายได้อย่างมหาศาล และมีอิทธิพลอย่างไรในบ้านมารดา!   

นี่คือความมั่งคั่งที่จับต้องไม่ได้อย่างแท้จริง ไม่ใช่คิดแต่เรื่องตรงหน้า!   

อีกอย่าง นางกับสามีก็ให้สินเดิมเจ้าสาวไปตั้งเท่าไหร่ ยังไม่พอใจอีกเหรอ!  

“แม่ไม่รู้หรอกค่ะ ตอนที่ฉันกลับมาครั้งที่แล้ว หล่อนพูดจาไม่น่าฟังกับฉันตั้งเท่าไหร่!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกัดฟันพูด “จนตอนนี้ฉันแทบไม่อยากกลับมาที่บ้านแม่อีกแล้ว!” 

“อย่ามาอ้างเรื่องครั้งที่แล้ว ต่อไปถ้าแกไม่อยากกลับมาที่นี่อีกก็ไม่ต้องฝืนใจกลับมา ใช้ชีวิตอยู่กับหลี่จื้อให้ดีก็แล้วกัน” คุณแม่จี้พูดออกมาตรง ๆ 

จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่คาดคิดว่าแม่ของเธอจะพูดแบบนี้? จึงตกตะลึงไปชั่วขณะ   

“แกจะไม่พูดเรื่องของหลี่จื้อหน่อยเหรอ ฉันเห็นเขาผอมลงไปตั้งเยอะ แกอยู่บ้านทั้งวันได้ดูแลเขาบ้างหรือเปล่า?” คุณแม่จี้ถาม   

“เขาเอาแต่กินข้าวที่โรงเรียน จะให้ดูแลเขาได้ที่ไหนล่ะคะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดอย่างอารมณ์เสีย   

คุณแม่จี้ตวัดสายตามองค้อน “แค่ออกไปซื้อไก่มาต้มกินกัน 2 คนก็ยังได้!” 

จี้อวิ๋นอวิ๋นสวนขึ้นทันควัน “เงินเดือนของเขาจะสักเท่าไหร่กัน ตอนนี้ไก่แค่ตัวเดียวก็ราคาตั้งหลายหยวนแล้ว!”   

“ไก่ตัวละไม่กี่หยวน กินเดือนละตัวคงไม่เป็นไรหรอก อีกอย่างแกซื้อกระดูกหมูกลับมาต้มซุปก็ได้ ฉันเห็นพี่สะใภ้สามของแกทำออกบ่อย จนตอนนี้พี่ชายแกอ้วนอย่างกับอะไรดี” คุณแม่จี้พูด   

สำหรับความสามารถของซูตานหงในการดูแลลูกชายของนาง ทำให้คุณแม่จี้รู้สึกเกรงใจอยู่ไม่น้อย ลูกสะใภ้คนนี้ทำอาหารเก่งมาก แต่ละจานไม่เคยซ้ำ เวลาว่างหล่อนยังทำขนมด้วยตัวเอง บางครั้งนางกับสามีก็ได้กินด้วย จึงไม่ต้องห่วงลูกชายของนางเลย 

แม้ว่างานจะยุ่งจนเหนื่อย แต่นางก็เห็นว่าลูกชายมีสภาพจิตใจที่ดีมาก อีกทั้งร่างกายของเขาก็ไม่ได้ทรุดโทรมแต่อย่างใด นี่คือผลจากการเอาใจใส่ของซูตานหงทั้งนั้น   

จี้อวิ๋นอวิ๋นกลับไม่อยากฟังนัก หล่อนจึงบอกจุดประสงค์ของตัวเองออกไปตามตรง “เดือนหน้าแม่ก็ส่งไก่ไปให้ฉันสักหลาย ๆ ตัวหน่อยละกัน ไข่ด้วย ฉันอยากกิน!”  

หากไม่ใช่เพราะของพวกนี้ วันนี้หล่อนคงไม่อยากกลับมา   

ตอนแรกหล่อนคิดว่าแม่จะตอบตกลง ถึงแม้จะได้ไม่มากแต่สักเล็กน้อยก็ยังดี ทว่ากลับได้ยินแม่ของหล่อนปฏิเสธ “ของพวกนี้เป็นของพี่สาม แม่จะทำแบบนั้นได้ยังไง? แกไปซื้อกินเองเถอะ ครั้งนี้กลับมาแล้ว เอาไปสักตัวก็ไม่เป็นไรหรอก”  

สิ่งที่คุณแม่จี้พูดนั้นเป็นความจริง แม้ว่านางกับสามีจะไม่อยากรบกวนลูกชายและลูกสะใภ้ แต่ก็ยังต้องใช้ทรัพย์สินของลูกชายช่วยเหลือลูกสาวที่แต่งงานออกไปแล้ว โดยเฉพาะลูกสาวคนนี้ แม้จะได้กินก็ยังไม่รู้จักสำนึกบุญคุณ คุณแม่จี้จึงไม่มีทางให้อย่างเด็ดขาด ด้วยความรักที่มีต่อลูกสาว ครั้งนี้หล่อนสามารถเอาไก่กลับไปได้ แต่หากจะให้ส่งไปเดือนละหลาย ๆ ตัว คงเป็นไม่ได้อย่างแน่นอน   

ในตอนที่ซูตานหงตั้งครรภ์ ก็ยังไม่ได้กินถึงขนาดนี้  

“แม่คะ ฉันไม่ใช่ลูกแม่งั้นเหรอ? แล้วตอนนี้ฉันก็ท้องอยู่ด้วย ก็ควรได้รับสารอาหารเพื่อบำรุงเป็นพิเศษสิ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นอดโมโหไม่ได้   

“งั้นก็ไปซื้อเองเถอะ” คุณแม่จี้หน้าดำทะมึน 

 

“ซื้อเองก็ได้ ต่อไปฉันจะไม่มาขออะไรอีก!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด   

คุณแม่จี้โมโหจนทนไม่ไหว จึงคร้านจะอยู่กับหล่อน “แกอยู่บ้านคนเดียวไปแล้วกัน”  

เมื่อกล่าวจบก็มุ่งหน้าขึ้นไปบนภูเขา

 

หลี่จื้อกำลังเชือดไก่ ส่วนคุณพ่อจี้กำลังต้มน้ำ เมื่อเขาเห็นภรรยากลับมาจึงพูดขึ้น “ตัวเดียวจะพอกินเหรอ ผมให้หลี่จื้อฆ่าไก่ไป 2 ตัว” 

ตัวหนึ่งเอาไว้ทอด อีกตัวเอาไว้ตุ๋น  

คุณแม่จี้ไม่ได้พูดอะไร นางเดินเข้าไปหาเยียนเอ๋อร์ “พวกคุณกำลังยุ่งอยู่ เดี๋ยวฉันจะพาเยียนเอ๋อร์ไปเก็บไข่แล้วกัน”   

“คุณปู่อย่าลืมเก็บขนสวย ๆ ไว้ให้หนูทำลูกขนไก่ด้วยนะคะ!” เยียนเอ๋อร์บอก

“ได้สิ” คุณพ่อจี้พูดพร้อมรอยยิ้ม   

จี้อวิ๋นอวิ๋นหรือจะยอมอยู่แต่ในบ้าน ในที่สุดหล่อนก็ผิดคำพูดและขึ้นมาบนภูเขา ถึงอย่างไรซูตานหงก็ไม่อยู่บ้านสักหน่อย!   

“พ่อคะ ยังมีพ่อที่รักฉันอยู่!” จี้อวิ๋นอวิ๋นเห็นไก่สองตัวที่ฆ่าเสร็จแล้ว ก็พูดขึ้นมาทันที  

“แม่ของแกกำลังไปเก็บไข่” คุณพ่อจี้บอก  

“ที่นั่นเหม็นจะแย่ ฉันไม่ไปหรอกค่ะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด “พี่สามไปปักกิ่ง ฉันเคยได้ยินพี่สะใภ้สี่บอกว่าที่นั่นมีเป็ดปักกิ่งด้วย ไม่รู้พี่สามจะเอากลับมาหรือเปล่า?”

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท