ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 253 หมั้นหมาย

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 253 หมั้นหมาย

สะใภ้รองซูเอ่ย “แต่ว่ามันก็เร็วไปหน่อยนะคะ เธออายุแค่ 15 เอง”

“เรื่องแบบนี้ก็ต้องตกลงกันก่อนอยู่แล้วไม่ใช่เหรอครับ? ถ้าปล่อยไปเรื่อย ๆ อย่างนี้ ตอนเธออายุ 18 จะไปทันการได้ยังไง?” ซูจิ้นตั๋งบอกพร้อมรอยยิ้ม

สะใภ้รองซูยิ้มออกมาเช่นกัน หากแต่ไม่ได้พูดอะไร

ตอนที่หยางต้าหยามาทำงาน สะใภ้รองซูก็ไม่เคยกดขี่ข่มเหง หล่อนให้เด็กสาวกินข้าวร่วมโต๊ะกับครอบครัว และอยู่ในห้องข้าง ๆ แม้ว่ากิจการในร้านจะยุ่งไปเสียหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่งานหนัก หน้าที่หลักของต้าหยาคือการเป็นพี่เลี้ยง และช่วยงานหล่อนตอนที่งานรัดตัว รวมถึงงานบ้าน โดยภาพรวมของงานจึงไม่ยุ่งนัก

ตอนนี้ต้าหยาได้เงินเดือน 28 หยวน อีกทั้งยังมีอาหารและที่พักให้เป็นอย่างดี

ตลอดเวลาที่ผ่านมา สะใภ้รองซูจะซื้อเสื้อผ้าราวชุด 2 ชุดให้เธอ ซึ่งมีคุณภาพเนื้อผ้าคนละระดับกับชาวบ้านทั่วไป

“ฉันจะไปถามต้าหยาแล้วกันค่ะ” แม้จะได้ยินว่าชายหนุ่มเป็นคนดี แต่สะใภ้รองซูก็ยังมาถามหยางต้าหยา

หยางต้าหยาตั้งใจทำงานที่นี่ เป็นธรรมดาที่คนแบบนี้จะได้รับความเอ็นดู แม้หยางต้าหยาจะเป็นเพียงคนงาน แต่ลูกชายของหล่อนอย่างสือโถวก็เรียกเขาว่าพี่สาว และต้าหยาก็ดูแลเขาเหมือนน้องชายคนหนึ่ง

เมื่อเห็นหล่อนมาถามเรื่องนี้ หยางต้าหยาก็เขินอายไม่น้อย แต่ก็บอกไปว่า “ในหมู่บ้านนี้เขาขึ้นชื่อเรื่องเป็นคนขยันขันแข็งค่ะ พี่สาวทั้ง 6 คนของเขาแต่งออกไปหมดแล้ว เขาช่วยเหลือและดูแลครอบครัวได้ดีมาก ส่วนพ่อแม่ของเขาก็ดีมากเหมือนกันค่ะ”

“แสดงว่าเธอก็ชอบเขาเหรอ?” สะใภ้รองซูถามเธอ

“แค่ลองคุย ๆ กันดูก่อนค่ะ ยังเร็วเกินกว่าจะตัดสินใจ” หยางต้าหยาตอบ

สะใภ้รองซูหัวเราะออกมา แม้หล่อนจะรู้ว่าหยางต้าหยามีใจให้อีกฝ่าย แต่เธอก็มีอายุเพียงเท่านี้ หล่อนจึงไม่อยากเร่งรัด

“ถึงจะบอกว่ายังเหลือตั้ง 3 ปี แต่ 3 ปีก็ผ่านไปไวมากนะ เธอต้องเก็บออมสินเดิมเอาไว้มากกว่านี้ รู้ไหม?” สะใภ้รองซูเอ่ย

หากไม่ทำมาหากินก็ไม่มีทางได้เงิน หากทำมาหากินด้วยตนเองได้ก็จะมีเงินเก็บไว้กับตัว ยิ่งถ้ามีสินเดิมมาก ตอนแต่งงานกับสามีก็จะทำให้ชีวิตมั่นคง

“ไม่เห็นต้องเก็บเลยค่ะ แต่งงานไป ทางนั้นก็คงไม่กดขี่ฉันหรอกค่ะ” หยางต้าหยาบอก

“เด็กโง่ ถ้าเก็บไว้ก็จะได้มีเป็นของตัวเอง ส่วนครอบครัวของเธอ ตอนที่แต่งงานไปคงหวังพึ่งพาไม่ได้อยู่แล้ว” สะใภ้รองซูเอ่ย

แม่ของหยางต้าหยาอย่างหม่าฮุ่ยนั้น สะใภ้รองซูรู้ดีว่าหล่อนโปรดปรานแต่ลูกชาย และไม่ใส่ใจลูกสาวแต่อย่างใด หล่อนจะมอบของเป็นสินเดิมให้สักเท่าไรกัน?

หยางต้าหยายกยิ้ม

“เธอได้บอกแม่เรื่องที่ได้ขึ้นเงินเดือนหรือเปล่า?” สะใภ้รองซูถาม

“ไม่ได้บอกค่ะ ฉันเอาเงินที่ได้เพิ่ม 3 หยวนไปให้คุณย่า บอกให้คุณย่าเอาไปซื้อของกินค่ะ” หยางต้าหยาตอบ

สะใภ้รองซูไม่ได้ออกความเห็น ทั้งยังขอบคุณตานหงที่แนะนำเด็กสาวให้ เพราะต้าหยาเป็นคนกตัญญู หล่อนจึงไม่ได้ถือสาเรื่องนี้

“คุณน้าคะ ต่อไปถ้าฉันแต่งงานไปยังจะทำงานที่นี่ได้หรือเปล่าคะ?” หยางต้าหยาถามขณะมองหน้าหล่อน

“ได้อยู่แล้วสิ” สะใภ้รองซูเอ่ยพร้อมรอยยิ้ม “ตราบใดที่เธอไม่เบื่อซะก่อนก็มาทำงานได้ตลอดอยู่แล้ว ต่อให้แต่งงานแล้ว ที่นี่ก็พร้อมต้อนรับเธอเสมอ”

หยางต้าหยาเม้มปากและพยักหน้ารับ

เธอชอบงานนี้มาก ทั้งมีอาหารการกินสมบูรณ์และงานไม่หนัก เถ้าแก่เนี้ยกับเถ้าแก่ก็เป็นคนดีมาก และเงินเดือนยังสูงอีกต่างหาก

ตอนนี้เธอยังไม่ได้แต่งงาน จึงยกเงินเดือนให้ครอบครัวเป็นหลัก เมื่อแต่งงานแล้วเธอถึงค่อยเก็บไว้เป็นทุนการศึกษาของลูก ๆ ในอนาคต ตัวเธอเรียนเพียง 1 หรือ 2 ปีก็ไม่มีโอกาสได้เรียนอีก ต่อไปเมื่อเธอมีลูก ไม่ว่าจะเป็นลูกชายหรือลูกสาวก็ต้องส่งเรียนจนถึงระดับมหาวิทยาลัยให้ได้!

แต่ตอนนี้ยังเร็วเกินไป ต้องรออีก 3 ปี หยางต้าหยาจึงสงบสติอารมณ์ ก่อนเริ่มทำความสะอาดบ้าน

ไม่กี่วันต่อมาในขณะที่จี้เจี้ยนอวิ๋นกำลังงานยุ่ง ซูตานหงก็ได้ยินว่าคุณแม่ของกวงซงได้ไปทาบทามเรื่องการแต่งงานกับหม่าฮุ่ยซึ่งเป็นคุณแม่ของหยางต้าหยาแล้ว

หากเป็นครอบครัวอื่นหม่าฮุ่ยคงปฏิเสธไปอย่างไม่คิดจะเจรจา แต่เพราะเป็นคุณแม่ของจี้กวงซง หม่าฮุ่ยจึงต้อนรับขับสู้เป็นอย่างดี

ถึงอย่างไรคุณพ่อกับคุณแม่ของกวงซงก็มีลูกชายเพียงคนเดียว และยังเป็นลูกชายที่ดีอีกด้วย จี้กวงซงเป็นชายหนุ่มในหมู่บ้านที่ดีที่สุดในบรรดาชายหนุ่มทั้งหมด ทั้งดูดีและร่างสูง หากบ้านหล่อนมีงาน หล่อนก็สามารถเรียกให้มาช่วยได้

ก่อนหน้านี้หล่อนต้องการให้ลูกสาวได้แต่งงานกับคนในเมืองมาตลอด หากแต่ไม่คิดว่าคุณแม่ของกวงซงจะมาคุยเรื่องแต่งงานเร็วขนาดนี้

“คุณป้าคะ ไม่ต้องมาคุยเร็วขนาดนี้ก็ได้นี่คะ?” แม้หล่อนจะยินดีที่คุณแม่ของกวงซงมาหา แต่หม่าฮุ่ยก็เก็บอาการไว้ ก่อนบอกพร้อมส่งยิ้ม “ปีนี้ลูกสาวฉันอายุแค่ 15 ปีเองนะคะ”

“อายุ 15 ก็ไม่เด็กแล้ว ฉันได้ยินว่าตอนเธอแต่งงานกับอ้ายมู่ เธอก็อายุแค่ 16 เองนี่” คุณแม่ของกวงซงเอ่ย “แต่สมัยนี้เปลี่ยนไปแล้ว จะทำตัวล้าสมัยไม่ได้ รอไปอีกหน่อยจะดีกว่า อีก 3 ปีลูกสาวเธอก็จะอายุ 18 ถึงเวลานั้นก็คงจะเหมาะสมพอดี ครอบครัวของฉันก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ไม่ต้องพูดถึงเรื่องว่าที่ลูกเขย เธอจะไม่ลำบากอย่างแน่นอน ถ้ามีอะไรในบ้านให้ช่วยเหลือ แค่บอกมาเขาก็จะไปช่วยทันที”

คุณแม่ของกวงซงบอกมูลค่าสินสอด ทำเอาหม่าฮุ่ยถึงกับตาลุกวาวเมื่อได้ยิน

99 หยวน ซึ่งหมายความว่ายิ่งยืนนาน

หม่าฮุ่ยรู้มาว่าตอนที่หลี่จื้อแต่งงานกับจี้อวิ๋นอวิ๋น เขามอบสินสอดให้เพียง 70 หยวนเท่านั้น ครั้งนี้คุณแม่ของกวงซงเสนอมาถึง 99 หยวน ถือว่าเป็นเงินก้อนโตเลยทีเดียว

แน่นอนว่าหากเทียบกับเงินที่จี้หม่าอี้ใช้แต่งภรรยามันอาจจะดูน้อย แต่พอจี้หม่าอี้แต่งงานไปแล้วเป็นอย่างไรล่ะ? เขาเกือบหมดตัวเลยนี่ มีชาวบ้านมากมายแค่ไหนที่เอาเรื่องนี้ไปพูดลับหลังกัน?

แม้ว่าหม่าฮุ่ยจะชอบเงิน แต่หล่อนก็ยังรักษาหน้าตัวเองไว้อยู่บ้าง

ตอนนี้หยางต้าหยาได้เงินเดือน 25 หยวน สินสอด 99 หยวนเทียบได้กับเงินเดือน 4 เดือน หากแต่ลูกสาวของหล่อนก็ต้องแต่งงานเมื่อโตขึ้น ไม่อาจห้ามได้อยู่แล้ว

หากห้ามไม่ได้ อย่างนั้นก็ต้องเลือกคนที่เหมาะสม มีชายหนุ่มมากมายหมายปองลูกสาวคนโตของหล่อน แน่นอนว่าหล่อนรู้เรื่องนี้ดี แต่หากจะให้พูดคงไม่มีใครเทียบกับครอบครัวของกวงซงได้

หม่าฮุ่ยไม่ได้ตอบรับทันที จนกระทั่งสามีของหล่อนกลับมา หลังจากปรึกษากันหล่อนก็ยอมตกลง

เนื่องจากพื้นเพของครอบครัวจี้กวงซงดีพร้อม เมื่อเทียบกับคนในเมืองแล้ว อันที่จริงพวกเขาไม่ได้น้อยหน้ามากนัก โดยเฉพาะตอนนี้เขาได้เงินเดือนจากจี้เจี้ยนอวิ๋น ความต่างในจุดที่เขาเป็นหนุ่มชนบทจึงไม่ได้ทำให้เขาดูแย่ไปกว่าชายหนุ่มในเมือง

และการแต่งงานกับคนบ้านใกล้เรือนเคียงกันก็มีข้อดี จะกลับมาดูแลครอบครัวก็ทำได้ไม่มีปัญหา? หากแต่งงานกับคนไกล อาจทำให้ห่างเหินกันเกินไปเช่นกัน

ดังนั้นเมื่อพิจารณาอย่างรอบด้านแล้ว ยังทำให้คุณป้าหยางไม่ต้องคอยดูแลเด็กสาวหากพวกเขาแต่งงานกันไป และหยางต้าหยาก็ยังกลับมาบ้านได้เป็นช่วง ๆ

อีกทั้งคุณพ่อกับคุณแม่ของกวงซงยังเป็นพ่อตาแม่ยายในฝันของใครหลายคนด้วย

เพื่อจะไปรับต้าหยาเดือนละครั้ง จี้กวงซงถึงกับไปซื้อจักรยานที่มีเบาะหลังคันใหญ่มา ราคามากกว่า 100 หยวน และเอามาไปรับต้าหยาโดยเฉพาะ

สาว ๆ ในหมู่บ้านต่างมองจี้กวงซงอย่างนึกอิจฉา ในขณะหนุ่ม ๆ ที่จ้องหยางต้าหยาก็ได้แต่ส่ายหน้าและถอนหายใจ

เพราะไม่มีทางที่พวกเขาจะเทียบกับจี้กวงซงได้

ตอนนี้เขาเลี้ยงไก่และหมูที่บ้าน และยังปลูกมันหวานและข้าวสาลีไว้ด้วย ทำให้เขามีรายได้มั่นคง ตอนนี้ได้เงินต่อเดือนถึง 40 หยวน และยังมีในส่วนอื่น ๆ อีก พ่อแม่ของเขามีลูกชายเพียงคนเดียว ต่อไปทรัพย์สินทั้งหมดจะไม่ตกเป็นของเขาได้อย่างไร?

นี่เป็นจุดที่พวกเขาเทียบไม่ได้

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

เป็นคู่ที่เหมาะสมลงตัวอีกคู่หนึ่งจริง ๆ ป้าหยางสบายใจแล้ว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท