เมื่อต่อสู้กับฝูงหมาป่าขั้นเด็ดขาด การแสดงความยอมจำนนไม่มีผลอะไร ฝูงหมาป่าไม่มีทางคิดซับซ้อนเหมือนกับมนุษย์ขนาดนั้น สำหรับพวกมันแล้ว ยิ่งเป็นเหยื่อที่อ่อนแอก็ยิ่งเพิ่มความโหดเหี้ยมของพวกมัน ตรงกันข้ามเมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่ง ฝูงหมาป่าก็จะระมัดระวังมากขึ้น ไม่มีทางกระโจนเข้ามาทั้งหมด
ไอชั่วร้ายแผ่ออกมาจากตัวหลิงหลานทั้งหมดทำให้จ่าฝูงหวาดหวั่นตามที่คาดคิดไว้จริงๆ ถึงยังไงหลิงหลานก็เคยสังหารราชาแห่งหนองน้ำ อาบเลือดของราชาแห่งโลกสัตว์มาก่อน ไอชั่วร้ายนี้ทำให้พวกมันระมัดระวังตัวขึ้นมา ฝูงหมาป่าที่เดิมทีกรูเข้ามาหาหลิงหลานอย่างมืดฟ้ามัวดินก็หยุดชะงักลงท่ามกลางเสียงหอนของจ่าฝูง ทว่าพวกมันยังคงเตรียมตัวโจมตีอยู่ รอคอยเสียงคำสั่งของจ่าฝูง
ฝูงหมาป่าที่อยู่กันอย่างเนืองแน่นแทบจะกรูกันเต็มทั่วทุ่งหญ้า หมาป่าทุกตัวต่างสูงใหญ่อำมหิตมาก ขนาดตัวของมันสามารถเทียบกับวัวตัวเล็กได้เลย พวกมันแยกเขี้ยวเผยฟันแหลมคมออกมา ถึงขนาดที่บนฟันยังมีน้ำลายของพวกมันติดอยู่
เมื่อเผชิญหน้ากับเหยื่อที่แสนอร่อยแล้ว หมาป่าที่หิวโหยสุดขีดฝูงนี้ต่างก็ตาขุ่นตาเขียว…ถ้าเป็นคนธรรมดาเห็นฉากนี้แล้วจะต้องตกใจกลัวจนฉี่ราดทรุดลงไปแน่นิ่งกับพื้นแน่นอน
แต่หลิงหลานไม่ได้รับผลกระทบ เธอยังคงหาโอกาสของเธอด้วยความเยือกเย็นมาก
ตอนนี้เธอดีใจมากที่ได้รับการฝึกฝนเอาชีวิตรอดในป่าดึกดำบรรพ์มาก่อน หลิงหลานที่เคยสัมผัสถึงตัวตนที่น่าหวาดกลัวยิ่งกว่านี้ พอมาเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ก็ยังคงเยือกเย็น หัวใจเต้นอย่างมั่นคงไม่ได้ตื่นตระหนก
ทั้งสองฝ่ายสังเกตกันเองอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงหอนของจ่าฝูงก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง ใบหูของหลิงหลานขยับน้อยๆ แยกแยะหมาป่าฝูงนี้ออกอย่างชัดเจนว่ามีจ่าฝูงที่อยู่ในระดับเดียวกันห้าตัว นี่ทำให้แววตาหลิงหลานเปล่งประกายความตื่นเต้นยินดีออกมาวูบหนึ่ง บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่ทำให้เธอสามารถยืนหยัดได้ยี่สิบนาที
ยังไม่ทันที่จ่าฝูงห้าตัวจะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน หลิงหลานก็พุ่งออกไปก่อน พื้นที่ที่เธอเลือกโจมตีคือทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ หน้าผากของฝูงหมาป่าที่นี่มีขีดสีแดงที่ชัดเจนมากแตกต่างกับหมาป่าฝูงอื่นๆ
การกระทำที่เหนือความคาดหมายของหลิงหลานทำให้ฝูงหมาป่าที่ล้อมรอบเธอสับสนอลหม่าน แต่เสียงหอนก้องกังวาลของหมาป่าก็ดังขึ้นมา จากนั้นก็ตามด้วยเสียงเห่าอย่างดุร้ายของจ่าฝูงทั้งสี่ทำให้สถานการณ์เงียบลง
มีเพียงหมาป่าหน้าผากขีดแดงฝูงนี้เท่านั้นที่เข้าไปฉีกกระชากหลิงหลานที่พุ่งเข้ามายังเขตของพวกมันด้วยความป่าเถื่อน ดูท่าจ่าฝูงของหมาป่าขีดแดงนี้คิดว่านี่เป็นการท้าทายพวกมัน เป็นเหยื่อที่ส่งมาถึงหน้าประตูของพวกมันเอง
ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะโบกกำปั้นซัดหมาป่าขีดแดงที่กระโจนเข้ามากระเด็นออกไปทีละตัว แต่เธอยังคงควบคุมสถานการณ์ทั้งหมด เมื่อเห็นหมาป่าฝูงอื่นเฝ้าสังเกตการณ์เหมือนกับที่เธอคาดคะเนไว้จริงๆ ในใจเธอก็รู้สึกโล่งอกทันที
หลิงหลานย่อมไม่คิดว่าวิกฤติผ่านพ้นไปแล้ว ถ้าหากฝูงหมาป่าขีดแดงที่นี่ไม่สามารถจัดการเธอได้ เธอเชื่อว่าสุดท้ายจ่าฝูงหมาป่าขีดแดงจะยอมแพ้ จากนั้นก็ไปร่วมมือกับหมาป่าฝูงอื่นๆ ต่อไป จนสุดท้ายเธอยังคงถูกโจมตีเป็นกลุ่ม
อันที่จริง ถึงแม้ว่าฝูงหมาป่าดูเหมือนร่วมมือกันอย่างไร้ช่องโหว่ แต่ความจริงแล้วก็มีการแบ่งฝูงอยู่ พวกมันร่วมมือไล่ล่าเหยื่อได้ แต่ถ้าอยากเข้าไปในพื้นที่เผ่าของพวกมัน นั่นย่อมเป็นเรื่องที่ไม่อนุญาตโดยเด็ดขาด นอกเสียจากอิทธิพลของฝูงหมาป่าเผ่านี้จะอ่อนแอลง ต้องพึ่งพาการสนับสนุนของกำลังภายนอก จ่าฝูงถึงค่อยผ่อนปรนข้อจำกัดนี้ หลิงหลานคว้าจุดนี้ไว้ กระโดดเข้าไปในพื้นที่ของหมาป่าขีดแดงเอง ทำให้หมาป่าฝูงอื่นจำเป็นต้องอดกลั้นตัวเองไว้ไม่ให้ลงมือ
แม้ว่าหลิงหลานจะตัวเล็ก แต่พละกำลังของกำปั้นย่อมมีไม่น้อย คุณสมบัติร่างกายของเธอก็เรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดเช่นกัน หลังจากที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกายมาหกปีไม่มีหยุด รวมไปถึงแช่น้ำยาของตระกูลหลิง ร่างกายของเธอก็มีระดับความแข็งแกร่งทนทานเหนือกว่าคนธรรมดามานานแล้ว ถึงแม้กล้ามเนื้อผิวหนังของเธอจะดูขาวเนียนมีเลือดฝาด แต่คิดจะใช้ดาบแหลมคมทั่วไปทิ้งรอยแผลไว้บนตัวเธอก็เป็นเรื่องที่ยากมากเช่นกัน
…………
บริเวณพื้นที่แห่งหนึ่งบนกลางอากาศที่หลิงหลานมองไม่เห็น หมายเลขห้ากับหมายเลขเก้ากำลังยืนอยู่บนอากาศเฝ้ามองการต่อสู้
หมายเลขห้าผงกศีรษะกล่าวว่า “ไม่เลว พื้นฐานทำได้ดีมาก หมายเลขเก้า ดูเหมือนว่าเธอจะทุ่มเทจิตใจเต็มที่เลยนะ”
ดวงตาของหมายเลขเก้าแฝงไปด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงก็มีความรู้สึกภาคภูมิใจ “อื้อ หลิงหลานตั้งใจและก็พยายามมาก”
หมายเลขห้าปรายตามองหมายเลขเก้าคล้ายกับยิ้มและไม่ยิ้ม “เธอพอใจหลิงหลานในตอนนี้มากเลยเหรอ? ดูเหมือนหลิงหลานยังไม่ถึงขีดจำกัดนะ หมายเลขเก้า เธอใจอ่อนแล้ว นี่ไม่เหมือนตัวเธอเลย” หมายเลขเก้าแค่นเสียงเย็นกล่าวว่า “ฉันคิดว่าอัตราความก้าวหน้าแบบนี้เหมาะสมกับเธอที่สุดแล้ว” หลังจากที่หมายเลขเก้าเอ่ยประโยคนี้จบ หลังหูของเธอก็ค่อยๆ แดงก่ำ
ช่วยไม่ได้ หมายเลขเก้าเอ่ยคำพูดนี้ออกมาได้ไม่เต็มปาก เนื่องจากความจริงแล้วหลายปีมานี้ เธอไม่ได้เคี่ยวกรำหลิงหลานอย่างหนักจริงๆ
ควรทราบว่าวิธีการสอนของมิติการเรียนรู้เป็นการใช้วิธีที่โหดร้ายสุดขีด บีบให้เด็กระเบิดศักยภาพแอบแฝงเพื่อเลื่อนขั้น มันทำให้พวกเด็กๆ ท้าทายขีดจำกัดของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นขีดจำกัดด้านร่างกาย หรือว่าพลังจิต หรือว่าด้านอื่นๆ
วิธีการสอนที่โหดร้ายแบบนี้ทำให้เด็กทุกคนที่เข้ามาในมิติการเรียนรู้ทนรับการเคี่ยวกรำอย่างไร้ที่สิ้นสุดแบบนี้ไม่ไหว ร้องไห้คร่ำครวญสติแตก เลือกที่หลบหนีด้วยความขลาดเขลา จนถึงขนาดสูญเสียความมั่นใจและร้องขอความเมตตาเสียงดัง…พวกนี้ต่างเป็นช่วงเวลาเปราะบางที่พวกเด็กๆ จำเป็นต้องผ่านไปให้ได้
แต่หลิงหลานกลับเป็นคนที่พิเศษมาก เธอเหมือนกับตั้งเป้าหมายของตัวเองไว้นานแล้ว (คนอื่นเขาเป็นผู้ใหญ่ที่อยู่มาสองชาติ ย่อมไม่ใช่เด็กที่ไม่รู้ความอะไร เธอย่อมไม่ถูกวิธีการสอนแบบนี้ขู่ขวัญอยู่แล้ว) ดังนั้นช่วงเวลาหกปีที่หมายเลขเก้ารับหน้าที่สั่งสอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นการฝึกซ้อมที่เข้มงวดมากมาย หลักสูตรวิชาที่ไม่สนเหตุผล หลิงหลานทนรับไปเรื่อยๆ โดนที่ไม่เคยส่งเสียงร้องโอดครวญหลั่งน้ำตาสักหยด นี่ทำให้หมายเลขเก้าที่ใจแข็งดั่งเหล็กอดประทับใจไม่ได้ จนเธอรู้สึกใจอ่อน
ต้องบอกว่านี่เป็นความเข้าใจผิดที่สวยงาม!
มือขวาของหมายเลขห้าลูบคาง รอยยิ้มที่มุมปากกดลึกขึ้น บางทีนี่อาจจะเป็นเหตุผลที่หมายเลขหนึ่งปลดผนึกให้เขาปรากฎออกมา เด็กคนนี้ส่งผลต่อหมายเลขเก้าได้ น่าสนใจมากจริงๆ
รอยยิ้มแปลกพิกลของหมายเลขห้าทำให้หมายเลขเก้าอดห่วงหลิงหลานไม่ได้ เธอเอ่ยปากเตือนว่า “หมายเลขห้า อย่ามากเกินไป”
หมายเลขเก้ารู้ระดับความซาดิสต์ของหมายเลขห้าดีมาก ไม่รู้ว่าตอนนั้นมีเด็กอัจฉริยะที่มีศักยภาพแอบแฝงอย่างไร้ขีดจำกัดถูกเด็ดปีกอยู่ในมือเขาไปเท่าไหร่ แน่นอนว่าเด็กที่สามารถทนรับได้ย่อมเป็นอัจฉริยะระดับปีศาจแห่งยุค…ถึงแม้ว่าเธอจะไม่เคยเห็นหมายเลขห้าฝึกสำเร็จมาก่อนก็ตามที
หมายเลขเก้ามองหลิงหลานด้วยความรู้สึกสับสน ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้หลิงหลานกลายเป็นคนที่มีความสามารถ อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับช่วงเวลาอบรมสั่งสอนที่ทำให้คนทนทุกข์ทรมานจนตัวสั่นงกๆ แล้ว เธอยังหวังให้หลิงหลานสามารถมีความสุขสบายใจมากขึ้นหน่อย…แต่คนที่ไม่มีความสามารถจะสามารถสบายใจมีความสุขได้จริงๆ เหรอ?
หมายเลขเก้าตระหนักอะไรบางอย่างได้ เธอหันหลังให้กับหมายเลขห้าฉับพลันและกล่าวว่า “นายฝึกอบรมเสร็จแล้วค่อยมาหาฉันละกัน”
หมายเลขห้าเลิกคิ้ว “ทำไมล่ะ ไม่ตามต่อแล้วเหรอ? เธอไม่กลัวว่าฉันจะทำลายลูกศิษย์สุดที่รักของเธอหรือไง?” ควรทราบว่าพวกเขามาถึงที่นี่ได้เป็นเพราะหมายเลขเก้าไม่วางใจ
ตอนนี้ใบหน้าของหมายเลขเก้าไม่มีความสับสนเหมือนในตอนแรกแล้ว เธอกล่าวด้วยสีหน้าเยือกเย็นว่า “หมายเลขหนึ่งทำถูกแล้ว ตอนนี้ฉันไม่เหมาะสมที่จะเป็นอาจารย์ของหลิงหลาน แต่ฉันเชื่อว่าหลิงหลานจะต้องเรียนหลักสูตรการฝึกอบรมของนายได้สำเร็จแน่นอน”
“เชื่อมั่นในตัวเธอขนาดนี้เลย?” หมายเลขห้าตะลึงไป ต้องรู้ว่าหลังจากที่เขาทำลายเด็กที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะมาหลายร้อยคนแล้ว เขาก็ถูกผนึกอยู่ในมิติการเรียนรู้มาตลอด ดังนั้นการที่ถูกปลดผนึกครั้งนี้เขาเองก็ประหลาดใจมากเช่นกัน แน่นอนว่าสิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ หมายเลขหนึ่งให้เขารับหน้าที่อบรมสั่งสอนโฮสต์ในครั้งนี้
“หลิงหลานไม่ได้เป็นแค่ลูกศิษย์ที่ฉันภาคภูมิใจ เธอยังเป็นลูกศิษย์ของพี่ใหญ่หมายเลขหนึ่งด้วย” มุมปากของหมายเลขเก้าเผยรอยยิ้มมั่นใจออกมาจางๆ เธอกล่าวจบก็หายตัวไปจากในมิติแห่งนี้
หมายเลขห้ามองดูร่างของหมายเลขเก้าหายไปและยิ้มอย่างครุ่นคิด ‘ลูกศิษย์ของหมายเลขหนึ่ง? นั่นมันน่าสนใจมากจริงๆ!’
เวลานี้เอง ข้างกายหลิงหลานก็มีศพของหมาป่าขีดแดงร่วงเกลื่อนกลาดนับไม่ถ้วน ถึงแม้ว่าบริเวณรอบๆ ยังคงโอบล้อมไปด้วยหมาป่าขีดแดงมากมายเหลือคณานับ แต่การโจมตีของหมาป่าขีดแดงก็รุนแรงเทียบกับตอนแรกไม่ได้ ถึงขนาดที่เริ่มขลาดเขลาอยู่บ้าง
สถานการณ์เช่นนี้ทำให้จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงโกรธเกรี้ยว มันรู้สึกว่าความน่าเกรงขามของมันถูกเหยื่อที่มันเห็นว่าตัวเล็กอ่อนแอตรงหน้าทำลาย ดังนั้นมันจึงคำรามอีกครั้ง การโจมตีของฝูงหมาป่าขีดแดงก็รุนแรงตามขึ้นบ้าง
โครม! หมาป่าขีดแดงตัวหนึ่งที่พยายามกัดคอหลิงหลานถูกหลิงหลานต่อยเข้าที่ศีรษะ
โพละ! กะโหลกแตกเป็นเสี่ยงๆ ร่างกายที่ใหญ่โตราวกับวัวตัวน้อยล้มกระแทกลงกับพื้นหญ้าอย่างหนักหน่วง หมาป่าขีดแดงตัวนี้ได้แต่นอนร้องคร่ำครวญอยู่บนพื้น หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรุนแรงก่อนจะนิ่งสงบลง หลังจากนั้นมันก็ไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย
เวลานี้หลิงหลานไม่ได้ใจเย็นเหมือนในเวลาปกติอีกต่อไป ในแววตาของเธอมีเพียงไอสังหารไร้ที่สิ้นสุด เธอลงมือรวดเร็วเฉียบขาดและโหดเหี้ยม สภาพอับจนที่ต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายนี้ทำให้เธอประมาทเลินเล่อไม่ได้เลยสักนิด เธอไม่อยากได้รับประสบการณ์ที่ตัวเองถูกฝูงหมาป่ารุมกินจนตายทั้งเป็นหรอกนะ
เคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกายถูกเปิดใช้ตั้งแต่ตอนที่เธอลงมือนานแล้ว นี่ก็เป็นหนึ่งในไม้ตายที่เธอกล้าบุกเข้าไปในฝูงหมาป่า ขอเพียงไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ร้ายกาจกว่าเธอ พลังงานที่เธอใช้ในการโจมตีสามารถฟื้นฟูกลับคืนมาได้โดยอาศัยเคล็ดวิชาลมปราณบำรุงร่างกาย พูดได้ว่า ไม่มีทางที่หลิงหลานจะเกิดโศกนาฏกรรมที่ใช้พลังงานหมดจนตายโดยเด็ดขาด
จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงเห็นพรรคพวกของตัวเองล้มไปทีละตัวทนเหยื่อตัวเล็กอ่อนแอที่มันดูถูกไม่ไหว ในที่สุดมันก็สะกดกลั้นความอดทนไม่ไหว กู่ร้องเสียงหนึ่งและพุ่งออกมา
จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงยังสูงใหญ่กว่าหมาป่าขีดแดงทั่วไป ร่างกายของมันสามารถเทียบกับขนาดตัวของวัวหนุ่มได้ ดวงตาสองข้างของมันแดงฉาน ดูท่าการที่หลิงหลานฆ่าพรรคพวกมันนับไม่ถ้วนจะกระตุ้นความโกรธของมันจนถึงที่สุด
เนื่องจากจ่าฝูงปรากฏตัวขึ้นมา หมาป่าขีดแดงก็ทยอยกันก้มหัวถอยห่างจากข้างกายหลิงหลานช้าๆ มอบสนามรบให้กับผู้นำของมัน
หลิงหลานพรูลมหายใจ ในสมองมีความคิดนับไม่ถ้วนแล่นวาบเข้ามา เธอใคร่ครวญว่าควรจะรับมือกับจ่าฝูงตัวนี้สักรอบ เพื่อฆ่าเวลาได้บ้างดีหรือไม่?
จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงไม่ให้เวลาหลิงหลานครุ่นคิดก็กระโจนเข้ามาตรงๆ กรงเล็บที่แข็งและหนาสองข้างตวัดใส่หลิงหลานอย่างหนักหน่วง พยายามฉีกเหยื่อที่น่าชังคนนี้ให้กลายเป็นสองท่อน
หลิงหลานเอนไปด้านหลังเล็กน้อย ขณะที่กำลังจะหลบกรงเล็บหมาป่าของจ่าฝูงอยู่นั้น กรงเล็บของฝ่ายตรงข้ามก็ยื่นออกมาอย่างผิดแปลกโดยพลัน
หลิงหลานใจกระตุก สองเท้ากระโดดถีบไปข้างหลัง หลบกรงเล็บแหลมคมที่ยื่นออกมาฉับพลันอย่างอันตรายสุดขีด
หลิงหลานยังไม่ทันได้ทรงตัวยืนอย่างมั่นคงหลังจากที่ทำการหลบนี้แล้ว เธอก็มองไปยังกรงเล็บทั้งสี่ของจ่าฝูงที่ยื่นออกมาประมาณสิบเซ็นติเมตร ไม่นึกเลยว่าจ่าฝูงหมาป่าขีดแดงของมิติการเรียนรู้ตัวนี้ยังมีความสามารถซ่อนกรงเล็บแบบนี้อยู่ด้วย เกือบจะทำให้เธอเสียเปรียบโดยไม่ได้ตั้งใจแล้ว
จ่าฝูงไม่ให้เวลาหลิงหลานปรับตัวก็กระโจนเข้ามาติดๆ อีกครั้ง คราวนี้อาวุธโจมตีของมันคือฟันอันแหลมคมที่โหดเหี้ยมของมัน
หลิงหลานออกหมัดปะทะมันตรงๆ ครั้งนี้เธอรู้สึกแค่เพียงตัวเองเหมือนกับโจมตีใส่ก้อนหินแข็งๆ ทำให้กำปั้นของเธอรู้สึกปวดไม่หยุด พลังมหาศาลที่ตามมาทำให้ร่างกายของเธอที่ยังไม่สามารถยืนได้มั่นคงถอยหลังติดต่อกันห้าหกก้าวไปอีกครั้ง
หมัดของหลิงหลานดูเหมือนจะไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรให้กับจ่าฝูงหมาป่าขีดแดงเลย จ่าฝูงหมาป่าขีดแดงตกลงสู่พื้นอย่างมั่นคง เมื่อจ่าฝูงเห็นหลิงหลานถอยหลังไป มันก็ทุ่มกำลังพุ่งมา อ้าปากกว้างเข้าไปกัดใส่หลิงหลานอย่างดุดัน
“กระต่ายทะยานฟ้า!”
…………………………………………………………..