ตอนที่ 467 หูเฟิงส่งจดหมายมา (10)
พวกเขาเริ่มต้มยาอีกครั้ง จนกระทั่งม่านยามราตรีโรยตัวลงมา ทั้งสองคนก็เหนื่อยล้าจนทำต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ คราวนี้ถึงจะได้หยุดมือ ครั้นลองนับตลับขี้ผึ้งยาที่อยู่ข้างๆ กลับทำออกมาได้ห้าสิบกว่าตลับแล้วอย่างคาดไม่ถึง
ไป๋จื่อกล่าว “วันนี้พวกเราเริ่มทำกันช้าเกินไป ข้าจะมาใหม่พรุ่งนี้เช้า พยายามทำให้มากหน่อย คนสั่งจะได้ไม่ต้องเร่งพวกเรา”
หมอลู่ย่อมยินดีให้ทำเช่นนั้น เขาคิดเช่นเดียวกับไป๋จื่อ ยอมให้ตนเองลำบากเสียหน่อย แต่ไม่อยากให้ใครมาเร่งเร้า
หลังจากกลับถึงบ้านแล้ว ไป๋จื่อกินข้าวเย็นง่ายๆ แล้วขึ้นไปบนชั้นลอยโดยที่ไม่สนใจจะล้างหน้า นางวางหม้อต้มยาไว้บนดาดฟ้า อาอู่ช่วยนางขนสิ่งของที่ต้องใช้มาไว้ที่นี่เรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดอยู่ตรงที่นางหยิบฉวยได้สะดวกทั้งสิ้น
เสี่ยวเฟิงออกมาจากในห้องเล็กๆ เห็นนางกำลังถกแขนเสื้อ จึงรีบถามว่า “ข้าช่วยอะไรเจ้าได้บ้างหรือไม่”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “ไม่ต้องหรอก เจ้าไปอ่านหนังสือเถอะ ข้าทำคนเดียวก็พอแล้ว”
อาอู่บอกกับเขาไว้แล้ว ยาที่ไป๋จื่อจะทำนั้น ก็เพื่อช่วยบิดาและแม่ทัพฟู่ เขาอยากช่วยอะไรบ้างจากใจจริง แต่เห็นสิ่งของมากมายเบื้องหน้าเหล่านี้แล้ว เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองทำอะไรได้บ้าง ทำได้เพียงยืนเหม่อมองอยู่ข้างๆ ช่วยอะไรก็ไม่ได้
ไป๋จื่อนำวัตถุดิบยาที่แช่น้ำไว้จนนิ่มแล้วออกมาใส่หม้อ แต่ไม่ใช่การใส่พวกมันทั้งหมดลงไปในคราวเดียว แต่ต้มยาที่มีฤทธิ์แตกต่างกันทีละชนิด ขั้นตอนนี้กินเวลานานมาก นางต้มยาเป็นเวลาหนึ่งคืนเต็มๆ แต่ก็ต้มวัตถุดิบยาไปได้แค่สิบกว่าชนิดเท่านั้น ครั้นเห็นท้องฟ้าปรากฏสีขาวเหมือนพุงปลาแล้ว ในที่สุดนางก็หยุดงานในมือลง แล้วกลับไปพักผ่อนที่ห้องอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อจ้าวหลานเรียกนางให้กินข้าวเช้าแล้ว นางถึงจะลากร่างกายอันเหนื่อยล้าลุกขึ้นจากเตียง ล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า กินข้าวเช้า กินเสร็จแล้วก็ไปทำขี้ผึ้งยาที่บ้านของหมอลู่ต่อ
นางราวกับได้กลับไปอยู่ในยุคปัจจุบัน ผ่านเวลาที่อยู่ในห้องผ่าตัดตลอดทั้งวันทั้งคืน นางนับว่าคุ้นเคยกับช่วงเวลาเช่นนั้นทีเดียว เดิมทีคิดว่าชีวิตนี้ของนางจะไม่มีวันได้ใช้ชีวิตเช่นนั้นอีกแล้ว…
ถึงได้บอกว่าเรื่องราวบนโลกหล้าคาดเดายากอย่างไรเล่า!
สามวันหลังจากนั้น ขี้ผึ้งยาของสกุลลู่ก็เสร็จสิ้นทั้งหมด ยาปลอมตายก็เสร็จแล้วเช่นกัน นางเติมสีจากพืชในเม็ดยาเล็กหน่อย ทำให้สีสันของเม็ดยาเหมือนกันขี้ผึ้งยาสกุลลู่อย่างกับแกะ ทั้งยังกดเม็ดยาให้มีลักษณะเหมือนขี้ผึ้งยา ใส่ลงไปในตลับที่ลอบนำมาจากสกุลลู่ ไม่ว่ารูปลักษณ์ภายนอกหรือกลิ่นของมัน ล้วนเหมือนขี้ผึ้งยาของสกุลลู่เป็นอย่างยิ่ง พอจะทำให้สับสนว่าเป็นของจริงหรือปลอมได้
ไป๋จื่อมองขี้ผึ้งยาที่เต็มคันรถเทียมวัว แล้วถามหมอลู่ว่า “ใครเป็นคนไปส่งขี้ผึ้งยาเหล่านี้หรือเจ้าคะ”
หมอลู่ส่ายหน้า “ข้าไม่รู้หรอก พวกเขาไม่เคยบอกข้า เพียงให้ข้าทำขี้ผึ้งยาเหล่านี้ให้เสร็จภายในเจ็ดวัน แต่ไม่ได้บอกอะไรอย่างอื่นเลย”
“เช่นนั้นพวกเราจะไปส่งสิ่งค้าที่ใดเล่า” ไป๋จื่อถาม
“โถงสมุนไพร การค้าขายนี้โถงสมุนไพรจัดการให้ ตกลงกันไว้ว่าถึงตอนนั้นให้พวกเขาได้ประโยชน์ก็ใช้ได้แล้ว” หมอลู่กล่าว
ไป๋จื่อคิดดูแล้ว นางก็ขึ้นไปเปลี่ยนใส่ชุดของเสี่ยวเฟิงที่อยู่บนชั้นสาม หวีผมเช่นบุรุษเหมือนกับเสี่ยวเฟิงไม่มีผิดเพี้ยน บวกกับก่อนหน้านี้นางไม่ได้รับการบำรุงให้มากพออย่างยาวนาน ตอนนี้ร่างกายของนางจึงยังโตไม่เต็มที่ เมื่อใส่ชุดบุรุษแล้ว หน้าอกเรียบราวกับแผ่นไม้กระดาน ให้ความรู้สึกองอาจเหมือนกับบุรุษจริงๆ อยู่หลายส่วน
นางนำล่วมยาติดมาด้วย ภายในนั้นใส่ข้าวของในกล่องปฐมพยาบาลของหลินหยางจนแน่นขนัด ทั้งยังทิ้งจดหมายไว้บนโต๊ะหนังสือของเสี่ยวเฟิงด้วย ภายในจดหมายสอดสูตรอาหารเป็นยาอยู่สองสามชนิด พร้อมทั้งอธิบายขั้นตอนการทำอาหารเป็นยาอย่างละเอียด นางให้เสี่ยวเฟิงนำไปส่งให้เถ้าแก่เฉินแทนนาง จะได้ไม่ทำให้การออกขายรายการอาหารใหม่ของร้านสือเค่อล่าช้า
เด็กสาวแต่งกายเช่นนี้ออกมาจากบ้าน ทำเอาหมอลู่หัวเราะจนท้องแข็ง “เจ้าทำอะไร ไยสวมชุดของบุรุษเล่า หากให้แม่เจ้าเห็นเข้า นางต้องคิดว่ามีบุตรชายเพิ่มขึ้นมาอีกคนแน่”
ไป๋จื่อหัวเราะฮ่าๆ “พวกเขาไปที่ดินกันหมดแล้วเจ้าค่ะ ไม่มีใรโชคดีได้เห็น ถือว่าท่านได้เปรียบแล้วเจ้าค่ะ”
……….
ตอนที่ 468 ยาปลอมตาย (1)
ทั้งสองคนบังคับรถเทียมวัวที่เช่ามาเข้าเมืองไป ชาวบ้านในหมู่บ้านที่เห็นพวกเขาจากไกลๆ ก็พากันคิดว่าหมอลู่ไปกับบุตรชายของเขา ลู่ผิงอัน ใครจะไปคิดว่าที่อยู่ข้างกายของหมอลู่ แท้จริงแล้วกลับเป็นไป๋จื่อต่างหาก
เดิมทีต้องส่งมอบสินค้าในวันที่เจ็ด แต่พวกเขานำสินค้ามาส่งในวันที่สี่เช่นนี้ ผู้ดูแลโถงสมุนไพรจึงไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรถึงจะดี
ผู้ดูแลกล่าวกับหมอลู่ว่า “คราวก่อนบอกไว้ว่าเป็นยาที่จะใช้ในค่ายทหาร แม้ข้าจะรับปากพวกเขาว่าจะส่งไปโดยเร็วที่สุด แต่อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาเจ็ดวัน พวกเขาจึงตกลงว่าจะมารับสินค้าหลังผ่านไปเจ็ดวัน ใครจะรู้ว่าพวกเจ้าจะนำมาส่งให้รวดเร็วถึงเพียงนี้”
ไป๋จื่อถามพร้อมรอยยิ้ม “คนที่จะมารับสินค้า เป็นคนที่มาจากในค่ายทหารหรือ”
ผู้ดูแลพยักหน้า “นั่นย่อมแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วจะเป็นที่ใดไปได้ ทีแรกพวกเขาเสนอให้พวกข้าโถงสมุนไพรไปส่งสินค้าเอง แต่พวกเจ้าก็รู้ว่าตอนนี้ภาวะสงครามกำลังตึงเครียด สถานที่เช่นสมรภูมินั่น หากไม่ต้องไปได้ถือเป็นเรื่องดี พวกข้ายอมกดราคาให้พวกเขาหน่อย ดีกว่าต้องนำสินค้าไปส่งที่นั่นเอง”
สิ่งที่ไป๋จื่อกำลังรอ ก็คือคำพูดนี้ของเขานี่แหละ นางตบหน้าอกของตนเองทันที “ครั้งนี้ข้าจะไปส่งสินค้าให้พวกท่านเอง พวกท่านโถงสมุนไพรเตรียมรถม้าให้ข้าสักสองคันก็พอแล้ว ยานี่จะได้ไม่ต้องเทียวไปเทียวมาหลายรอบ ทำเช่นนี้ไม่ง่ายกว่าหรือ อีกอย่าง พวกข้าเมืองชิงหยวนอยู่ไม่ไกลจากเส้นชายแดน หากข้าออกเดินทางตอนนี้ ระหว่างทางเร่งฝีเท้าสักหน่อย ก็อาจจะไปถึงที่นั่นภายในเย็นนี้”
ผู้ดูแลมีสีหน้าสงสัย คนอื่นมีแต่อยากจะเลี่ยงสถานที่นั้นให้ใกล้ แต่นางกลับขันอาสาเช่นนั้น ช่างเห็นเรื่องที่เหนือความคาดหมายจริงๆ!
“หมอลู่ ท่านก็รู้ว่าหูเฟิงไปที่นั่นแล้ว และข้าไม่เคยวางใจเรื่องเขาได้เลย อยากจะหาโอกาสไปเยี่ยมเขาสักครั้งอยู่เสมอ เมื่อมีโอกาสเช่นนี้แล้ว ข้าจะปล่อยไว้ได้อย่างไรกัน” ไป๋จื่อกล่าว
หมอลู่เห็นนางพูดถึงหูเฟิง คราวนี้ถึงจะได้เข้าใจ เขาได้ยินเรื่องที่นางหมั้นหมายกับหูเฟิงแล้ว ทั้งสองคนเหมาะสมกันจริงๆ แต่น่าเสียดายที่หูเฟิงต้องไปรบ จะรอดกลับมาได้หรือไม่เป็นอีกเรื่องหนึ่ง นางกังวงใจถือเป็นเรื่องปกตินัก
ผู้ดูแลฟังแล้วไม่ค่อยเข้าใจนัก จึงถาม “เจ้าหมายความว่าจะไปหาใครบางคนที่นั่นหรือ”
ไป๋จื่อพยักหน้า “ถูกต้อง พี่ชายของข้าถูกเกณฑ์ทหารไปเมื่อหลายวันก่อน แต่ไม่ได้ยินข่าวคราวของเขาเลย เดิมทีข้าคิดจะไปสักครั้งอยู่แล้ว ตอนนี้มีโอกาสดี ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวไม่ใช่หรือ”
ผู้ดูแลเข้าใจในทันที ที่แท้ก็จะไปหาพี่ชาย เช่นนั้นก็ไม่แปลก เขาจึงยิ้มพลางพยักหน้า “ในเมื่อเป็นเช่นนั้นข้าก็วางใจ เจ้ามีญาติอยู่ทางนั้น คิดดูแล้วคงไม่มีเรื่องที่ไม่ดีอะไร แต่เจ้าผอมแห้งเช่นนี้จะบังคับรถไหวหรือ”
ไป๋จื่อหัวเราะฮ่าๆ “ผู้ดูแลอย่าล้อเล่นสิ หรือว่าบังคับรถต้องอาศัยกล้ามเนื้อบนร่างกายด้วย”
ผู้ดูแลก็หัวเราะเช่นกัน “ก็จริงของเจ้า ตกลง เจ้าบอกว่าเจ้าทำได้ ข้าก็เชื่อเจ้า ถึงอย่างไรข้าก็รู้จักกับหมอลู่มาหลายปี ข้าเชื่อใจเขายิ่งนัก และข้าย่อมเชื่อใจคนที่เขาพามาด้วยเช่นกัน”
เมื่อตกลงกันตามนี้แล้ว ผู้ดูแลก็นับเงินที่ได้จากนายหน้าค่ายทหารให้หมอลู่ทั้งหมด ฝ่ายหมอลู่ได้เงินจากยอดขายทั้งหมดหนึ่งส่วน ส่วนผู้ดูแลยิ้มไม่หุบ เพราะไม่คิดว่าเพียงวาจาของตนก็หาเงินได้แล้ว ทั้งยังกำไรดีกว่าขายยาเสียอีก
ผู้ดูแลบังคับรถม้าที่โถงสมุนไพรใช้ประจำออกมา ทุกคนช่วยกันขนย้ายสินค้าของขึ้นไปวางไว้บนรถ ไป๋จื่อจึงพาหมอลู่ไปอีกด้านหนึ่ง “ท่านหมอลู่ ท่านกลับไปที่หมู่บ้านแล้วบอกแม่ข้าสักหน่อย ว่าข้าจะไปส่งยาที่ต่างเมือง ส่งเสร็จแล้วจะกลับมา ขอนางอย่าได้เป็นกังวล ส่วนเงินที่ขายยาได้ ท่านมอบให้แม่ข้าโดยตรงก็ใช้ได้แล้ว”
หมอลู่มีสีหน้าเป็นกังวล “เจ้าจะเดินทางไปคนเดียวจริงหรือ”