ตอนที่ 287 ชีวิตประจำวันของพี่น้อง
เป็นที่ทราบกันดีว่าชื่อเสียงของซูตานหงในหมู่บ้านนั้นยอดเยี่ยมมาก
มีคุณธรรม สง่างาม และมีน้ำใจ อีกทั้งยังเคารพผู้อาวุโสในหมู่บ้าน เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นส่งของหลายอย่างให้ในช่วงปีใหม่ ก็ไม่เคยปริปากพูดสักคำ
หากเป็นภรรยาคนอื่นจะต้องก่อเรื่องขึ้นอย่างแน่นอน เนื่องจากเป็นการเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
แต่เธอไม่เคยพูดมาก
ยังมีเด็ก ๆ ในหมู่บ้านที่วิ่งเล่นจนกระหายน้ำก็มักจะไปขอน้ำดื่ม ซึ่งบางครั้งเธอก็ให้ขนมและลูกอมมากิน
เมื่อพวกเขากลับมาจึงมักจะบอกเล่าให้ครอบครัวฟัง ทำให้คนในบ้านรับรู้กันหมด
ในเมื่อตอนนี้บรรดาลูกสะใภ้ที่เพิ่งเข้ามาอยู่ในหมู่บ้านกล้าจะแผลงฤทธิ์ขนาดนี้ พวกหล่อนจะเห็นด้วยได้อย่างไร?
3 ถึง 4 คนนั้นถูกกันออกไป ไม่มีใครในหมู่บ้านยินดีจะเสวนากับพวกหล่อน
ยืมน้ำนมได้ก็ยืมไปเถอะ แต่ถ้ายืมไม่ได้แล้วอย่างไร ไม่มีของตัวเองเหรอ?
ปีนี้นับว่าดีขึ้นแล้ว ถ้าเป็นก่อนหน้านี้จะมีใครให้ยืมน้ำนมกันล่ะ? ในแต่ละครอบครัวต่างก็มีน้ำนมกันคราวละน้อยนิด ดังนั้นจึงควรเก็บไว้เลี้ยงลูกของตัวเอง
ซูตานหงได้กินอยู่อย่างดี น้ำนมของเธอย่อมดีแน่นอน แต่นั่นก็ต้องเหลือไว้ให้ลูก ๆ ของตัวเองด้วย เห็นไหมล่ะว่าลูกชายคนที่ 3 ของเธอรีดน้ำนมแม่ได้ดีแค่ไหน?
ไหนเลยจะมีส่วนแบ่งให้คนอื่น และเมื่อมีคนไปขอยืมน้ำนม เธอก็ชงนมผงให้เพื่อต้อนรับ แต่พวกหล่อนกลับออกไปพูดพล่อย ๆ แสดงว่ามีอคติอยู่ในใจ
ทว่าต่อให้สถานการณ์ภายนอกจะเป็นอย่างไร ซูตานหงก็ใช้ชีวิตของตัวเองต่อไป
น้ำนมเป็นของลูกชายเธอ จึงไม่จำเป็นต้องสนใจลูกคนอื่น ใครมาขอก็ไม่มีให้ทั้งนั้น
เรื่องยืมน้ำนมไม่ใช่เรื่องใหญ่ ไม่นานนักมันก็ผ่านไป เพราะทุกคนต่างงานยุ่ง ไม่มีใครว่างมาติดตามเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ ส่วนบรรดาสะใภ้พวกนั้นก็ได้แอบมาหาซูตานหงเพื่อขอโทษเป็นการส่วนตัว
ซูตานหงบอกว่าทั้งหมดต่างก็อยู่ในหมู่บ้านเดียวกันและมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร เรื่องนี้จึงจบไปเพียงเท่านั้น
มันเกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับงานของครอบครัวเธอ และไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับครอบครัวของพวกหล่อน
ช่วงนี้อากาศร้อนอบอ้าวมาก ซูตานหงก็คาดว่าฝนกำลังจะตก ดังนั้นเหรินเหรินกับฉีฉีจึงถูกเธอทิ้งไว้ที่บ้าน ไม่มีใครสามารถวิ่งออกไปข้างนอกได้ ไกลที่สุดคือขึ้นภูเขา ส่วนที่อื่น ๆ ล้วนไปไม่ได้ทั้งนั้น
ตอนนี้สองพี่น้องเริ่มเก็บเงินส่วนตัวกันแล้ว ด้วยเหตุนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงให้หนังยางแก่พวกเขาหลายวง เมื่อพวกเขาเก็บเงินได้ครบแล้วจะได้มัดไว้เป็นฟ่อน
สองพี่น้องมีความสุขมากกับความคิดนี้ แต่ฉีฉียังไม่รู้วิธีนับมัน
เหรินเหรินจึงพูดอย่างดูถูก “ตอนพี่อายุเท่านายก็บวกลบเลขได้แล้ว”
“นั่นเป็นเพราะพี่เป็นพี่ชายของผม พี่โตกว่าผม!” ฉีฉีสวนอย่างไม่พอใจทันที
“พี่บอกว่าตอนที่พี่เป็นเด็กเท่านาย ตอนนั้นนายยังกินนมแบบน้องสามอยู่เลย” เหรินเหรินกล่าว
“ตอนนี้น้องสามก็นับเลขไม่ได้เหมือนกัน” ฉีฉีพูด
“นายมีอนาคตแล้วเมื่อเทียบกับน้องสามที่ยังเป็นเด็กดื่มนมอยู่ ขายหน้าจริง ๆ” เหรินเหรินพูด
ฉีฉีถลึงตาใส่เขาอย่างโกรธเคือง
“รอน้องสามอายุเท่านาย ถ้านายยังไม่รู้วิธีนับเลข ตอนนั้นน้องสามก็จะดูถูกนาย” เหรินเหรินพูดต่อ
“เขากล้าดียังไง ผมจะตีเขา!” ฉีฉีถลึงตาใส่ทันที
“ถ้าลูกตีน้องชาย พ่อของลูกก็จะตีลูกเอง” ซูตานหงถลึงตาใส่เขา เจ้าเด็กเหม็นนี่ ยังคิดจะขู่ใครอีก
“พี่ชาย พี่สอนผมนับสิ!” ฉีฉีพูด
“ได้สิ” เหรินเหรินยังมีความเป็นพี่ชาย ดังนั้นเขาจึงเริ่มสอนน้องชายของเขา
แต่ก้นน้องชายของเขาราวกับถูกเข็มทิ่ม จึงไม่สามารถนั่งนิ่ง ๆ ได้ ผ่านไปครู่หนึ่ง สายตาของเขาก็เหลือบไปมองที่อื่น
“ถ้านายไม่ตั้งใจเรียน พี่จะไม่สอนนายแล้วนะ!” เหรินเหรินพูด
“เรียน ผมตั้งใจเรียนอยู่!” ฉีฉีกล่าว
“งั้นนายลองนับ 1 ถึง 30 ให้พี่ดู” เหรินเหรินพูด
ฉีฉีนับแล้ว แต่ยังไม่ถูกต้อง
เหรินเหรินใช้เวลาและความพยายามอย่างมากในการขัดเกลาเขา เมื่อสอนจบซูตานหงก็ให้รางวัลเหรินเหรินเป็นเงิน 1 เหมา
ฉีฉีเบิกตากว้าง แล้วกล่าวทันที “ผมก็อยากได้เหมือนกัน! ”
“ไม่ได้หรอก นี่เป็นค่าเหนื่อยที่พี่ชายสอนลูกนับเลข ต่อจากนี้เขาจะได้ทุกวัน” ซูตานหงพูด
“ได้ทุกวัน?” ฉีฉีไม่พอใจ
แต่ก่อนที่เขาจะประท้วง ซูตานหงก็พูดต่อ “แน่นอน ถ้าลูกเรียนเก่ง ลูกยังสามารถสอนให้น้องสามของลูกในอนาคตได้ด้วย ถึงตอนนั้นแม่จะให้เงินค่าเหนื่อยเล็กน้อยสำหรับการทำงานหนักนะ”
“รีบสอนเร็ว!” ฉีฉีขอให้พี่ชายของเขาสอนต่อทันที เขาต้องการเรียนรู้อย่างรวดเร็ว แล้วสอนน้องสามเพื่อเอาเงิน!
หลังจากที่ซูตานหงได้เตรียมขนมอบและนมไว้ให้ ก็ไม่สนใจพวกเขาสองพี่น้องอีกต่อไป
แล้ววันนี้เธอก็ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้น ไม่ถึง 2 วันฝนก็เริ่มตกหนัก ทุกวันในช่วงเวลานี้ฝนจะตกลงมาชั่วขณะ ปีนี้นับว่าค่อนข้างช้า ปีที่แล้วฝนตกเร็วกว่านี้เกือบครึ่งเดือนได้ เมื่อเก็บเกี่ยวพืชผลแล้ว พวกเขาก็จะมีเวลาว่างมาก
ในวันที่อากาศร้อนแบบนี้ ฝนที่ตกลงมาก็ช่วยลดความร้อนได้เช่นกัน
ในช่วง 2 ถึง 3 วันที่ผ่านมามีฝนตก เหรินเหรินกับฉีฉีจึงออกจากบ้านไม่ได้ สองพี่น้องอัดอั้นตันใจมากจริง ๆ เป็นไปไม่ได้หรอกที่เด็กโตขนาดนี้จะไม่ออกไปเดินเล่น
ดังนั้นวันนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพาสองพี่น้องไปที่อ่างเก็บน้ำ เนื่องจากฝนตกลงมาเล็กน้อย ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำจึงเพิ่มสูงขึ้น ทำให้พวกเป็ดมีท่าทางร่าเริงมาก ส่วนสองพี่น้องถูกจี้เจี้ยนอวิ๋นพาไปล่องเรือในอ่างเก็บน้ำ เมื่อกลับมาถึงบ้านพวกเขาจึงมีความสุขมาก
“ในอ่างเก็บน้ำมีเป็ดกี่ตัว แพะกี่ตัว หมูกี่ตัว?” ซูตานหงเริ่มทำการทรมานฉีฉี เหรินเหรินนั้นรู้เรื่องนี้ ซูตานหงจึงขอให้เขากระซิบบอกข้างหูของเธอ แล้วซูตานหงก็พอใจเป็นอย่างมาก
ลูกชายคนโตบอกว่าเขานับมาแล้ว 4 ครั้ง มันเหมือนกับที่เขานับครั้งก่อนไม่มีผิด
จากนั้นซูตานหงจึงมองไปยังฉีฉี ฉีฉีมีสีหน้ามึนงง “มีหมู 5 ตัว!”
“แล้วเป็ดกับแพะล่ะ?” ซูตานหงถาม
“ไม่ได้นับ มันเยอะเกินไป มันอยู่เป็นฝูงเลยนับไม่ได้” ฉีฉีกล่าว
“พี่ชายลูกก็นับมาแล้ว แถมยังนับถูกด้วย” ซูตานหงพูด
“แล้วพวกมันมีกี่ตัวเหรอครับ?” ฉีฉีถาม
“ตราบใดที่ลูกตั้งใจเรียน ลูกก็จะสามารถนับมันได้ ถึงตอนนั้นลูกก็จะรู้เมื่อนับมันด้วยตัวเอง” ซูตานหงพูด
ฉีฉีพยักหน้า
ความรู้มีอยู่ทุกที่ในชีวิต ตราบใดที่อยากเรียนรู้ ย่อมสามารถเรียนรู้อะไรก็ได้
อย่างเช่นฉีฉีที่เริ่มนับจำนวนจากของรอบ ๆ ตัว เช่น ดอกเบญจมาศในกระถางที่สวนหลังบ้านมีกี่ต้น ดอกเบญจมาศ 1 ต้นมีใบกี่ใบ มีกลีบดอกกี่กลีบ
โดยไม่ต้องให้ซูตานหงพูด เขาก็เรียนรู้ที่จะนับด้วยตัวเอง ต้องบอกว่าผลลัพธ์นั้นน่าทึ่งมาก เขาสามารถเรียนรู้การนับเลขถึง 30 ภายใน 2 วัน แล้วยังมีจำนวนที่มาก 30 คือ 40 และ 50 อีก
“ยังมีอีกเยอะไหม?” ฉีฉีถามพี่ชายของเขา
“แน่นอน ยังมีอีกเป็นร้อย นายต้องเรียนรู้ให้ได้ เข้าใจไหม ถ้านายไม่เรียน ต่อไปก็จะนับเงินไม่ได้ ถ้ามีคนให้เงินนายมา 10 ใบ นายจะรู้หรือเปล่าว่ามันราคาเท่าไหร่?” เหรินเหรินพูด
“1 ใบใหญ่ราคา 10 หยวน!” ฉีฉีรู้เรื่องนี้ดี
“แล้ว 10 ใบล่ะ?” เหรินเหรินพูด
“ไม่รู้สิ” ฉีฉีมองไปที่พี่ชายของเขา
“10 ใบ คือ 100 หยวน นายต้องเรียนรู้มันเข้าใจไหม? รอนายเรียนรู้ได้ นายก็จะขายไอศครีมด้วยตัวเองได้” เหรินเหรินกล่าว
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
สองพี่น้องนี่แสบไม่แพ้กันเลย แต่ที่แสบสุดก็คงเป็นคุณแม่นี่แหละค่ะ
ไหหม่า(海馬)