เมื่อเจอหน้ากันครั้งแรก พวกฉีหลงห้าคนรวมถึงจีอู๋ปู้ซิวต่างรู้สึกว่าเนี่ยนเทียนโหยวเหรินคนนี้ไม่เลวมากๆ เลย ท่าทีอบอุ่นทำให้คนรู้สึกเหมือนอาบลมฤดูใบไม้ผลิ มีเพียงฉิงอี้อู๋เจี้ย หรือก็คือหลี่ซื่ออวี๋ที่สับสนอยู่บ้าง เพราะว่ากลิ่นอายเช่นนี้ของอีกฝ่ายทำให้เขาเกิดความรู้สึกคุ้นเคยสนิทสนม เป็นเหมือนดั่งความรู้สึกที่หลี่หลานเฟิงมอบให้เขาในตอนนั้น…
หลี่ซื่ออวี๋อดส่ายศีรษะลอบหัวเราะตัวเองไม่ได้ที่อ่อนไหวมากเกินไปหน่อย บางทีหมอนี่อาจจะเหมือนกับหลี่หลานเฟิงที่เป็นคนนิสัยดีมากเกินไป ดังนั้นถึงทำให้เขารู้สึกคลับคล้ายคลับคลา….หลี่ซื่ออวี๋รู้ดีว่า สาเหตุที่เขาอ่อนไหวกับกลิ่นอายแบบนี้เป็นเพราะว่าบนตัวญาติผู้พี่คนโตก็มีกลิ่นอายแบบนี้เช่นเดียวกัน เพียงแต่ญาติผู้พี่คนโตไม่อาจกลายเป็นนักรบหุ่นรบในความเป็นจริงได้เหมือนกับหลี่หลานเฟิง และก็ไม่สามารถเข้าสู่โลกหุ่นรบกลายเป็นนักรบหุ่นรบระดับสูงเหมือนกับเนี่ยนเทียนโหยวเหรินได้เช่นกัน
ถึงแม้โลกหุ่นรบคือโลกเสมือนจริง แต่ระดับความก้าวหน้าของมันยังคงเชื่อมโยงกับสภาพร่างกายในชีวิตจริงของผู้ใช้งานเหมือนกัน ถ้าหากร่างกายในความเป็นจริงยังไม่ถึงเกณฑ์การเลื่อนขั้น ก็เลื่อนขั้นในโลกเสมือนจริงไม่สำเร็จเช่นเดียวกัน
ดังนั้นหลี่ซื่ออวี๋ไม่เคยคิดถึงความเป็นไปได้มาก่อนเลยว่าญาติผู้พี่คนโตของเขาจะเข้าสู่โลกหุ่นรบกลายเป็นนักรบหุ่นรบระดับสูงได้ ความคิดที่เคยชินแบบนี้ของเขาทำให้เขาพลาดโอกาสค้นพบความจริงในตอนแรกสุดไป จนกระทั่งหลายปีให้หลังถึงค่อยตระหนักได้ว่า ความจริงแล้วเขาสัมผัสถึงความจริงได้ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่มันโดนเขามองข้ามไป
หลังจากที่พวกเขาทำความรู้จักกันแล้ว หลิงหลานก็รีบพาพวกเขาไปที่คฤหาสน์ของเจ้าเมืองหงหยาง ที่นั่นก็คือสถานที่รับภารกิจก่อตั้งหน่วยรบ หลิงหลานอยากทำภารกิจนี้ให้เสร็จในวันนี้
บรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบอิสระทุกคนบนลานจัตุรัสเห็นคนกลุ่มนี้รีบไปที่คฤหาสน์ของเจ้าเมือง โดยพื้นฐานแล้วแน่ใจว่าพวกเขาจะต้องไปก่อตั้งหน่วยรบแน่นอนก็เลยอดส่งเสียงทอดถอนใจไม่ได้…ทำไมพวกเขาไม่ใช่สมาชิกหนึ่งในนั้นนะ?
มีผู้ควบคุมหุ่นรบคนหนึ่งไม่อาจเห็นคนอื่นได้ดีเลยอดลอบสาปแช่งไม่ได้ว่า “หวังว่าพวกเขาจะโชคร้าย ไม่ได้รับภารกิจ…”
ในโลกหุ่นรบ ภารกิจก่อตั้งหน่วยรบไม่ใช่สิ่งที่รับง่ายดายขนาดนั้น ปัจจุบันแหล่งภารกิจที่ประกาศในฟอรั่มออฟฟิเชียลนั้นมีอยู่มากมายสารพัดที่แปลกพิลึกพิลั่นแตกต่างกันไปจริงๆ มีภารกิจที่รับจากเจ้าเมืองโดยตรง และก็มีภารกิจที่รับจากในห้องโถงทำงานของคฤหาสน์เจ้าเมือง แล้วก็มีหน่วยรบหนึ่งแปลกประหลาดยิ่งกว่า ได้รับภารกิจจากชายชราที่ทำความสะอาดในคฤหาสน์เจ้าเมือง ถึงขนาดที่ยังมีหน่วยรบมาอย่างเสียเปล่าหลายครั้งโดยที่รับภารกิจไม่ได้…ไม่เพียงแค่นั้น ภารกิจที่รับก็มีแบ่งความยากง่ายด้วยเช่นกัน หน่วยรบบางหน่วยที่โชคดีมากๆ ก็จะได้รับภารกิจที่ง่ายดายสุดยอด มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะให้คุณส่งจดหมายหนึ่งฉบับก็สามารถได้รับป้ายคำสั่งสร้างหน่วยรบ ดังนั้นจึงสร้างหน่วยรบได้สำเร็จ แต่ก็มีบางภารกิจที่ยากลำบากแสนสาหัส ทีมถูกล้างบางหลายครั้งก็ไม่อาจทำภารกิจได้สำเร็จ
ดังนั้นผู้เล่นอิสระไม่มีหน่วยรบที่รู้สึกอิจฉาขึ้นในใจอดเกิดความเคียดแค้นแบบนี้ไม่ได้ หวังว่าทีมที่มีคุณสมบัติตั้งตนเป็นหน่วยรบเหล่านี้จะทำภารกิจล้มเหลว
เมื่อคุยกับผู้ควบคุมหุ่นรบที่คุ้มกันหน้าประตูคฤหาสน์เจ้าเมือง รู้ว่ามีเพียงหัวหน้าทีมคนเดียวเท่านั้นที่สามารถเข้าไปรับภารกิจได้แล้ว หลิงหลานจึงให้พวกเขารอเธออยู่ที่หน้าประตูคฤหาสน์เจ้าเมือง หลังจากนั้นเธอก็ค่อยคุยกับผู้ควบคุมหุ่นรบอีกครั้งก่อนจะเลือกภารกิจก่อตั้งหน่วยรบ วินาทีถัดมา เธอก็วาร์ปไปที่ภายในคฤหาสน์เข้าเมือง เมื่อเข้าไปในคฤหาสน์เจ้าเมืองก็จะหลุดออกจากหุ่นรบโดยอัตโนมัติปรากฏรูปร่างหน้าตาที่แท้จริง ไม่เช่นนั้นหุ่นรบที่มีขนาดสูงใหญ่คงจะต้องบดขยี้คฤหาสน์ของเจ้าเมืองแน่นอน
จุดที่วาร์ปมาเป็นการสุ่ม ก็เหมือนกับการรับภารกิจที่เป็นการสุ่มเช่นเดียวกัน สถานที่หลิงหลานมาถึงก็คือระเบียงทางเดิน นี่ทำให้หลิงหลานอดขมวดคิ้วไม่ได้ ควรรู้เอาไว้ว่าตำแหน่งที่ดีที่สุดก็คือวาร์ปมายังห้องโถงของคฤหาสน์เจ้าเมือง ถ้าเป็นแบบนั้นจะหาห้องโถงทำงานหรือว่าห้องทำงานของเจ้าเมืองได้สะดวกมากกว่า อัตราความสำเร็จในการรับภารกิจก็จะสูงมากขึ้น แต่ระเบียงทางเดินนั้นพูดยาก เพราะคุณไม่รู้ว่าทางออกที่คุณเลือกคือที่ไหน นี่ก็คือการเสี่ยงโชคโดยสิ้นเชิง
แต่นี่เป็นการเสี่ยงโชคจริงๆ เหรอ? หลิงหลานไม่ได้รีบร้อนหาทางออก หากแต่ยืนใคร่ครวญอยู่ที่เดิมด้วยความใจเย็น
ปกติแล้วการก่อตั้งหน่วยรบไม่ควรมีข้อจำกัดมากมายขนาดนี้ ถึงอย่างไรหน่วยรบที่ตั้งขึ้นสามารถรวมกลุ่มผู้ควบคุมหุ่นรบอิสระขึ้นมาได้ บ่มเพาะการร่วมมืออย่างรู้ใจกันระหว่างผู้ควบคุมหุ่นรบได้มากมาย ปลดปล่อยความสามารถของผู้ควบคุมหุ่นรบออกมาได้เยอะยิ่งขึ้น พูดได้ว่ารูปแบบการก่อตั้งหน่วยรบเช่นนี้แต่แรกจะลดช่วงเวลาทำความคุ้นเคยกันที่ทหารใหม่ในกองทัพควรมีได้อย่างเห็นได้ชัดเมื่อพวกเขาเข้าสู่กองทัพทั้งทีม มันสามารถสร้างก่อตั้งกำลังรบที่สูงอย่างยิ่งยวดได้ในช่วงเวลาสั้นๆ
ไม่ต้องสงสัยเลยสักนิดว่านี่เป็นรูปแบบการบ่มเพาะให้ประชาชนทุกคนเป็นทหารที่ยอดเยี่ยมอย่างหนึ่ง เมื่อถึงช่วงเวลาสำคัญประชาชนทั่วไปสามารถเปลี่ยนเป็นทหารผ่านศึกที่มีกำลังรบสุดยอดและยังมีความสามารถทำงานร่วมกันในหน่วยรบด้วย
แต่ทำไมรูปแบบที่ดีอย่างนี้ถึงถูกจำกัดมากมายขนาดนี้ด้วยล่ะ? กระทั่งการรับภารกิจก็ทำให้คนคาดการณ์ได้ยากแบบนี้ด้วย? หลิงหลานอดนึกถึงการทดสอบที่เกี่ยวข้องตอนที่สอบเข้าสถาบันลูกเสือรวมถึงตอนที่สอบเข้าโรงเรียนทหาร เธอตระหนักขึ้นได้ฉับพลัน นี่จะเป็นการทดสอบอย่างหนึ่งหรือเปล่า? เพียงแต่สิ่งที่ทดสอบในครั้งนี้คือหัวหน้าอย่างพวกเขา…คนที่สหพันธรัฐต้องการก็คือหัวหน้าทีมที่โดดเด่น นำพาบรรดาลูกทีมเติบโตไปด้วยกัน ไม่ใช่พวกหัวหน้าทีมไร้ความสามารถที่ปะปนอยู่ในกลุ่มคนยอดเยี่ยมจนทำลายอนาคตของลูกทีม?
เมื่อคิดแบบนี้ก็สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่าทำไมการก่อตั้งหน่วยรบในโลกหุ่นรบถึงได้มีข้อจำกัดมากมายขนาดนี้ หลิงหลานถึงขนาดคิดว่าความจริงแล้วหัวหน้าทีมที่รับภารกิจไม่ได้เหล่านั้นไม่ใช่ว่าโชคร้าย หากแต่หลังจากที่เข้าสู่คฤหาสน์เจ้าเมืองแล้ว การตัดสินใจและการกระทำของเขาถูกออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบตัดสินว่าไม่เหมาะสมที่จะเป็นหัวหน้าทีม ดังนั้นถึงได้สูญเสียคุณสมบัติในการรับภารกิจไป?
หรือพูดอีกอย่างก็คือ หลังจากที่เข้าสู่คฤหาสน์เจ้าเมืองแล้ว การทดสอบของหัวหน้าทีมก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว!
หลิงหลานคิดถึงตรงนี้ หน้าผากก็อดขึ้นขีดดำไม่ได้ โลกนี้ชอบแอบทดสอบมากเท่าไหร่กันแน่นะ ต่อให้เล่นเกมก็หนีไม่พ้นด่านนี้…หลิงหลานที่ตัดสินใจได้แล้วย่อมเพิ่มความระมัดระวังของตัวเองขึ้นมาหนึ่งร้อยยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถึงอย่างไรด่านนี้ก็เกี่ยวพันถึงการตั้งหน่วยรบของตัวเอง ต่อให้เธอไม่ทำเพื่อตัวเอง เธอก็ต้องรับผิดชอบต่อพวกเพื่อนๆ และลูกน้องของเธอ
“เสี่ยวซื่อ แบ่งระเบียงทางเดินต่างๆ ออกเป็นหน้าจอขนาดเล็ก อย่าปล่อยผ่านมุมเล็กๆ สักมุมเดียว ฉันต้องทำความเข้าใจทุกอย่างในนี้” ในที่สุดหลิงหลานก็เอ่ยปากสั่งเสี่ยวซื่อ
เสี่ยวซื่อแบ่งภาพระเบียงทางเดินออกเป็นภาพหน้าจอนับไม่ถ้วนโดยไม่พูดอะไรทันที หลังจากนั้นก็วางมันไว้ในหน้าจอหุ่นรบของหลิงหลาน หลิงหลานเริ่มกดซูมตั้งแต่ภาพแรกเข้าไปทำการศึกษาทีละภาพ ผ่านไปไม่นานก็ดูภาพหน้าจอทั้งหมดแล้ว
คิ้วของหลิงหลานกลับขมวดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเธอไม่เห็นสิ่งผิดปกติอะไร ควรพูดว่าระเบียงทางเดินเป็นปกติแน่นอน มีเพียงทางเข้าออกสองแห่ง หนึ่งคืออยู่ด้านหลังหลิงหลาน คาดว่าเป็นทางเข้า ส่วนอีกแห่งอยู่ตรงปลายสุดของระเบียงทางเดิน น่าจะเป็นทางออก….
หรือว่าฉันคิดมากไป? หลิงหลานอดลอบคิดไม่ได้ ทันใดนั้นเธอก็เหมือนกับคิดถึงอะไรบางอย่าง เลือกหนึ่งในภาพขึ้นมาฉับพลัน นั่นเป็นมุมหนึ่งของระเบียงทางเดินด้านข้างเป็นสวนดอกไม้ใหญ่ ด้านในมีคนสวนกำลังทำงานอย่างแข็งขัน
ตอนที่เธอรับภารกิจนั้น ในสวนก็มีคนแบบนี้ปรากฏตัวขึ้นอย่างน่าประหลาด หลิงหลานรู้สึกว่าหมอนี่ดูมีปัญหามาก
“เสี่ยวซื่อ ตรวจสอบคนสวนคนนี้ให้ฉันหน่อยสิ” หลิงหลานชี้ไปยังคนสวนที่เหงื่อโชกในภาพหน้าจอและสั่งเสี่ยวซื่อ
เสี่ยวซื่อรับคำสั่งทันที เริ่มค้นหาทุกซอกทุกมุมที่มาที่ไปของตัวตนคนสวน สุดท้ายเขาก็ทำหน้าตื่นเต้นกลับมา มองหลิงหลานด้วยดวงตาเปล่งประกาย เอ่ยด้วยความนับถือว่า “ลูกพี่ เป็นอย่างที่เธอคาดไว้จริงๆ ด้วย หมอนี่มีปัญหามาก” ถ้าหากไม่ใช่เพราะลูกพี่ของเขาสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ เสี่ยวซื่อที่ไม่ได้ลงมือสืบเสาะเองก็คงพลาดโอกาสรู้ความจริงไปเช่นกัน
หลิงหลานได้ยินคำตอบของเสี่ยวซื่อ ดวงตาก็สว่างโรจน์ขึ้นทันที “มีปัญหาก็ดีแล้ว เขาเป็นใครกันแน่?”
“เขาไม่ใช่คนสวน เขาคือหลัวอี้ซวนเจ้าเมืองหงหยาง เจ้าของคฤหาสน์เจ้าเมืองหลังนี้” เสี่ยวซื่อตอบด้วยความภาคภูมิใจ ขอเพียงเขาอยากค้นหา ต่อให้ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบจะปกปิดอีกอย่างไรก็หลบหนีดวงตาที่แหลมคมของเสี่ยวซื่ออย่างเขาไม่พ้น
“พูดอย่างนี้คือ ภารกิจก่อตั้งหน่วยรบอยู่ที่ตัวเขาสินะ” มุมปากของหลิงหลานโค้งขึ้นเล็กน้อย ได้มาโดยไม่เสียแรงเปล่าเลยจริงๆ โชคของเธอยังคงดีมากอย่างแท้จริง อย่างไรก็ตาม ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบก็ต่ำช้ามากที่ให้เจ้าเมืองปลอมตัวเป็นคนสวน ถ้าหากเธอไม่ได้ศึกษาสภาพของระเบียงทางเดินอย่างละเอียดแล้วละก็ บางทีเธออาจจะเดินไปจนถึงปลายสุดของทางเดิน ไปโดยที่ไม่รู้ว่าเป็นสถานที่อะไร มีความเป็นไปได้สูงว่าเธออาจจะรับภารกิจไม่ได้เหมือนกัน
“เขาปรากฏตัวบนทางเดินที่ลูกพี่ต้องผ่านเพื่อไปรับภารกิจ และก็เป็นเจ้านายของที่นี่ด้วย ฉันคาดว่ามีความเป็นไปได้สูงมาก” เสี่ยวซื่อก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหลิงหลาน คิดว่าภารกิจต้องอยู่บนตัวของเจ้าเมืองแน่นอน
ในเมื่อหาเป้าหมายเจอแล้ว หลิงหลานก็เดินไปที่ข้างกายคนสวนทันที รอคอยคนสวนทำงานในมือให้เสร็จอย่างเงียบเชียบ ความอดทนของหลิงหลานไม่เลวมากๆ กอปรกับเธอคิดว่าเป็นการดีที่ไม่ไปรบกวนตอนที่คนอื่นกำลังทำงาน
ในตอนที่คนสวนปลูกหน่อต้นไม้ในมือเสร็จ กำลังคิดจะหยิบหน่อต้นไม้จากด้านหลังมาอีกต้นก็ถูกหลิงหลานที่ยืนอยู่ด้านหลังทำให้ตกใจจนสะดุ้งโหยง เขาหน้าถอดสีอย่างมาก ชี้ไปที่หลิงหลานพลางเอ่ยถามด้วยความโมโหว่า “เฮ้ เธอยืนอยู่ด้านหลังฉันทำไม? เธอไม่รู้เหรอว่าแบบนี้จะทำให้คนตกใจกลัวมากนะ?”
“ตกใจกลัว? ถ้าเกิดเป็นคนสวนธรรมดา บางทีอาจจะมีความเป็นไปได้แบบนี้อยู่ แต่ว่าคุณเป็นคนสวนธรรมดาจริงๆ เหรอครับ?” หลิงหลานกล่าวเรียบๆ ควบคู่กับดวงหน้าเย็นชาของเธอ ท่าทีจึงเรียกได้ว่าไม่ได้ดีนัก แต่ตอนนี้หลิงหลานกลับไม่รู้เลยว่า เพราะไม่ว่าเธอจะพูดคุยกับใคร ท่าทีของเธอก็เป็นแบบนี้ตลอด
“ถ้าฉันไม่ใช่คนสวนทั่วไปแล้วยังเป็นใครได้อีกล่ะ? เธอมันเด็กอวดดี ฉันต้องบอกเจ้าเมืองให้ไล่เธอออกไป…” สีหน้าและน้ำเสียงของหลิงหลานที่ไม่อาจเรียกได้ว่ามีมารยาททำให้คนสวนเดือดดาลทันใด
หลิงหลานได้ยินคำพูด คิ้วทั้งสองข้างก็เลิกขึ้น มุมปากยกขึ้นเล็กน้อยพลางกล่าวว่า “คุณไม่ใช่เจ้าเมืองเหรอครับ?” สีหน้าของหลิงหลานในสายตาของคนสวนดูเยาะหยันอย่างชัดเจน ราวกับกำลังพูดว่าเล่นเกมปัญญาอ่อนแบบนี้สนุกนักเหรอ?
สีหน้าของคนสวนพลันเปลี่ยนเป็นดูไม่ได้สุดขีด บันดาลโทสะในใจ แม่งเอ๊ย ไอ้เด็กนี่อวดดีมากเกินไปแล้วจริงๆ ถึงกับกล้าหัวเราะเยาะฉันด้วย ไม่รู้จักเคารพผู้ใหญ่เลยสักนิดเดียว…ดังนั้นความประทับใจของเขาที่มีต่อหลิงหลานจึงดิ่งลงจากธรรมดาไปเป็นติดลบทันที
หลิงหลานที่น่าสงสารคุ้นชินกับการทำหน้าน้ำแข็งนานแล้ว ความจริงแล้วการโค้งขึ้นเล็กน้อยนั้นเป็นสิ่งที่หลิงหลานฝืนเค้นออกมา ก็เพราะหวังว่าเจ้าเมืองจะมีความประทับใจดีๆ ต่อเธอ สามารถมอบภารกิจให้เธออย่างตรงไปตรงมา และไม่ได้ยากมากเกินไป เพียงแต่ความเพียรพยายามของเธอในรอบนี้ถือว่าเสียแรงเปล่าแล้ว อันที่จริงบางครั้งการคิดจะทำเรื่องดีๆ มักจะยิ่งทำให้แย่ลง ก็เหมือนกับหลิงหลานในตอนนี้
คนสวนคล้ายกับไม่อยากมอบภารกิจให้หลิงหลาน ถึงแม้หลิงหลานเปิดโปงสถานะที่แท้จริงของเขาได้แล้ว เขายังคงทำเป็นไม่ได้ยิน เขาเพียงแต่ให้หลิงหลานออกไปจากสวนอย่ารบกวนการทำงานของเขาเท่านั้น
———————–