“ผลคะแนนของนักเรียนใหม่กลุ่มนี้ไม่เลวมากเลยหรือไง? ดังนั้นเลยรับไว้ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เสียเปล่า ต่อให้มีคนอ่อนด้อยอยู่นิดหน่อยก็ตาม?” หานอวี้นิ่วหน้าเอ่ยคาดเดาตามคำเตือนของหลี่หลานเฟิง
เว่ยจี้กล่าวสนับสนุนเล็กน้อยว่า “กลุ่มนักเรียนใหม่พวกนี้มาจากโดฮา ส่วนใหญ่แล้วก็เป็นนักเรียนของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือโดฮา ฉันเชื่อว่าความสามารถของพวกเขาไม่มีทางแย่ตรงไหนเลย ต่อให้รับเข้าไปด้วยกันทั้งหมด เหลยถิงก็ไม่ขาดทุน แต่ฉันสงสัยว่าเรื่องนี้ไม่ได้เรียบง่ายขนาดนั้น…มันเป็นแผนการของเหลยถิงหรือเปล่า? มีความเป็นไปได้สูงว่าเป้าหมายของเขาไม่ใช่กลุ่มนักเรียนใหม่ทั้งกลุ่ม ทว่าเป็นบางคนในกลุ่มนักเรียนใหม่ แต่กลัวว่าหมอนั่นจะเย่อหยิ่งอวดดี ก็เลยเอาไปทั้งหมด?” เว่ยจี้เสนอความเป็นไปได้อีกอย่างออกมา
“ปีศาจอัจฉริยะที่จางจิงอันพูดถึงคนนั้นเหรอ?” หานอวี้โพล่งออกมา คล้ายกับถูกเตือนให้ตระหนักถึงอะไรบางอย่าง แววตาส่องแสงวาบขึ้นมาอย่างหาใดเปรียบ
ปีศาจอัจฉริยะที่จางจิงอันเกรงกลัวคนนั้นต้องไม่ใช่คนที่สยบง่ายแน่นอน บางทีเหลยถิงกลัวว่าถ้าหากเล็งแค่คนเดียว ปีศาจอัจฉริยะคนนั้นกลับไม่มีความกังวลแม้แต่น้อย สุดท้ายก็เหมือนกับอัจฉริยะด้านการออกแบบหุ่นรบปีสี่คนนั้นที่แข็งขืนจนถึงที่สุด จนถึงตอนนี้ยังไม่ยอมศิโรราบ บางทีพวกเขาอาจจะเคยผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง ดังนั้นคราวนี้เหลยถิงจึงเปลี่ยนวิธีการ วางแผนรับทั้งกลุ่ม ทำให้ปีศาจอัจฉริยะคนนั้นจำเป็นต้องใคร่ครวญเกี่ยวกับเพื่อนที่อยู่รอบข้าง ก้มหน้ายอมอยู่ใต้อำนาจ
“ส่งเสียงบูรพาบุกตีประจิม แผนการที่ดีจริงๆ!” หานอวี้เอ่ยพลางถอนหายใจ แววตาเผยความชื่นชมออกมาเล็กน้อย “ต่อให้เฉียวถิงไม่อยู่ รองหัวหน้าหลินจื้อตงคนนี้ก็ไม่ใช่คนที่แหย่ได้ง่ายเหมือนกัน”
กลุ่มอำนาจไม่อาจอยู่ต่อเนิ่นนานได้โดยพึ่งพาแค่ความแข็งแกร่งของบุคคลเดียว สาเหตุที่เหลยถิงกลายเป็นกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารติดต่อกันมาหลายปีนั้นเกี่ยวข้องกับรองหัวหน้าที่ยอดเยี่ยมใต้บังคับบัญชาหลายคน โดยเฉพาะเสนาธิการหลินจื้อตง ถึงแม้ว่ารองหัวหน้าอันดับหนึ่งคนนี้จะไม่ได้อยู่ในภาควิชายุทธวิธี แต่กลอุบายของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าเสนาธิการเฉพาะทางเหล่านั้นเลย
หลี่หลานเฟิงไม่ได้โต้แย้งการคาดเดาของทั้งสองคน เขาเพียงแต่ผงกศีรษะพลางยิ้มแย้มบ่งบอกว่าเห็นด้วย อย่างไรก็ตาม สายตาของคนทั้งสี่ถูกเวทีประลองดึงดูดไปอีกครั้ง เนื่องจากตัวแทนของกลุ่มนักเรียนใหม่ปรากฏตัวแล้ว เขาคืออู่จย่งหัวหน้ากลุ่มที่เปิดเผยต่อคนภายนอกนี่เอง เขาออกหน้ารับการเดิมพันของเหลยถิง และยื่นข้อเสนอการเดิมพันของพวกเขาออกมา นั่นก็คือเมื่อกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงพ่ายแพ้แล้วจะต้องรับผิดชอบความปลอดภัยของกลุ่มนักเรียนใหม่ภายในสองปี หรือก็คือถ้าหากกลุ่มอำนาจอื่นท้ารบกับกลุ่มนักเรียนใหม่ช่วงเวลาสองปีนี้ กลุ่มหุ่นรบเหลยถิงจะรับผิดชอบรับคำท้าทั้งหมด
อันที่จริงการเดิมพันนี้คือให้กลุ่มหุ่นรบเหลยถิงกลายเป็นลูกสมุนควบผู้คุ้มกันของกลุ่มนักเรียนใหม่อยู่กลายๆ แต่เมื่อเทียบกับการเดิมพันของเหลยถิงแล้ว การเดิมพันของกลุ่มนักเรียนใหม่ไม่ได้เกินเลยตรงไหน ในเมื่อเหลยถึงอยากควบกลุ่มนักเรียนใหม่ทั้งกลุ่ม กลุ่มนักเรียนใหม่ย่อมสามารถเรียกร้องให้เหลยถิงกลายเป็นลูกสมุนของกลุ่มนักเรียนใหม่ได้เช่นกัน นอกจากนี้กลุ่มนักเรียนใหม่ก็ไม่ได้ใจดำ บอกแค่สองปีเท่านั้นทำให้เหลยถิงไม่อาจปฏิเสธได้
รองหัวหน้ากลุ่มหลายคนของเหลยถิงปรึกษากันแล้วก็รับปากอย่างรวดเร็วตามที่คาดไว้จริงๆ ถึงยังไงเหลยถิงก็ไม่อยากให้กลุ่มอำนาจอื่นจ้องชิ้นเนื้ออย่างกลุ่มนักเรียนใหม่นี้ตาเป็นมันหรอกนะ ถ้าหากคราวนี้เหลยถิงไม่ระวังพ่ายแพ้ขึ้นมา พวกเขาก็รับประกันได้ว่ากลุ่มนักเรียนใหม่จะไม่ถูกกลุ่มอำนาจอื่นควบรวมไปภายในสองปี และสองปีให้หลัง เหลยถิงยังมีโอกาสกลืนกินกลุ่มนักเรียนใหม่ สำหรับเหลยถิงแล้ว การเดิมพันนี้เป็นประโยชน์มากมายไม่มีโทษเลยสักนิดเดียว
หลังจากที่พันเอกถังอวี้ประกาศว่าตั้งการเดิมพันของทั้งสองฝ่ายแล้ว พวกคนระดับสูงของกลุ่มอำนาจทั้งหมดอดถอนหายใจขึ้นมาไม่ได้ คราวนี้ต่อให้กลุ่มนักเรียนใหม่โชคดีชนะโดยไม่คาดฝันก็จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพวกเขาภายในช่วงเวลาสองปีเช่นกัน ต่อให้จ้องตาเป็นมันอีกแค่ไหน ก็ได้แต่มองดูอย่างเซ่อซ่า ไม่อาจเคลื่อนไหวได้ เพราะว่าพวกเขายังไม่มีความกล้าไปต่อกรกับกลุ่มหุ่นรบเหลยถิง…
เวลานี้พวกเขาจำต้องอุทานชื่นชมความใจเด็ดของกลุ่มนักเรียนใหม่ การเดิมพันที่เสนอออกมาทำให้เหลยถิงไม่อาจปฏิเสธได้ ไม่ว่าจะชนะหรือพ่ายแพ้ กลุ่มนักเรียนใหม่ต่างได้รับการคุ้มครองของต้นไม้ใหญ่อย่างเหลยถิงนี้ มีเพียงแค่ปัญหาเรื่องระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้เท่านั้น
เมื่อตกลงการเดิมพันเรียบร้อยแล้ว ตัวแทนของกลุ่มหุ่นรบเหลยถิงกับกลุ่มนักเรียนใหม่ค่อยเดินลงไปจากเวทีประลอง รอคอยการเริ่มต้นของการประลองรอบแรก เมื่อสักครู่นี้พันเอกถังอวี้บอกกฎการประลองไว้แล้ว ทั้งสองฝ่ายต่างมีเวลาจัดการห้านาทีในการประลองแต่ละรอบ ต้องเสนอชื่อคนที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าประลองของกลุ่มตัวเองภายในห้านาที ถ้าหากไม่ยื่นรายชื่อภายในเวลาที่กำหนด กรรมการก็จะตัดสินให้ฝ่ายตรงข้ามชนะ
หลิงหลานที่เดินลงจากเวทีประลองมองดูคนของฝั่งเหลยถิงแวบหนึ่งอย่างใคร่ครวญ เมื่อสักครู่นี้เธอลอบวัดความสามารถของคนเหล่านั้นตอนที่อยู่บนเวที ในใจก็รู้สึกมั่นใจ อย่างไรก็ตาม นอกจากตัวเธอที่เอาชนะทุกคนได้ง่ายๆ แล้ว พวกฉีหลงก็ดูเสี่ยงอยู่บ้าง…หลิงหลานขมวดคิ้วน้อยๆ เริ่มใคร่ครวญลำดับการออกไปประลองบนสังเวียน
ครั้งนี้หลิงหลานเลือกฉีหลง อู่จย่ง ลั่วล่าง หลี่อิงเจี๋ย รวมถึงตัวเธอเป็นตัวแทนออกไปสู้ เดิมทีเธออยากดูว่าฝ่ายตรงข้ามจะส่งคนออกมายังไง หลังจากนั้นถึงค่อยเตรียมการครั้งสุดท้าย แต่คำพูดของพันเอกถังอวี้กลับทำลายแผนการที่เธอวางไว้ ปกปิดรายชื่อไว้จนกระทั่งถึงตอนสุดท้ายแล้วค่อยประกาศออกมา ทำให้หลิงหลานเคว้งคว้างไปโดยสิ้นเชิง
“ลูกพี่ เธอลืมไปแล้วเหรอว่าเธอยังมีฉันนะ?” ขณะที่หลิงหลานกำลังกลัดกลุ้มนั้น เสี่ยวซื่อที่อยู่ในห้วงจิตใจก็กระทืบเท้าด้วยความหงุดหงิด เริ่มร้องตะโกนยกใหญ่ เขาต้องหงุดหงิดอยู่แล้วสิ ทำไมลูกพี่ถึงลืมตัวตนของเขาในช่วงเวลาสำคัญตลอดเลย? ควรรู้ไว้ว่าเขาเป็นอุปกรณ์โกงที่ใช้ดีที่สุดนะ…
“ถุยๆๆ เมื่อตะกี้อะไรเข้ามาในความคิดมั่วๆ เนี่ย? ฉัน…เสี่ยวซื่อเป็นเด็กหนุ่มที่มีคุณธรรมห้าประการ[1]นะ ไม่ทำเรื่องขี้โกงไร้รสนิยมแบบนั้นอยู่แล้ว” เสี่ยวซื่อส่ายหน้าพลางตกแต่งการกระทำของตัวเองให้ดูดีขึ้นมาอย่างไร้ขีดจำกัด “พวกเรากำลังทำสงครามข้อมูลครั้งยิ่งใหญ่ คาดเดาแผนการของศัตรูล่วงหน้าได้ถึงจะเป็นเสาหลักแห่งชัยชนะ ดังนั้นวิธีการทุกอย่างต่างทำเพื่อเป้าหมายสุดท้าย! ประวัติศาสตร์ถูกเขียนโดยผู้ชนะ!” ล่าสุดเสี่ยวซื่อติดเรื่องราวเกี่ยวกับทหาร และไม่รู้ว่าเขาขโมยข้อความมาจากที่ไหน…
เสี่ยวซื่อยังคงดึงข้อความมาพรรณนาความยิ่งใหญ่ของการกระทำตัวเอง ทว่าแววตาของหลิงหลานกลับส่องประกลายฉับพลันเพราะการเตือนสติของเสี่ยวซื่อ ใช่แล้ว เธอลืมไปได้ยังไงว่าเสี่ยวซื่อเป็นเทพในโลกเสมือนจริง? อยากรู้รายชื่อที่ฝ่ายตรงข้ามกรอกเข้าไป ไม่ใช่ว่าเป็นเรื่องง่ายๆ เหรอ? หวังเพียงแต่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะไม่ได้เลือกในตอนวินาทีสุดท้าย ไม่อย่างนั้น ต่อให้เสี่ยวซื่อรู้ เธอก็ไม่มีเวลาใส่ชื่อคนที่เธอเลือกว่าอยากส่งออกไป
เสี่ยวซื่อสร้างความปราดเปรื่องของตัวเองได้ในที่สุด ทันทีที่เขาสัมผัสได้ถึงความกังวลของหลิงหลาน ก็รีบเอ่ยอย่างดูถูกฉับพลันว่า “มีฉันอยู่ ยังต้องให้เธอกรอกเองเหรอ? เธอแค่คิดชื่อใครในสมอง ฉันก็สามารถส่งชื่อเข้าไปได้ในเวลาเดียวกัน…” ทำไมลูกพี่ของเขาต้องกังวลเรื่องง่ายดายขนาดนี้ด้วย นี่ดูถูกความสามารถของเขามากเกินไปหรือเปล่า? เสี่ยวซื่ออดเบ้ปากไม่ได้ ประท้วงที่หลิงหลานไม่เชื่อถือเขา
หลิงหลานเห็นท่าทีของเสี่ยวซื่อกลับรู้สึกวางใจขึ้นมา เธอนวดแก้มของเสี่ยวซื่อในห้วงจิตใจอย่างอารมณ์ดียิ่ง เอ่ยด้วยเสียงหัวเราะดังลั่นว่า “ดี เสี่ยวซื่อ ฉันมอบเรื่องนี้ให้นายจัดการ” มีเพียงตอนที่หลิงหลานอยู่ในห้วงจิตใจเท่านั้น เธอถึงหัวเราะเสียงดังได้อย่างไร้กังวล รอยยิ้มนั้นทำให้เสี่ยวซื่อหวั่นไหวอีกครั้ง แงๆๆ ทำไมรอยยิ้มของลูกพี่ถึงเพิ่มเสน่ห์มากขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดอีกแล้วล่ะ?
เสี่ยวซื่อคิดถึงตรงนี้ก็แน่ใจอีกครั้งว่า ลูกพี่ทำหน้าเย็นชายังจะปลอดภัยกว่า ไม่อย่างนั้นต่อให้เขาเป็นเทพในโลกเสมือนจริงก็ถูกลูกพี่ทำให้กลายเป็นแป้งเปียกแล้ว…เสี่ยวซื่อพลันนึกได้ว่า ดูเหมือนภูมิต้านทานของเขาที่มีต่อรอยยิ้มของคุณพ่อหลิงเซียวก็แย่มากเหมือนกัน หรือว่ารอยยิ้มคือจุดอ่อนถึงตายของเขา?
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสี่ยวซื่อพลันรู้สึกถึงวิกฤติจู่โจมเข้ามาที่หัวใจ เนื่องจากเขาจำได้มั่นว่าสิ่งมีชีวิตทางปัญญาไม่อาจมีจุดอ่อนที่ชัดเจนได้ ไม่อย่างนั้นจะถูกเก็บกลับไปหลอมสร้างขึ้นใหม่ เสี่ยวซื่อมองรอบๆ ทันที เมื่อพบว่าไม่มีสิ่งมีชีวิตทางปัญญาที่เหมือนกับเขาถึงค่อยวางใจ เขาตบหน้าอกตัวเองโดยพลัน โชคดีที่ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในระบบดาวแมนโดรา ไม่มีสิ่งมีชีวิตทางปัญญาตนอื่นๆ สังเกตเห็นความผิดปกติของเขา
ในขณะที่ทางด้านเสี่ยวซื่อกำลังหวาดหวั่นพรั่นพรึง ทางฝั่งหลิงหลานก็นึกปัญหาได้ข้อหนึ่ง นั่นก็คือถึงแม้เธอรู้ความสามารถของคนเหล่านั้น แต่ว่าเธอไม่สามารถจับคู่กับชื่อของอีกฝ่ายได้
เสี่ยวซื่อโดนคำถามของหลิงหลานดึงดูดไปทันที ลืมความหวาดกลัวเมื่อสักครู่ไปแล้ว หลังจากที่เขารู้แล้วว่าลูกพี่กำลังกลัดกลุ้มเรื่องอะไร ก็อดกลอกตาใส่ลูกพี่ตัวเองด้วยความเหยียดหยามอย่างยิ่งยวดไม่ได้ ให้ตายสิ เขายังนึกว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก ที่แท้ก็เป็นเรื่องเล็กๆ แบบนี้เอง!
ในห้วงจิตใจของหลิงหลานปรากฎรายชื่อข้อมูลคนของเหลยถิงที่เข้าร่วมรวมถึงรูปสามมิติของพวกเขาอย่างรวดเร็ว หลิงหลานจับคู่คนกับชื่ออย่างฉับไว ตอนนี้ขอเพียงฝ่ายตรงข้ามใส่ชื่อเข้าไป หลิงหลานก็รู้ระดับความสามารถในการต่อสู้มือเปล่าของพวกเขา ทำให้เธอทำการรับมือได้ในพริบตา
จิตใจของหลิงหลานสงบลงเช่นนี้เอง เนื่องจากหลิงหลานเลียนแบบแผนการเถียนจี้แข่งม้าเอาไว้ จัดการรับมือตามความสามารถของคู่ต่อสู้ที่ฝ่ายตรงข้ามส่งมา ขอเพียงคว้าชัยชนะได้สามรอบในตอนสุดท้าย กลุ่มนักเรียนใหม่ก็จะมีคุณสมบัติตั้งตนขึ้นมาแล้ว!
“ลูกพี่ ฝ่ายตรงข้ามส่งรายชื่อออกมาแล้ว!” เสี่ยวซื่อร้องเสียงดังในห้วงจิตใจ จากนั้นก็แสดงภาพกับคนของฝ่ายตรงข้ามที่ออกไปประลองขึ้นในห้วงจิตใจของหลิงหลาน
“เชี่ย เริ่มต้นก็ส่งคนที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสามออกมาเลยเนี่ยนะ ดูท่าฝ่ายตรงข้ามก็เตรียมการป้องกันแผนการของฉันเหมือนกัน นอกจากนี้ยังตั้งใจคว้าชัยชนะรอบนี้ด้วย” หลิงหลานเห็นรายชื่อที่ฝ่ายตรงข้ามส่งออกมาประลองก็อดนิ่วหน้าไม่ได้ ฝ่ายตรงข้ามส่งไพ่ดีออกมาจริงๆ
หลิงหลานหันหน้ามองไปทางเพื่อนๆ ที่อยู่ข้างกาย สุดท้ายสายตาก็ทอดมองไปบนตัวลั่วล่าง “ลั่วล่าง เตรียมตัวต่อสู้!”
“ได้เลย ลูกพี่!” ดวงหน้างดงามของลั่วล่างสว่างไสวทันใด เขาไม่นึกเลยว่ารอบแรกลูกพี่ก็ส่งเขาออกไปแล้ว
ส่วนเสี่ยวซื่อเห็นหลิงหลานเลือกลั่วล่าง ก็ส่งชื่อของลั่วล่างไปให้กรรมการถังอวี้โดยไม่รอให้หลิงหลานออกคำสั่ง
หลิงหลานเห็นลั่วล่างทำหน้าตื่นเต้นก็จำเป็นต้องสาดน้ำเย็นให้ลั่วล่างนิดหน่อย เธอเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ฝ่ายตรงข้ามเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดของระดับพลังปราณขั้นต้น ส่วนนายเพิ่งจะเข้าสู่ระดับพลังปราณ พลังปราณภายในร่างกายยังไม่มั่นคง ไม่เหมาะให้ปะทะกันอย่างหนักหน่วง เน้นต่อสู้พัวพันไปรอบๆ ในตอนแรก พอปรับตัวได้แล้วค่อยพิจารณาเรื่องอื่น”
สาเหตุที่หลิงหลานเลือกลั่วล่างเป็นเพราะว่าตอนนี้ลั่วล่างเหมาะที่จะใช้การต่อสู้อันยากลำบากมาช่วยเขาสร้างความมั่นคงให้กับขอบเขตช่วงแรกเริ่มของระดับพลังปราณขั้นต้นมาก นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลิงหลานไม่ได้ขึ้นไปประลองคว้าชัยชนะทันที หลิงหลานเองก็หวังว่าพวกเพื่อนๆ จะก้าวหน้าขึ้นในการประลองครั้งนี้ได้บ้าง
หลิงหลานรู้ว่าเธอเตรียมการแบบนี้อาจจะทำให้ลั่วล่างต่อสู้ลำบากมาก ถึงขนาดที่จะโดนอีกฝ่ายทุบตีจนน่าอนาถมากได้ อย่างไรก็ตาม เธอต้องทำใจโหดเหี้ยมเพื่อการเติบโตของพวกเพื่อนๆ บางครั้งการพ่ายแพ้ไม่ใช่ความอัปยศ แต่เป็นการก้าวหน้าอย่างหนึ่ง
“เข้าใจแล้ว ลูกพี่!” ดวงหน้าน้อยๆ ที่สวยหยาดเยิ้มของลั่วล่างผงกขึ้นลงด้วยความจริงจัง บ่งบอกว่าเขาตั้งใจฟังแล้ว
ในตอนนี้เอง ช่วงเวลาห้านาทีก็หมดลงก่อนจะได้ยินพันเอกถังอวี้ที่อยู่บนเวทีประลองตะโกนเสียงสูงว่า “กลุ่มหุ่นรบเหลยถิง VS กลุ่มนักเรียนใหม่ รายชื่อผู้ประลองสังเวียนรอบแรกคือ ฉีย่าปีห้าปะทะกับลั่วล่างปีหนึ่ง”
——————————–
[1] ประกอบด้วย เมตตาธรรม มโนธรรม จริยธรรม ปัญญาธรรม สัตยธรรม