ตอนที่ 242 คู่รักที่ไม่สมกัน
คุณแม่จี้โกรธจนปวดตับกับคําพูดที่หล่อนพูดออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
คำพูดอื่น ๆ ฉีฉีล้วนฟังไม่เข้าใจ แต่คําพูดนี้เขาเข้าใจแล้ว นี่เท่ากับต้องการกินไก่ของบ้านเขาโดยไม่จ่ายเงิน ดังนั้นเขาพูดอย่างตรงไปตรงมา “ผมจะไม่ให้ไก่ของบ้านผมกับคุณอาหรอก!”
“แม่ฟังสิ นี่แหละค่ะลูกชายคนดีของซูตานหง!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดทันที
“ฉีฉียังเด็กอยู่และสิ่งที่ฉีฉีพูดก็ถูกต้อง ไก่ของพี่สามจะให้แกกินเปล่า ๆ ไม่ได้ อยากกินก็ไปซื้อเองเถอะ ถ้าไม่ซื้อก็ไม่ต้องกิน!” คุณแม่จี้พูด
ตอนแรกนางอยากดูแลลูกสาวของนางให้ดี แต่เมื่อมาเจอกันนางก็ต้องอารมณ์เสียเป็นอย่างมาก จึงพูดขึ้น “ถั่วลิสงกับถั่วเหลืองพวกนี้ซื้อมาจากเพื่อนบ้าน เป็นของดีทั้งนั้น แกก็ไปซื้อกระดูกมาตุ๋นกินเองแล้วกัน ที่บ้านยังมีงานต้องทำอีกเยอะ ฉันจะพาฉีฉีกลับก่อน”
“ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าแม่เอาไก่มาให้อีก 2 ตัวนะ ฉันชอบกินไก่!” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด
แม้แต่จะรั้งไว้สักสองประโยคก็คิดถึงสิ่งของแล้ว คุณแม่จี้โมโหจนพูดอะไรไม่ออก “อยากกินอะไรให้หลี่จื้อไปซื้อเถอะ!”
จากนั้นก็พาฉีฉีลงบันไดไป
“คุณย่าอย่าโกรธเลยนะครับ ยังไงผมก็ไม่ให้คุณอากินไก่ของบ้านผมหรอก!” ฉีฉีพูดพร้อมกับจับมือคุณย่าของเขา
“ย่าไม่โกรธแล้ว ฉีฉีก็อย่าโกรธเลย พวกเราอย่าไปถือสาหล่อนเลยนะ ในท้องของหล่อนยังมีน้องชายอยู่ด้วย” คุณแม่จี้พูดด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ใช่พ่อแม่เดียวกันกับผม นั่นไม่ใช่น้องชายของผม!” ฉีฉีไม่รู้จักการเก็บซ่อนความคิด จึงพูดออกมาตามตรง
อย่ามองว่าเขายังเด็ก เขาเข้าใจดี เขากับเหรินเหรินพี่ชายของเขามีพ่อแม่คนเดียวกัน คนอื่น ๆ หรือแม้แต่เยียนเอ๋อร์เจี่ยก็ไม่ใช่
คุณแม่จี้รู้ว่าหลานชายตัวน้อยกำลังโกรธจึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ได้ ๆ ไม่ใช่น้องชายของหนูก็ได้ เดี๋ยวย่าจะพาไปซื้อของอร่อย ๆ ย่าไม่ได้มาในเมืองมาหลายปีแล้ว เมืองนี้พัฒนาเร็วมาก คึกคักกว่าฝั่งเราเสียอีก”
“ผมอยากได้กระเป๋านักเรียนครับ!” ความสนใจของฉีฉีถูกเบี่ยงเบนไปในทันที และดวงตาของเขาก็เป็นประกาย
“ได้สิ ย่าจะซื้อแบบที่สวยที่สุดให้หนูเลย” คุณแม่จี้ยิ้ม
“พี่ชายกับพี่สาวของผมก็อยากได้เหมือนกัน” ฉีฉีกล่าวอีกครั้ง
“ได้ ซื้อให้พวกเขาด้วย” คุณแม่จี้พยักหน้า
คุณแม่จี้พาฉีฉีไปซื้อของ จากนั้นก็ซื้อกระเป๋านักเรียนมา 3 ใบ ฉีฉีพอใจมากเมื่อกลับมาก็มอบมันให้พี่ชายกับพี่สาวเขา “ผมขอให้คุณย่าซื้อให้พวกพี่ด้วย!”
เยียนเอ๋อร์กับเหรินเหรินกล่าวขอบคุณเขา ฉีฉีพยักหน้า แสดงว่ามันมีประโยชน์มาก
“ลูกไปเล่นที่บ้านอาเล็กมาสนุกรึเปล่า?” เมื่อกลับถึงบ้าน ซูตานหงก็เอ่ยถามขึ้น
“ไม่สนุกเลยครับ ผมกับคุณย่าไปที่บ้านของคุณอาไม่นาน จากนั้นคุณย่าก็พาผมออกมากินของอร่อย พอซื้อกระเป๋าเสร็จก็กลับมาเลยครับ” ฉีฉีกล่าว
แม้เธอจะขอให้แม่สามีนำของหลายอย่างไปให้ แต่ผลลัพท์ก็เป็นดังที่ซูตานหงคาดไว้ “ครั้งหน้าลูกจะไปที่นั่นอีกไหม?”
“ไปครับ ผมจะไม่ปล่อยให้เขามารังแกคุณย่าของผมหรอก!” ฉีฉีพูดทันที
ซูตานหงยิ้มและลูบใบหน้าเล็ก ๆ ของเขา “หล่อนจะรังแกคุณย่าของลูกได้ยังไง คุณย่าเป็นแม่ของหล่อน ถึงยังไงหล่อนก็รังแกคุณย่าของลูกไม่ได้อยู่ดี”
ฉีฉีไม่เข้าใจความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงพูดตามสิ่งที่เห็น “หล่อนอยากกินไก่บนภูเขาโดยไม่จ่ายเงิน แต่คุณย่าของผมไม่เห็นด้วย คุณย่ายังบอกให้หล่อนซื้อเองถ้าอยากกิน หล่อนเลยพูดว่าขี้งก จากนั้นคุณย่าก็โมโหจนหน้าเขียวแล้วทิ้งของเอาไว้ ก่อนจะพาผมออกมา”
ซูตานหงยิ้ม “แล้วลูกไม่โกรธเหรอ?”
“ผมไม่โกรธ” ฉีฉีกล่าวอย่างไม่ใส่ใจ “แต่ผมไม่ชอบเขา และในท้องของเขาก็ไม่ใช่น้องชายของผมด้วย”
“อืม” ซูตานหงพยักหน้าพร้อมกับชมว่ากระเป๋านักเรียนของเขาดูสวยดี
“แน่นอนครับ ผมเลือกเอง!” ฉีฉีกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้กังวลกับเรื่องวันนี้ ซูตานหงจึงปล่อยเขาไว้ วันนี้เธอทำเค้กถั่วลิสงและถามว่าเขาจะกินหรือไม่
“กินครับ ขอให้ผมเพิ่มอีกสัก 2 ถึง 3 ชิ้นนะครับ ผมจะเอาไปแบ่งเพื่อน” ฉีฉีวางหนังสือลงและพูดทันที
“ไปเถอะจ้ะ” ซูตานหงหยิบให้เขา 3 ชิ้น ส่วนจะแบ่งให้เพื่อน ๆ อย่างไรนั้น ให้เขาตัดสินใจเอง
ฉีฉีวิ่งออกไป
ซูตานหงหยิบสะดึงปักผ้าขึ้นมาเพื่อทำงานปัก
เธอพอใจกับทัศนคติของแม่สามี ไม่มากและไม่น้อยจนเกินไป แน่นอนว่าหากแม่สามีของเธอไม่มีบรรทัดฐานจริง ๆ ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับแม่สามีคงต้องอยู่ในระดับธรรมดา ไม่ดีเท่าตอนนี้
ส่วนจี้อวิ๋นอวิ๋นที่ต่อต้านเธอในตอนนี้ แม้ว่าในอนาคตอาจจะดีขึ้น แต่เธอก็ไม่มีความคิดที่จะคบหาอย่างลึกซึ้งด้วย เพียงแค่ปฏิบัติต่อกันเหมือนเป็นญาติห่าง ๆ ก็พอ
ย้อนกลับมากล่าวถึงในเมือง
เมื่อหลี่จื้อกลับมาที่บ้าน เขาก็เห็นข้าวของมากมาย จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่ได้จัดระเบียบ ของทั้งหมดจึงกองอยู่นอกระเบียงเพื่อรอให้เขากลับมาจัดเก็บ
“พี่สามมาเหรอครับ?” หลี่จื้อถาม
นอกจากจี้เจี้ยนอวิ๋นแล้ว เขาก็นึกไม่ออกเลยว่าจะเป็นคนอื่น
“ไม่ใช่พี่สามหรอกค่ะ เป็นแม่ของฉันเอาของฝากมาให้” จี้อวิ๋นอวิ๋นกินสตรอเบอรี่ไปพลางพูดไปพลาง
อืม หล่อนไม่ขยับตัวทำอย่างอื่นนอกจากล้างสตรอเบอรี่แล้วก็กิน สตรอเบอรี่นี้อร่อยจริง ๆ ทั้งหวาน รสชาติดีและลูกใหญ่มาก
“คุณแม่มาแล้วทำไมไม่ให้ท่านอยู่กินข้าวเย็นก่อนค่อยกลับล่ะครับ?” หลี่จื้อพูดเมื่อได้ยินคำพูดนั้น
แม่ยายของเขานำของมามากมาย ไข่ในตะกร้าใบนั้นหนักกว่า 3 ชั่ง ดูแล้วน่ามีไข่แดงแฝด และยังมีแม่ไก่ตัวนั้นด้วย
ถั่วเหลืองและถั่วลิสงเหล่านี้ก็มีคุณค่าทางโภชนาการมากเช่นกัน
“แม่บอกว่าที่บ้านยังมีงานยุ่งอยู่มาก เลยไม่ได้อยู่ต่อ” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูดอย่างไม่ใส่ใจ
หลี่จื้อรู้ว่าคงเป็นเพราะภรรยาไปยั่วโมโหแม่ยายของเขา ไม่อย่างนั้นนางจะหาเวลามาในเมือง ทั้ง ๆ ที่ยังมีงานยุ่งอยู่ที่บ้านอีกหรือ?
“คืนนี้ผมจะตุ๋นไก่ให้คุณกิน ผมจะซื้อกระตูกชิ้นใหญ่ ๆ มาตุ๋นถั่วเหลืองให้คุณกินทุกวันนะครับ” หลี่จื้อไม่ว่าอะไร ขณะที่จัดของก็พูดไปด้วย
“ฉันเบื่อกระดูกตุ๋นใส่ถั่วเหลืองแล้ว คุณเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นให้ฉันหน่อย” จี้อวิ๋นอวิ๋นพูด
“งั้นเท้าหมูใส่ถั่วลิสงล่ะ?” หลี่จื้อกล่าว
“ฉันไม่กิน” จี้อวิ๋นอวิ๋นรังเกียจ
หลี่จื้อกล่าว “งั้นผมไปซื้อปลาจี้มาใส่ซุปเต้าหู้”
“ได้สิ” จี้อวิ๋นอวิ๋นถามหลี่จื้ออย่างลําบากใจ “คุณกินสตรอเบอรี่นี้ไหม?”
“คุณกินเถอะ” หลี่จื้อส่ายหัว
จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่สนใจเขาอีกต่อไป หลี่จื้อมองหล่อนแวบหนึ่งพลางลอบถอนหายใจเบา ๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก จากนั้นก็เริ่มต้มน้ำเพื่อฆ่าไก่
ไก่ตุ๋นมื้อเย็นวันนี้กลิ่นหอมมาก จี้อวิ๋นอวิ๋นกินไก่ทั้งตัวและดื่มซุปไปอีกไม่น้อย เหลือแค่น้ำซุปไก่ชามหนึ่งให้หลี่จื้อ เมื่อหลี่จื้อเห็นว่าหล่อนดื่มต่อไม่ไหวแล้วจึงถามขึ้น “จะเก็บไว้กินพรุ่งนี้อีกไหม?”
“ฉันไม่กินของค้างคืน คุณกินเถอะ” จี้อวิ๋นอวิ๋นโบกมือ
หลี่จื้อจึงดื่มมัน
ต้องบอกว่าไก่จากบ้านพี่สามนั้นมีกลิ่นหอมจริง ๆ เขาเคยซื้อไก่จากบ้านอื่นมาตุ๋น แต่ก็ไม่สามารถเทียบกับของบ้านพี่สามของเขาได้
ตอนนี้หลี่จื้อวิ่งไปมาระหว่างที่บ้านกับที่โรงเรียน เช้าวันรุ่งขึ้นเขาซื้อปลาจี้และเต้าหู้กลับมา เมื่อตุ๋นมันเสร็จแล้ว เขาก็เปลี่ยนเสื้อผ้าและออกไปวิ่งในสนามเด็กเล่น
ตอนที่เขากลับมา จี้อวิ๋นอวิ๋นยังไม่ตื่น แต่อย่างไรซุปปลาจี้ก็ทำเสร็จแล้ว เขาไม่ได้ปลุกจี้อวิ๋นอวิ๋น ดังนั้นเขาจึงดื่มซุปปลาจี้ไป 1 ชาม กับซาลาเปา 1 ลูก แล้วไปโรงเรียนก่อน
จี้อวิ๋นอวิ๋นยังหลับอุตุอย่างนั้นจนกระทั่งแปดโมงกว่าถึงจะตื่น
…………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เหมือนเอาหลี่จื้อมาทรมานเลยอะ นึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงต้องมีข้าราชบริพารมาคอยรับใช้เหรอ ขอให้หย่ากันเร็ว ๆ นะคะ สงสารฝ่ายผู้ชายมาก สถานะเหมือนเป็นคนใช้นังอวิ๋นๆ อะ
ไหหม่า(海馬)