ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 264 ร้านค้าเล็ก ๆ ในเมืองเจียงสุ่ย

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 264 ร้านค้าเล็ก ๆ ในเมืองเจียงสุ่ย

  

เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาแล้ว ซูตานหงจึงบอกกับเขาทันที

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงขบคิดอย่างจริงจัง

เขามีร้านค้าที่เมืองมหาวิทยาลัยอยู่ 2 ร้าน ในเมืองอีก 1 ร้าน แต่ที่เมืองเจียงสุ่ยยังไม่มี

ที่สำคัญยังหาคนเฝ้าร้านไม่ได้ นี่เหรอที่เรียกว่ามีคนพร้อม?

“ตั้งใจจะชวนจริง ๆ เหรอคะ” ซูตานหงที่เห็นเขาเป็นเช่นนั้นก็เอ่ยถาม

“ชวนมาสิ ทำไมถึงไม่ชวนละ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูดในสิ่งที่คิดออกมา

“การหาคนเฝ้าร้านตรงนั้นต้องหาคนที่ไว้ใจได้ น้องชายน้องสาวที่บ้านเรา อาจจะไว้ใจได้มากกว่า” ซูตานหงว่า

“ไม่น่าจะใช่ปัญหาใหญ่อะไร” จี้เจี้ยนอวิ๋นว่า

ถึงจะพูดแบบนั้น จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เรียกจี้เจี้ยนเหวินมาถามแล้ว

จี้เจี้ยนเหวินขมวดคิ้ว “พี่สาม เรื่องนี้ช่างมันเถอะ”

“นิสัยเขาใช้ไม่ได้เหรอ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นว่า

“คุณลุงของเยียนเอ๋อร์นิสัยดีมาก” จี้เจี้ยนเหวินกล่าว “แต่ภรรยาของพี่ชายใหญ่ หล่อนเป็นคนที่เข้ากับคนอื่นยาก”

จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกว่าตราบใดที่ผู้ชายสามารถยืนหยัดต่อสถานการณ์ตรงหน้าได้มันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ เขาตัดสินใจเปิดร้านที่เมืองเจียงสุ่ยและให้พี่ใหญ่อวิ๋นเป็นคนดูแล

มีเพียงแค่ในส่วนของบัญชีเท่านั้น ที่เขาต้องการทำให้ออกมาชัดเจน

ตอนบ่ายของวันต่อมาไม่ต้องขับรถไปส่งของ เขากับจี้เจี้ยนเหวินจึงขับรถมาที่เมืองเจียงสุ่ย เมื่อหาร้านที่ทำเลดี ๆ ได้แล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นก็ทำการซื้อมัน

ช่วงนี้เขาขายหมูไปแล้ว บวกกับรายได้อื่น ๆ ในมือตอนนี้ก็ยังมีเงินอยู่บ้าง

ร้านค้ามีพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร ร้านค้าดังกล่าวมีขนาดเล็กไม่ใหญ่มากนัก ดังนั้นต่อให้จะอยู่ในเมืองเจียงสุ่ยก็ไม่ถือว่าแพงเกินไป

เมื่อซื้อร้านมาได้ พวกเขาก็หาคนมาตกแต่งซ่อมแซมและให้คนงานทำงานกันไป แล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นกับจี้เจี้ยนเหวินจึงมาหาพี่ใหญ่อวิ๋น

พี่ใหญ่อวิ๋นตกใจเป็นอย่างมาก เขาตั้งใจว่าจะไปทำงานที่ชนบท แต่ถ้าเขามีเงินเดือนมากกว่า 40 หยวนต่อเดือนเขาก็เต็มใจ เพราะในชนบทเขาใช้เงินน้อยลง ในสถานการณ์ปกติเขาสามารถเหลือเงินจำนวนมากเพื่อส่งกลับบ้านได้ ดังนั้นแม้จะเป็นชนบท เขาก็เต็มใจที่จะไป

ไม่เช่นนั้นจะเลี้ยงเด็ก ๆ ถึง 3 คนได้อย่างไร ทุกคนเข้าเรียนกันหมดแล้ว ค่าใช้จ่ายก็มากขึ้นทุกปี

เขารับรู้เพียงว่าจี้เจี้ยนอวิ๋นจะเปิดร้านที่เมืองเจียงสุ่ย แต่ก็คิดว่าเป็นร้านที่เช่าเท่านั้น ไม่ได้คิดว่าเป็นร้านที่ซื้อไปแล้ว

พี่ใหญ่อวิ๋นให้คำสัญญากับเขาว่าสามารถรับภาระหน้าที่นี้ได้อย่างแน่นอน

อันที่จริงร้านนี้อยู่ห่างบ้านไปเพียง 40 นาทีเท่านั้น ครอบครัวอวิ๋นมีจักรยานอยู่ที่บ้านและสามารถเดินทางถึงที่นั่นใน 10 นาทีได้

แล้วจี้เจี้ยนอวิ๋นก็เอ่ยถึงเรื่องเงินเดือนที่ไม่น้อย “สำหรับทางผม เรื่องเงินเดือนสำหรับพนักงานใหม่ในช่วงแรกคือ 35 หยวน ถ้าครึ่งปีหลังยังทำงานอยู่ ตอนนั้นเงินเดือนก็จะเท่ากับคนอื่น ๆ แต่พี่เป็นพี่ของภรรยาจี้เจี้ยนเหวิน ผมจะให้ไปเลย 40 หยวน แต่พี่จะต้องทำบัญชีของร้านออกมาให้ชัดเจน หน้าร้านทุกร้านมีกฎแบบนี้และต้องสรุปยอดทุกสิ้นเดือน”

“นี่มันแน่นอนอยู่แล้ว” พี่ใหญ่อวิ๋นพูดกับเขาอย่างตื่นเต้น

จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงขับรถพาเขามาดูร้านที่กำลังอยู่ในช่วงซ่อมแซม และพูดกับเขา “พี่รับหน้าที่ดูแลร้านนี้ ผมให้เงินมัดจำไปแล้วครึ่งหนึ่ง ส่วนอีกครึ่งหนึ่งผมจะให้พี่ไว้ รอเมื่อทำงานเสร็จ พี่ก็สรุปยอดเงินให้กับพวกเขา”

“ได้” พี่ใหญ่อวิ๋นพยักหน้า

ตอนนี้เย็นมากแล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นอยู่ได้ไม่นานก็พาจี้เจี้ยนเหวินกลับ

เมื่อมาถึงบ้านก็ใกล้จะ 2 ทุ่มพอดี จี้เจี้ยนเหวินก็มากับเขาด้วย ซูตานหงจึงนำบะหมี่ไข่กับเนื้อมาสองชาม จี้เจี้ยนเหวินกินเสร็จก็กลับไป

ซูตานหงก็ถามเรื่องร้านที่เปิดใหม่กับจี้เจี้ยนอวิ๋น

“ผมไปเจอเขามาแล้ว ถือว่าเป็นคนใช้ได้เลย งั้นดูก่อนแล้วกันว่าใช้งานได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ค่อยปล่อยไป” จี้เจี้ยนอวิ๋นพูด

เงินที่เขาให้พี่ใหญ่อวิ๋นคิดเป็นต่อเดือน เพราะว่าร้านนั่นมีขนาดเล็ก จนรู้สึกว่าคน ๆ เดียวก็สามารถจัดการได้ และยังไม่ต้องขนของอะไรมากมายเข้าร้าน เมื่อเขาไปที่เมืองมหาวิทยาลัยเมื่อใดก็จะวนรถเข้าไปส่งของด้วยเลย

จี้เจี้ยนอวิ๋นยังไม่ได้คิดว่าจะทำร้านให้ออกมาใหญ่มากน้อยขนาดไหน ก็เลยซื้อแค่ร้านเล็ก ๆ นี้ แต่เนื่องจากทำเลที่ตั้งดี รายได้ของร้านนี้จึงน่าจะดีด้วย แน่นอนว่าจะต้องดีกว่าร้านในเมืองของจี้เฟิงสองย่าหลานแน่นอน เพราะว่าถึงอย่างไรที่นี่ก็คือเมืองเจียงสุ่ย ผู้คนค่อนข้างมีเงิน ค่าใช้จ่ายก็สูง

ช่วงสายของวันต่อมา ร้านค้าก็ซ่อมแซมเสร็จ เหลือแค่เดินระบบสายไฟเท่านั้น นอกจากนั้นก็เสร็จหมดแล้ว ไม่ต้องใช้เงินอะไรมากมาย

ช่วงบ่ายวันต่อมา พี่ใหญ่อวิ๋นก็พาสะใภ้ใหญ่อวิ๋นมาทำความสะอาดร้าน

ดูจากร้านนี้แล้ว สะใภ้ใหญ่อวิ๋นก็เอ่ยขึ้น “คุณคนเดียวจะทำไหวไหมคะ?”

“ผมทำไม่ไหวก็ยังมีคุณอยู่ด้วย คุณอยู่บ้านว่าง ๆ ก็ไม่ได้ทำอะไร ก็มาช่วยกันก็ได้นี่ครับ” พี่ใหญ่อวิ๋นว่า

พี่สามีสามของลี่ลี่ทำธุรกิจได้คุ้มค่ามาก เลือกสถานที่ก็ดี คนเดินผ่านไปผ่านมา ทำธุรกิจตรงนี้เงินก็ไม่หายไปไหน

ช่วงเย็นวันต่อมา จี้เจี้ยนอวิ๋นไปรับจี้เจี้ยนเยี่ยด้วยตนเอง และขับไปส่งของตามร้านต่าง ๆ ร้านที่เขาเปิดเอาไว้ล้วนตั้งอยู่ในเส้นทางที่จำได้ไม่ยาก

ไข่ 3 ตระกร้าล้วนมีรำข้าวรองไว้รอบ ๆ ไม่มีทางแตกง่าย ๆ

นอกจากไข่แล้ว ก็ยังมีผลิตภัณฑ์อื่น ๆ เช่น ไข่เป็ด ไข่เป็ดเค็ม ไข่เค็ม รวมถึงธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วลิสง

สินค้าสดมีเพียงกุ้งเป็น ๆ ปริมาณ 20 กว่าชั่ง เขาให้พี่ใหญ่อวิ๋นขายมันอย่างจำกัด คนหนึ่งสามารถขายได้แค่หนึ่งชั่ง ไม่ให้ขายเยอะกว่านี้

ในร้านค้าก็มีของขายประมาณนี้ ยังไม่มีของอย่างอื่น

ของทุกอย่างที่มีล้วนถูกย้ายมาไว้ที่นี่ไม่น้อย โดยความเป็นจริงแล้วมีพอขายได้ 3 ถึง 5 วัน

แต่เป็นเพราะมีกุ้งเป็น ๆ ที่ใช้ดึงดูดลูกค้าอยู่ด้วย การขายของทั้งหมดจึงใช้เวลาเพียง 3 วันเท่านั้นก่อนจะมีการติดต่อกลับ และตกลงที่จะส่งสินค้าอีกครั้งในอีก 3 วันข้างหน้า

กำไรของเดือนแรกนั้นดีมาก จี้เจี้ยนอวิ๋นคำนวณบัญชีแล้วพบว่ากำไรสุทธิคือ 200 หยวน หลังจากหักค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เช่น ค่าน้ำมันรถยนต์และค่าแรงแล้ว รายได้ของเขาจะอยู่ที่ประมาณ 150 หยวน ซึ่งดีกว่าธุรกิจของร้านค้าที่จี้เฟิงกับย่าของเขาดูแลอยู่

ตอนนี้ร้านที่อยู่ฝั่งของจี้เฟิงเริ่มลงตัวแล้ว โดยเฉลี่ยสินค้าจะถูกจัดส่งทุก ๆ 5 วัน และทุกครั้งก็จะไปส่งไม่น้อยเลยทีเดียว

แถมยังมีเหล่าฉินคอยช่วยดูแล มันก็เลยออกมาดี

จี้เจี้ยนอวิ๋นเริ่มจัดการกับครอบครัวตัวเอง หลังขายหมูในปีนี้แล้วก็มีเงินพอที่จะลงทุนซื้อร้านที่เมืองเจียงสุ่ย ปีที่แล้วราคาเนื้อหมูนับว่าดีอยู่ ทำให้เขาทำเงินได้มากมาย

แต่เขาเสียเงินเป็นจำนวนไม่น้อยในการซื้อบ้านขนาดใหญ่ในปักกิ่ง และใช้เงินเป็นจำนวนมากไปกับร้านค้าแห่งที่สองเมืองมหาวิทยาลัย

หลังใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายไปแล้ว ตอนนี้เขามีเงินเหลือในมือเพียง 1,000 กว่าหยวนเท่านั้น

เพราะตอนนี้มีร้านค้ามาก รถที่เขามีอยู่แค่คันเดียวจึงเริ่มไม่พอใช้ ดังนั้นเขาเลยคิดที่จะซื้อรถคันใหม่ในปีนี้ แต่เงินก็ยังไม่พอใช้อย่างเห็นได้ชัด

ซูตานหงไม่สนใจเขา ตอนนี้เธอมีเงินอยู่มือ 4,000 หยวนที่เป็นเงินเย็น ถ้าจะเขาจะมาเอาเธอก็จะให้เขา ถ้าเขาไม่มาเอาก็ช่างมัน ให้เขาไปหาเอาเอง

จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่ได้ขอเงินจากเธอ เขาจะหาเงินเอง

วันเวลาผ่านไปจนใกล้จะสิ้นเดือนกันยายนแล้ว ณ เวลานี้มีเพียงต้นแอปเปิลต้นสุดท้ายยังไม่ได้เก็บเกี่ยว ส่วนต้นอื่นก็ใกล้จะเก็บเกี่ยวแล้ว

เพราะว่าตอนนี้เปิดเทอมแล้ว ภรรยาของจี้เจี้ยนเหวินจึงพาเยียนเอ๋อร์ไปที่เมืองเจียงสุ่ย

ก่อนออกเดินทาง เยียนเอ๋อร์สัญญากับเหรินเหรินและฉีฉีเอาไว้ว่าถ้าถึงปีใหม่แล้วเธอจะกลับมาแล้วเอาของขวัญมาให้พวกเขา

เหรินเหรินทำใจไม่ได้ที่จะต้องห่างกับเธอ

ส่วนฉีฉีได้ยินเรื่องของขวัญก็บอกให้เธอรีบกลับมา เมื่อเธอไปแล้ว เขาถึงเพิ่งจะมีปฎิกิริยาตอบสนองทีหลัง และร้องไห้ออกมายกใหญ่ 

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

พี่จี้สู้งานหนักมาก ดูท่าคำว่าเศรษฐีจะไม่เกินจริงแล้ว

ฉีฉีเพิ่งรู้เหรอลูกว่าพี่สาวจะไม่ได้อยู่ด้วยแล้ว เอ็นดูจริง ๆ เลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท