ตอนที่ 292 เกิดใหม่
หลังจากหล่อนตั้งท้อง เขาก็ยิ่งมีความสุข และไม่ต้องการให้หล่อนขยับตัวทำสิ่งใดแม้แต่น้อย ทุกอย่างล้วนมีเขาเป็นคนคอยจัดการให้
หล่อนคิดว่าชีวิตเช่นนั้นไม่แย่นัก หากเป็นเพราะเคยชินกับมัน ถึงได้ยิ่งเอาแต่ใจ เมื่อเริ่มเป็นเช่นนั้นถึงได้รู้สึกว่ามันไม่พอ
หล่อนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หล่อนเพียงแค่รู้สึกไร้ความหวังเมื่อเห็นเขาเป็นเช่นนั้น
การที่จี้อวิ๋นอวิ๋นมีโอกาสได้แต่งงานกับชายหนุ่มเช่นเขานับว่าโชคดีมากนัก เขาถือเป็นสามีในอุดมคติของหลายคนเลยทีเดียว
หลังจากนั้นหล่อนก็ไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเปลี่ยนไป แต่ทุกสิ่งล้วนกลับตาลปัตรไปหมด
หล่อนหย่ากับเขาในท้ายที่สุด และคิดว่าตนคงสุขสบายเป็นแน่ หากแต่ดูสภาพหล่อนในตอนนี้สิ?
คนเราต้องมีชีวิตอยู่แบบนี้จริงเหรอ? หล่อนกำลังตั้งท้องและต้องการกินของบำรุงร่างกาย แต่ไอ้บ้าโจวจื่อกลับบอกว่าหล่อนฟุ่มเฟือย ทำไมหล่อนถึงตกต่ำเช่นนี้นะ? หล่อนตกต่ำขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?
เมื่อครั้งที่อยู่กับหลี่จื้อ หล่อนต้องการซื้อและกินสิ่งใด มีหรือที่หลี่จื้อจะขัดใจ? ซ้ำเขายังไปปรามแม่ของเขาให้หล่อนได้ซื้อทุกอย่างที่อยากกิน เงินเดือนของเขาถูกเขาเก็บไว้ใช้เองส่วนหนึ่ง ที่เหลือนั้นหล่อนเป็นผู้เก็บไว้ ด้วยกลัวว่าหล่อนจะมีเงินไม่พอใช้
แต่กับโจวจื่อ เขาได้เงินเดือนมากกว่า 20 หยวน เขากลับให้หล่อนเพียงไม่กี่หยวน และเก็บส่วนที่เหลือไว้เอง บางครั้งเขายังออกไปกินข้าวข้างนอกคนเดียวอีกด้วย!
เป็นผู้ชายเหมือนกันทั้งคู่ เหตุใดถึงได้ต่างกันราวฟ้ากับเหวเช่นนี้?
หล่อนเปรียบเทียบหลี่จื้อกับเขา และคิดว่าตนคงตัดสินใจพลาดไปแล้ว!
จี้อวิ๋นอวิ๋นไม่ได้ทำความสะอาดสภาพเละเทะในบ้าน กลับเดินเข้าห้องไป
หล่อนนอนบนเตียงและรู้สึกเคลิ้มไป จากนั้นก็ฝัน
หล่อนฝันว่าตนภาคภูมิใจที่มีลูกชาย เพราะว่าเขาเป็นผู้ชาย หล่อนจึงไม่น้อยหน้าซูตานหง
หากแต่โจวจื่อกลับไปคบชู้นอกบ้าน เขาแอบมีหญิงอื่น แถมหญิงสาวคนนั้นยังใจกล้าหน้าด้าน มาหาหล่อนถึงที่และบอกว่า ‘หล่อนคบหากับโจวจื่อมานานหลายปีแล้ว ให้หญิงแก่หน้าเหลือง*อย่างตนรีบออกไปซะ หล่อนจะย้ายเข้ามาอยู่แทน!’
*หญิงแก่หน้าเหลือง = ผู้หญิงที่ไม่น่าสนใจหรือมีอายุและไม่สวยแล้ว
จี้อวิ๋นอวิ๋นทำได้เพียงระเบิดอารมณ์ออกมา ชีวิตที่ยากลำบากทำให้หล่อนนึกเกลียดชังโจวจื่อ กลางดึกคืนนั้นหล่อนจึงต้องการกำจัดโจวจื่อทิ้ง! อย่างไรก็ตามหล่อนทำไม่สำเร็จ และถูกโจวจื่อเล่นงานคืน หล่อนจึงตัดสินใจหย่ากับโจวจื่อและพาลูกชายหนีออกมา
หากแต่หล่อนไม่มีเงินติดตัวเลย ทั้งที่พาลูกชายออกมาด้วย แล้วหล่อนจะอยู่ต่อไปได้อย่างไรกัน?
หล่อนจึงผันตัวมาทำธุรกิจค้าขายเรือนกาย และตั้งใจอบรมสั่งสอนลูกชาย หวังให้เขาเติบโตมาอย่างดี และเป็นที่พึ่งให้ตน
แต่ลูกชายคนนี้ตอบแทนหล่อนอย่างไรกัน? เขาบอกว่าหล่อนเป็นหญิงหยำฉ่า หาว่าหล่อนเป็นหญิงชั่วร้าย หลังจากที่เขาเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว เขาก็ไม่เคยติดต่อหล่อนกลับมาสักครั้ง และไม่แยแสหล่อนแต่อย่างใด
ชีวิตที่เหลือของหล่อนช่างน่าอนาถใจนัก แม้จะน่าสมเพชเพียงใด แต่กลับไม่มีใครนึกเห็นใจหล่อนสักคน
ระหว่างที่หลับฝัน น้ำตาของจี้อวิ๋นอวิ๋นก็ไหลจนเปียกหมอน ครั้นตื่นขึ้นในวันถัดมา หล่อนก็ถึงกับเหม่อลอย ไม่รู้ว่าที่เป็นอยู่คือความฝันหรือความเป็นจริง
แต่ครั้งนี้ความฝันของหล่อนดูราวกับเป็นฝันร้าย ทุกคืนมักฝันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับติดอยู่ในภวังค์
เมื่อเห็นหล่อนเป็นเช่นนั้น โจวจื่อจึงไม่หาเรื่องทะเลาะด้วย แต่เป็นกังวลว่าหล่อนจะพาลูกชายของเขาหนีไป เขาเคยมีลูกชายอยู่คนหนึ่ง แล้วก็ถูกคนเป็นแม่เด็กพาหนีไปจนไม่รู้ว่าจะสามารถตามหาได้จากที่ไหน
“ไม่สิ ในฝันไม่ใช่แบบนี้นี่ พี่สามของฉันไม่มีสวน ไม่มีเล้าไก่ ไม่มีร้านค้า ไม่มีอะไรเลย เขาเป็นแค่ชาวไร่ที่สมถะ และเขาก็มีลูกชายอยู่คนหนึ่ง…”
“ซูตานหงไม่ได้เก่งกาจราวเซียนจิ้งจอก หญิงหน้าไม่อายคนนี้สนใจแต่สมบัติ อย่าหวังว่าจะแย่งอะไรไปจากมือหล่อนได้…”
“พี่สี่กับพี่สะใภ้ยังจ่ายค่าบ้านกันไม่ครบไม่ใช่เหรอ? ทำไมพวกเขาถึงใช้หนี้หมดเร็วนักล่ะ?”
“ส่วนเยียนเอ๋อร์ เยียนเอ๋อร์ไม่ได้ป่วยตายไปตั้งแต่เด็กเหรอ? เธอรอดมาได้ยังไงกัน? เยียนเอ๋อร์ไม่ได้ถูกพากลับมาเลี้ยงที่บ้าน พี่สะใภ้สี่ออกจากงานมาเลี้ยงเธอที่บ้านนี่…”
“…”
ภายในห้องนั้น จี้อวิ๋นอวิ๋นกำลังพึมพำอย่างไร้สติ ดูน่าหวาดหวั่นนัก
โจวจื่อไม่ยินดีจะดูแลหล่อน แต่ก็ไม่มีทางเลือก เพราะไม่มีสิ่งใดตกถึงท้องหล่อนมานานแล้ว “เอ้านี่บะหมี่ คุณออกมากินซะ!”
จี้อวิ๋นอวิ๋นนั่งกินบะหมี่ราวกับซากศพเดินได้ ก่อนจะกลับขึ้นไปบนเตียง และพูดกับตัวเองเช่นเดิม
“นังนี่เพี้ยนไปแล้วเหรอเนี่ย?!” โจวจื่อสบถ
เวลาผ่านไป จนตอนนี้เข้าสู่ปลายเดือนพฤศจิกายนแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาในตอนเช้า อากาศจึงหนาวเย็นแทบจะเป็นน้ำแข็ง
จี้อวิ๋นอวิ๋นตกอยู่ในสภาพเช่นนี้อยู่ทั้งเดือน โจวจื่อไม่มีทางเลือก แม้รู้สึกเสียดายเงินแต่ก็ยอมพาหล่อนไปโรงพยาบาล จี้อวิ๋นอวิ๋นจึงกลับมาเป็นปกติ
เพียงมองหน้าหล่อน โจวจื่อก็รู้สึกรังเกียจเหลือเกิน
แต่ไม่ว่าโจวจื่อจะคิดอย่างไร ไม่ว่าเขาจะรังเกียจเพียงไหน ตอนนี้หล่อนเป็นภรรยาของเขา และมีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาอยู่ในท้อง จึงไม่อาจทิ้งจี้อวิ๋นอวิ๋นได้
หลังมื้อเย็นวันนั้น โจวจื่อก็ออกมาข้างนอก วันนี้เขาไม่ได้ไปทำงาน เพราะในช่วงที่จี้อวิ๋นอวิ๋นกำลังป่วย เขาก็แอบไปมีหญิงอื่น และมีสัมพันธ์กันอย่างเร่าร้อน
ดังนั้นแล้ว คนทั้งคู่จึงลอบคบหากัน เมื่อพบกันในที่ลับตาคนได้ พวกเขาก็แอบลักกินขโมยกินกัน
“พวกแกมันระยำหมาจริง ๆ!” จู่ ๆ เสียงคนผู้หนึ่งก็แผดลั่นขึ้นมา ในขณะที่คนทั้งคู่กำลังโรมรันพันตูกันอย่างร้อนแรง
จี้อวิ๋นอวิ๋นปารูปถ่ายของพวกเขาขณะมือหนึ่งถือไม้กวาด ชีวิตของหล่อนต้องมีสภาพน่าสมเพชเพราะโจวจื่อ เพราะหญิงร้ายชายเลวคู่นี้ที่นำความพินาศมาให้
จี้อวิ๋นอวิ๋นพุ่งเข้าไปตบตีพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง เสียงอึกทึกครึกโครมดึงให้หลายคนหันมาสนใจ และมีบางคนที่จำได้ทันที
“โอ้ นั่นโจวจื่อกับภรรยาเขานี่? เกิดอะไรขึ้นกัน?”
“ก็ชัดอยู่แล้วนี่ โจวจื่อคบชู้และสวมเขาให้ภรรยาตัวเอง แล้วก็โดนภรรยาจับได้คาหนังคาเขาไง!”
“ทำแบบนี้ลงได้ยังไง? นังคนไหนมันหน้าด้านขนาดนี้กัน ทำได้กระทั่งเป็นชู้กับสามีคนอื่น!”
“…”
“จี้อวิ๋นอวิ๋น หยุดได้แล้ว!” โจวจื่อสวมกางเกง จับด้ามไม้กวาดไว้และเอ่ยอย่างเกรี้ยวกราด!
“โจวจื่อ คุณนี่มันเลวดีจริง ๆ!” จี้อวิ๋นอวิ๋นจ้องโจวจื่อเขม็งอย่างเจ็บปวด ชวนให้โจวจื่อหวั่นใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าหญิงสาวคนนี้เสียสติไปแล้ว ไม่แปลกที่ช่วงนี้เขาจะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของหล่อน เนื่องจากเขารู้จักหล่อนดี
“ผมเองก็มีเรื่องจะบอกเหมือนกัน!” โจวจื่อประคองหญิงสาวอีกคนขึ้นก่อนบอก
“โจวจื่อ คุณจะพูดอะไรอีก? ฉัน จี้อวิ๋นอวิ๋นกับคุณแยกทางกันแล้ว ส่วนนังผู้หญิงคนนี้ก็ไม่รู้ว่ามีผู้ชายในโรงงานขึ้นขี่ไปแล้วกี่คน ถ้าคุณจะคบกับหล่อนก็ระวังตัวไว้ให้ดี หลังจากคบกันไป ก็คอยระแวงว่าหล่อนจะสวมหมวกเขียวให้คุณหรือเปล่าแล้วกัน!” จี้อวิ๋นอวิ๋นกล่าวเย้ย และยื่นมือไปขอเงิน “เอาเงินมาเดี๋ยวนี้!”
“ไม่!” โจวจื่อบอก
“โจวจื่อ คุณให้หล่อนไปสักหน่อยเถอะค่ะ คุณจะได้ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกับนังบ้าคนนี้อีก!” หญิงสาวข้างกายเขากัดฟันกรอด
“คุณจะเอาเท่าไหร่!” โจวจื่อเอ่ย