เสี่ยวซื่อกล่าวด้วยความตื่นเต้นยินดีว่า “คืออะไร”
หลิงหลานกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ต่อให้ช่วงเวลาหนึ่งหมื่นปีจะมีวิธีเก็บข้อมูลประเภทอุปกรณ์จัดเก็บบนเครือข่าย แต่ฉันเชื่อว่ามันไม่มีทางบันทึกหนังสือได้ทั้งหมดหรอก…นายเข้าไปที่อินเทอร์เน็ตดูว่ามีความต้องการทางด้านนี้หรือเปล่า”
เสี่ยวซื่อไม่เต็มใจอยู่บ้าง ต่อให้มีความอยากได้ แต่มันก็มีไม่เยอะแน่นอน มากสุดก็ให้เงินค่าขนมแก่เขานิดหน่อย แต่เขาอยากให้หลิงหลานซื้อยากระตุ้นยีน ยิ่งเยอะยิ่งดี เงินแค่นี้ไม่พอให้ยัดซอกฟันเลย
หลิงหลานดีดหน้าผากเสี่ยวซื่อด้วยความหงุดหงิดและเอ่ยว่า “อย่าดูถูกเรื่องนี้นะ พวกเราต้องสะสมเงินทุนก่อน หลังจากนั้นค่อยหาวิธีอื่นมาหาเงิน ไม่อย่างนั้นต่อให้มีโอกาสแล้วแต่ไม่มีเงิน ทุกอย่างก็เป็นแค่ฝันลมๆ แล้งๆ”
เสี่ยวซื่อเข้าใจแล้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าภาระบนตัวเขาหนักมาก เขายืนตรงตบหน้าอกของตัวเองและพูดว่า “เธอวางใจเถอะ ทุกอย่างให้ฉันจัดการเอง” ท่าทีน่ารักที่สื่อว่าเชื่อใจฉันแล้วจะไม่ผิดหวัง ทำให้หลิงหลานลอบหัวเราะในใจ อดรู้สึกยินดีขึ้นมาอีกครั้งไม่ได้ที่มีเจ้าเด็กเสี่ยวซื่ออยู่ข้างกาย ช่วยเธอทำงานอย่างหนักเอาเบาสู้
ทั้งสองคนปรึกษากันรอบหนึ่ง แล้วตัดสินใจให้เสี่ยวซื่อรับหน้าที่จัดการเรื่องราวบนเครือข่ายเสมือนจริงทั้งหมด ทุกสิ่งทุกอย่างต้องทำด้วยความระมัดระวังเป็นหลัก พวกเขายินยอมยืดเยื้อเวลาค่อยๆ สะสมเงินทุน และต้องเป็นความลับมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ พูดตามตรง พวกเขาไม่รีบร้อนจริงๆ ลองคิดดูสิ ต่อให้ตอนนี้สามารถซื้อยากระตุ้นยีนได้ แล้วใครจะไปใช้ได้ เสี่ยวซื่อคือร่างจำลอง ส่วนหลิงหลานตอนนี้ก็เป็นเด็กทารกที่ทำได้แค่คลานยังเดินไม่ได้เท่านั้น
หลังจากที่หลิงหลานมอบหมายงานที่ตามมาทีหลังให้เสี่ยวซื่อจัดการแล้วก็นอนหลับพักผ่อนโดยไม่คิดอะไรมาก ทิ้งเสี่ยวซื่อที่มีกำลังใจฮึกเหิมในการทำงานสุดขีดพุ่งเข้าไปในโลกเสมือนจริงและทำตามคำพูดของหลิงหลาน ค่อยๆ จัดเตรียมเงินทุนเท่านั้น
หลิงหลานเป็นคนที่ปล่อยวางทุกอย่างแล้ว หลังจากนั้นก็จะไม่ใส่เรื่องนี้อีก ไม่ถามความคืบหน้าของเสี่ยวซื่อ นี่ทำให้เสี่ยวซื่อซาบซึ้งใจเป็นล้นพ้น นายท่านของเขาเชื่อใจเขามากขนาดไหนกัน เขาจะต้องทุ่มเทสติปัญญาและความสามารถน้อมสนองคุณจนร่างแตกสลายให้ได้
ช่วงนี้เสี่ยวซื่อเขมือบตัวอักษรเรื่องสามก๊กหลายล้านตัวติดต่อกันหลายคืน เพื่อเติมเต็มส่วนที่ตกหล่นของเรื่องสามก๊กให้กับลูกค้า หลังจากนั้นเขาก็คลั่งไคล้และแสดงออกมาตรงๆ โดยการเปลี่ยนจากการเรียกขานหลิงหลานที่เดิมทีคือโฮสต์ให้กลายเป็นนายท่านแทน ทุกครั้งที่หลิงหลานได้ยินคำเรียกนี้ก็รู้สึกจิตใจปั่นป่วน ทำไมเจ้าเด็กซนนี่ถึงชอบ cosplay ขนาดนี้นะ
จำเป็นต้องพูดว่า เสี่ยวซื่อใสซื่อบริสุทธิ์มากจริงๆ เขาไม่รู้เลยว่าสาเหตุที่หลิงหลานไม่ถาม นั่นก็เป็นเพราะเธอไม่ใส่ใจเรื่องนี้เลย สำหรับหลิงหลานแล้ว หาเงินได้ก็เป็นเรื่องดีที่สุด หาเงินไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ถึงอย่างไรก็เป็นเสี่ยวซื่อที่ทำคนเดียว และก็เป็นธุรกิจที่ไม่มีต้นทุน ไม่ว่าจะดีหรือร้ายเธอก็ไม่สนใจ เธอแค่อยากเห็นเสี่ยวซื่อมีกำลังใจทำงานเต็มเปี่ยมทุกวัน ไม่ได้ดูเหงาโดดเดี่ยวเหมือนกับแต่ก่อนอีกก็พอใจแล้ว
เอาเถอะ ความจริงแล้ว หลิงหลานให้เสี่ยวซื่อรับผิดชอบเรื่องนี้เพื่อปลอบเจ้าเด็กดื้อ เสี่ยวซื่อที่น่าสงสารก็เลยถูกหลอกเช่นนี้เอง
………
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในที่สุดหลิงหลานก็กลายเป็นเด็กเล็กที่สามารถใช้สองขาเดินได้แล้ว เวลานี้เธอได้รับการฉีดยาอีกครั้ง คราวนี้ดูดซับยาไปสิบหลอดแล้วก็หยุด ส่วนคนที่หน่วยกองทัพส่งมาก็ยังเป็นคนพวกนั้น บางทีพวกเขาอาจจะมีการเตรียมตัวเตรียมใจมาแล้ว ดังนั้นเมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้อีก พวกเขาเลยสงบนิ่งมากจนถึงขนาดให้ความรู้สึกเข้าใจผิดได้ว่า เดิมทีการดูดซับยาสิบหลอดก็เป็นเรื่องปกติมาก ทำไมต้องตกใจยกใหญ่ด้วย ต้องพูดว่าทางกองทัพมีสภาพจิตใจที่แข็งแกร่งทนทานมาก ความสามารถในการยอมรับก็ยิ่งแข็งแกร่ง
มีอยู่วันหนึ่งในตอนที่หลิงหลานมีอายุได้สิบหกเดือน เธอเริ่มทำท่างอตัวเหมือนเดิมตามปกติ และทำเก้าท่าออกมาได้ตามแบบแผน ความจริงแล้วตอนที่หลิงหลานอายุได้สิบห้าเดือนกว่าก็เรียนมาถึงท่าที่เก้าแล้ว หลังจากนั้นเธอก็ทำท่าทั้งเก้านี้ตามลำดับทุกวัน แน่นอนว่ามีจุดที่ไม่ถูก เธอก็ทำการแก้ไขให้ถูกต้องค่อยๆ เปลี่ยนเก้าท่านี้ให้เป็นสัญชาตญาณของเธอ
เมื่อหลิงหลานทำท่าที่เก้าสำเร็จ เธอรู้สึกว่ามีความร้อนไหลอยู่บนร่างกายฉับพลัน มันสุขสบายจนทำให้อดครางขึ้นมาไม่ได้ นี่เป็นความรู้สึกที่ไม่เคยมีมาก่อน ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้จะทำเก้าท่าเสร็จแล้ว ร่างกายของเธอก็ร้อนและสบายเอามากๆ แต่ความรู้สึกล่องลอยดั่งเทวดาแบบนี้ยังไม่เคยรู้สึกมาก่อนจริงๆ
หลิงหลานนอนบนเตียงด้วยความผ่อนคลายยังคงรับรู้ถึงความสุขที่ร่างกายสะท้อนกลับมา แล้วเธอก็พบว่าสติของเธอมาถึงมิติการเรียนรู้แล้ว
จำเป็นต้องรู้ว่าก่อนหน้านี้เธอเป็นฝ่ายเข้าไปเอง และไม่เคยถูกพาเข้ามาเองแบบนี้เลย
หลิงหลานยังไม่ทันต่อต้านความเผด็จการของมิติการเรียนรู้ เธอก็เห็นชายที่ดูเย็นชาคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าเธออย่างไร้ที่มาที่ไป
หลิงหลานตกใจ รีบกล่าวด้วยสีหน้าจริงจังว่า “สวัสดีค่ะ อาจารย์หมายเลขหนึ่ง!” เธอไม่อาจให้ผู้ชายที่ดูน่ากลัวคนนี้พบว่าเธอไม่พอใจเป็นอันขาด ลางสังหรณ์ของหลิงหลานบอกว่าถ้ากระตุ้นให้คนผู้นี้โกรธ ต่อให้เธอไม่ตายก็ต้องถูกถลกหนัง
“เริ่มแรกก็ยินดีด้วยที่เธอฝึกฝนพื้นฐานของทักษะการต่อสู้มือเปล่าระดับสูงได้สมบูรณ์แล้ว” หมายเลขหนึ่งทำหน้าไร้ความรู้สึก น้ำเสียงก็ยังคงเย็นเยียบเหมือนกับที่เจอกันครั้งแรก
แต่หลิงหลานไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกมาตลอดว่าอาจารย์หมายเลขหนึ่งอารมณ์ดีมาก
“ตอนนี้มารับรางวัลที่เธอควรได้แล้ว” หมายเลขหนึ่งกล่าวต่อ
หลิงหลานรู้สึกตื่นเต้นอยู่บ้าง ไม่รู้ว่าอาจารย์หมายเลขหนึ่งจะมอบรางวัลอะไรให้กับเธอ
เวลานี้เอง เสียงที่ให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องจักรเต็มเปี่ยมก็ดังขึ้นที่ข้างหูของหลิงหลานว่า “รางวัล: รายการที่หนึ่ง เหลือเวลาที่กำหนดไว้ 49 วัน คิดเป็นคะแนนเกียรติยศ 49 แต้ม รายการที่สองผลการประเมิน: สมบูรณ์แบบ ได้รับรางวัลคะแนนเกียรติยศ 100 แต้ม รวมสองรายการได้คะแนนเกียรติยศทั้งหมด 149 แต้ม โปรดตรวจสอบยืนยัน”
หลิงหลานที่กำลังเผชิญหน้ากับหมายเลขหนึ่งค่อยพบว่าความจริงแล้วเสียงที่ให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องจักรนี้ไม่ได้ออกมาจากปากของหมายเลขหนึ่ง มันเหมือนกับเป็นเสียงระบบของมิติการเรียนรู้
หลิงหลานยิ้มขื่น เธอค่อยรู้ตัวอีกทีว่า ถึงแม้เสียงของหมายเลขหนึ่งจะเย็นชามาก แต่มันก็กระจ่างใสยิ่ง ไม่มีความรู้สึกเหมือนเครื่องจักรแบบนี้แน่นอน น่าเสียดายที่ครั้งแรกอาจารย์หมายเลขหนึ่งโผล่ขึ้นมาที่ด้านหลังเธอ ทำให้เธอไม่ได้สังเกตเห็นเรื่องนี้และเข้าใจผิดมาตลอดจนถึงวันนี้
เสียงของอาจารย์หมายเลขหนึ่งดังขึ้นอีกครั้ง “ตอนนี้ฉันจะอธิบายเรื่องการใช้คะแนนเกียรติยศให้เธอฟัง นอกจากหลักสูตรการเรียนรู้ที่จำเป็นแล้ว มิติการเรียนรู้ยังมีหลักสูตรเสริมอีกมากมากมายที่ต้องจ่ายด้วยคะแนนเกียรติยศถึงจะเริ่มเรียนได้ แน่นอนว่ามันก็มีของจำพวกเล่นเกมเพื่อความบันเทิงด้วยเช่นกัน เธอสามารถตัดสินใจเองได้ว่าจะเอาคะแนนเกียรติยศพวกนี้มาใช้ประโยชน์ยังไง”
“ใช้ประโยชน์? นี่หมายความว่าคะแนนเกียรติยศไม่ใช่ของที่ได้มาง่ายๆ ขนาดนั้นใช่ไหมคะ” หลิงหลานเอ่ยถามด้วยความใจเย็น เธอรู้ดีว่ามีความเป็นไปได้สูงที่คำพูดของหมายเลขหนึ่งจะซ่อนความหมายลึกซึ้งเอาไว้ ถึงขนาดที่อาจจะเป็นการทดสอบอย่างหนึ่ง เธอจะชะล่าใจไม่ได้เลยสักนิด
น่าเสียดายที่หมายเลขหนึ่งเอาแต่เงียบกริบไม่ได้ตอบคำถามในครั้งนี้ แต่หลิงหลานสัมผัสได้ว่าสายตาของเขามีรอยยิ้มบางๆ ที่ไม่อาจบางกว่านี้ได้แล้ว บางทีเธออาจจะพูดถูกต้องแล้ว คะแนนเกียรติยศล้ำค่ามากจริงๆ การส่งคะแนนจำนวนมากในครั้งแรกอาจจะเป็นกับดักอย่างหนึ่ง ที่ทำให้คนเข้าใจผิดคิดว่าได้มาง่ายๆ และใช้มันตามใจชอบ
ทันใดนั้นก็มีหน้าจอขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงหน้าหลิงหลาน ข้างในมีตัวเลือกหลักประเภทต่างๆ ดูเหมือนว่าพวกนี้ก็คือของที่ต้องใช้คะแนนเกียรติยศในการแลกเปลี่ยน
“จำเป็นต้องแลกตอนนี้ด้วยเหรอคะ” หลิงหลานเอ่ยถามด้วยความไม่ยอมแพ้ ในเมื่อเธอรู้ว่าคะแนนเกียรติยศสำคัญมาก เธอก็ไม่อยากเสียคะแนนเกียรติยศที่ล้ำค่าพวกนี้โดยไม่ดูตาม้าตาเรือ
หมายเลขหนึ่งกล่าวว่า “จำเป็นต้องแลก นี่คือหนึ่งในบทเรียน” หมายเลขหนึ่งทำลายลูกคิดรางแก้วของเธอ “จำเป็นต้องเลือกและแลกคะแนนภายในสิบนาที ไม่อย่างนั้นระบบจะเลือกให้เองหนึ่งครั้งโดยอัตโนมัติ”
หลิงหลานได้ยินคำพูดนี้ก็ใจกระตุก เธอเหมือนกับสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ดังนั้นเธอก็เริ่มเปิดหน้าต่างแลกเปลี่ยนโดยไม่ให้เสียเวลาอีก
……………………………………………