ถึงแม้ว่าการคาดเดาเช่นนี้จะทำให้หลี่หลานเฟิงไม่สบายใจเอามากๆ รู้สึกว่าความห่างชั้นระหว่างเขากับอีกฝ่ายใหญ่อยู่บ้าง ไล่ตามได้ยากลำบากมาก แต่เขาไม่มีทางมองข้ามความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายเพราะเหตุนี้
“เป็นไปไม่ได้น่า…” จ้าวจวิ้นตอบอย่างตกตะลึง เมื่อต่อสู้กับผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชัน ต่อให้เป็นเพียงการประลองชี้แนะ การหยิบหุ่นรบระดับกลางออกมารับมือ ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดว่าเป็นการสบประมาทต่อผู้ควบคุมหุ่นรบระดับราชันอย่างหนึ่ง
“บางทีไม่แน่ว่าอาจจะมีอะไรบางอย่างที่ลึกซึ้งกว่านั้นก็ได้” หลี่หลานเฟิงลูบคางเริ่มขบคิดขึ้นมา
“ลึกซึ้งอะไร?” จ้าวจวิ้นถามด้วยความไม่เข้าใจ
“ใช้ทักษะระดับสูงมาควบคุมหุ่นรบระดับต่ำจะช่วยเพิ่มการรู้แจ้งเกี่ยวกับทักษะระดับสูงหรือเปล่า?” หลี่หลานเฟิงคิดมากไปจริงๆ มักจะใช้เหตุผลบางอย่างมากล่อมตัวเอง ก็เหมือนกับตอนนี้ เขาตัดสินใจแล้วว่าหลังจากชมการประลองเสร็จ เขาจะแลกหุ่นรบระดับกลางใหม่อีกครั้ง ลองใช้ทักษะของนักรบหุ่นรบชั้นสูงกับมันดูว่า มันจะช่วยเรื่องการควบคุมหุ่นรบระดับสูงของเขาบ้างหรือเปล่า
จากความสามารถรวมถึงความเร็วมือของหลี่หลานเฟิงในตอนนี้ เขาไปถึงมาตรฐานทั่วไปของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษแล้ว สาเหตุที่เขายังไม่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษเป็นเพราะว่า เขารู้สึกว่ามีการเคลื่อนไหวพื้นฐานหลายท่าของนักรบหุ่นรบชั้นสูงที่เขาไม่สามารใช้งานมันได้อย่างตามใจนึกมาตลอด และเขาก็จดจำคำพูดที่หุ่นรบกระต่ายปลอบใจเขาในตอนนั้นไว้มั่น เขาก็เลยไม่สามารถโน้มน้าวตัวเองให้เข้าสู่ระดับถัดไปได้ถ้าหากยังไม่ฝึกฝนจนถึงขีดสูงสุด
เดิมทีเขาคิดว่าปัญหาพวกนี้คือเวลาฝึกฝนของเขายังไม่พอ ตอนนี้ดูท่ามีความเป็นไปได้สูงที่การรู้แจ้งของเขายังไม่ทะลุปรุโปร่งมากพอ บางทีเขาควรเปลี่ยนวิธีการฝึกฝนดู หลี่หลานเฟิงคิดแบบนี้
เวลานี้หลิงหลานไม่รู้เลยว่า เพราะการใช้ทักษะข้ามระดับของเธอจะทำให้หลี่หลานเฟิงที่ชมการประลองเกิดความคิดแตกต่างออกไป เขาเปิดวิธีการฝึกฝนอีกรูปแบบหนึ่ง ทำให้เขาบรรลุเกี่ยวกับการควบคุมพื้นฐานใหม่ด้วยความเข้าใจผิดอย่างโชคดีเพราะเหตุนี้เอง
……
“หลิงหลาน จนถึงตอนนี้ยังตระหนักไม่ได้อีกเหรอว่าการควบคุมของลูกมีปัญหา?”
ในตอนที่หลิงหลานใช้ก้าวไถลเงาจู่โจมหลิงเซียวต่อ ทันใดนั้นเองเสียงเย็นเยียบของพ่อเธอก็ดังขึ้นมาภายในห้องคนขับของหุ่นรบ มันแตกต่างจากเสียงที่แฝงไปด้วยการให้อภัยและการยอมรับของหลิงเซียวก่อนหน้านี้มาตลอด เสียงในเวลานี้แฝงไปด้วยการตำหนิที่เย็นเยียบและเฉยชา
หลิงหลานได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็กระตุกขึ้นฉับพลัน แต่การโจมตีของเธอเป็นเหมือนธนูที่ขึ้นสายไม่ปล่อยไม่ได้ และหลิงเซียวก็ซัดฝ่ามือเข้าไปที่การโจมตีในครั้งนี้อย่างหมดจดและมีประสิทธิภาพ จากนั้นก็ได้เสียงดังกรอบ ตรงข้อพับแขนหุ่นรบของหลิงหลานที่ถูกฝ่ามือของหลิงเซียวซัดเข้านั้นถูกทำลายระบบควบคุมแขนของหุ่นรบไปทันท หรือพูดอีกอย่างก็คือแขนขวาของหุ่นรบหลิงหลานถูกทำลายแล้ว
‘เคล้ง’ ปู้หุ่ยอาวุธเย็นในมือหลิงหลานร่วงลงพื้นทันที แขนขวาที่สูญเสียการควบคุมย่อมไม่สามารถกุมอาวุธที่หนักอึ้งเอาไว้ได้แน่นๆ มันย่อมตกลงมาเป็นธรรมดา
หลิงหลานทะยานไปข้างหลังเว้นระยะห่างกับคุณพ่ออีกครั้งโดยพลัน เธอยืนอยู่ตรงนั้นเงียบๆ เริ่มหวนนึกถึงความหมายในคำถามของหลิงเซียว
“หลิงหลาน โจมตีมานานขนาดนี้ ลูกยังไม่สังเกตเห็นปัญหาของลูกอีกเหรอ?” คำถามของหลิงเซียวดังขึ้นในห้องคนขับอีกครั้ง ยังคงถามคำถามนั้น
“มีปัญหาเหรอ?” หลิงหลานพึมพำกับตัวเอง เธอไม่รู้สึกเลยว่าการควบคุมของตัวเองมีปัญหาอะไรจริงๆ ถึงแม้การใช้ทักษะที่มีเฉพาะหุ่นรบระดับสูงลงในหุ่นรบระดับกลางจะกินแรงเธออยู่บ้างจริงๆ แต่กำลังรบของหุ่นรบก็เพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดเดียว ไม่อย่างนั้นจากความสามารถของหุ่นรบระดับกลาง ไม่มีทางพัวพันกับหุ่นรบระดับราชันได้นานขนาดนี้ เธอคงโดนสอยร่วงไปนานแล้ว
“คิดว่าตัวเองเพิ่งพลังรบของหุ่นรบใช่ไหม?” หลิงเซียวอ่านความคิดของหลิงหลานได้ในแวบเดียวก็เลยเอ่ยถามตรงๆ
“ใช่ครับ” หลิงหลานตอบอย่างซื่อสัตย์
“แต่ความจริงมันเป็นอย่างที่ลูกคิดไว้จริงๆ เหรอ?” การถามจี้ของหลิงเซียวทำให้หลิงหลานอึ้งไป ทักษะที่ใช้สูงเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ อานุภาพของหุ่นรบย่อมมากยิ่งขึ้น หรือว่าเธอคิดผิดไป?”
“อัตราความเสียหายของหุ่นรบในตอนนี้ไปถึงเท่าไหร่แล้ว?” หลิงเซียวถอนหายใจเบาๆ อดใช้นิ้วมือนวดหว่างคิ้วตัวเองไม่ได้
เขาที่เป็นพ่อบกพร่องต่อหน้าที่มากเกินไปแล้วจริงๆ ถ้าหากไม่ใช่เพราะหลิงหลานเสนอให้เขาเข้ามาชี้แระการควบคุมหุ่นรบของหลิงหลาน เขาก็คงไม่รู้ว่าความเข้าใจด้านการควบคุมของลูกสาวตัวเองออกนอกลู่นอกทางแล้ว ดูเหมือนกว่า ของที่เขาต้องเรียนรู้ในการเป็นพ่อยังมีอยู่อีกมากมาย แต่ว่าไม่เป็นไร เขาตระหนักได้ตอนนี้ยังไม่ถือว่าสายเกินไป
หลิงเซียวมองหุ่นรบระดับกลางที่เงียบกริบในหน้าจอแวบหนึ่งและก็รู้สึกแน่ใจอย่างมาก ขอเพียงหลิงหลานตระหนักความผิดพลาดของตัวเองได้ ทักษะการควบคุมของเธอจะต้องเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้งแน่นอน เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจหลิงเซียวก็อดภาคภูมิใจขึ้นมาอีกรอบไม่ได้ ‘ดูสิ นี่ก็คือลูกสาวของหลิงเซียว ต่อให้เป็นผู้หญิงก็ยังสืบทอดพรสวรรค์ในการควบคุมหุ่นรบที่ล้ำเลิศของเขา เธอจะต้องกลายเป็นปรมาจารย์หุ่นรบหญิงที่แข็งแกร่งที่สุดแน่นอน’
หลิงเซียวคาดหวังต่อหลิงหลานเอาไว้สูงมาก คิดว่าหลิงหลานจะต้องกลายเป็นปรมาจารย์หุ่นรบไพ่ราชาได้ แน่นอนว่าถ้าหากอยู่ภายใต้การอบรมสั่งสอนอย่างเต็มกำลังของเขาละก็ การจะกลายเป็นปรมาจารย์หุ่นรบระดับราชันอันดับหนึ่งของสหพันธรัฐก็ไม่ใช่ว่าไม่มีทางเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว ร่างกายของหลิงเซียวก็อดสั่นเทิ้มไม่ได้ ต่อให้ตัวเขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ แต่เมื่อเห็นลูกสาวสามารถขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของประวัตศาสตร์กับตา เขายังคงตื่นเต้นไม่อาจใจเย็นได้เลย
เอาเถอะ ได้โปรดให้อภัยความรักของพ่อด้วย ต่อให้หลิงเซียวเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ เวลานี้เขาก็เป็นเพียงพ่อธรรมดาที่โอ๋ลูกสาวเท่านั้น
เมื่อหลิงหลานได้ยินคำถามของหลิงเซียว เธอก็รีบสอบถามสถานการณ์ของหุ่นรบในตอนนี้กับเสี่ยวซื่อที่เวลานี้กำลังควบคุมหุ่นรบอยู่
เสี่ยวซื่อตอบว่า ถึงแม้เขาจะรักษาความเสถียรของหุ่นรบอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่เนื่องจากหลิงหลานใช้ทักษะระดับสูงเกินพิกัดหลายครั้ง ตอนนี้หุ่นรบก็เลยเสียหายไปแล้ว 32.77% หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าหากหลิงหลานต่อสู้เกินพิกัดแบบนี้ต่อไป หุ่นรบจะคงอยู่ได้แค่สามนาทีก่อนจะพังเสียหายโดยสิ้นเชิง
“เสียหายไป 32.77% แล้วครับ” หลิงหลานไม่คาดคิดว่าอัตราความเสียหายของหุ่นรบจะมากขนาดนี้ เธอจึงบอกคำตอบกับหลิงเซียวด้วยความหดหู่ใจอยู่บ้าง
หลิงเซียวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รู้สึกประหลาดใจอยู่บ้าง เดิมทีเขาคิดว่า หลิงหลานใช้หุ่นรบเกินพิกัดอย่างบ้าคลั่งขนาดนี้ ไม่ว่ายังไงอัตราความเสียหายของหุ่นรบก็ต้องไปถึง 40% ขึ้นไป ไม่นึกเลยว่ากลับออกมาแค่ 30% ดูท่าปกติแล้วลูกสาวของเขาจะรักทะนุถนอมหุ่นรบของตัวเองมากๆ ปรับความสามารถในด้านต่างๆ ต่อหุ่นรบจนเกือบจะสมบูรณ์แบบ ดังนั้นถึงได้กดอัตราความเสียหายได้ต่ำขนาดนี้
หลิงเซียวพอใจกับเรื่องนี้ มีเพียงผู้ควบคุมหุ่นรบที่รักทะนุถนอนต่อหุ่นรบอย่างแท้จริงเท่านั้นถึงจะสามารถรับรู้ความหมายของหุ่นรบที่มีต่อผู้ควบคุมได้ และสามารถสำแดงพลังที่แท้จริงของหุ่นรบออกมาได้อย่างเต็มที่ และลูกสาวของเขาก็ตระหนักเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเองโดยไม่มีคำเตือนจากเขา นี่ก็ยืนยันแล้วว่าพรสวรรค์โดยกำเนิดของลูกสาวเขาก็คือผู้ควบคุมหุ่นรบที่เก่งกาจล้ำเลิศ
เวลานี้หลิงเซียวที่ทอดถอนใจอย่างมากไม่รู้เลยว่า ลูกสาวของเขาไม่ได้ดีงามเหมือนเขาจินตนาการไว้ขนาดนั้นแน่นอน สาเหตุที่ทำให้อัตราความเสียหายของหุ่นรบต่ำได้ขนาดนี้ ทั้งหมดเป็นเพราะคุณงามความดีของนิ้วทองคำหลิงหลาน เสี่ยวซื่อสารพัดนึกที่พยายามบำรุงรักษาอย่างสุดความสามารถ แต่เสี่ยวซื่อเป็นของหลิงหลานโดยเฉพาะ ก็มองว่าเป็นความสามารถของหลิงหลานได้เหมือนกัน ดังนั้นก็ไม่ถือว่าหลิงเซียวดีใจเก้อ
“จากอัตราความเสียหายนี้ อย่างมากลูกก็ยืนหยัดได้แค่สามนาที ลูกคิดว่าลูกอาจจะเอาชนะพ่อได้ภายในเวลาสามนาทีเหรอ?” ถึงแม้หลิงเซียวจะพอใจลูกสาวตัวเองมาก แต่น้ำเสียงกลับเย็นชา ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่บทบาทของคุณพ่อที่อ่อนโยน หากแต่เป็นอาจารย์ที่เข้มงวด ในเมื่อหลิงหลานเกิดปัญหาด้านการควบคุมหุ่นรบ หลิงเซียวย่อมอยากให้หลิงหลานเข้าใจข้อผิดพลาดของตัวเอง และจดจำไว้ขึ้นใจนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป
“ไม่ครับ ผมไม่เคยคิดแบบนั้น ต่อให้คุณพ่อทิ้งการป้องกัน แต่ยืนเฉยๆ ให้ผมโจมตีสามนาที ผมก็เอาชนะไม่ได้แล้ว” หลิงหลานรู้ความแข็งแกร่งระหว่างเธอกับหลิงเซียวดี เธอแค่เพ้อฝันว่าจะโจมตีสำเร็จได้สักครั้งเท่านั้น….หลิงหลานค่อยตระหนักได้ว่าความหวังของเธอเล็กนิดเดียว ตั้งแต่แรกเริ่มเธอก็ถูกไอพลังทรงอำนาจของคุณพ่อกดดันจนหายใจไม่ทันอยู่บ้าง
“ผมแต่อยากให้คุณพ่อเห็นมทักษาะที่ผมเชี่ยวชาญในตอนนี้ แน่นอนว่าถ้าหากเป็นไปได้ ก็อยากโจมตีโดนคุณพ่อสักครั้งมากๆ เลย” หลิงหลานบอกความคิดของเธอออกมาอย่างสัตย์จริง
“ลูกคิดว่าลูกสามารถทำได้เหรอ?” หลิงเซียวแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง ใช้ปลายเท้าแตะพื้นที่ตัวเองยืนอยู่ หลิงหลานมองเข้าไปตามจิตใต้สำนึก แค่เห็นแวบแรกก็ทำให้สายตาของหลิงหลานแข็งทื่อ ใบหน้าที่เดิมทียังดูสงบนิ่งเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบทันที
“เห็นชัดแล้วใช่ไหม?” หลิงเซียวถามอย่างเย็นชา
“อื้อ ผมอวดดีบ้าระห่ำไปแล้ว” หลิงหลานตอบอย่างขมขื่น เพราะเธอเห็นแล้วว่า เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีที่เธอทุ่มเทอย่างสุดกำลังและความคิด คุณพ่อหลิงเซียวของเธอไม่ได้เห็นมันอยู่ในสายตาเลย เพราะว่าจากตั้งแต่แรกเริ่มมาสองเท้าของหลิงเซียวไม่ได้ขยับเขยื้อนเลย หรือก็คือตอนแรกเขายืนอยู่ตรงนั้น ตอนนี้เขาก็ยังคงยืนอยู่ตรงนั้น ขนาดเท้าก็ไม่ได้ยกขึ้นมาเลย
“อยากเอาชนะไม่ใช่ปัญหา ปัญหาอยู่ที่ลูก หลังจากที่ใช้ทักษะระดับสูงพวกนั้นครั้งแรกแล้วไม่ได้ผล ทำไมถึงยังดึงดันใช้ต่ออีกล่ะ? รู้อยู่แก่ใจว่าทักษะพวกนี้ใช้พลังมหาศาล ไม่เพียงเป็นภาระต่อลูกอย่างมาก มันก็เป็นภาระต่อหุ่นรบอย่างมากเช่นกัน…สุดท้าย ไม่ต้องให้คนอื่นเอาชนะลูกหรอก ลูกโจมตีใส่ตัวเองจนแพ้แล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผู้ควบคุมหุ่นรบที่มีคุณสมบัติควรทำเหรอ?” หลิงเซียวถามกลับด้วยใบหน้าเย็นชา
คำถามของหลิงเซียวทำให้หลิงหลานก้มหน้าลงด้วยความละอายใจ หลิงเซียวพูดมาไม่ผิด นอกจากพสวรรค์และความสามารถที่ผู้ควบคุมหุ่นรบจำเป็นต้องมีแล้ว ความเยือกเย็นก็เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ เพราะว่านี้เกี่ยวพันว่าผู้ควบคุมหุ่นรบจะตัดสินใจและรับมือกับสถานการณ์การรบอย่างไร การกระทำที่บุ่มบ่ามอันเดียวมีความเป็นไปได้สูงว่าจะนำพาวิกฤติอย่างใหญ่หลวงมาให้ตัวผู้ควบคุมหุ่นรบ ในขณะเดียวก็อาจจะเป็นภาระเพื่อนด้วย และเมื่อสักครู่นี้เธอตื่นเต้น ฮึกเหิม บุ่มบ่ามจริงๆ ตแนนั้นเธอคิดแค่ว่า อยากโจมตีโดนคุณพ่อสักครั้ง ถึงอย่างไรนั่นก็เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะ….เขามีตัวตนเท่าเทียมกับเทพในโลกเสมือนจริงเลยนะ
“ลูกลืมสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นอีก พ่อน่าจะเคยเน้นย้ำในมรดกของพ่อแล้วว่า ไม่ว่าจะเป็นทักษะใดๆ ก็ตาม พื้นฐานคือสิ่งที่สำคัญที่สุด” หลิงเซียวเห็นหลิงหลานรู้ความผิดก็ถอนหายใจเบาๆ น้ำเสียงก็อ่อนโยนขึ้นมาเช่นกัน
“เมื่อตะกี้นี้ไม่ใช่การควบคุมพื้นฐานของหุ่นรบระดับสูงเหรอครับ?” หลิงหลานถามอย่างตกตะลึง
“พวกนั้นเป็นการควบคุมพื้นฐานไหม? มันควรจะเป็นพื้นฐานของการควบคุมพื้นฐาน โดยเฉพาะทักษะระดับสูงที่วิจัยออกมาเพื่อหุ่นรบระดับสูง ถ้าเกิดหุ่นรบที่ลูกใช้คือหุ่นรบระดับสูง พ่อยังฝืนเห็นด้วยกับมุมมองของลูกได้ แต่ตอนนี้ที่ลูกใช้คือหุ่นรบระดับสูงเหรอ?” หลิงเซียวถามกลับอีกครั้ง
หลิงหลานถูกหลิงเซียวถามกลับจนพูดไม่ออก รู้ว่าตัวเองคิดผิดไป บางทีสำหรับหุ่นรบระดับสูง นี่แทบจะเป็นการควบคุมพื้นฐาน ไม่ได้ยากเป็นพิเศษอะไร แต่สำหรับหุ่นรบระดับกลางแล้ว นี่ย่อมเป็นทักษะระดับสูงที่มีความยากสูงอย่างหนึ่งแน่นอน ไม่เกี่ยวพันกับการควบคุมพื้นฐานเลยจริงๆ