คำถามของ 413 ไม่ได้รับคำตอบจากอีกฝ่าย สิ่งที่ต้อนรับเขาก็คือการโจมตีของปืนใหญ่ที่มืดฟ้ามัวดิน
“เชี่ย! เปิดใช้งานโล่ลำแสง” 413 ตวาดด้วยความเดือดดาล ฝ่ายตรงข้ามอยากกำจัดคนให้สิ้นซากชัดๆ ดูท่าจะไม่มีทางกอบกู้สถานการณ์แล้ว
กองทัพหุ่นรบของศัตรูเห็นหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามปล่อยโล่ลำแสงซึ่งเป็นอุปกรณ์ระดับสูงก็กล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “ทำไมกองทัพกบฏถึงได้รับอาวุธแบบนี้มา ดูท่าข่าวกรองจะไม่ผิด มีคนในระดับสูงของกองทัพทรยศสหพันธรัฐแล้ว ยิงกำราบมันไว้ พยายามทำลายโล่ลำแสงให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฆ่าพวกมันให้หมด ผู้บัญชาการใหญ่สั่งมา ไม่ต้องจับเป็น”
“ครับ หัวหน้า!” หลังจากเสียงนี้ ปืนใหญ่ระยะไกลก็ยิงออกมารุนแรงมากขึ้นกดดันทีม 413 จนแทบจะขยับเขยื้อนไม่ได้
“หัวหน้า ทำยังไงดี” พวกลูกทีมที่เปิดใช้โล่ลำแสงต้านทานการโจมตีระยะไกลของอีกฝ่ายเอ่ยถามขึ้น
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเป็นทหารผ่านศึก เป็นนักเชือดที่กลับมาจากสนามรบสามารถกวัดแกว่งดาบฟันทหารของประเทศศัตรูอย่างไร้ความรู้สึก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับทหารของประเทศตัวเอง พวกเขาก็ทำใจแข็งไม่ได้
“หมายเลขสาม ติดต่อกองบัญชาการ หมายเลขห้า คุ้มกัน คนอื่นๆ ไปสังหารพวกมันกับฉัน!” 413 สั่งการการอย่างเฉียบขาด หลังจากนั้นเขาก็ชักดาบเลเซอร์ออกจากด้านหลังก่อนจะพุ่งเข้าไปเป็นคนแรก
413 รู้ดีว่าบางทีฝ่ายตรงข้ามอาจจะเป็นแค่กองทหารหุ่นรบที่ถูกเบื้องบนหลอกใช้ ไม่รู้เลยว่าการปฏิบัติการของพวกเขาเป็นเรื่องผิดพลาด ทว่าเขาไม่อาจใจอ่อนเพราะเรื่องนี้ได้ เขายังมีพี่น้องอีกห้าชีวิตที่อยู่ใต้บังคับบัญชา เขาไม่อาจให้พวกเขาสละชีพเพราะความลังเลของเขาได้ ยิ่งไปกว่านั้น คนที่ฝ่ายนั้นอยากฆ่าคือเด็กที่บริสุทธิ์ นี่เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถ ยอมได้เป็นอันขาด…
การตัดสินใจอย่างเด็ดขาดของหัวหน้าก็แสดงออกบนตัวของพวกลูกทีมเช่นกัน บนสนามรบไม่อาจลังเลหรือใจอ่อนได้สักนิดเดียว มีเพียงคนที่โหดเหี้ยมกว่าเท่านั้นถึงจะรอดชีวิตต่อไปได้
ทหารหุ่นรบกองนั้นเห็นหุ่นรบสี่ตัวที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเปิดใช้โล่ลำแสงพุ่งเข้ามา หัวหน้าทีมที่นำหน้าก็แค่นเสียงเย็นกล่าวว่า “ปล่อยสายชนวนระเบิด”
หลังจากเสียงนี้ หุ่นรบหกตัวต่างก็ยิงเปลวไฟออกมาแผ่คลุมใส่คนทั้งสี่ที่บุกเข้ามาซึ่งๆ หน้า
เสียงปืนดังก้องกังวานอยู่หลายนัด เปลวไฟหกสายระเบิดออกในพริบตา จากนั้นก็ได้ยินเสียงปืนใหญ่ดังติดต่อกันเป็นลูกโซ่ ระเบิดนับไม่ถ้วนบนสายชนวนถูกจุดสำเร็จ การระเบิดอย่างรุนแรงทำให้พื้นดินสั่นคลอน และก็ทำให้ทั่วทั้งสถานที่เกิดเหตุมีหมอกควันหนา
หมายเลขห้าที่เดิมทีรับหน้าที่คุ้มกันใช้ปืนเลเซอร์อนุภาคที่มือขวายิงออกไปหกนัดอย่างหมดจด โจมตีใส่สายชนวนเหล่านี้เพื่อระเบิดพวกมัน และก็ทำให้พวก 413 ได้รับการคุ้มกัน
หมอกควันในหน้าจอทำให้หัวหน้ากองทหารหุ่นรบที่สั่งการโจมตีรู้สึกลังเลเล็กน้อยว่าจะยิงกดดันต่อดีไหม ทว่าการหยุดชะงักนี้ก็ทำให้เขาได้ยินหุ่นรบของตัวเองส่งเสียงแจ้งเตือนฉุกเฉินว่า “อันตราย ถูกศัตรูล็อกเป้าหมาย หลบเลี่ยง หลบเลี่ยง…”
ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของเขาคือถอยหลังอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเขามองเห็นในหน้าจอว่าหุ่นรบที่นำหน้าตัวนั้นปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางหมอกควันและพุ่งมาที่เขาด้วยความดุดันอย่างชัดเจน
เขาชูปืนเลเซอร์อนุภาคในมือขึ้นมาด้วยความตื่นตระหนกก่อนจะลั่นไกอย่างสุดความสามารถ เขาลืมการหลบตามสถานการณ์ไปโดยสิ้นเชิง เขาอยากใช้การโจมตีพวกนี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามถอยหรือหยุดโจมตีลง
เขาเห็นเพียงฝ่ายตรงข้ามเบี่ยงจากเส้นทางที่ตรงเข้ามาไปยังมุมที่แปลกประหลาดและหลบหลีกการโจมตีของเลเซอร์อนุภาคที่เขากราดยิงออกไปอย่างชำนาญ สายตาของเขาหดลงฉับพลันและตะโกนขึ้นมาด้วยความตกใจว่า “หลบไร้หลักเกณฑ์! ทำไมเขาสามารถเคลื่อนไหวหลบหลีกระดับสูงสุดของกองทัพเราได้ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่” ขนาดเขาที่เป็นคนดังของโรงเรียนทหารก็ยังไม่ได้เรียน ทำไมคนในกองทัพกบฏถึงมีบุคคลที่ร้ายกาจแบบนี้อยู่ด้วย
สวรรค์ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เวลานี้เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้องอยู่รางๆ ทว่ามันสายไปเสียแล้ว
เสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวหลายเสียงของพวกลูกทีมดังขึ้นในระบบสื่อสารของเขา ยังไม่ทันที่เขาจะสอบถาม หน้าจอแสดงผลของหุ่นรบตัวเองก็เปลี่ยนเป็นดำสนิท ไม่ว่าเขาจะดึงคันควบคุม กดปุ่มสตาร์ทที่อยู่ข้างกายตามใจชอบอย่างไร หุ่นรบก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองเลยสักนิดเดียว
เขาเข้าใจทันทีว่าหุ่นรบของเขาถูกอีกฝ่ายทำลายอุปกรณ์ขับเคลื่อนแล้วแน่นอน และเขาก็กลายเป็นหมูในอวยไปแล้ว
ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทำไมนักเรียนดีเด่นสง่างามซึ่งจบการศึกษาจากโรงเรียนทหารอย่างเขาถึงพ่ายแพ้ให้กับทหารหุ่นรบแหกคอกของกองทัพกบฏพวกนี้ โลกนี้มันกลับตาลปัตรไปแล้วหรือไง หัวหน้ากองทัพหุ่นรบทำใจเชื่อไม่ได้ เขาตัวแข็งทื่อไม่ขยับเขยื้อนอยู่บนที่นั่งควบคุมด้วยสีหน้าซีดเผือด
413 ยังคงออมมือไว้ในตอนที่โจมตี เขาเพียงแต่ทำลายอุปกรณ์ขับเคลื่อนของหุ่นรบ ไม่ได้โจมตีที่นั่งคนขับหุ่นรบโดยตรงเพื่อเก็บชีวิตของอีกฝ่ายเอาไว้ แน่นอนว่านี่เป็นเพราะอีกฝ่ายมีความสามารถไม่เพียงพอทำให้ 413 มีช่องทางหนีทีไล่ให้เลือก
413 เห็นหุ่นรบหกตัวยืนนิ่งไม่ขยับก็อดส่งเสียงถุยไม่ได้ แม่งเอ๊ย ยังดีที่ทหารหุ่นรบพวกนี้เป็นมือใหม่ที่ไม่เคยเห็นเลือดมาก่อน ไม่อย่างนั้นการที่พวกเขาอาศัยเพียงปืนเลเซอร์อนุภาคไม่กี่กระบอกกับดาบเลเซอร์ไม่กี่เล่มมาเผชิญหน้ากับอาวุธที่ติดตั้งมาครบครันแบบนี้ก็ยากจะคาดเดาผลแพ้ชนะจริงๆ
เวลานี้เอง หมายเลขสามที่ได้รับการติดต่อกับกองบัญชาก็รายงานว่า “หัวหน้า ผู้บัญชาการบอกว่า ให้นำคนพวกนี้ไปที่กองบัญชาการเบลดสเปเชียลอย่างเป็นความลับ แล้วก็ทำลายหุ่นรบของพวกเขาทิ้งไปให้หมด ทางที่ดีทำให้ฝ่ายตรงข้ามคิดว่าคนตายไปพร้อมกับหุ่นรบที่โดนทำลายแล้ว”
413 ผงกศีรษะและสั่งการไปว่า “หมายเลขสามกับหมายเลขห้าอยู่ที่นี่ ทำภารกิจของผู้บัญชาการให้เสร็จ ส่วนคนอื่นๆ ไปช่วยคนกับฉัน”
“ครับ!”
ด้วยเหตุนี้เอง ทีม 413 ก็ได้แบ่งออกเป็นสองกลุ่ม หุ่นรบที่มีสภาพสมบูรณ์สี่ตัวบินไปยังทิศทางที่หลิงหลานจากไปด้วยความรวดเร็ว
413 พาลูกทีมสามคนบินไปได้สักพักก็พบว่าไม่เห็นการเคลื่อนไหวผิดปกติใดๆ ภายในขอบเขตระยะสายตาของพวกเขา นี่ทำให้พวกเขาไม่สามารถรู้ตำแหน่งที่แม่นยำของหลิงหลานได้จริงๆ
413 จนปัญญาได้แต่สั่งว่า “กระจายกันค้นหา พบสิ่งผิดปกติหรือว่าเป้าหมายให้แจ้งทันที”
“ครับ!” หุ่นรบสามตัวที่อยู่ด้านหลัง 413 ต่างเลือกมุมของแต่ละคนและกระจายไปทางด้านข้างหลังจากเสียงนี้
413 ควบคุมหุ่นรบตัวเองแล่นไปข้างหน้า เขารู้สึกกังวลอย่างไม่ต้องสงสัย เนื่องจากพวกเขาถูกถ่วงเวลาไปเกือบห้านาทีจากการสกัดกั้นในครั้งนี้ และมีความเป็นไปได้สูงว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ในห้านาทีนี้ เขาคาดหวังเพียงอย่างเดียวว่าพวกหลิงหลานจะสามารถยืนหยัดรอคอยการช่วยเหลือของพวกเขา
ส่วนพวกเขาก็จะค้นหาร่องรอยของหลิงหลานให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ไม่เช่นนั้นทุกอย่างต่างเปล่าประโยชน์
…….
ไม่เอ่ยถึงทางฝั่ง 413 ที่ค้นหาอย่างเคร่งเครียดแล้ว ทางด้านหลิงหลานก็ผ่านช่วงเวลาเป็นตายที่ตกอยู่ในอันตราย
หลังจากที่โฮเวอร์คาร์ถูกปืนใหญ่พลังงานสูงระยะไกลของฝ่ายตรงข้ามยิงโดนอีกครั้งในระหว่างที่แล่นหลบหลีก มันก็เริ่มส่งเสียงแจ้งเตือนบอกพวกเขาว่าโฮเวอร์คาร์จะพังในอีกห้าสิบหกวินาทีให้หลัง
เนื่องจากการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง พลังป้องกันของโฮเวอร์คาร์ก็จวนเจียนจะพังแล้ว บวกกับถูกโจมตีอีก มันก็เลยประคับประคองต่อไปไม่ไหวแล้ว
“กลัวหรือเปล่าครับ” หลิงฉินยิ้มพลางลูบศีรษะของหลิงหลาน ในมืออีกข้างของเขากุมปืนกลเลเซอร์อนุภาครุ่น II ไว้
“ไม่กลัว!” หลิงหลานตอบอย่างเยือกเย็นคล้ายกับไม่สนใจความเป็นความตายของตัวเอง นี่ทำให้หลิงฉินตกตะลึงและปลาบปลื้มใจอย่างมาก ทอดถอนใจว่าหลิงหลานกล้าหาญเหมือนกับบิดาตามที่คาดคิดไว้จริงๆ เขาย่อมไม่รู้ว่าเหตุผลที่หลิงหลานไม่สนใจความเป็นความตาย เป็นเพราะหลิงหลานได้เรียนรู้จากในป่าดึกดำบรรพ์ที่มิติการเรียนรู้จำลองขึ้นมาว่า ความตื่นตระหนกและความหวาดกลัวช่วยชีวิตของเธอไม่ได้ มีเพียงความเยือกเย็นเท่านั้นถึงจะมีโอกาสรอดชีวิต
“ปกป้องตัวเองให้ดีนะครับ!” หลิงฉินลูบศีรษะหลิงหลาน เขาเงยหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง กล้ามเนื้อทั่วทั้งร่างกายเกร็งแน่นในชั่วพริบตา เขาเตรียมตัวบุกโจมตีแล้ว หลิงหลานเองก็ทำแบบเดียวกัน เพียงแต่การกระทำของเธอดูซ่อนเร้นมากกว่า
ขณะนี้ เวลานับถอยหลังของหลิงศูนย์เจ็ดอยู่ในช่วงสิบวินาทีแล้ว
…………………………………………….