ตอนที่ 302 ปีที่ดีของลุงจาง
ซูตานหงอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ไม่นานเธอก็ได้สติ “ปีหน้าเขาก็เกษียณแล้วไม่ใช่เหรอคะ หรือเป็นอีกปี?”
“เกษียณอย่างเป็นทางการในช่วงวันหยุดฤดูร้อนน่ะครับ” จี้เจี้ยนอวิ๋นตอบ
“คุณโทรไปถามสักหน่อยดีไหมคะ” ซูตานหงถามกลับไป
“ครั้งก่อนผมลืมถามเบอร์โทรศัพท์มาน่ะ” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ยอย่างจนใจ
ซูตานหงพูดพลางยิ้ม “งั้นก็ไม่เป็นไรค่ะ คุณส่งของขวัญปีใหม่ไปให้เขาไม่ใช่เหรอ ตอนนี้เขาก็ได้รับของไปแล้ว ปีหน้าคุณก็ไปรับเขากลับบ้านสิคะ”
“อื้ม” จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า
ทั้งคู่นอนกอดกันแล้วก็ผลอยหลับไป
ไกลออกไปในกรุงปักกิ่ง ลุงจางได้รับพัสดุขนาดใหญ่เช่นนี้ในวันแรกของปีใหม่ ซึ่งบุรุษไปรษณีย์ส่งมาให้เขา โดยบุรุษไปรษณีย์ทำงานโดยไม่มีวันหยุด เขายังคงต้องส่งของในปีใหม่ แต่จะได้เงินเดือนเป็นสองเท่า
ลุงจางรู้สึกโดดเดี่ยวเหมือนอยู่ตัวคนเดียว เพราะเขาจำได้ขึ้นมาว่าครั้งก่อนที่เจี้ยนอวิ๋นมาก็ไม่ได้ขอหมายเลขโทรศัพท์เอาไว้ แถมเขาเองก็ยังลืมให้หมายเลขโทรศัพท์ของตนไปเช่นกัน ดังนั้นในวันสิ้นปีก็เลยไม่ได้ติดต่อกัน
แต่เขารู้ว่าปีนี้เขาจะได้หลานชายหรือไม่ก็หลานสาวเพิ่มอีกคน เป็นหลานคนที่สามแล้ว เพราะแบบนี้จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่มีเวลาว่างมาหา ลูกของเขายังเล็กอยู่ คงทนความทรมานระหว่างการเดินทางมาไม่ไหว
แน่นอนว่าเขาเข้าใจเรื่องนี้
แต่เรื่องเข้าใจก็เป็นส่วนของความเข้าใจ ตอนนี้เป็นวันปีใหม่แล้ว เขาอยู่ตามลำพังไม่มีครอบครัวอยู่ข้างกาย เขาเองก็เหงามากเช่นกัน
ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่คิดว่าเจ้าเด็กน้อยจี้เจี้ยนอวิ๋นจะยังไม่ลืมคนแก่คนนี้ไปเสียสนิท แต่กลับส่งของมาแทน มาเป็นกล่องพัสดุขนาดใหญ่เลยทีเดียว
“เจ้าเด็กนั่นของฉันจ่ายค่าขนส่งไปหรือยังนะ?” ลุงจางถาม
“จ่ายมาแล้วครับ แพงมากเลยครับ กล่องพัสดุใหญ่และหนักขนาดนี้ ค่าส่งน่าจะถึง 15 หยวนได้เลย เป็นลูกชายที่กตัญญูต่อคุณลุงจริง ๆ เลยนะครับ” บุรุษไปรษณีย์เป็นคนช่างสังเกต เมื่อเห็นชายชราอยู่บ้านคนเดียว ก็รู้ชัดว่าหลานชายของเขาไม่ได้กลับมาหา แต่ส่งอะไรบางอย่างมาปลอบชายชราแทน เขาเลยเอ่ยคำชมไปสองสามประโยค
ลุงจางดีใจเป็นอย่างมาก รอจนขนกล่องพัสดุเข้ามาในบ้านได้ เขาก็มอบแอปเปิลให้กับบุรุษไปรษณีย์ “ขอให้ปลอดภัย โชคดีมีชัย รับไปสิ”
“ครับ ขอบคุณครับคุณลุง!” บุรุษไปรษณีย์รับแอปเปิลแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
ลุงจางปิดประตูและเริ่มแกะกล่องพัสดุที่จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งมา ในนั้นมีของอยู่ไม่น้อยเลย
น้ำผึ้ง 2 ชั่งที่เขาใส่มาให้มีถึงสามขวด ทั้งหมดห่ออยู่ในกล่องกระดาษอย่างแน่นหนา นอกจากนี้แล้วยังมีพุทราแดง เก๋ากี้ และก็มีหมูแดดเดียวที่ซูตานหงเป็นคนทำเอง นอกจากนี้ยังมีของอย่างอื่นอีกมากมาย มีเสื้อผ้าหนา ๆ ที่คนแก่คนเฒ่ามักจะชอบใส่กัน ซึ่งเป็นสิ่งที่มีน้ำหนักมากที่สุดในบรรดาของที่ส่งมา
ของเหล่านี้ทำให้หัวใจของคนแก่ที่โดดเดี่ยวพองโตขึ้นมา พอได้อ่านจดหมายที่จี้เจี้ยนอวิ๋นส่งมาจนจบเขาก็ระบายยิ้ม
ลุงจางเก็บน้ำผึ้งไว้ที่ตัวเอง 2 ขวด เขาชอบน้ำผึ้งนี้มาก หลังได้ดื่มแล้วรู้สึกดีอย่างสุดแสน ส่วนอีก 1 กระปุกเขาหยิบไปให้เพื่อนสนิทของเขา
เพื่อนของเขากำลังคิดถึงอยู่พอดี ยามที่มองไปยังขวดน้ำผึ้งตรงหน้า เขาก็รู้สึกดีใจ “ลูกชายบุญธรรมของแกล่ะ? ไม่มาด้วยเหรอ?”
“เขาไม่ได้มา ปีนี้เขามีลูกเพิ่ม ไม่มีเวลาว่าง” ลุงจางตอบไปเช่นนั้น
“คนไม่มา แต่ก็ส่งของมาให้ถึงที่ด้วยงั้นเหรอ?” เพื่อนสนิทของเขาเอ่ยขึ้น
“ใช่แล้ว บอกเขาไปแล้วว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขาก็ยังส่งของมาให้ ให้มาไม่น้อยเลย กล่องใหญ่เบ้อเริ่ม” เห็นได้ชัดว่าลุงจางกำลังอารมณ์ดี
หลังจากที่ได้พูดคุยกับเพื่อนสนิทสักพัก เขาก็กลับไปอย่างพึงพอใจ
หลังจากที่ลุงจางเดินจากไป ภรรยาเพื่อนสนิทของเขาก็ขมวดคิ้วพูดขึ้น “ลูกชายบุญธรรมของเหล่าจางที่คุณพูดถึง คือคนที่มีเรือนสี่ประสาน 2 วงนั่นใช่ไหม?”
“พูดอะไรอย่างนั้นเล่า? ผมก็ได้ยินตามที่เหล่าจางพูดมานั่นแหละ บ้านเล็ก ๆ ที่อยู่หลังถัดไปก็ขายให้เขาไปแล้วก่อนที่จะรู้จักเขาเสียอีก เขาขายไปในราคา 20,000 กว่าหยวน เด็กคนนั้นก็ซื้อไปในทันที คุณว่าเขาเป็นคนไม่มีเงินงั้นเหรอ?” เพื่อนสนิทของลุงจางกล่าว
“ที่บ้านเขาทำอะไรงั้นเหรอ?” ภรรยาของเขาถาม
เป็นเพราะสามีมีความสัมพันธ์ที่ดีมากกับลุงจาง ดังนั้นนางเลยอยากจะลองถามอีกสักหน่อย อันที่จริงนางอยากจะถามมาตั้งนานแล้ว แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ถามสักที
“บ้านเขาทำธุรกิจหลายอย่าง ได้ข่าวว่าทำสวนผลไม้หลายสวน ในสวนผลไม้ก็เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมู เลี้ยงแพะ ได้ยินมาว่าดูแลอ่างเก็บน้ำของหมู่บ้านอีกต่างหาก” เพื่อนสนิทของลุงจางกล่าว
ภรรยาของเขาตะลึงค้าง “ทำธุรกิจเยอะขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“เหล่าจางเป็นคนบอกกับผมเอง จะโกหกได้ยังไงเล่า? ตรงนั้นงานยุ่งกันขนาดนั้นแล้วจะมีเวลามาเยี่ยมเหรอ? ถ้าเขาจะมาเยี่ยมเหล่าจาง เขาก็น่าจะมาเยี่ยมไปแล้ว คุณคิดว่าเขามาได้ตลอดทั้งปีอย่างนั้นเหรอ?” เพื่อนสนิทของลุงจางกล่าว
เพราะเป็นผู้ชาย คำถามจึงฟังดูคลุมเครือมาก
ภรรยาของเขาไม่คิดจะพูดอะไรอีกแล้ว “งั้นคุณก็ดูเอาไว้บ้างแล้วกันค่ะ จนตอนนี้ก็ยังไม่มีใครมาเยี่ยมคุณเลย”
“ผมรู้อยู่แล้วน่า” เพื่อนของลุงจางว่า
ลุงจางไม่สนใจเรื่องพวกนี้เลย เขารีบกลับมาที่บ้านอย่างเร็วเพื่อที่จะแจกของอื่น ๆ ที่ไม่จำเป็นกับที่บ้านให้เพื่อนบ้าน
ทุกคนต่างทักทายเขาและก็พากันถามว่าเป็นของที่หลานชายของเขาเป็นคนส่งมาใช่ไหม เพราะมีบุรุษไปรษณีย์มาส่งพัสดุกล่องใหญ่ มีคนเห็นมันหลายคนเลยทีเดียว
“ทำไมปีนี้เขาไม่มาล่ะ?” เพื่อนบ้านบางคนเอ่ยถาม
“เขายุ่งอยู่ ปีนี้ก็มีลูกเพิ่มมาอีก แถมอากาศก็หนาวขนาดนี้ มันคงจะลำบากพวกเขาน่ะ” ลุงจางตอบคำถามพวกเขา
“แบบนี้เอง” เพื่อนบ้านพยักหน้าอย่างเข้าใจ
ลุงจางฉลองปีใหม่อย่างพึงพอใจ เขาคิดว่าหลังสอนนักศึกษาชุดสุดท้ายในฤดูร้อนนี้ เขาก็จะเกษียณ เมื่อถึงเวลานั้นเขาจะไปหาจี้เจี้ยนอวิ๋น หากทุกอย่างลงตัวเหมาะสมกับเขา เขาก็จะใช้ชีวิตในบั้นปลายที่นั่น
เขามีเงินเดือนเกษียณและมีเงินเก็บมากมาย ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องกินต้องใช้เงินร่วมกับเจี้ยนอวิ๋น เขาไปอยู่ที่นั่นเพื่อใช้จ่ายเงินตัวเองก็พอ
กล่าวถึงบ้านตระกูลจี้ คุณพ่อจี้คุณแม่จี้ก็ล้วนดีใจ ปีนี้เจี้ยนอวิ๋นมีผลการผลิตที่ดี พวกเขาที่เป็นพ่อแม่จึงดีใจแทนลูกชาย ลูกชายคนอื่น ๆ ก็มีฐานะดีขึ้นทุก ๆ ปี และพวกเขาทั้งสองบ้านก็มีความสุขดี
สองคนชราเตรียมเงินซองแดงให้กับหลานชายหลานสาว แต่ละคนได้คนละ 1 หยวน ถือเป็นเงินที่ค่อนข้างมาก
คนในหมู่บ้านบางคนแค่เงินสักเหมาก็ยังไม่มีเลย
จี้เจี้ยนอวิ๋น ซูตานหง และเหล่าลูกชายกับลูกสะใภ้คนอื่น ๆ ก็ให้ซองแดงกับทั้งสองเช่นกัน ทำให้ผู้เฒ่าทั้งสองคนดีใจมาก
บ้านของจี้เจี้ยนอวิ๋นนับว่าคึกคักที่สุด มีผู้คนเข้าออกไม่ขาดสาย คนงานที่อยู่ในความดูแลของเขาต่างพากันมาอวยพร และนำซองแดงมาให้ตามมารยาท แต่ซูตานหงไม่คิดจะรับมัน
บ้านของเธอมีลูกชายมาก คนอื่นให้ซองแดงมามากเท่าใดก็ต้องให้กลับคืนไปเท่านั้น อย่างเช่น สวี่เหอซานกับจี้อวี้หลานที่อุ้มลูกชายมาทักทายในช่วงปีใหม่ ก็ให้เงินซองแดงกับสามพี่น้องเหรินเหรินหนึ่งคนต่อหนึ่งซอง รวมเป็น 5 เหมา ซูตานหงก็ต้องมอบซองแดงคืนไปให้ 2 หยวน
ผู้คนเข้าออกเรื่อย ๆ ทำให้สามพี่น้องได้ซองแดงไม่น้อยเลยทีเดียว
เหรินเหรินรู้สึกเกรงใจ แต่ฉีฉีกลับตั้งหน้าตั้งตารอซองแดงอย่างใจจดใจจ่อ ส่วนเสียงเสียงนั้นยังไม่รู้เรื่องรู้ราวนัก แต่พอมีคนให้เขาก็รับมาอย่างง่ายดาย ทว่าหลังจากนั้นก็ถูกฉีฉีเอาเงินในซองไปจนหมด
เด็กคนนี้เจ้าเล่ห์มากขึ้นทุกวัน จนไม่รู้ว่าจะหาวิธีปลอบใจเสียงเสียงอย่างไรดี