ตอนที่ 298 เชือดหมู
หากแต่ซูตานหงรู้ว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นคงต้องเสียใจกลับมาอยู่แล้ว แม้เธอจะไม่เคยเจอผู้ชายคนนั้น แต่การเป็นชู้กับผู้หญิงที่แต่งงานแล้วย่อมไม่ใช่เรื่องดี
ในเมื่อเขาเป็นชู้กับจี้อวิ๋นอวิ๋นซึ่งมีสามีแล้วได้ เขาคงนอกใจไปหาหญิงอื่นได้เช่นกัน เพียงแค่นึกไม่ถึงว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นจะแยกทางกับเขาเร็วขนาดนี้
และยังดูรุนแรงมากเสียด้วย
หากแต่สายเกินไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นตระกูลหลี่หรือตระกูลจี้ ยากนักที่จะให้โอกาสหล่อนอีกครั้ง
มีคำกล่าวกันว่าลูกชายเสเพลที่กลับเนื้อกลับตัวมีค่ามากกว่าทองคำ แต่สำหรับลูกสาวคงไม่เป็นเช่นนั้น
ตอนนี้ไม่สำคัญว่าจี้อวิ๋นอวิ๋นจะไปอยู่ที่ไหน ใกล้ถึงช่วงปีใหม่แล้ว จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงยุ่งเป็นพิเศษ และเขาก็ไม่ถามเรื่องนี้กับจี้เจี้ยนเหวินด้วยซ้ำ
หลังกินมื้อเย็นเสร็จ เขาก็มาตรวจงานที่อ่างเก็บน้ำ
ทุกวันนี้สามารถจับปลาจำนวนมากไปขายได้เป็นประจำ ราคาของปลาค่อนข้างสูง มันเป็นสินค้าที่สร้างรายได้หลักให้จี้เจี้ยนอวิ๋น เขาจึงดูแลพวกมันเป็นพิเศษ
จี้เจี้ยนอวิ๋นรับคนงานซึ่งเป็นชาวบ้านที่ผู้ใหญ่บ้านแนะนำมาให้ ชื่อว่าจี้ต้าหย่ง เป็นคนจากตระกูลจี้เช่นกัน
เขาอายุมากกว่า 30 ปีแล้ว และเป็นพ่อหม้าย ครอบครัวเขามีลูกสาวอยู่คนหนึ่ง เธออายุได้ 4 ขวบ และสนิทสนมกับฉีฉี
แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นไม่เคยนึกถึงเขามาก่อน กระทั่งผู้ใหญ่บ้านแนะนำให้
เขาซื้อชามาจากเมืองมหาวิทยาลัย เขาชอบดื่มชา คุณพ่อจี้กับลุงจี้เองก็โปรดปรานเช่นกัน นอกจากนี้ยังซื้อมาฝากผู้ใหญ่บ้านอีกด้วย ล้วนแล้วแต่เป็นชาคุณภาพดี
เพียงแค่ไปพูดคุยกับผู้ใหญ่บ้าน ผู้ใหญ่บ้านก็บอก “ถ้าเธอขาดคนงาน ลองไปถามจี้ต้าหย่งว่าเขาสนใจหรือเปล่าดูสิ เมื่อก่อนเราไปตกปลาที่แม่น้ำด้วยกันตลอด เขาเป็นคนรับหน้าที่ฆ่าปลา แต่ตอนนั้นเขาอายุแค่ 20 ตอนนี้อายุได้ 30 แล้ว ไม่รู้ว่าฝีมือจะตกหรือเปล่าเหมือนกัน”
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงมาสอบถามจี้ต้าหย่ง
จี้ต้าหย่งและจี้เจี้ยนอวิ๋นอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน เมื่อก่อนทั้งสองทะเลาะกันเป็นประจำ ตอนนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นตบศีรษะเขา คุณแม่จี้ถึงกับต้องเอาน้ำตาลทรายแดงราคาแพงลิ่วไปขอโทษ รวมถึงไข่อีกครึ่งตะกร้า
ทว่ามันเป็นเรื่องราวในช่วงวัยรุ่น ตอนนี้ผ่านไปหลายปี ไม่มีใครใส่ใจเรื่องเหล่านี้กันแล้ว
จี้เจี้ยนอวิ๋นมาถาม “ร้านฉันที่เมืองมหาวิทยาลัยกำลังขาดคนฆ่าปลาอยู่ นายจะทำเป็นงานเสริมก็ได้ ฉัน จูเหมา และคนอื่น ๆ ขับรถไปส่งนายได้ นายสนใจจะทำหรือเปล่า?”
“ทำสิ!” จี้ต้าหย่งขานรับอย่างไม่ลังเล เมื่อได้ยินว่ามีโอกาสดี ๆ เช่นนี้
จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงให้เขาติดรถไปเมืองมหาวิทยาลัยกับซูจูเหมา
ซุนต้าซานเป็นคนดูแลเรื่องอาหารให้เขา เขาอาศัยนอนที่ร้านค้า ซึ่งไม่ได้มีปัญหาแต่อย่างใด นับจากวันนั้นเป็นต้นไปจี้เจี้ยนอวิ๋นก็เพิ่มจำนวนปลาที่ขนไปร้านในเมืองมหาวิทยาลัย
ท่ามกลางสินค้ามากมายที่ถูกขนไปขาย ปลานั้นคิดเป็นสินค้าส่วนใหญ่
โดยปกติแล้ว ลูกค้าจะแวะเวียนมาซื้อตั้งแต่เช้าจรดเย็น แม้จะมีปลามาก แต่กลับขายหมดทุกวัน
จี้ต้าหย่งมีหน้าที่ฆ่าปลา เขาไม่ได้ดูแลเรื่องเงินทองหรืออย่างอื่น ลำพังหน้าที่ฆ่าปลาก็ทำให้เขายุ่งจนหัวหมุนแล้ว เขารู้ว่ากิจการของจี้เจี้ยนอวิ๋นขายดี หากแต่นึกไม่ถึงว่าร้านที่เมืองมหาวิทยาลัยจะมีลูกค้ามากมายเพียงนี้!
จี้ต้าหย่งคอยรับคำสั่งจากซุนต้าซาน หากเป็นลูกค้าประจำ พวกเขามักมาซื้อปลาที่นี่ เหอเจี่ยไม่มีเวลาออกไปขาย เนื่องจากเหอเจี่ยกับหลานของหล่อนงานยุ่ง เขาจึงนำปลาที่ฆ่าเก็บไว้ในตู้เย็นมาขาย และพวกมันก็ขายดีเป็นเทน้ำเทท่า
แต่ซุนต้าซานยังมีคนช่วยงานที่นี่เพิ่ม ด้วยความช่วยเหลือจากพ่อแม่
พวกเขาได้รับค่าจ้างเช่นกัน ทั้งสองยังแข็งแรงและทำหน้าที่ได้หลายอย่าง
เมื่อมีลูกค้ามาซื้อปลา แม่ของเขาจะรับหน้าที่เก็บเงิน ขณะที่พ่อของเขารับผิดชอบชั่งน้ำหนัก
ยิ่งตอนที่ลูกค้าแน่นในช่วงเช้าและเย็น พวกเขาก็เหมือนกับอยู่ในสงครามทีเดียว
จี้เจี้ยนอวิ๋นนำปลามาส่งเป็นจำนวนมาก จึงทำให้ได้กำไรมากขึ้นตามไปด้วย เขางานยุ่งจนกระทั่งวันที่ 20 เดือน 12
ตอนนี้อากาศหนาวมากแล้ว เมื่อตื่นมาในตอนเช้า ก็จะเห็นว่าพื้นเปียก และมีน้ำแข็งชั้นบาง ๆ เกาะอยู่
วันนั้นเอง จี้เจี้ยนอวิ๋นได้ประกาศว่าเขาจะเชือดหมู
เขาขอให้คนขายเนื้อหลี่มาช่วยชำแหละหมูให้ แม้ทั้งสองครอบครัวจะไม่ได้เป็นญาติกันแล้ว แต่หลี่จื้อก็ยังพาหยวนหยวนแวะมาหาคุณพ่อกับคุณแม่จี้บ่อยครั้ง ทั้งสองครอบครัวจึงยังมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันอยู่
เมื่อถึงหน้าผลไม้ในช่วงวันหยุดฤดูร้อน จี้เจี้ยนอวิ๋นยังบอกให้หลี่จื้อมารับแตงโมไปกิน ทั้งหมดล้วนเป็นน้ำใจของเขา
ต้นเดือนตุลาคม น้าหลี่ผู้เป็นแม่ของหลี่จื้อนำงาคั่วมาให้ด้วยตัวเอง และขึ้นไปพูดคุยกับคุณแม่จี้เสียนานสองนาน ก่อนจะกลับลงมา
ทั้งสองสนิทสนมใกล้ชิดกันดี จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงพูดจาเป็นกันเอง และเรียกเขาว่าคนขายเนื้อหลี่
คนขายเนื้อหลี่ไม่ได้ถือสานัก ถึงอย่างไรมันก็เป็นอาชีพของเขา
นอกจากนี้เขายังติดใจรสชาติหัวหมูที่เลี้ยงโดยจี้เจี้ยนอวิ๋น รสชาติของมันหอมเป็นพิเศษ หอมกว่าหัวหมูของเจ้าอื่นมาก
ดังนั้นเมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นชำแหละหมู คนขายเนื้อหลี่จึงบอก “ฉันไม่คิดเงินหรอก และไม่ได้ต้องการอย่างอื่นด้วย แค่ตอนที่ชำแหละหมูเสร็จ เธอให้หัวหมูฉันสักหัวก็พอ”
“ตกลงครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นขานรับทันที
หมูทั้ง 35 ตัวถูกชำแหละภายใน 7 วัน ราคาเนื้อหมูปีนี้ยังคงที่ แม้ไม่สูงเท่าปีก่อน ๆ แต่ราคาไม่ตกเท่าปีที่แล้ว ปีนี้ราคาเนื้อหมูคงตัวอยู่ที่ประมาณ 2 หยวน
นับว่าเป็นราคาไม่สูงนัก เนื่องจากค่าแรงของทุกคนเพิ่มขึ้นเล็กน้อย หากแต่ก็ไม่ต่ำเกินไป ถือว่ายังพอรับได้
หมูของเขาได้รับการเลี้ยงดูอย่างดี เขาไม่เคยปล่อยให้หมูของเขาต้องหิว พวกมันจึงตัวอ้วนพี หมูตัวที่ใหญ่ที่สุดน้ำหนักมากถึงเกือบ 320 ชั่ง แม้ว่าตัวอื่น ๆ จะไม่หนักเท่าตัวนี้ แต่ยังหนักถึง 300 ชั่งทุกตัว
ชาวบ้านบางคนที่เลี้ยงหมู หากเลี้ยงได้น้ำหนักมากกว่า 200 ชั่ง ก็นับว่ามากโขแล้ว!
บางคนถึงกับมาขอคำแนะนำจากจี้เจี้ยนอวิ๋น จี้เจี้ยนอวิ๋นมีท่าทางงุนงง “ลุงของผมเป็นคนเลี้ยง ผมจะไปรู้วิธีได้ยังไงกันครับ?”
เห็นเขาเป็นเช่นนี้ ทุกคนถึงกับชะงัก
แต่หากพิจารณาดูให้ดี จะพบว่าเป็นเช่นนั้นจริง จี้เจี้ยนอวิ๋นเป็นเถ้าแก่ คงไม่มีเวลาไปเลี้ยงหมู พวกมันถูกลุงของเขาเลี้ยงมาทั้งนั้น
จึงมีคนไปถามเคล็ดลับจากลุงจี้ เขาหลุดขำออกมา “จะไปให้กินอะไรเป็นพิเศษได้ล่ะ? ฉันป้อนให้กินตามปกติ พวกมันก็ค่อย ๆ อ้วนท้วนเอง”
ลุงจี้งานยุ่งมาก การเลี้ยงหมู 30 ตัวไม่ใช่เรื่องง่าย ต่อให้มีหยางอ้ายเซินและคนอื่น ๆ คอยช่วย ก็ยังมีงานให้ทำทุกวัน
ลุงจี้จึงไม่ได้ลงจากสวนมานานแล้ว ชาวบ้านไม่ได้พบหน้าเขามานาน แต่เมื่อได้เจอหน้าเขา เขากลับไม่ได้ดูแก่ลงมากนัก ดูเหมือนจะอวบขึ้นเสียด้วยซ้ำ?
ด้วยเหตุนี้ จี้เจี้ยนชวนจึงเรียกจี้เจี้ยนเหอมาช่วย
ตอนนี้จี้เจี้ยนเหอรับผิดชอบดูแลหลายอย่าง และงานยุ่งมาก แต่พ่อเขายังส่งเงินให้เขาทุกเดือน จนเขาบอกให้ส่งให้แม่ของเขาบ้าง
“ไม่รู้ว่าตอนนี้พ่อจะกินอยู่ยังไงบ้าง เห็นไปกินข้าวกับลุงรองกับป้ารองมา ครั้งที่แล้วก็เห็นมีไข่ เนื้อ กับน้ำแกง ได้กินแบบนี้คงดีไม่ใช่เหรอ?” จี้เจี้ยนเหอบอก แต่ไม่ใช่เพื่อตนเอง