ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记] – ตอนที่ 267 เต็มเม็ดเต็มหน่วย

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 267 เต็มเม็ดเต็มหน่วย

หลังจากที่คุณแม่ซูกินข้าวเสร็จ ก็มาหาในตอนเช้าวันถัดมา

นางไม่ได้คิดที่จะค้าง ก็เลยไม่ได้เอาเสื้อผ้ามาด้วย อย่างไรก็ตามนางก็ยังเตรียมอัลบั้มรูปใหม่มาให้เหรินเหริน และเอาน้ำตาลข้าวมอลท์ที่ฉีฉีชอบกินมาให้อีกด้วย

สองพี่น้องชอบใจกันเป็นอย่างมาก ยินดีมากที่คุณยายจะมาหา

ฉีฉียังเด็ก ความนึกคิดจึงยังไม่ลึกซึ้งเท่าไร ส่วนเหรินเหรินนั้นมีความคิดวิเคราะห์แล้ว จึงรู้ว่ายายเป็นแม่ของแม่เขานั่นเอง

เขาพาน้องชายไปไปเก็บแอปเปิลสด ๆ เอามาต้อนรับคุณยายของพวกเขา ส่วนคุณแม่ซูพูดคุยกับลูกสาวตัวเองอย่างใกล้ชิด

“ตอนนี้รู้สึกไม่สบายตัวตรงไหนบ้างไหม?” คุณแม่ซูเอ่ยถาม

อันที่จริงนางก็แค่เอ่ยปากถามไปเฉย ๆ ลูกสาวของนางดวงดีจะตายไป จะมีตรงไหนไม่สบายได้อย่างไรกัน แถมยังไม่ต้องทำอะไรอีกด้วย สมัยนางต่อให้ท้องใหญ่ขนาดนี้ก็ทำงานสารพัดอย่างได้หมดถ้าไม่ขี้เกียจไม่ใช่หรือ? เว้นเสียแต่ว่าไม่อยากได้รับส่วนแบ่งอาหารแล้ว

โดยปกติคนรุ่นนางจะทำงานกันตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอด มีหนุ่มสาวบางคู่ที่ไม่ตรวจสอบกันให้ดี ไม่รู้ว่าตั้งท้อง แถมยังทำงานหนัก จึงทำให้แท้งลูกไป พอเป็นท้องที่สองก็ต้องระวังเป็นอย่างมาก

หลังจากตั้งท้องได้สิบเดือนและพักฟื้นร่างกายหลังคลอดได้ไม่กี่วันพวกเขาก็ต้องกลับไปทำงาน ด้วยเหตุนี้เองจึงทำให้หญิงที่อายุมากขึ้นมีสภาพร่างกายทรุดโทรมตามไปด้วย

อย่างไรก็ตามในช่วง 2 วันที่ผ่านมานี้ นางกลับรู้สึกว่าร่างกายของตนดีขึ้นมาก ยาที่ลูกสาวของนางนำกลับไปต้มให้ดื่มเป็นครั้งคราวช่างได้ผลจริง ๆ

ซูตานหงไม่รู้ว่าแม่ของเธอกำลังคิดอะไรอยู่ “สบายดีค่ะ กินอะไรก็อร่อย”

ตอนนี้เธอกินแอปเปิลได้วันละ 2 ผล และกินอาหารอย่างอื่นอีกสารพัด เพราะเธอต้องการเลี้ยงเด็กผู้หญิงในท้องให้อ้วนและขาว

“ท้องโตมากเลย ขนาดผ่านไปไม่กี่เดือนก็ยังโตเหมือนท้องแรก ๆ แปดหรือเก้าในสิบส่วนน่าจะเป็นตามที่คาดไว้นั่นแหละ” คุณแม่ซูพูดขึ้นด้วยดวงตาฉายแววภาคภูมิ

ดูลูกสาวนางสิว่ามีความสามารถแค่ไหน? พวกเขามีหลานชายสองคนให้ตระกูลจี้แล้ว และที่อยู่ในท้องนี้ก็คือคนที่สาม

ขนาดพี่ชายน้องชายของเจี้ยนอวิ๋นทั้งสามคนรวมกันก็ยังมีความสามารถไม่ถึงขนาดนี้เลย

ไม่ต้องพูดถึงคุณแม่ซูผู้เป็นแม่คนมาแล้วว่าจะมีความคิดแบบไหน

ซูตานหงเองก็ตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดนั้น แล้วก็พูดขึ้นว่า “เป็นไปไม่ได้ หนูรู้สึกว่าท้องนี้จะต้องเป็นลูกสาวแน่นอน หนูฝันถึงแล้วด้วย”

“ฝันถึง?” คุณแม่ซูขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อได้ยิน และหันไปมองลูกของนาง “ความฝันของแกมันไม่แน่ไม่นอนหรอก เพิ่งจะไม่กี่เดือนแต่ท้องโตขนาดนี้ ต้องเป็นเด็กผู้ชายแน่นอน”

ซูตานหงไม่คุยกับแม่ตนเองต่อ เธอตัดสินไปแล้วว่าเป็นเด็กผู้หญิง ไม่อย่างนั้นเธอก็จะไม่ท้องอีกแล้ว ผู้ชายสองคนผู้หญิงคนหนึ่งสิกำลังดี

ถ้ายังเป็นเด็กผู้ชายอีก เธอก็จะไม่คลอดออกมาแล้ว

“แม่แนะนำคุณลุงหลี่ให้เหรอคะ” ซูตานหงเอ่ยถาม

“พ่อตาของอันปังน่ะ เมื่อก่อนอันปังกับไหลตี้ไม่มีจะกินแม้กระทั่งโจ๊ก แต่ครอบครัวบ้านไหลตี้ก็คอยช่วยอยู่ แม่ก็เลยคิดว่าพวกเขาน่าจะใช้ได้ ก็เลยไปหาไหลตี้ให้พาเขามา” คุณแม่ซูตอบ

นางคิดว่ามันเป็นเรื่องดีที่จะเห็นลูกสาวที่แต่งงานแล้วมีชีวิตอยู่อย่างลำบากเพียงใดและคอยช่วยเหลือแทนที่จะเพิกเฉยทำเหมือนไม่รู้ไม่เห็น เพียงแค่ข้าวหรือบะหมี่สักเล็กน้อย นั่นก็คือว่าดีแล้ว

อีกอย่างก็คือในช่วงแรกแม่ของซูอันปังไม่เคยแบ่งอะไรมาให้พวกเขาเลย แน่นอนว่าช่วงปีแรกแต่ละครอบครัวใช้ชีวิตกันไม่ง่าย ถึงมันจะไม่ง่ายแต่ไม่ก็ควรที่จะให้ลูกชายตัวเองกับลูกสะใภ้มีชีวิตกันเช่นนั้น แล้วนางก็รู้ว่าครอบครัวของซูอันปังยังมีเนื้อกินอยู่!

แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ได้ยินมา ถ้าเอาเรื่องนี้ไปพูดต่อหน้าหลี่ไหลตี้ หล่อนคงจะไม่พูดว่าร้ายคนอื่นหรอก

แต่ถึงหลี่ไหลตี้จะไม่เคยพูดออกมา นางก็เห็นการแสดงออกของซูอันปังต่อแม่ของเขาอย่างชัดเจนแล้ว เมื่อครอบครัวเริ่มดีขึ้น เขาก็ไม่เคยแบ่งเงินไปให้ ฉลองปีใหม่ก็ไม่เคยไปหา จนแม่ลูกคู่นี้กลายเป็นศัตรูกันไปแล้ว

แน่นอนว่าแม่ของเขารักพี่ชายมาตลอด เพราะตอนซูอันปังเกิด เขาเป็นเด็กที่คลอดยาก ดังนั้นแม่ของเขาจึงปฏิบัติต่อเขาไม่ดีนัก

คุณแม่ซูก็พูดคุยกับลูกสาวของตนอีกสองสามประโยค ก็ไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก

ซูตานหงก็ส่ายหน้าไม่พูดอะไรออกมา

“วางใจเถอะ เขาเป็นคนซื่อสัตย์ ไม่งั้นไหลตี้คงจะไม่แนะนำมา” คุณแม่ซูกล่าวเช่นนั้น

ซูอันปังยังทำงานอยู่ที่นี่ ถ้าให้พ่อตาของเขาทำผิดกลับไป เขาจะทำอย่างไร? เขาคงจะทำงานอยู่ไม่ได้ เป็นเช่นนั้นแล้วต้องแย่แน่ ๆ

หลี่ไหลตี้คงคิดมาดีแล้ว

ซูตานหงไม่ได้สงสัยในเรื่องนี้ ผู้ชายของเธอเป็นคนใจกว้าง เงินเดือนที่เขาให้นั้นไม่ด้อยไปกว่าเงินเดือนในเมืองมหาวิทยาลัยเลย ใครจะไม่ยอมทำงานกับเขากัน?

การที่คุณแม่ซูมาเป็นแขก ไม่ต้องสงสัยเลยว่านางจะได้รับการต้อนรับจากพ่อและลูกชายสามคนที่บ้านหรือไม่

เหรินเหรินกับฉีฉีเก็บแอปเปิลมาให้คุณยายของพวกเขากิน ส่วนจี้เจี้ยนอวิ๋นไปจับปลาและกุ้งที่อ่างเก็บน้ำมา คุณแม่ซูจึงพอใจเป็นอย่างมาก

ตกเย็นนางก็กลับไป โดยจี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นคนไปส่ง ระหว่างทางเขาก็บอกกับแม่ยายของตน “แม่มาลำบากขนาดนี้ ทำไม่ไม่ค้างสักสองสามคืนล่ะครับ มาแล้วก็กลับเลยแบบนี้แสดงว่ามีเรื่องต้องไปทำเหรอครับ?”

“ไม่มีหรอก รอตานหงอยู่เดือนเมื่อไหร่ แม่จะมาอยู่กับเธอเป็นเดือน ๆ เลย” คุณแม่ซูเอ่ยยิ้ม ๆ

“ก็ได้ครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า

“ท้องนี้ของตานหงก็คงไม่พ้นว่าเป็นเด็กผู้ชายล่ะนะ” คุณแม่ซูเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง

“ถ้าเป็นเด็กผู้หญิงก็คงจะดีนะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็อย่างได้ลูกสาว ลูกชายเองก็ชอบ แต่เขามีอยู่แล้วสองคน ขณะที่บ้านนี้ยังไม่มีลูกสาวเลย

“ไม่มีใครคิดว่าลูกชายเยอะเกินไปมันไม่ดีหรอกนะ ไม่อย่างนั้นสวนบนภูเขาพวกนั้นจะไม่มีใครสืบทอด ผู้หญิงไม่สามารถสืบทอดได้หรอก มีลูกชายเยอะ ๆ นั่นแหละดีแล้ว” คุณแม่ซูเอ่ย

“ลูกชายหรือลูกสาวก็เหมือนกันนั่นแหละครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

คุณแม่ซูหัวเราะ เมื่อเห็นเขาชอบลูกสาวมาก นางก็เกิดความรู้สึกหลากหลาย สายตาของนางฉายแววระลึกถึงชายชราที่จากไปแล้ว และทำเพียงเหลือบมองจี้เจี้ยนอวิ๋น นางไม่พอใจที่จะยกลูกสาวให้กับคนขายเนื้อหลี่ ก็เลยยกลูกสาวให้กับบ้านเหล่าจี้แทน

ดูตอนนี้สิ มีความสุขกันขนาดไหน

จี้เจี้ยนอวิ๋นคงไม่รู้ว่าหากคลาดกันอีกนิดเดียวเขาคงพลาดที่จะได้อยู่กับภรรยา เมื่อส่งแม่ยายถึงบ้านแล้ว เขาก็ขับรถกลับตรงไปที่ยุ้งฉางในหมู่บ้านของพวกเขา

พ่อของไหลตี้กำลังเก็บถั่วเหลืองที่ตากแห้งวันนี้

จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นเลยพูดขึ้น “ถั่วพวกนี้ตากไว้อีกสักสองวันนะครับ ช่วงนี้อากาศร้อนมาก แดดก็แรง ตากเพิ่มอีกสองวันก็ใช้ได้แล้ว”

“สองวันไม่ได้หรอก ต้องสามวัน หลังจากนี้เก็บไว้นาน ๆ ก็คงไม่เป็นอะไร” พ่อของไหลตี้เอ่ย

วันนี้เขาเพิ่งมาทำงาน จี้เจี้ยนอวิ๋นสั่งให้เขากับจี้กวงซงและไช่จ่านกั๋วเก็บเกี่ยวพืชผลที่รดน้ำเสร็จแล้ว ทั้งสามคนทำงานเร็วมาก และวันนี้พวกเขาก็เก็บเกี่ยวถั่วเหลืองได้เป็นจำนวนมาก

แต่พ่อของไหลตี้ทำงานอย่างที่เห็นได้ชัดว่ามีประสบการณ์มาก ซึ่งจี้กวงซงกับไช่จ่านกั๋วก็ฟังเขาเป็นอย่างดี

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า พ่อของไหลตี้อดใจไม่ไหวจับถั่วเหลืองขึ้นมา “ถั่วเหลือพวกนี้ปลูกยังไงน่ะ ทำไมถึงปลูกออกมาได้ดีขนาดนี้”

เป็นเพราะถั่วให้ผลผลิตดี การปลูกพืชในพื้นที่เพียง 30 กว่าหมู่จึงนับว่าไม่เลว ข้าวโพดก็เช่นกัน ซึ่งพวกมันล้วนแต่ออกผลผลิตอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

คอยดูกันต่อไปนะคะว่าระหว่างความฝันของตานหงหรือประสบการณ์ของคุณแม่ซู อย่างไหนจะแม่นกว่ากัน แต่ผู้แปลว่าขอให้เป็นเด็กผู้หญิงเถอะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

Status: Ongoing
คุณหนูซูผู้มีชีวิตอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือน ยึดหลักสามเชื่อฟังสี่คุณธรรมมาตั้งแต่ยังเล็ก ยังไม่ทันจะได้ออกเรือนนำเกียรติมาให้วงศ์ตระกูลกลับจับไข้สิ้นลมกลางสายฝนยามสารทฤดู และมาเกิดใหม่ในปี 1980 นางไม่คิดเลยว่าวิถีกุลสตรีในชาติที่แล้วของตนจะกลายเป็นคุณสมบัติอันยอดเยี่ยมในยุคนี้ เนื่องจากเจ้าของร่างเดิม ซูตานหง ผู้กระทำอัตวินิบาตกรรมด้วยการกินยาฆ่าแมลงตายคนนี้ นอกจากนามสกุลเดียวกันแล้วก็ไม่มีอะไรดีเหมือนนางเลยสักด้าน ถึงอย่างนั้นคุณหนูซูก็ไม่สนใจ นางคิดเพียงว่าจะใช้ทักษะที่มีอยู่มาสร้างเงินทอง ปลูกต้นไม้ดอกไม้มีค่า เย็บปักถักร้อยวาดภาพภูเขาสายน้ำอันงดงาม ใช้ชีวิตในชาตินี้ให้เรียบง่ายสุขสบายตามอัตภาพเท่านั้นและนี่ก็คือเรื่องราวของคุณหนูสูงศักดิ์จากยุคโบราณผู้มาเกิดใหม่ในร่างหญิงสาวยุค 80 เพื่อทำสวนทำไร่และให้กำเนิดบุตร นางจะเอาชีวิตรอดในยุคที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่อย่างไรบ้าง เอาใจช่วยคุณหนูซูไปพร้อมๆ กันได้ในเรื่องนี้เลย

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท