ตอนที่ 240 ร้านค้าแห่งที่ 2 ในเมืองมหาวิทยาลัย
ด้วยโอกาสดังกล่าว จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงต้องการเชอร์รี่หลากหลายพันธุ์ ดังนั้นในสวนผลไม้แห่งที่ 3 จึงปลูกเชอร์รี่ไว้ครึ่งหนึ่ง
เขางานยุ่งจนกระทั่งสิ้นเดือนมีนาคม กว่าสวนแห่งที่ 3 จะแล้วเสร็จ จากนี้ถึงค่อยให้ไช่จ่านกั๋วกับจี้กวงซงไปรดน้ำ ใส่ปุ๋ย ส่วนงานที่เหลือจี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่มีแผนจะทำในตอนนี้
เมื่อต้นปีจี้เจี้ยนอวิ๋นได้ไปบรรทุกลูกปลาชุดใหม่กลับมา แล้วนำไปปล่อยในอ่างเก็บน้ำ ปลาของปีที่แล้วยังจับไม่หมดและมีตัวใหญ่เหลืออยู่ เนื่องจากจี้เจี้ยนอวิ๋นตั้งใจจะให้มีปลาขายตลอดทั้งปี จึงต้องจับปลาอยู่บ่อยครั้ง แต่ยังไม่คิดล้างอ่างเก็บน้ำ หากจับได้ปลาตัวเล็กให้ปล่อยไว้เลี้ยงต่อ ส่วนปลาตัวใหญ่ก็เอาออกไปขาย
นอกจากลูกปลาแล้ว ยังมีแพะและเป็ด
เป็ดถูกนำมาเลี้ยงก่อน ซึ่งมีจำนวนกว่า 50 ตัว แม่เป็ดตัวใหญ่ 2 ตัว พาลูก ๆ ของมันไปหาอาหารในอ่างเก็บน้ำ ส่วนแพะที่เพิ่งเอามาเลี้ยงในช่วงฤดูใบไม้ผลิ มีจำนวนกว่า 30 ตัว
โรงเลี้ยงแพะและโรงเรือนเป็ดได้ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นอย่างดี ดังนั้นจึงมีความเหมาะสมที่จะอยู่อาศัย
เมื่อเทียบกับเวลาว่างของปีที่แล้ว ปีนี้ลุงสวี่กับซูอันปังค่อนข้างงานยุ่ง เนื่องจากจี้เจี้ยนอวิ๋นได้มอบหมายงานหลักทั้งหมดให้พวกเขา ส่วนสวี่เหอซานกับซูจูเหมาก็หัวหมุนเช่นกัน เพราะช่วงต้นปีจี้เจี้ยนอวิ๋นได้เข้าไปในเมืองมหาวิทยาลัยและนำเงินเก็บของปีที่แล้วไปซื้อร้านเพิ่มอีกร้าน
ร้านนี้อยู่อีกฟากถนนของร้านเดิม ครั้งก่อนเขาซื้อร้านจากลุงเกาในราคา 5,000 หยวน ทว่าเพิ่งผ่านไปเพียงไม่กี่ปีเอง? ปัจจุบันราคาร้านค้าเพิ่มขึ้นอีก 1,500 หยวนแล้ว
จี้เจี้ยนอวิ๋นใช้เงินไป 6,500 หยวนถึงซื้อร้านนั้นมาได้ อีกทั้งสถานที่ยังเล็กกว่าร้านของลุงเกาอยู่เล็กน้อย
แต่ถึงอย่างไรจี้เจี้ยนอวิ๋นก็พอใจแล้ว เดิมทีเขาคิดว่าหากเจ้าของร้านนี้ไม่ขาย เขาจะไปซื้อร้านที่ไกลอีกหน่อย คาดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจกะทันหัน ทว่าราคา 6,500 หยวนนั้นถือว่าแพงมาก จี้เจี้ยนอวิ๋นพยายามต่อรองราคา แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมตอบตกลง
ในที่สุดจี้เจี้ยนอวิ๋นก็พยักหน้ารับ และทำการโอนร้านภายในวันเดียวกัน
จากนั้นเขาจึงไปหาคนตกแต่งร้านที่เคยทำงานให้เขาตอนตกแต่งร้านเดิม เพียงแค่เปลี่ยนจากร้านแรกเป็นร้านที่สอง
แม้ระยะทางจะห่างกัน แต่ผู้คนสัญจรไปมาค่อนข้างมาก ดังนั้นถึงราคาจะแพงกว่าเล็กน้อย เขาก็รู้สึกว่ามันคุ้มกับเงินที่จ่ายไป
ซุนต้าซานและเหอเจี่ยถูกเรียกตัวไปยังร้านค้าแห่งที่ 2
เมื่อทั้งคู่กลับจากบ้านเกิดเพื่อฉลองปีใหม่ จี้เจี้ยนอวิ๋นก็มาคุยกับพวกเขาว่าจะเปิดร้านอีกแห่งภายในปีนี้ พวกเขาต้องแยกกันดูแลคนละร้าน โดยให้จ้างผู้ช่วยที่ซื่อสัตย์มาอีก 2 คน เป็นชายหนุ่มอยู่กับซุนต้าซาน 1 คน และหญิงสาวอยู่กับเหอเจี่ยอีกคนหนึ่ง ทั้งยังให้พวกเขาคัดเลือกลูกจ้างที่ไว้ใจได้มาทำงานด้วยตัวเอง
ร้านของเขายังขายไก่ จึงต้องมีคนที่สามารถช่วยฆ่าไก่ให้ลูกค้าได้ด้วย
ความซื่อสัตย์จึงเป็นสิ่งจำเป็น เนื่องจากที่ร้านจะต้องสั่งสินค้าทุกวัน หากไม่อยากสร้างปัญหาให้ตัวเอง คนที่รับมาต้องซื่อสัตย์และปราศจากนิสัยไม่ดีที่ไม่ควรมี
สำหรับค่าจ้างสองสามีภรรยาจะได้รับเงินเดือนคนละ 40 หยวน แต่ไม่มีค่าอาหารเพิ่มเติมคนละ 10 หยวนแล้ว ส่วนคนงานที่มาใหม่อีก 2 คน จะได้รับค่าจ้าง 35 หยวนต่อเดือน
ในเมืองมหาวิทยาลัยเงิน 35 หยวนถือว่าไม่สูงมาก แต่ก็เป็นฐานเงินเดือนโดยทั่วไป
ค่าเช่าห้องเดี่ยวธรรมดาราคาประมาณ 3 ถึง 4 หยวนต่อเดือน ส่วนค่าอาหารและจิปาถะอยู่ที่ราว ๆ 15 ถึง 16 หยวน ในแต่ละเดือนจึงมีเงินเหลืออีก 15 หยวน
อย่างไรก็ตาม ร้านค้าที่จี้เจี้ยนอวิ๋นซื้อมาล้วนเป็นร้านที่สามารถอยู่อาศัยได้ ตอนนี้ซุนต้าซานและเหอเจี่ยไม่ได้อาศัยอยู่ที่หลังร้านแล้ว พวกเขาย้ายไปกลับอยู่ในชุมชนของตนเอง ดังนั้นคนงานใหม่ทั้งสองจึงสามารถอาศัยอยู่ที่ร้านได้ ซึ่งช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายไปได้มาก
เดิมทีคิดว่าซุนต้าซานกับเหอเจี่ยจะเรียกคนอื่น แต่พวกเขาไม่อยากปล่อยให้คุณพ่อกับคุณแม่ซุนทะเลาะกัน ดังนั้นจึงเรียกลูกของญาติคนหนึ่งมาทำงานด้วย
ส่วนทางฝั่งคุณพ่อกับคุณแม่ซุนนั้น แม้ว่าจะไม่ได้ทำงานแล้ว เนื่องจากพวกเขาพึ่งพาลูกชายให้ช่วยเลี้ยงดู แต่ในความเป็นจริงคุณพ่อซุนอายุ 58 ปี ส่วนคุณแม่ซุนอายุ 57 ปี ทั้งคู่ยังไม่แก่เกินไป
ทั้งสองไปช่วยงานซุนต้าซาน ส่วนเด็กหนุ่มอีกคนที่เป็นญาติถูกเรียกให้ไปช่วยเหอเจี่ยที่ร้านค้าแห่งนี้
หนุ่มน้อยคนนี้อายุ 19 ปี เขาเป็นหลานชายแท้ ๆ ของเหอเจี่ยจึงเชื่อถือได้ อีกทั้งสามีภรรยายังระมัดระวังตัวด้วย เนื่องจากพวกเขายังติดค้างเงินจี้เจี้ยนอวิ๋นถึง 3,000 หยวน ไม่ใช่แค่เรื่องเงินเท่านั้น แต่ยังรวมถึงความความเมตตาของผู้ใหญ่อีกด้วย
พวกเขาจะหาใครซักคนได้ที่ไหน?
เจี้ยนอวิ๋นก็เห็นด้วย แม้จะเป็นคุณพ่อกับคุณแม่ซุนก็สามารถดูแลร้านได้ ส่วนงานฆ่าไก่ให้ซุนต้าซานเป็นคนทำ ผู้เฒ่า 2 คน รับเงินเดือนเท่ากับลูกจ้างคนเดียว จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่รู้สึกว่ามันจะขาดทุนตรงไหน
ส่วนหลานชายคนโตของเหอเจี่ยที่ชื่อเหอโหยวไฉเป็นคนที่เรียบง่าย มือและเท้าของเขาค่อนข้างหยาบกระด้าง เห็นได้ชัดว่าเคยชินกับการทำงานหนัก
ตั้งแต่ปีนี้ เวลาทำการของร้านมีการเปลี่ยนแปลง
เมื่อก่อนร้านเปิดประมาณ 6 โมงครึ่งในตอนเช้า และปิด 6 โมงครึ่งในตอนเย็น ตอนนี้ซุนต้าซานกับเหอเจี่ยได้ขยายเวลาออกไปจนถึง 3 ทุ่ม จึงจะปิดร้าน
ในวันรุ่งขึ้นร้านเปิดตอน 6 โมงครึ่ง สองสามีภรรยาต่างก็ตั้งใจทำงานกันอย่างสุดความสามารถ
จี้เจี้ยนอวิ๋นตั้งใจว่าหากปีนี้ผลประกอบการดีขึ้น พวกเขาจะได้รับค่าจ้างมากขึ้นในปีหน้า เนื่องจากสามีภรรยาคู่นี้ทำงานได้ดีจริง ๆ จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกพอใจเป็นอย่างมาก ไม่เสียแรงที่ช่วยพวกเขาซื้อบ้านหลังนั้น
แม้ว่าจะมีพื้นที่เพียง 80 ตารางเมตร แต่ราคาก็เพิ่มขึ้นเกือบ 100 หยวนในปีที่ผ่านมา นับได้ว่าทำให้พวกเขาทั้งคู่ได้รับเงิน 100 หยวนนี้ในทางอ้อม
และถ้าเป็นตอนนี้ ก็ใช่ว่าจะซื้อได้
ตั้งแต่ต้นปี คู่สามีภรรยาได้พาผู้เฒ่าทั้งสอง และลูกอีก 3 คนย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองมหาวิทยาลัย
คน 7 คนอาศัยอยู่ในบ้านขนาด 80 ตารางเมตร ค่อนข้างจะแออัดอยู่สักเล็กน้อย
ในบ้านมี 2 ห้องนอนและ 1 ห้องโถง สองสามีภรรยานอนกับลูกสาวคนเล็กในห้องหนึ่ง และให้สองผู้เฒ่านอนในห้องที่เหลือ ส่วนลูกชาย 2 คนนอนบนพื้นที่ห้องโถง
แม้ความเป็นอยู่จะค่อนข้างแออัด แต่ซุนต้าซานกับเหอเจี่ยต่างก็พอใจกับชีวิตของพวกเขาในตอนนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับงานที่พวกเขาทำ ทั้งคู่ทุ่มเทความรับผิดอย่างเต็มที่
ตอนนี้เงินเดือนของคู่สามีภรรยาอยู่ที่คนละ 40 หยวน รวมกับเงินเดือนของพ่อแม่ที่รับค่าจ้างเท่ากับ 1 คนอีก 35 หยวน ทำให้ต่อเดือนมีรายได้เกือบ 100 หยวน โดยที่ไม่จำเป็นต้องเช่าบ้านหรือมีค่าใช้จ่ายพิเศษอื่น ๆ พวกเขามีเพียงแค่ค่าครองชีพปกติและค่าสาธารณูปโภค 50 หยวนต่อเดือนก็มากพอแล้ว ส่วนค่าอุปกรณ์การเรียนของเด็ก ๆ ที่บ้าน เพียง 40 หยวนก็สามารถอยู่ได้แล้ว
ในหนึ่งเดือนจะประหยัดเงินได้เป็นจำนวนมาก
ส่วนหลานชายคนโตของเหอเจี่ย ได้ยินว่าใช้เงินเพียง 5 หยวนต่อเดือนเท่านั้น ส่วนอาหารก็กินกับครอบครัวของป้า ทั้งยังพักอาศัยอยู่ที่ร้านค้า จึงสามารถเก็บเงินได้ถึง 30 หยวนต่อเดือน!
………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
บ้านนี้ก็ขยันทำงานกันจริง ๆ ค่ะ เห็นเก็บเงินได้ขนาดนั้นแล้วก็อิจฉาจังเลย
ส่วนคนไทยทุกวันนี้ก็คือมีแต่รายจ่ายที่เพิ่ม แต่รายรับไม่เพิ่มตาม แง
ไหหม่า(海馬)