หลิงหลานเห็นเบื้องหน้ามืดสนิทก็รักษาความใจเย็นไว้ไม่อยู่อีกแล้ว เธอกัดฟันกรอดกล่าวว่า “คุณพ่อที่รัก คุณคิดจะทำลายที่พักของพวกเรา? แล้วให้พวกเราไปนอนบนถนนใช่ไหม?”
โทสะของหลิงเซียวที่กำลังจะปะทุขึ้นมาไหลออกไปอย่างรวดเร็ว มันวิ่งหนีไปไหนแล้วก็ไม่รู้เพราะคำถามของหลิงหลาน ห้องโถงเงียบกริบไปหลายวินาทีอย่างน่าประหลาด หลังจากนั้นก็ได้ยินหลิงเซียวเอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “นี่มัน ควบคุมไม่อยู่จริงๆ โทษทีนะลูก ครั้งหน้าพ่อจะระวัง”
ครั้งหน้า? ยังมีครั้งหน้าอีกเรอะ? หลิงหลานรู้สึกว่าหัวของเธอเริ่มปวดขึ้นมาแล้ว ก็รู้อยู่หรอกว่าพ่อเธอมาที่นี่ย่อมไม่มีทางสงบสุขแน่นอน แต่เขาจะทำลายบ้านไม่ได้เหมือนกัน ถูกไหม?
หลิงหลานที่อารมณ์เสียมากๆ เริ่มปล่อยไอเย็นอย่างไร้ที่สิ้นสุดออกมาจากทั่วทั้งร่าง อุณหภูมิห้องลดฮวบลงไปหลายองศาทันที ทำให้คนอื่นๆ ที่อยู่ท่ามกลางความมืดมิดตัวสั่นขึ้นมาโดยพลัน
หลิงเซียวย่อมรู้ว่าลูกสาวของเขาโกรธแล้วจริงๆ ก็เลยถามด้วยความไม่สบายใจอยู่บ้างว่า “งั้นนี่ควรจะทำยังไงดี?”
“ทำยังไง? ต้องไปซ่อมอยู่แล้วสิ? แล้วคุณพ่อคิดจะให้ผมไปซ่อมเองเหรอครับ?” หลิงหลานยื่นมือน้อยๆ ที่ขาวเนียนของตัวเองออกมาด้วยใบหน้าเย็นชา แล้วโบกมืออยู่ตรงหน้าพ่อของเธอ
หลิงเซียวไม่อาจตัดใจให้ลูกสาวของตนทำงานหนักเช่นนี้ได้แน่นอน เขารีบกล่าวว่า “พ่อจะซ่อม พ่อจะซ่อมให้นะ…” ดูแลลูกสาวคือภาระหน้าที่ของพ่อ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอุบัติเหตุนี้ยังเป็นสิ่งที่เขาก่อขึ้นอีก เขาผลักความรับผิดชอบให้คนอื่นไม่ได้
“ผู้การครับ ให้พวกเราจัดการเถอะ” คนคุ้มกันข้างกายเห็นแบบนี้ก็รีบเสนอตัวออกมา ถ้าหากให้นายพลหลิงเซียวลงมือเองละก็ พวกเขาไม่จำเป็นต้องกลับไปแล้วก็ได้ แต่ว่าตายชดใช้ความผิดอยู่ตรงนี้เลย
“เอ่อ งั้นก็รบกวนพวกเธอแล้วนะ” หลิงเซียวรู้ว่า ถ้าหากเขาดึงดันลงมือละก็ คนคุ้มกันสองคนนี้จะต้องคว้านท้องชดใช้ความผิดแน่นอน เพื่อรักษาสองชีวิตไว้ เขาได้แต่ให้ลูกน้องช่วยเหลือแล้ว
“พวกเราก็ช่วยด้วยครับ” ถึงแม้สองคนที่ลงมือจะมีสถานะเป็นคนคุ้มกัน แต่บนบ่าพวกเขาติดยศพันตรีไว้ พวกฉีหลงจะนั่งเฉยๆ ให้ท่านพันตรีมาซ่อมของให้พวกเขาได้ยังไง พวกเขารีบทะยานไปข้างหน้าช่วยทำด้วย
เมื่อเผชิญหน้ากับความกระตือรือร้นของพวกนักเรียน คนคุ้มกันทั้งสองย่อมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว พวกเขาจึงเริ่มเก็บกวาดสภาพความวุ่นวายที่หลิงเซียวก่อ อันที่จริงบ้านพักมีเครื่องทำความสะอาดและซ่อมแซมอัตโนมัติ แต่น่าเสียดายที่พลังของหลิงเซียวทำลายของพวกนั้นไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงได้แต่ลงมือด้วยตัวเอง ไม่อย่างนั้นก็ต้องให้ทางโรงเรียนทหารส่งคนมาจัดการ นั่นก็ยิ่งยุ่งยากมากขึ้น
เมื่อทุกคนเริ่มยุ่งทยอยกันออกไปจากห้องโถง หลิงเซียวค่อยจ้องมองหลิงหลานที่อยู่เบื้องหน้าและพูดว่า “อยากให้พ่อทำอะไรไหม? ลูกชาย?” ต่อให้หลิงเซียวอยากเรียกว่า ‘ลูกสาวที่รัก’ มากๆ แต่เขาที่เยือกเย็นมีเหตุผลไม่มีทางทำความผิดพลาดระดับต่ำ นำภัยแอบแฝงมาให้ลูกสาวตัวเองเช่นนี้ได้
“คุณทำอะไรได้บ้างล่ะครับ?” หลิงหลานเลิกคิ้วถาม
“พวกเขาจะสมัครสอบเข้ากองพลใช่ไหม ต่อให้พ่อจะก่อกวนในกองพลอื่นไม่ได้ แต่ว่าพ่อมีความสามารถนี้ในกองพลที่ยี่สิบสามนะ” หลิงเซียวเอ่ยขณะที่มีรอยยิ้มตรงมุมปาก ยังคงบุคลิกสง่างามถ่อมตนอยู่ ราวกับว่าคำพูดที่เขาเอ่ยออกมานั้นไม่ได้มีความเห็นแก่ตัวอยากใช้อำนาจเพื่อเรื่องส่วนตัวเลยสักนิดเดียว
หลิงหลานส่ายหน้าอย่างเด็ดขาด “ไม่จำเป็น!”
“ทำไมล่ะ?” หลิงเซียวได้ยินคำกล่าวก็อึ้งไป เขาคิดว่าลูกสาวจะต้องโมโหแน่นอน และเขาก็อยากช่วยลูกสาวล้างแค้นจริงๆ
“นี่เป็นบุญคุณความแค้นระหว่างนักเรียนอย่างพวกเรา ไม่จำเป็นต้องขยายเรื่องออกไป!” หลิงหลานเอ่ยเรียบๆ “ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้พวกเขาเข้าไปในกองพลที่ยี่สิบสาม กลายเป็นศัตรูของผมในอนาคต ตอนนี้ผมไม่กลัวพวกเขา อนาคตก็ไม่กลัวเหมือนกัน” หลิงหลานเอ่ยอย่างเฉียบขาด หว่างคิ้วแผ่ความมั่นใจออกมาทำให้หลิงเซียวประทับใจอย่างมาก ฮือๆๆ ทำไมลูกสาวของเขาถึงได้ยอดเยี่ยมขนาดนี้ มีจิตใจแน่วแน่เหลือเกิน…
โหมดคุณพ่อกตัญญูยี่สิบสี่ประการเปิดใช้งานอย่างเป็นทางการในโลกจิตใจของหลิงเซียว ในใจเกิดความรู้สึกต่างๆ นานา และน้ำตานองหน้า ทว่าภายนอกกลับยังคงสงบนิ่ง เขาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วค่อยผงกศีรษะกล่าวว่า “นี่ถึงจะเป็นลูกชายของหลิงเซียว ถ้าหากพวกเขาสอบเข้ากองพลที่ยี่สิบสาม แล้วมีคุณสมบัติจริงๆ ละก็ พ่อจะรับพวกเขาเข้ามาในกองพลทั้งหมด ส่วนบุญคุณความแค้นระหว่างพวกลูก….” ดวงตาสองข้างของหลิงเซียวพลันแสดงความเย่อหยิ่งทระนงตนออกมา “ก็ให้ลูกจัดการเอง”
หลิงหลานคล้ายกับไม่รู้สึกถึงแรงกดดันที่พรั่งพรูออกมาจากตัวหลิงเซียว เธอยังคงยืนตัวตรงตอบอย่างเฉยชาว่า “ผมพูดได้ ก็ย่อมทำได้”
ท่าทีแสดงออกของหลิงหลานทำให้หลิงเซียวทั้งภาคภูมิใจทั้งปวดร้าวใจ เขาภาคภูมิใจที่ลูกสาวตัวเองเข้มแข็งพึ่งพาตนเอง และก็ปวดใจที่ลูกสาวเผชิญความยากลำบากเพื่อประคับประคองตระกูลหลิงมาตลอดสิบหกปี ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาหายตัวไปสิบหกปีเต็มละก็ หลิงหลานจะกลายเป็นดั่งเช่นในตอนนี้ที่ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะจัดการด้วยตัวเองได้อย่างไร?
พอคิดถึงตรงนี้ ในใจหลิงเซียวก็เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขากล่าวเสียงแผ่วเบาว่า “ขอโทษนะ หลายปีมานี้ลำบากลูกแล้ว”
คำพูดนี้บ่งบอกถึงอะไร หลิงเซียวกับหลิงหลานต่างรู้อยู่แก่ใจ หลิงหลานใจกระตุกขึ้นมาเล็กน้อย ความรู้สึกที่ซับซ้อนโจมตีใส่หัวใจอย่างเงียบเชียบ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ความเงียบงันเริ่มแผ่ขยายระหว่างพ่อลูก
ในที่สุด หลิงหลานเชิดคางขึ้น ตอบอย่างหยิ่งทระนงว่า “ไม่ได้ลำบากใจเลย ผมคิดว่านี่เป็นช่วงเวลาที่มีสีสันในชีวิตผมช่วงหนึ่ง ผมดีใจที่ผมได้เผชิญทุกสิ่งทุกอย่างนี้”
ใช่แล้ว ถ้าหากเธอไม่ได้ปลอมตัวเป็นผู้ชาย เธอจะได้รู้จักพวกเพื่อนๆ ที่จริงใจเหล่านี้ กลายเป็นลูกพี่ของพวกเขา พยายามเติบโตไปด้วยกันเหรอ? อย่างมากเธอก็ได้แต่กลายเป็นเด็กสาวอย่างลั่วเฉาหรือหานซู่หย่า พูดคุยตามประสาหญิงด้วยกัน จินตนาการว่าสามีในอนาคตจะเป็นแบบไหน…แต่ชีวิตแบบนั้นเป็นสิ่งที่เธอต้องการจริงๆ เหรอ?
หลิงหลานลอบส่ายหน้าในใจ เธอชินกับชีวิตที่ลุ่มๆ ดอนๆ ตื่นเต้นเร้าใจอย่างในตอนนี้แล้ว เกรงว่าเธออาจจะปรับตัวเข้ากับชีวิตที่สงบเงียบไม่ได้อีกแล้ว? อย่างน้อยที่สุด เธอก็จินตนาการไม่ออกว่าเธอจะกลายเป็นเด็กสาวที่อ่อนหวานอย่างลั่วเฉา บางทีกลายเป็นสาวถึกอย่างหานซู่หย่าอาจจะมีความเป็นไปได้มากกว่า พอคิดถึงตรงนี้แล้วก็ทำให้เธอคิดถึงสองสาวนั่น ไม่รู้ว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างไรในโรงเรียนทหารยานรบสหศึกษาสหพันธรัฐ…
“ได้ หลิงหลาน ลูกต้องจำคำที่ลูกพูดในวันนี้เอาไว้ พ่อ…หลิงเซียวภูมิใจในตัวลูกนะ” แววตาของหลิงเซียวมีร่องรอยความประทับใจพาดผ่านอย่างรวดเร็ว มีลูกสาวแบบนี้ เขาช่างโชคดีนัก ถ้าหากทำได้ เขาอยากแหงนหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง บ่งบอกถึงความยินดีที่เต็มเปี่ยมในหัวใจของเขา
“คุณพ่อ ผมจะไม่ทำให้คุณผิดหวัง” หลิงหลานเก็บความรู้สึกคิดถึงกลับมา กล่าวพลางมองหลิงเซียวด้วยสีหน้าจริงจัง
หลิงเซียวผงกศีรษะด้วยความพึงพอใจ ทว่าในใจกลับร้องไห้สะอึกสะอื้นว่า ‘ลูกสาวจ๋า ถ้าลูกเปลี่ยนจากคุณพ่อมาเป็นพ่อ พ่อจะดีใจยิ่งกว่านี้อีกนะ…’
ในตอนนี้เอง ห้องโถงของบ้านพักพลันสว่างขึ้นมา ที่แท้พวกฉีหลงก็ซ่อมแหล่งกำเนิดไฟส่วนเล็กๆ แล้ว และคนที่มีความดีความชอบมากที่สุดก็คือหลินจงชิง เขาสมกับที่เป็นฝ่ายพลาธิการของทีมจริงๆ ซ่อมแซมอุปกรณ์เหล่านั้นทันที บ้านพักที่หลิงหลานอยู่กลับมาสว่างขึ้นอีกครั้งหลังจากที่มืดไปสิบนาทีเต็มๆ ภายใต้การซ่อมแซมพวกอุปกรณ์อย่างเร่งด่วนสุดความสามารถของพวกเขา แน่นอนว่าไม่อาจเทียบกับตอนที่มันอยู่ในสภาพสมบูรณ์ได้ แต่ถึงอย่างไรมันยังคงสว่างอยู่ดี นี่ก็เป็นเรื่องดีแล้ว
หลิงหลานเห็นแบบนี้ก็รู้สึกว่า เธอไม่อาจเก็บพ่อของเธอที่เป็นราชันทำลายล้างคนนี้ได้แล้ว เธอจึงเอ่ยขึ้นมาเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้บ้านพักเจอหายนะอีกว่า “คุณพ่อ พรุ่งนี้ก็จะเริ่มการทดสอบแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนเร็วหน่อยดีกว่านะครับ”
หลิงเซียวรู้สึกตื้นตันใจ ลูกสาวของเขาเอาใจใส่เขาเหลือเกิน กลัวว่าเขาจะเหนื่อยแล้ว อย่างไรเสีย เขาไม่มีทางยอมรับเรื่องที่ว่าลูกสาวไม่ชอบเขา อยากไล่เขาไปแน่นอน
หลิงเซียวตื้นตันใจ แต่ในใจก็ไม่อาจตัดใจแยกจากลูกสาวเร็วขนาดนี้ ในขณะที่เขากำลังคิดจะพูดว่าไม่เหนื่อยเลยสักนิดเดียว หลิงหลานพลันเลิกคิ้วขึ้นทีหนึ่ง กล่าวพลางชายตามองคุณพ่อตัวเองด้วยสายตาเย็นเยียบว่า “คุณว่างั้นไหมครับ คุณพ่อของผม?” โดยเฉพาะคำว่า ‘คุณพ่อของผม’ สี่คำนี้ถูกเค้นออกมาจากช่องไรฟัน
ดวงตาหงส์ที่เต็มไปด้วยจิตสังหารนั้นแฝงไปด้วยคำเตือนอย่างไร้คำพูด น้ำเสียงและท่าทีนั้นเหมือนกับตอนที่หลานลั่วเฟิ่งเตือนเขาไม่มีผิดเลย
ดังนั้นหลิงเซียวเลยชอกช้ำใจ เพราะเขาแม่งไม่มีแรงต้านทานต่อสายตาและท่าทีแบบนี้เลยสักนิดเดียว…
ท้ายที่สุดหลิงเซียวได้แต่ออกไปจากบ้านพักของหลิงหลานด้วยจิตใจที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความโศกเศร้า แน่นอนว่าก่อนจากไป เขาไม่ลืมเตือนลูกสาวตัวเองว่า วันพรุ่งนี้ต้องเข้าไปรายงานตัวแต่เช้า จากนี้ไปหนึ่งอาทิตย์ เวลาของหลิงหลานถูกคุณพ่อไร้ยางอายอย่างหลิงเซียวยึดครองแล้ว พอเป็นการเรียกลูกสาวให้มา หลิงเซียวดูเหมือนทำได้อย่างคล่องแคล่วมาก
หลังจากที่ส่งหลิงเซียวแล้ว หลิงหลานค่อยพรูลมหายใจอย่างลับๆ ในที่สุดก็ส่งพ่อที่เป็นตัวปัญหาใหญ่คนนี้ไปได้แล้ว…
เมื่อเธอหันหน้าไปเห็นดวงตาที่ส่องประกายนับไม่ถ้วนนั้น หลิงหลานก็ปวดศีรษะมากกว่าเดิม ที่แท้ปัญหาเพิ่งจะเริ่มต้นขึ้น เธอยังต้องจัดการลูกน้องห้าคนตรงหน้าที่เห็นได้ชัดว่าดูตื่นเต้นมากเกินไป และอยากค้นหาความจริงเหล่านี้อีก
พอคิดถึงตรงนี้ หลิงหลานก็อดแหงนหน้าถอนหายใจยาวๆ ไม่ได้ พ่อคนอื่นต่างจัดการปัญหาให้ลูกสาว ทำไมพอเป็นทางฝั่งเธอ กลับต้องให้ลูกสาวอย่างเธอช่วยพ่อตัวเองจัดการปัญหาที่เขาก่อด้วย? เธอไม่ใช่ผู้ชนะในชีวิตของโลกใบนี้อย่างที่คิดเอาไว้เลย เธอไม่ใช่นางเอกที่ได้รับความรักใคร่หลงใหลจากผู้คนนับหมื่น ดังนั้นชีวิตของเธอถึงได้ดูน่าสังเวชเต็มไปด้วยหายนะเช่นนี้
……
หลังจากที่หลิงเซียวกับผู้คุ้มกันสองคนออกไปจากบ้านพักของหลิงหลาน พวกเขาก็มาถึงป้ายรถประจำทางโฮเวอร์คาร์ที่ใกล้ที่สุดอย่างรวดเร็ว รอโฮเวอร์คาร์มาถึง
เวลานี้เอง หนึ่งในผู้คุ้มกันพลันเอ่ยปากว่า “ผู้การครับ คุณชายหลานแข็งแกร่งมาก” นี่เป็นคนที่ยืนอยู่ตรงมุมห้องโถงคอยสังเกตพวกหลิงหลานมาตลอด
“อย่าเรียกเขาว่าคุณชายหลาน เรียกเขาว่าหลิงหลานก็ได้” หลิงเซียวตอบขณะที่มุมปากเผยรอยยิ้มจางๆ “อนาคตเขาจะเป็นทหารเหมือนกับพวกเธอ พอถึงเวลานั้น พวกเธอก็จะเป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ของเขา”
“ครับ ผู้การ!” ผู้คุ้มกันทั้งสองตอบรับพร้อมกัน แววตาเผยความเคารพเลื่อมใสออกมา นายพลหลิงเซียวก็เป็นคนแบบนี้ ปฏิบัติต่อทหารทุกอย่างเท่าเทียม ไม่มีแบ่งฐานะสูงต่ำ
โฮเวอร์คาร์มาถึงอย่างฉับไว ผู้คุ้มกันเปิดประตูเบาะหลังให้หลิงเซียว หลิงเซียวเดินขึ้นไปก่อนจะนั่งลง จากนั้นผู้คุ้มกันก็ขึ้นไปนั่งที่ด้านหน้าหนึ่งคน ด้านหลังหนึ่งคน กรอกตำแหน่งที่พักของพวกเขาในโรงเรียนทหารอย่างเร็วไว แล้วโฮเวอร์คาร์ก็แล่นออกไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วสุดขีด…
หลิงเซียวที่นั่งอยู่ในโฮเวอร์คาร์ยังคงทำหน้ายิ้มแย้มตามมาตรฐานของเขา แต่ผู้คุ้มกันที่อยู่ข้างกายสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าหลิงเซียวอารมณ์ดี
หลิงเซียวมีความสุขมากจริงๆ เพราะว่าการพบหน้ากันในวันนี้ยืนยันแล้วว่าการปลอมตัวของหลิงหลานยอดเยี่ยมมาก เธอใช้ชีวิตกับพวกฉีหลงมานานขนาดนี้ แต่ไม่ได้ทำให้พวกเขาสังเกตเลยว่าเธอเป็นผู้หญิง แค่ความสามารถนี้ พวกคนนอกก็ยิ่งสังเกตเห็นความลับของหลิงหลานยากมากขึ้น นี่ทำให้ความกังวลที่กดอยู่ในหัวใจเขามาตลอดหายไปแล้ว
ขอเพียงอดทนให้ผ่านพ้นไปสี่ปีก็ได้แล้ว! พอถึงปีที่ห้า เขาจะรับลูกสาวของเขามาอยู่ในกองพลของตัวเองแน่นอน คอยปกป้องเธออยู่ใกล้ๆ หลังจากนั้นก็มอบชีวิตที่เป็นของลูกสาวของเขาอย่างแท้จริงให้กับเธอ…หลิงเซียวลอบกำหมัดสาบานในใจ
————————-