ท่ามกลางศพกองพะเนิน เขาพบโจวกังและฟู่เจิงที่ยังไม่ฟื้นขึ้นมาแล้ว จึงแบกพวกเขาออกจากหลุมศพ ไปยังถ้ำแห่งหนึ่งที่จัดหาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากวางพวกเขาลง ก็ทิ้งหมั่นโถวไว้ให้ด้วยหลายลูก แล้วใช้กิ่งไม้ปิดบังปากถ้ำไว้ ก่อนจะจากไปด้วยอย่างวางใจ
ครั้นกลับไปที่ค่ายทหาร เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยกลิ่นศพเน่าทิ้งเพื่อซัก อีกหลายชั่วยามกว่าฟ้าจะสว่าง เขาจึงเตร็ดเตร่ออกไปยังด้านนอกของกระโจมหลังเล็ก ที่ไป๋จื่อและหมอเฉินพักอยู่
ระหว่างเขากับไป๋จื่อไม่เคยมีสัญญาณลับอะไร และไม่อาจจะเข้าไปเรียกนางเช่นนี้ได้ ทว่าหากไม่ได้เห็นหน้านางสักครั้ง เขาก็หาได้รู้สึกสบายใจจริงๆ
เขานั่งยองอยู่ด้านนอกกระโจมสักพัก ก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้บ้างอย่าง ตอนที่เขากับไป๋จื่อไปซื้อของในเมืองเมื่อเดือนก่อน พวกเขาพบลูกแมวที่ถูกเจ้าของทิ้งตัวหนึ่ง ตอนนั้นนางอยากจะพามันกลับบ้านด้วย ทว่าแมวตัวนั้นคล้ายจะไม่วางใจในตัวพวกเขาอย่างยิ่ง นางร้องเลียนเสียงแมวอยู่เนิ่นนาน กระนั้นก็โน้มน้าวมันไม่ได้ สุดท้ายทำได้เพียงมองลูกแมวกระโดดขึ้นกำแพงหนีไป
ตอนที่เสียงแมวร้องดังขึ้นครั้งแรก ไป๋จื่อตื่นขึ้นมาแล้ว ในค่ายหทารจะมีแมวได้อย่างไร แถมเสียงแมวร้องคราวนี้ก็ดูจะแปลกๆ อีกด้วย
อาจจะเป็นเพราะเมื่อกลางวันนางสลบไปนานเกินไป ทั้งยังมีเรื่องหนักอกหนักใจ ถึงได้นอนไม่หลับอยู่ตลอด
เมื่อได้ยินเสียงแมวร้อง นางก็พลันนึกถึงลูกแมวที่พบในเมืองชิงหยวนเมื่อครั้งก่อนได้
สถานที่เช่นนี้ไม่น่าจะมีแมวได้ และไม่มีทางมีแมวร้องเรียกนางอยู่ข้างนอกกระโจมแน่
ต้องไม่ใช่แมว แต่เป็นเสียงคนร้องเลียนแบบแมว หรือจะเป็นหูเฟิง
นางรีบหยัดกายลุกขึ้น ก่อนจะเร่งสวมเสื้อคลุมแล้วออกไป
หูเฟิงนั่งยองอยู่ที่มุมมืดด้านหลังกระโจม ทันทีที่เห็นนางออกมา นางก็ยื่นนิ้วจุ๊ปากบอกให้นางเงียบๆ ก่อนจะเดินไปในป่าผืนเล็กที่อยู่ไกลออกไปอย่างระมัดระวัง
ไป๋จื่อตามเขาอยู่ไกลๆ ตามเขาเข้าไปในป่าผืนนั้น
ครั้นเงาร่างของนางถูกความมืดกลืนกิน ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ข้างหน้าก็หมุนกายกลับมาโดยพลัน โอบนางเข้ามาในอ้อมกอดของตน จนโครงร่างผอมบางของนางแทบจะแหลกละเอียดเพราะแรงของเขา
“เจ็บ…” นางร้องประท้วงพร้อมดวงหน้าแดงก่ำ
เขารีบคลายมือ แล้วถามขึ้นว่า “เจ็บตรงไหน เจ้าได้รับบาดเจ็บหรือ”
ไป๋จื่อส่ายหน้า “เจ้าออกแรงมากเกินไปแล้ว ทำเอากระดูกของข้าจะแยกออกจากกันอยู่แล้วเชียว”
ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง เขาหลุดหัวเราะออกมา ก่อนจะยื่นมือไปประคองไหล่ของนาง พิจารณานางตั้งแต่หัวจรดเท้าภายใต้แสงจันทร์สลัว “เจ้าสบายดีหรือไม่”
เด็กสาวพยักหน้า แล้วเงยหน้าเล็กๆ ขึ้นด้วยความสงสัย ถามว่า “ข้าสบายดี แล้วเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เหตุใดถึงมาดึกดื่นป่านนี้ ไม่ใช่บอกไว้ว่าที่นี่มีคนรู้จักเจ้าหรอกหรือ เหตุใดยังมาที่นี่อีก”
“ข้ารู้เรื่องของมู่หยางแล้ว ได้ยินว่าเจ้าสลบไป เจ้าไม่เป็นไรจริงๆ ใช่หรือไม่” สองมือของเขาเลื่อนลง จับเข้าที่ข้อมือละเอียดของนาง ผิวนางทั้งนุ่มและอบอุ่น เมื่อได้จับไว้เช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่อยากจะปล่อยมืออีกเลย
ไป๋จื่อยิ้มจางๆ “ข้าไม่เป็นอะไร แค่เหนื่อยเกินไปเท่านั้น นอนพักสักตื่นหนึ่งก็หายดีแล้ว ไม่เป็นอะไรจริงๆ”
นางพยายามสูดลมหายใจเข้า “กลิ่นบนตัวเจ้าคืออะไรกัน”
หูเฟิงยกแขนขึ้นดมบ้าง เสื้อผ้าของเขาไม่ได้มีกลิ่นอะไร อาจจะเป็นบริเวณอื่นในร่างกายเจอกับของเน่าเหม็นขณะแบกศพ ถึงได้ติดกลิ่นเหม็นๆ มาบ้าง
“ข้าไปที่หลุมฝังศพมาแล้ว จัดการฟู่เจิงกับโจวกังเรียบร้อยแล้ว” เขากล่าว
มิน่าเล่านางถึงได้กลิ่นเนื้อเน่ามาจากบนตัวของเขา ที่แท้ไปหลุมฝังศพมานี่เอง
“สถานที่พรรค์นั้นมีแต่เชื้อโรค หลายคนไปมาแล้วจะป่วยไข้ เจ้าอย่าได้ละเลยเชียว รีบไปหาที่อาบน้ำแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หมด” นางขมวดคิ้วกล่าว
หูเฟิงพยักหน้า “ข้ารู้แล้ว”
“เจ้าพาพวกเขาไปไว้ที่ใด” ไป๋จื่อถามอีก
“อยู่ในถ้ำที่ไม่ไกลจากหลุมฝังศพ ไยเจ้าถึงถามขึ้นมา”
“พรุ่งนี้ข้าจะหาโอกาสไปดูสักหน่อย บนตัวพวกเขายังคงบาดแผล ข้าจะนำยาไปให้พวกเขาด้วย”
……….
ตอนที่ 486 เก็บสมุนไพร
หูเฟิงรู้สึกไม่วางใจอยู่บ้าง ที่นั่นอยู่ห่างจากค่ายทหารทีเดียว นางเป็นสตรีตัวเล็กๆ คนหนึ่ง จะไปในสถานที่รกร้างเช่นนั้นเพียงลำพังได้อย่างไร
ไป๋จื่อเห็นเขามีสีหน้าเช่นนั้น จึงรีบกล่าว “ข้าบังคับรถม้ามาไม่ใช่หรือไร พรุ่งนี้ข้าจะอ้างว่าไปเก็บสมุนไพร บังคับรถม้าไป ไม่น่ามีเรื่องอะไรหรอก”
ชายหนุ่มหมดหนทางกับนางแล้ว เพราะนางเป็นเช่นนี้เสมอมา นางตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และทำให้คนลำบากใจอย่างแท้จริง
“เอาละ เจ้าต้องระวังตัวให้ดี ในป่านั่นมีสัตว์ป่าอยู่ด้วย”
ไป๋จื่อยิ้มพลางโบกมือ “ไม่เป็นไร ข้านำยามาด้วย หากมีสัตว์ป่ามา ข้าจะทำให้มันหมดหนทางกลับบ้าน” นี่ไม่ใช่วาจาล้อเล่น ในกระเป๋าผ้าของนางมียาชา หากพบสัตว์ป่าเข้าจริงๆ ย่อมต้องใช้ยาชานี้มารับมือกับพวกมัน
“อาจื่อ รับปากข้าว่าจะดูแลตัวเองให้ดี อย่าได้บาดเจ็บ อย่าได้เจ็บป่วย อย่าได้ทำเรื่องเสี่ยงอันตรายได้หรือไม่”
เด็กสาวรู้ความคิดของเขาดี เพียงแต่การใช้ชีวิตบนโลกใบนี้ มักจะต้องพบเจอสถานการณ์น่าจนในมากมายอยู่เสมอ นางไม่อยากทำเนื่องเสี่ยงอันตรายเช่นเดียวกัน ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องบางเรื่องแล้ว ก็จำต้องรับมือให้ได้
นางพยักหน้า บนใบหน้าคลี่ยิ้มหวาน “ได้สิ!” ที่แท้การที่มีคนใส่ใจและเป็นห่วงจะทำให้นางรู้สึกเช่นนี้นี่เอง ช่างวิเศษนัก!
เขารับนางเข้ามาในอ้อมกอดอีกครั้ง นางตัวเล็กกระจิริด หน้าผากจึงจมอยู่ตรงหน้าอกของเขา ครั้งนี้เขาไม่กล้าออกแรงมากจนเกินไป ได้แค่กอดนางอย่างเบามือ ด้วยกลัวว่าหากออกแรงแล้ว ภรรยาในอนาคนของตนจะร้องออกมาอีก
…
เช้าวันต่อมา
ไป๋จื่อบอกกับหมอเฉินว่าจะออกไปเก็บสมุนไพร หมอเฉินรู้สึกประหลาดใจมาก “เก็บสมุนไพร? ยาในกระเป๋าของเจ้าพวกนั้น ดูไม่เหมือนเก็บมาจากในป่านะ”
นางยิ้มเจื่อน “นั่นเรียกว่ายาตะวันตกขอรับ ข้าจะใช้มันในยามคับขันเท่านั้น ยาที่ข้าใช้ในยามปกตินั้น ไม่ต่างอะไรกับยาที่ท่านใช้เลยขอรับ”
หมอเฉินพยักหน้า แล้วกล่าวว่า “แต่ในป่าบนเขาใกล้ๆ กับพวกเราไม่มีสมุนไพรดีๆ เลย” ก่อนหน้านี้เขาเคยเข้าป่าอยู่สองครั้ง นอกจากสมุนไพรธรรมดาทั่วไปแล้ว ก็ไม่พบสมุนไพรดีๆ อะไรแม้สักนิด
“ข้าอยากไปดูสักหน่อย เพราะข้าอาจจะโชคดีกว่าท่านก็เป็นได้” นางหัวเราะคิกคัก
หมอเฉินมองไป๋จื่อ แล้วมองไปยังผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในกระโจม “วันนี้พักรบ น่าจะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บถูกส่งมา คาดว่าคงไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าจะไปก็ไปเถอะ รีบไปรีบกลับ และอย่าได้เดินไปไกลเกินไป”
ไป๋จื่อรับคำ แล้วยื่นมือข้างหนึ่งให้เขาทันที “ขอป้ายคำสั่งออกจากค่ายให้ข้าด้วยขอรับ หากไม่มีป้ายนั่น ข้าก็ออกไปไม่ได้”
อีกฝ่ายล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ แล้วหยิบป้ายคำสั่งส่งให้นาง “เก็บไว้ให้ดี อย่าได้ทำหายเชียว”
ต้วนเฉิงที่อยู่ข้างๆ เข้ามาใกล้ “อาจารย์ ให้ข้าไปกับเขาด้วยเถอะ ท่านพูดเองไม่ใช่หรือ ว่าวันนี้คงไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
หมอเฉินเองก็อยากให้ต้วนเฉิงเรียนรู้จากไป๋จื่อให้มาก ไป๋จื่อผู้นี้แม้จะอายยังน้อย แต่กลับมีความรู้มากมาย พูดจาหรือทำอะไรล้วนหนักแน่นเด็ดเดี่ยว วิชาแพทย์ยังเป็นเลิศอีกต่างหาก ต้วนเฉิงติดตามอยู่ข้างกายเขา จะต้องเรียนอะไรที่หาไม่ได้จากชายชราเช่นเขาแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็พยักหน้าอย่างเบิกบานใจ “ได้ พวกเจ้าสองคนไปเถอะ ดูแลกันให้ดีด้วย เดิมทีข้าก็กังวลเรื่องสัตว์ป่าในป่าอยู่พอดี หากมีต้วนเฉิงไปด้วย ข้าก็ไม่ต้องเป็นห่วงแล้ว”
“หากมีต้วนเฉิงไปด้วย ข้าไม่ต้องกังวลเรื่องสัตว์ป่าหรือขอรับ” ไป๋จื่อไม่เข้าใจ
ต้วนเฉิงเกาศีรษะ ยิ้มว่า “แม้วิชาแพทย์ของข้าจะไม่ได้เรื่อง ทว่าวรยุทธ์ของข้าพอใช้ได้ ปกป้องคุ้มครองเจ้าแน่นอน”
หากไปเก็บสมุนไพรจริงๆ มีคนคอยอารักขาตามไปด้วย นางย่อมขอบคุณจากใจจริง ทว่าเป้าหมายของนางในวันนี้ไม่ใช่การเก็บสมุนไร ต้วนเฉิงตามไปด้วยเช่นนี้ ก็มีแต่จะเป็นอุปสรรคของนางอย่างแท้จริง
ทว่าหากไม่อยากให้เขาตามไป หมอเฉินจะต้องรู้สึกสงสัยแน่ หลังจากคิดทบทวนดูแล้ว นางก็ยิ้มกว้าง “เช่นนั้นก็ดีเยี่ยม ลำบากพี่ใหญ่ต้วนแล้ว” ออกจากค่ายทหารก่อนค่อยว่ากัน ถึงเวลานั้นแล้วค่อยหาหนทางสลัดเขาทิ้งก็ใช้ได้