คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา – ตอนที่ 201 ชายหญิงแตกต่างกัน ตอนที่ 202 อาหารที่ขายใน

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

ตอนที่ 201 ชายหญิงแตกต่างกัน

องครักษ์จินนำไป๋จื่อไปที่ห้องครัว ในเรือนเหลือเพียงเมิ่งหนานและหูเฟิง

ทั้งสองต่างก็พิจารณากันและกัน สายตาของพวกเขาดูไม่ยี่หระ ทว่าก็สบายใจอยู่ในทีเช่นเดียวกัน

“หูเฟิง ข้าเดาว่าเจ้าไม่ใช่คนหมู่บ้านหวงถัว” จู่ๆ เมิ่งหนานก็พูดขึ้นมา

“ข้าเดาว่าเจ้าก็ไม่ใช่คนเมืองชิงหยวนเช่นกัน” หูเฟิงกล่าว

เมิ่งหนานหลุดหัวเราะ “ถูกต้อง ข้าไม่ใช่คนเมืองชิงหยวนจริงๆ ข้าเป็นคนจากเมืองหลวง แล้วเจ้าเล่า เจ้าเป็นคนที่ใด”

หูเฟิงส่ายหน้า “ข้าไม่รู้ ที่ใดก็เป็นไปได้ทั้งนั้น”

ไม่รู้? ที่ใดก็เป็นไปได้ทั้งนั้น?

นี่นับว่าเป็นคำตอบประเภทใดกัน เขาตอบอย่างขอไปทีชัดๆ

เมิ่งหนานรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง “น้องหู เจ้าอย่าได้หลอกสหายคนนี้เลย!”

หูเฟิงช้อนสายตามองอีกฝ่ายอีกครั้ง เรียวคิ้วคมเลิกขึ้นเล็กน้อย “ใต้เท้าเมิ่งหมายความว่าอย่างไร ข้าเป็นสหายของเจ้าตั้งแต่เมื่อใด”

คำกล่าวนี้ทำให้เมิ่งหนานสะอึก เกือบจะพ่นชาที่เพิ่งกลืนลงคอออกมา

“นี่…อย่างไรพวกเราก็เคยผ่านความยากลำบากมาด้วยกัน ยังไม่นับว่าเป็นสหายกันอีกหรือ” เมิ่งหนานเพิ่มเสียงพูดให้ดังขึ้น

หูเฟิงไม่ได้ตอบอะไร และไม่ได้มองเมิ่งหนานอีก เพียงเดินทอดน่องออกไป

เมิ่งหนานงุนงง สมองของคนผู้นี้มีความผิดปกติหรือไร ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นใต้เท้าตัดสินคดี แม้จะเป็นขุนนางตำแหน่งเล็กๆ ทว่าในสายตาของชาวบ้านอย่างพวกเขาแล้ว จะอย่างไรก็ถือเป็นขุนนางนะ!

เป็นผู้ใดบอกว่าขุนนางมีแรงกดดันคนกัน?

เหตุใดเขาอยู่ต่อหน้าหูเฟิงแล้ว แต่ยังไม่รู้สึกถึงพลังอำนาจแต่กำเนิดของตน แม้กระทั่งถูกชายหนุ่มมองข้ามเสียด้วยซ้ำ…

“พี่เมิ่ง ข้ามาเยี่ยมท่านเจ้าค่ะ” กู้ซีนำสาวใช้เข้ามาในเรือน ก่อนจะเห็นเมิ่งหนานนั่งเหม่อลอยอยู่บนเก้าอี้ ใบหน้าของชายหนุ่มแปลกไปอยู่บ้าง “พี่เมิ่ง ท่านเป็นอะไรไปเจ้าคะ”

เมิ่งหนานตื่นจากภวังค์ “ไม่เป็นไร ข้าไม่เป็นไร” เขาเงยหน้ามองกู้ซีครั้งหนึ่ง “เจ้ามาทำอะไร ครั้งก่อนข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ ว่าชายหญิงแตกต่างกัน เจ้าอย่าได้เอาแต่มาหาข้าทั้งวัน จะทำให้คนที่พบเห็นเข้าใจผิดเอา”

บนพวงแก้มของกู้ซีเจอสีแดงระเรื่อ นางนั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆ เมิ่งหนาน “พี่เมิ่ง ท่านพ่อของข้าบอกว่ามือของท่านบาดเจ็บ และท่านไม่มีครอบครัวอยู่ข้างกาย จึงให้ข้ารับหน้าที่ดูแลท่านเจ้าค่ะ ท่านพ่อของข้ายังไม่คิดเล็กคิดน้อยเรื่องเหล่านี้ ท่านก็อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยเลย!”

‘บิดาของเจ้า? บิดาของเจ้าไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอย่างแน่นอน เพราะอยากจะกระจายความเข้าใจผิดเรื่องเจ้ากับข้าใจจะขาด เมื่อทำสำเร็จแล้ว เขาก็จะถือโอกาสพึ่งพิงต้นไม้ใหญ่อย่างสกุลเมิ่ง ความคิดเช่นนี้ของเขา จะปิดบังผู้ใดได้เล่า’

เมิ่งหนานเกิดในสกุลเมิ่งแห่งเมืองหลวง เติบใหญ่ในเมืองหลวงอันหรูหรา เรื่องที่สตรีสกุลร่ำรวยต่างๆ ล้วนคิดหาวิธีเข้าหาเขา อย่างไรเขาก็เห็นมามากมายแล้ว

“บิดาของเจ้าไม่คิดเล็กคิดน้อย แต่ข้าไม่คิดเล็กคิดน้อยไม่ได้ แม้บัดนี้จะอยู่ห่างจากเมืองหลวง แต่ข้าก็ไม่อาจเสียเกียรติของสกุลเมิ่งเพราะข่าวโคมลอยที่ไม่ใช่เรื่องจริงเหล่านี้ คุณหนูกู้ เจ้าว่าข้าพูดถูกต้องหรือไม่”

สีแดงระเรื่อนบนพวงแก้มของกู้ซีมีความมืดครึ้มปกคลุมแทนที่โดยพลัน คิ้วที่ตกแต่งไว้อย่างประณีตขมวดมุ่น มือเล็กกำผ้าเช็ดหน้าแน่นไม่ยอมหยุด นางกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ “พี่เมิ่ง ท่านพูดอะไรเจ้าคะ พวกเราไม่ได้ทำเรื่องไม่สมควรเสียหน่อย ไหนเลยจะสร้างข่าวลืออะไรได้ ท่านคิดมากเกินไปแล้วกระมัง!”

เมิ่งหนานชำเลืองมองนางครั้งหนึ่ง ในแววตาฉายความเฉยชาอย่างชัดเจน “หากคิดมากได้ย่อมดีที่สุด”

จดหมายที่ท่านแม่ของเขาส่งมาถึงชิงหยวนเมื่อเดือนที่แล้ว ภายในนั้นพูดถึงเรื่องของเขากับกู้ซีอยู่ด้วยเล็กน้อย ใต้เท้ากู้มีพี่น้องคนหนึ่งอยู่ที่เมืองหลวง แม้จะบอกว่าเป็นขุนนางเมืองหลวง ทว่าก็เป็นเพียงขุนนางระดับล่างที่ไร้อำนาจเท่านั้น

ไม่รู้ว่าเขาพบท่านพ่อของตนผ่านช่องทางใด ทั้งยังหวังว่าท่านพ่อจะเห็นแก่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างชายหนุ่มและหลานสาว ให้คำแนะนำและสนับสนุนเขามากหน่อย

………..

ตอนที่ 202 อาหารที่ขายในร้านชั้นหนึ่ง

ตนมีความสัมพันธ์อันดีกับกู้ซีตั้งแต่เมื่อใด? เหตุใดตัวเขาเองถึงไม่รู้?

ตามความเห็นของท่านแม่ในจดหมาย ข้าราชการสกุลกู้ในเมืองหลวงผู้นั้น คล้ายกับจงใจแพร่สะพัดข่าวลือในเมืองหลวง ทำให้ผู้คนเข้าใจผิด คิดว่าเมิ่งหนานมีคู่ครองที่เหมาะสมอยู่ในเมืองชิงหยวนแล้ว

ครั้นเห็นเมิ่งหนานมีสีหน้าบึ้งตึงมาโดยตลอด กู้ซีก็รู้สึกกระอักกระอ่วนขึ้นมาบ้าง ทว่านางไม่อยากกลับไปทั้งที่ยังไม่ได้ทำอะไร นางจึงทำเป็นมองไม่เห็นความเฉยชาของเมิ่งหนาน ตั้งหน้าตั้งตาพูดว่า “พี่เมิ่ง ซีเอ๋อร์ได้ยินคนในห้องครับบอกว่า หลายวันมานี้ท่านไม่ได้กินอะไรเท่าไรนัก ท่านดูตนเองสิเจ้าคะ ผอมลงไปตั้งเยอะแน่ะ แม้จะบอกว่าบาดเจ็บที่มือ ทว่าก็เป็นมือซ้าย ไม่น่าจะเป็นเรื่องใหญ่อะไร มือขวายังดีอยู่ไม่ใช่หรือ ท่านอย่าได้ทรมานตัวเองเลยนะเจ้าคะ”

เมิ่งหนานกางพัด ก่อนจะพัดให้ตนเองไปมา สายตามองไปยังความว่างเปล่าตรงประตู ไม่รู้ว่ามีคนได้ยินนางพูดหรือไม่

กู้ซีขยิบตาให้สาวใช้ข้างกาย อีกฝ่ายจึงเริ่มหยิบอาหารออกมาจากในกล่อง จานหนึ่งเป็นของหวานที่รังสรรขึ้นมาอย่างตั้งใจ ส่วนอีกสองจานเป็นอาหารที่มีกลิ่นหอมและสีสันสวยงามครบเครื่อง

“พี่เมิ่ง นี่เป็นอาหารคาวและหวานที่ข้าลงครัวทำด้วยตนเอง ท่านลองชิมดูนะเจ้าคะ”

เมิ่งหนานเหล่มองอาหารบนโต๊ะ ก่อนจะยกยิ้มเยาะที่มุมปาก “เจ้าทำเอง?”

หญิงสาวรีบพยักหน้า “เจ้าค่ะ ข้าทำเอง เพื่อเรียนรู้การทำอาหาร ข้าเสียเวลาไปไม่น้อยเลย วันนี้ก็ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างเลยนะเจ้าคะ”

เมื่อได้ยินดังนั้น เมิ่งหนานก็ยื่นมือไปหยิบขนมไป๋อวี้เกา[1]ชิ้นหนึ่งมา

กู้ซีเห็นว่าเขากินอาหารที่ตนนำมาในที่สุด จึงรู้สึกเบิกบานใจราวกับแสงอาทิตย์เจิดจรัสในทันที รอยยิ้มบนใบหน้าคล้ายกับดอกไม้ผลิก็ไม่ปาน

เมิ่งหนานไม่ได้นำขนมในมือใส่ปาก กลับโยนขนมทิ้งไปข้างๆ เสียด้วยซ้ำ ก่อนจะชี้ไปยังก้นจานที่ว่างเปล่า “คราวหน้าหลังจากซื้อขนมและอาหารจากร้านชั้นหนึ่งแล้ว จำไว้ว่าเปลี่ยนจานใส่ด้วย ไม่เช่นนั้นสัญลักษณ์ของร้านชั้นหนึ่งนี้ จะต้องทำให้เข้าใจผิดอย่างแน่นอน”

แม้เขาจะไม่สนิทกับกู้ซี แต่การกระทำของนางต่อหน้าเขาในทุกครั้ง ยากจะทำให้เขานึกถึงน้ำมันและควันในห้องครัว ยิ่งไปกว่านั้น เขาเป็นลูกค้าประจำของร้านชั้นหนึ่ง ภายในนั้นมีอาหารใดที่เขาไม่เคยกินบ้าง เพียงแค่ชิมรสชาติก็รู้แล้วว่าเป็นพ่อครัวใหญ่คนใดทำ

กู้ซีอับอายจนคิดเพียงอยากจะแทรกแผ่นดินหนี บนโลกนี้ยังมีอะไรน่าอึดอัดใจไปกว่าการพูดโกหก แล้วถูกคนเปิดโปงต่อหน้าอีก

นางหันใบหน้าเจือสีแดงไปถลึงตามองสาวใช้อย่างดุดัน ตำหนิว่าจัดการเรื่องได้ไม่ดี ทำให้นางขายหน้าคนที่ชอบพอเช่นนี้

สาวใช้ก้มหน้าไม่พูดจา ในใจของนางก็จนใจเช่นกัน คนฉลาดย่อมรู้ว่าคุณหนูของนางกำลังพูดโกหก และเหตุใดต้องพูดโกหกเช่นนั้นด้วย

องครักษ์จินโผล่หน้าเข้ามาจากข้างนอก ในมือยกจานอาหารจานหนึ่ง ในปากของเขากำลังเคี้ยวอะไรบางอย่างอยู่ด้วย เมื่อเห็นกู้ซีอยู่ในเรือน เขาก็ขมวดคิ้วในทันที “คุณหนูใหญ่กู้? เหตุใดท่านถึงอยูที่นี่ขอรับ”

เดิมทีกู้ซีก็มีน้ำโหอยู่แล้ว อีกทั้งไฟโทสะนี้ก็ไม่สามารถสาดใส่เมิ่งหนานได้ เวลานี้องครักษ์จินเข้ามาผสมโรงอีก ไหนเลยนางจะทนได้

“องครักษ์จินพูดจาน่าขันนักนะเจ้าคะ ที่นี่ที่ว่าการอำเภอ ท่านพ่อของข้าเป็นนายอำเภอ อีกทั้งท่านก็เรียกข้าว่าคุณหนูใหญ่กู้ ในที่ว่าการอำเภอแห่งนี้ มีสถานที่ใดที่ข้าไปไม่ได้เล่าเจ้าคะ?”

องครักษ์จินยกจานเข้ามา พลางชำเลืองมองอาหารหลายอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนจะยิ้มกล่าว “อาหารจากร้านชั้นหนึ่งนี่นา ทว่าคุณชายของข้ากินจนเลี่ยนแล้ว ท่านนำกลับไปเสียดีกว่า”

แม้แต่องครักษ์จินก็ดูออกว่านี่เป็นอาหารจากร้านชั้นหนึ่งหรือ

กู้ซีถลึงตามองสาวใช้อย่างโหดเหี้ยม “ยังตะลึงอะไรอยู่อีก ไม่รีบเก็บหรือไร”

สาวใช้รีบเก็บของหวานและอาหารบนโต๊ะ ทำให้องครักษ์จินมีที่ว่าง วางจานในมือที่ถืออยู่ตลอดลงบนโต๊ะ

เมิ่งหนานได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกหิวยิ่งกว่าเดิม เขารีบถามว่า “นี่คืออะไร”

[1] ไป๋อวี้เกา (白玉糕) เป็นขนมชนิดหนึ่งที่ทำจากแป้ง มีสีขาว เคลือบด้วยมะพร้าวขูด มีรสสัมผัสเหนียวหนึบ

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

คู่มือเศรษฐีของหมอหญิงบ้านนา

Status: Ongoing
จู่ๆ แพทย์หญิงยอดฝีมือจากยุคปัจจุบัน ดันตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กสาวชาวบ้านยุคโบราณที่ถูกย่าและป้าสะใภ้ตีจนตายทั้งเป็นครั้นรอดชีวิตมาได้ ก็ถูกโขกสับไม่ต่างกับสาวใช้ในบ้าน ทั้งยังจะถูกจับขายแลกเงินให้แต่งกับบุรุษอายุคราวพ่อแต่ไป๋จื่อคนใหม่นี้จะไม่ปล่อยให้พวกนางใช้งานข่มเหงรังแกได้ตามใจชอบอีกต่อไปแล้วให้ตายอย่างไรก็ต้องออกจากบ้านที่เหมือนกับขุมนรกแห่งนี้ไปให้ได้ จึงตัดสินใจสร้างอุบายทำให้ตนเองเสียชื่อเพื่อแยกบ้านกับเหล่าคนสกุลไป๋ได้อย่างสมบูรณ์ เพื่อให้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เพื่อให้มีข้าวกินอิ่มท้องสักมื้อหญิงสาวที่เคยมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งประเทศในยุคปัจจุบันต้องถกแขนเสื้อทำไร่ทำนา ใช้วิชาแพทย์แผนปัจจุบันรักษาคนไข้และจัดการกับเหล่าคนในหมู่บ้านที่เข้ามาเอารัดเอาเปรียบนางด้วยแต่ขณะเดียวกัน… ก็ต้องรักษาโรคความจำเสื่อมให้ชายหนุ่มกล้ามโตขี้น้อยใจอีก!เดิมทีคิดจะใช้ชีวิตอย่างสงบสุข หาเช้ากินค่ำ เลี้ยงชีพให้ตนและท่านแม่มีชีวิตที่ดีแต่ความหวังพรรค์นั้นน่าจะไม่มีทางเป็นจริงได้ หนทางข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเอาเสียเลย!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท