ตอนที่ 257 โจรขโมยแตง
พวกเขาไม่รู้หนังสือ แต่ตัวอักษร ‘หลาน’ นั้นเหมือนกับตัว ‘หลาน’ ตรงก้นถ้วยที่ใช้สำหรับส่งข้าวมาให้พวกเขากินในทุกวัน
ลุงหูยิ่งคุ้นเคยกับตัวอักษรนี้ ก้นถ้วยที่ซื้อมาใหม่ รวมถึงบนถุงผ้าที่จ้าวหลานทำกับมือในช่วงนี้ ล้วนปักตัวอักษรหลานเหล่านี้ทั้งสิ้น
เขาชี้ไปที่ปากถุง “นี่ไม่ใช่ถุงผ้าที่แม่ของเจ้าทำหรอกหรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ล้วนเป็นถุงผ้าที่แม่ข้าทำเจ้าค่ะ แต่กลับไม่ใช่ถุงผ้าของท่านแม่ พวกมันควรจะอยู่ที่สกุลไป๋ถึงจะถูก”
อู๋เจียงส่ายหน้าพลางถอนใจ “คนสกุลไป๋ช่างหน้าไม่อายจริงๆ พวกเจ้าสองแม่ลูกหวังพึ่งที่ดินผืนนี้ให้มีชีวิตต่อไปได้ พวกเขายังกล้ามาขโมยไปอีก”
หลี่เฉิงกล่าวเช่นกัน “ที่น่าแปลกก็คือ พวกเขามาขโมยไปแท้ๆ แต่เหตุใดทิ้งไว้บนคันนาเล่า”
ทันใดนั้น อู๋เจียงนึกเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ เขาพลันพูดว่า “เมื่อคืนข้าตื่นขึ้นมากลางดึก เหมือนจะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของเจ้าใหญ่ ตอนนั้นข้าไม่ได้ตั้งใจฟังเท่าไรนัก ยังคิดว่าพวกเขาทะเลาะกันอยู่ภายในบ้าน แต่ตอนนี้คิดๆ ดูแล้ว จะต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องขโมยแตงดินอย่างแน่นอน”
“คนเช่นพวกเขา เมื่อขโมยของมาได้แล้วย่อมไม่มีเหตุผลให้ปล่อยมืออย่างแน่นอน นอกเสียจากเกิดเรื่องอะไรที่ทำให้พวกเขาต้องจำใจทิ้งสิ่งของที่ได้มา” ไป๋จื่อกล่าว
ลุงหูพูดขึ้นมาบ้าง “พวกเขาใจกล้าไม่น้อยเลยนะ กลางค่ำกลางคืนเช่นนี้ ยังมีใครกล้าไปยังที่นาบ้าง อย่างไรงูพิษชอบเพ่นพ่านในตอนกลางคืนเป็นที่สุด”
ไป๋จื่อยิ้มจาง ไม่ได้พูดอะไรให้มากความอีก เพียงกล่าวกับอู๋เจียงและหลี่เฉิงว่า “พวกท่านกินข้าวเช้าแล้วหรือยังเจ้าคะ หากยังไม่ได้กิน ก็กินอยู่ที่นี่แล้วค่อยกลับไปเถอะ”
ทั้งสองคนรีบโบกมือ “ไม่ต้องหรอกๆ ที่บ้านข้าทำอาหารไว้รอแล้ว กำลังรอพวกข้ากลับไปกิน พวกเจ้าจัดการอะไรๆ อยู่ที่นี่เถอะ หากมีเรื่องอะไรก็เรียกพวกข้าได้”
เด็กสาวพยักหน้า “ตกลงเจ้าค่ะ ข้ารู้แล้ว”
หลังจากมองส่งทั้งสองคนจากไป ลุงหูก็รีบถาม “เรื่องนี้ต้องเป็นฝีมือของคนสกุลไป๋อย่างแน่นอน เจ้าตั้งใจจะทำอย่างไร”
สายตาของไป๋จื่อมองไปยังทิศทางที่สกุลไป๋ตั้งอยู่ มุมปากยกยิ้มอยู่ตลอด “วันนี้ข้าไม่มีเวลาไปคิดบัญชีกับพวกเขาหรอกเจ้าค่ะ อีกเดี๋ยวข้าต้องไปดูร้านสือเค่อของเถ้าแก่เฉิน ถึงอย่างไรก็เป็นการส่งวัตถุดิบวันแรก ข้าต้องไปดูสักหน่อย ป้องกันไม่ให้เกิดความผิดพลาดใดขึ้น”
นางเก็บสายตากลับมา แล้วพูดกับลุงหูอีกว่า “หลังจากข้าไปแล้ว ไม่ว่าใครจะมาหาข้า จะยืมรถก็ดี หรือยืมเงินก็ช่าง ท่านอย่าได้สนใจเป็นอันขาดเลยนะเจ้าคะ”
ลุงหูเข้าใจในทันที เขายิ้มไม่หุบทีเดียว “ได้ ข้ารู้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ มีข้าอยู่ที่บ้านก็เพียงพอแล้ว”
ไม่นานนัก คนที่เถ้าแก่เฉินส่งมาก็มาถึงที่บ้าน
“นี่คือบ้านของหูจ่างหลินใช่หรือไม่” สารถีบังคับรถกล่าวถามหูจ่างหลิน ที่บัดนี้ยืนอยู่หน้าประตูบ้าน
หูจ่างหลินพยักหน้า “ข้าคือหูจ่างหลิน เจ้าเป็นใครกัน”
ครั้นสารถีเห็นว่าสถานที่นี้ถูกต้องแล้ว เขาก็รีบลงจากรถม้า แล้วพูดกับหูจ่างหลินพร้อมรอยยิ้ม “ข้าคือสารถีของร้านสือเค่อ ผู้ดูแลร้านให้ข้ามารับแตงดินที่นี่ เตรียมพร้อมไว้แล้วใช่หรือไม่”
ท่านลุงหูรีบเปิดประตูลานบ้านให้เขาเข้ามา “เตรียมไว้พร้อมแล้ว เจ้ามาเร็วยิ่งนัก ลูกๆ ของข้ายังกินข้าวอยู่เลย ข้าจะไปเรียกให้นะ”
ทว่าหูจ่างหลินยังไม่ทันเข้าไปในเรือน ไป๋จื่อและหูเฟิงก็พากันเดินออกมา “ข้ากินอิ่มแล้ว”
สารถีเคยเห็นไป๋จื่อ ตอนที่เขาขนผักจากตลาดกลับมาที่ครัวเมื่อวานนี้ เขาเห็นไป๋จื่อทำอาหารอยู่ในห้องครัว กลิ่นหอมนั้นช่างยั่วยวน ชวนให้เขาน้ำลายสอแม้กระทั่งยามหลับฝัน
“แม่นางไป๋ ข้ามาขนแตงดิน” สารถีเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มแป้น
ไป๋จื่อรีบนำเขาเดินไปที่มุมกำแพง ก่อนจะชี้ไปที่มันฝรั่งสี่ถุงที่วางอยู่บริเวณนั้น “มันฝรั่งหนึ่งถุงหนักยี่สิบห้าชั่ง ทั้งหมดสี่ถุง เท่ากับหนึ่งร้อยชั่งพอดี ไม่ขาดไม่เกินเจ้าค่ะ”
……….
ตอนที่ 258 ตัวอักษรหลานของบ้านข้า
สารถีพยักหน้าหงึกหงัก ก่อนจะหยิบถุงเงินขนาดเล็กในอกเสื้อออกมาทันที แล้วส่งมันไปให้ไป๋จื่อ “แม่นางไป๋ นี่คือเงินค่าสินค้าที่ผู้ดูแลร้านให้ข้ามอบให้เจ้า ทั้งหมดห้าตำลึงเงิน ผู้ดูแลร้านบอกว่าต่อไปจะคิดตามราคานี้”
ลุงหูตกใจจนเบิกตาโพลง “ห้าตำลึง?”
“ถูกต้อง ห้าตำลึง ตอนนั้นข้าก็ตกใจจนตัวโยนเช่นกัน ด้วยไม่อยากเชื่อเลยว่าแตงดินหนึ่งร้อยชั่งจะขายได้ถึงห้าตำลึงเงิน ข้ากลับไปแล้วจะต้องบอกกับภรรยาที่บ้าน ว่าปีหน้าจะต้องปลูกแตงดินเช่นเดียวกัน” สารถียิ้มอยู่ตลอดเวลา
ไป๋จื่อรับเงินด้วยความยินดีเป็นอย่างยิ่ง แม้ราคานี้จะสูงกว่าราคาตลาดไม่น้อยจริงๆ แต่สูตรอาหารสี่อย่างที่นางให้กับร้านสือเค่อกลับไม่ได้รับเงินใดตอบแทน
ร้านสือเค่อสามารถขายอาหารสี่อย่างนั้นให้ได้เงินกลับมาห้าตำลึงได้ไม่รู้กี่รอบ การค้าขายในครั้งนี้จึงนับว่าได้รับผลประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย
เถ้าแก่เฉินท่านนี้ ช่างน่าสนใจเสียจริงๆ!
หูเฟิงช่วยสารถียกแตงดินขึ้นบนรถม้าของอีกฝ่าย จากนั้นก็จัดเตรียมรถม้าของตัวเองให้เรียบร้อย
รถม้าทั้งสองคันตามหลังกันออกจากหมู่บ้านหวงถัวไป
ไป๋จื่อเพิ่งออกไป หญิงชราและหลิวซื่อก็มาหาถึงที่บ้าน พวกนางไปที่เรือนไม้ที่ไป๋จื่อและจ้าวหลานอาศัยอยู่ก่อน ทว่าเรือนไม้เปิดประตูไว้ พร้อมด้วยหญิงสาวแปลกหน้าคนหนึ่งนั่งยองซักผ้าอยู่ที่หน้าประตู
หลิวซื่อเข้าไปถาม “จ้าวหลานเล่า”
จ้าวซู่เอ๋อเงยหน้าขึ้น เห็นสตรีสองคนใช้สายตาพินิจพิจารณาตนเองอย่างไม่เป็นมิตร จึงรีบลุกขึ้นยืน แล้วกล่าวกับพวกนางว่า “ท่านน้าไม่อยู่ มีธุระต้องออกไปข้างนอก พวกเจ้ามาหานางมีธุระใดหรือ”
หลิวกว้าหัวเข้าไปใกล้อีก ก่อนจะเดินวนรอบตัวจ้าวซู่เอ๋อรอบหนึ่ง ขณะเดียวกันก็พิจารณาอีกฝ่ายตั้งแต่หัวจรดเท้า “เจ้าเป็นใคร ทำอะไรอยู่ที่นี่”
“ข้าอาศัยอยู่กับท่านน้าหลานชั่วคราว ลูกของข้าป่วย ไม่มีที่ไป ทว่าแม่นางไป๋มีเมตตานัก รับครอบครัวของพวกข้ามาอาศัยอยู่ที่นี่ ทั้งยังรักษาลูกของข้าด้วย” จ้าวซูเอ๋อรีบกล่าว
หลิวซื่อแค่นหัวเราะ “นางช่างมีเมตตาเสียจริง ทั้งยังมีเงินรับเลี้ยงดูคนที่ไม่เกี่ยวข้องกันเช่นนี้ด้วย!”
หญิงชราถลึงตามองจ้าวซู่เอ๋อครั้งหนึ่ง ราวกับนางกินข้าวของสกุลไป๋อย่างไรอย่างนั้น
“อย่าเพิ่งพูดเรื่องพวกนี้ หานางเด็กน่าตายนั่นให้เจอก่อนค่อยว่ากัน” หญิงชราลากหลิวซื่อไปที่สกุลหูด้านหน้า
ขณะนี้ในลานบ้านของสกุลหูเหลือเพียงหูจ่างหลินเพียงลำพัง
“หูจ่างหลิน จ้าวหลานกับจื่อยาโถวของบ้านข้าเล่า” หญิงชราปั้นหน้ายิ้มยืนอยู่ตรงประตูลานบ้าน ถามหูจ่างหลินที่อยู่ด้านใน
จ้าวหลานกับจื่อยาโถวของเจ้า?
หูจ่างหลินแทบจะระเบิดหัวเราะออกมา นี่ราวกับเป็นเรื่องที่ตลกที่สุดที่เขาได้ยินในชีวิตนี้เลยทีเดียว
“มาหาพวกนางมีธุระอะไร” หูจ่างหลินถามกลับ
“แน่นอนว่ามีธุระ ถ้าไม่มีธุระพวกข้าจะมาหาตั้งแต่เช้าหรือ?” หลิวซื่อกล่าว
ครั้นได้ยินดังนั้น หูจ่างหลินก็ยักไหล่ “บังเอิญนัก จื่อยาโถวเข้าเมืองไปแล้ว ไม่น่าจะกลับมาภายในครึ่งชั่วยามนี้ แม้กระทั่งอาจจะกลับมาในตอนที่ฟ้ามืดแล้วก็เป็นได้”
สีหน้าของหลิวซื่อเปลี่ยนไปโดยพลัน นางเปิดประตูถลันเข้าไปด้านใน “เช่นนั้นจ้าวหลานเล่า จ้าวหลานอยู่หรือไม่”
หูจ่างหลินส่ายหน้า “นางไปทำงานแล้ว ไม่รู้ว่าจะกลับมาเมื่อใดเช่นกัน” ขณะนี้จ้าวหลานและอาอู่กำลังแจกจ่ายอาหารเช้าให้กับคนงานสร้างบ้าน ยุ่งจนไม่อาจปลีกตัวได้ ใครเล่าจะมีเวลาว่าสนใจสองแม่สามีและลูกสะใภ้คู่นี้
หลิวซื่อชำเลืองมองแม่สามีของตน “ท่านแม่ ทำอย่างไรดีเจ้าคะ” หญิงชรารับปากว่าจะรักษาขาให้เจ้าใหญ่ แต่ก็ยังไม่ตัดใจเจียดเงินออกมา คิดเพียงจะมายืมจากไป๋จื่อและจ้าวหลาน ทว่าตอนนี้สองแม่ลูกล้วนไม่อยู่ เช่นนั้นแล้วจะทำอย่างไรดี? เจ้าใหญ่เจ็บจนเป็นลมไปสองรอบแล้ว
หญิงชราก็รู้สึกร้อนใจเช่นเดียวกัน ถึงอย่างไรเจ้าใหญ่ก็เป็นบุตรชายที่นางให้ความสำคัญมากที่สุด ทั้งยังเป็นบิดาของเสี่ยวเฟิง นางไม่หวังให้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเจ้าใหญ่เช่นกัน ทว่าเงินสองตำลึงเงินในหีบนั้น เป็นเงินที่นางเก็บไว้ให้เสี่ยวเฟิงได้เรียนหนังสือ