หลิงหลานมองหุ่นรบมาตรฐานระดับสูงใช้งานในกองทัพที่เก็บมา ความคิดที่เดิมทีเลือนรางในใจพลันกระจ่างแจ้งขึ้นมา เธอรีบติดต่อชีตาห์ บอกความคิดของเธอให้อีกฝ่ายฟังรอบหนึ่ง
หลี่หลานเฟิงได้ยิน แววตาก็เปล่งประกายทันที เขาคิดว่านี่เป็นแผนการที่ยอดเยี่ยม ในขณะที่เห็นด้วย ในใจก็อดลอบภาคภูมิใจไม่ได้ ‘ดูสิ นี่ก็คือเพื่อนของเขา กระต่ายเฉลียวฉลาดมากเหลือเกิน’
ทั้งสองคนเปลี่ยนหุ่นรบของตัวเองเป็นหุ่นรบระดับสูงตามมาตรฐานของในยานรบโดยพลันแล้วค่อยบังคับหุ่นรบให้มาที่หน้าประตูกั้นอากาศ เตรียมตัวลอบเข้าไปภายในยานรบ…
ในขณะที่หลิงหลานกำลังจะสั่งเสี่ยวซื่อให้สังเกตสภาพแวดล้อมของประตูกั้นอากาศว่ามีวี่แววคนอยู่หรือไม่ ทันใดนั้นก็รู้สึกได้ว่าความเร็วในการแล่นของยานรบลดลงในพริบตา ได้ยินเสียงกริ่งแจ้งเตือนดังออกมาจากภายในยานรบแว่วๆ
“เกิดอะไรขึ้น เสี่ยวซื่อ?” หลิงหลานรีบถามเสี่ยวซื่อในห้วงจิตใจ เวลานี้หลิงหลานเหมือนกับคนตาบอด จำเป็นต้องอาศัยเสี่ยวซื่อถึงจะสามารถรู้เรื่องทุกอย่างในโลกภายนอกได้
“ลูกพี่ เรดาร์มีปฏิกิริยา มีวัตถุบินที่ไม่สามารถระบุได้โผล่ขึ้นตรงด้านหน้าห่างจากยานบัญชาการไปสิบกิโลเมตร ตอนนี้ทั่วทั้งยานเข้าสู่การป้องกันฉุกเฉิน ตอนนี้ไม่เหมาะให้พวกเราเคลื่อนไหว” เสี่ยวซื่อรีบตอบ
หลิงหลานได้ยินคำกล่าวของเสี่ยวซื่อก็เตรียมตัวรอคอยสักพัก ส่วนหลี่หลานเฟิงก็รู้เหมือนกันว่าภายในยานรบคล้ายกับเกิดเรื่องขึ้น ดังนั้นพอหลิงหลานเสนอให้รอคอย เขาเลยเห็นด้วยอย่างมาก อยากดูว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่…
……
ฐานที่มั่นซวิ่นหลงที่อยู่ห่างไกลออกไป หลังจากการระเบิดของคลื่นพายุสนามแม่เหล็กเมื่อสักครู่นี้ พวกเขาก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักทันทีว่า ขอให้กองยานรบซวิ่นหลงส่งทีมช่วยเหลือไปยังพื้นที่รอบๆ ดาว X192 เพื่อช่วยเหลือทหารรวมถึงนักผจญภัยที่รอดชีวิตจากในคลื่นพายุสนามแม่เหล็ก
ภายในห้องแห่งหนึ่งในกองบัญชาการของฐานที่มั่นซวิ่นหลง ชายคนหนึ่งที่ถูกเงาดำปกคลุมทั่วทั้งร่างนั่งอยู่บนโซฟาส่งเสียงแหบพร่าที่ฟังออกยากเอ่ยถามกับร่างตรงข้ามเขาที่เป็นเงาสลัวเช่นเดียวกันว่า “D9 นายคิดว่าข้อความแจ้งเตือนนี้มีปัญหาไหม?”
“D1 ในฉากหน้าข้อความแจ้งเตือนนี้ปกติมาก เมื่อเกิดเหตุการณ์การบาดเจ็บล้มตายร้ายแรง ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักต้องแจ้งกองยานรบที่อยู่ใกล้ที่สุดไปช่วยเหลือ และจากที่ฉันรู้มา คลื่นพายุสนามแม่เหล็กของ X193 ก็เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ…” ความจริงแล้ว ภัยธรรมชาติทุกอย่างที่เกิดขึ้นในโลกหุ่นรบคือภัยธรรมชาติในโลกความเป็นจริงที่แสดงออกมาให้สมจริง อันที่จริง ชายแดนวอร์ซอในโลกความจริงก็มีคลื่นพายุสนามแม่เหล็กเกิดขึ้นบนดาวดวงหนึ่งจริงๆ เพียงแต่มันไม่ได้รุนแรงขนาดในโลกหุ่นรบเท่านั้น
D9 กล่าวถึงตรงนี้ก็ชะงักไปแล้วค่อยเอ่ยต่ออย่างเย็นเยียบว่า “และกองยานรบบุกเบิกพื้นที่นั้น เวลานี้ก็น่าจะทำภารกิจอยู่จริงๆ…”
“นายหมายความว่า ไม่ใช่ปัญหาใหญ่?” D1 ที่อยู่ท่ามกลางเงามืดจนไม่สามารถมองเห็นสีหน้าได้ชัดถามกลับด้วยน้ำเสียงที่ไม่บ่งบอกอารมณ์
“ก็ไม่ใช่เหมือนกัน เพราะว่าไม่มีปัญหาอะไรเลยถึงได้มีปัญหามาก…” มุมปากของ D9 เผยความเยาะหยัน “พวกเราแทรกซึมเข้ามา ไม่อาจคลายความระมัดระวังได้ ไม่มีใครรู้ว่า ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบจะพบเจออะไรหรือเปล่า?”
“งั้นจะทำเป็นไม่ได้รับข้อความแจ้งเตือนนี้เหรอ?” D1 ถามต่อ
“ไม่ได้เด็ดขาด อย่างน้อยที่สุดพวกเขาต้องส่งทีมช่วยเหลือเข้าไปตามปกติ ไม่อย่างนั้นออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบจะต้องสงสัยแน่นอน เรายังต้องการเวลาอยู่นิดหน่อย ถึงจะดำเนินแผนการ T ได้สำเร็จ” D9 เอ่ยคัดค้านอย่างตรงไปตรงมา “คลื่นพายุสนามแม่เหล็กรุนแรงขนาดนั้น จากรายงานที่เราได้รับมา โดยพื้นฐานแล้วกองยานรบบุกเบิกไม่มีโอกาสรอดชีวิตเลย…ต่อให้ถ้ามีผู้รอดชีวิต เอาพวกเขามาอยู่ในสายตาเราก็ทำให้เราวางใจได้มากขึ้น”
พอกล่าวถึงตรงนี้แล้ว D9 จึงเอ่ยด้วยความหยิ่งทระนงว่า “ฐานที่มั่นซวิ่นหลงถูกคนของเราวางตาข่ายดักอย่างแน่นหนาแล้ว ไม่มีคนสามารถทำการเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ อะไรได้ในการเฝ้าจับตามองของพวกเรา ถ้าเกิดออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโลกหุ่นรบอยากทำอะไรบางอย่าง ส่งใครมาจริงๆ ละก็ พวกเราสามารถพบได้ทันทีแน่นอน”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็ส่งทีมช่วยเหลือไปเถอะ ฉันก็ไม่อยากให้มีการก่อกวนมากขึ้นก่อนที่แผนการ T จะสำเร็จ” D1 ได้ยินคำกล่าวก็ออกคำสั่งนี้
วันนั้นเอง ยานรบลาดตระเวนลำหนึ่งของฐานที่มั่นซวิ่นหลงได้ออกเดินทางจากฐานที่มั่นไปยังดาว X192 ผ่านไปหนึ่งคืนกับอีกครึ่งวัน ในที่สุดเมื่อยังเหลือระยะทางห่างจากดาว X192 สองในห้า พวกเขาก็ได้เจอกับยานหลักบัญชาการของกองยานรบบุกเบิกพื้นที่ที่ดิ้นรนจากปากประตูความตาย
ยานหลักบัญชาการไม่มีพลังรบเหลือแล้ว ดังนั้นจึงส่งสัญญาณสอบถามในช่องสื่อสารสาธารณะทันที ฝ่ายตรงข้ามตอบสถานะของพวกเขาอย่างรวดเร็วโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว พอรู้ว่าเป็นหน่วยช่วยเหลือจากฐานที่มั่นซวิ่นหลง ผู้ควบคุมหุ่นรบรวมถึงเจ้าหน้าที่ที่รอดชีวิตทั้งหมดในยานหลักต่างอดน้ำตาคลอไม่ได้ เพราะว่าหนึ่งคืนครึ่งวันมานี้ จิตใจของพวกเขาทรมานและกังวลใจมาตลอด พวกเขาไม่รู้ว่ายานหลักที่พังเสียหายไปเจ็ดแปดส่วนที่ตัวเองโดยสารอยู่นี้จะยืนหยัดได้อีกนานเท่าไหร่ ทุกคนไม่อยากกลายเป็นซากในอวกาศเหมือนกับยานรบอื่นๆ
ผู้บัญชาการของยานหลักกับผู้ช่วยของเขาสบตากันแวบหนึ่ง แววตาดูซับซ้อนสุดขีด มีความตื่นเต้น มีความตึงเครียด และยังมีความเย็นชาอยู่ด้วย แต่สีหน้าของพวกเขาสองคนเปลี่ยนเป็นตื่นเต้นยินดีเหมือนกับทหาร NPC ด้านล่างอย่างรวดเร็ว
แต่ถึงยังไงผู้ช่วยผู้บัญชาการก็ยังหนุ่มอยู่ มือของเขาอดกำแน่นขึ้นมาไม่ได้ การเข้าสู่ฐานที่มั่นซวิ่นหลงบ่งบอกว่าภารกิจของพวกเขาจะเริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว
เมื่อเห็นว่ายานหลักไม่สามารถรับรองความปลอดภัยได้จริงๆ ยานลาดตระเวนช่วยเหลือของกองยานรบซวิ่นหลงติดต่อกับฐานที่มั่นแล้วก็ให้บรรดาบุคลากรบนยานหลักบัญชาการอพยพมาอยู่บนยานรบของพวกเขา
ส่วนหลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงได้ฉวยโอกาสตอนที่ทุกคนบนยานหลักสนใจเรื่องการอพยพ ให้เสี่ยวซื่อเปิดประตูกั้นอากาศแล้วแทรกซึมเข้าไปในยานรบอย่างเงียบเชียบ ก่อนจะมาถึงห้องโถงหุ่นรบส่วนกลางตามการบอกทางของเสี่ยวซื่ออย่างรวดเร็ว
เวลานี้สายตาของทุกคนให้ห้องโถงหุ่นรบต่างเพ่งไปยังท่าปล่อยหุ่นรบสองแห่งของที่นี่ ผู้ควบคุมหุ่นรบที่รอดชีวิตมาห้าสิบหกสิบคนกำลังเข้าแถวออกไปจากท่าปล่อยหุ่นรบสองแห่งนั้น บินอพยพไปยังยานรบช่วยเหลือ หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงต่อแถวอยู่ด้านหลังสุดของท่าปล่อยหุ่นรบหนึ่งในนั้นอย่างเงียบงัน
เดิมทีผู้ควบคุมหุ่นรบที่อยู่ด้านหลังสุดสังเกตเห็นว่าจู่ๆ มีหุ่นรบใหม่มาที่ด้านหลังตนเลยหันหน้ามามองพวกเขาสองคนด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ได้เกิดความสงสัย ถึงอย่างไรหุ่นรบที่หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงบังคับอยู่ตอนนี้คือหุ่นรบมาตรฐานระดับสูงที่มีเฉพาะยานหลักของพวกเขา (หน้าอกหุ่นรบมีสัญลักษณ์ของยานรบ) มากสุดเขาก็สงสัยว่าทำไมพวกเขาสองคนถึงได้ชักช้าขนาดนี้ แต่นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของคนอื่น ผู้ควบคุมหุ่นรบคนนี้ไม่ได้เก็บเอามาใส่ใจ
เมื่อเห็นผู้ควบคุมหุ่นรบแค่มองมา ไม่ได้ถามอะไร หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงค่อยถอนหายใจยกใหญ่ด้วยความโล่งอก รู้ว่าแผนการลอบแทรกซึมของพวกเขาสำเร็จแล้ว ไม่นาน พวกเขาก็ถูกปล่อยออกมาจากยานหลัก บินไปยังท่าปล่อยหุ่นรบแห่งหนึ่งของยานลาดตระเวน หลังจากที่ไปถึงห้องโถงหุ่นรบอย่างปลอดภัยแล้ว พวกเขาก็บังคับหุ่นรบเข้าไปยังบูสเตอร์ซีทที่จัดไว้ให้พวกเขาอย่างแม่นยำภายใต้คำบอกของเจ้าหน้าที่ หลังจากนั้นพวกเขาก็อยู่ในหุ่นรบอย่างเงียบกริบ ไม่ได้เลือกออกจากหุ่นรบ
บรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบของยานลาดตระเวนซวิ่นหลงเห็นดังนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมาย เนื่องจากผู้ควบคุมหุ่นรบที่อพยพเข้ามามากมายต่างมีท่าทีแบบนี้ การรอดพ้นจากภัยพิบัติทำให้อารมณ์ตึงเครียดของผู้ควบคุมหุ่นรบเหล่านี้ผ่อนคลายลง ผู้ควบคุมหุ่นรบมากมายเข้าสู่บูสเตอร์ซีทแล้วก็หมดสติไปทันที มีเพียงผู้ควบคุมหุ่นรบจำนวนน้อยนิดไม่กี่คนที่จิตใจเข้มแข็งปีนออกจากหุ่นรบอย่างเอื่อยๆ แล้วพูดคุยกับเจ้าหน้าที่หรือว่าผู้ควบคุมหุ่นรบของยานซวิ่นหลง
หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงดูเหมือนกับจมสู่การหลับใหลเช่นเดียวกัน เจ้าหน้าที่ของยานรบซวิ่นหลงเห็นดังนั้นก็ไม่ได้เข้ามารบกวนพวกเขาด้วยความเกรงใจ แต่ความจริงแล้ว เวลานี้หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงกำลังพูดคุยกันอย่างคึกคักในหุ่นรบของพวกเขา
เดิมทีหลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงสับเปลี่ยนหุ่นรบแล้ว ช่องสื่อสารทีมที่ตั้งค่าไว้แต่เดิมจึงใช้การไม่ได้ แต่เสี่ยวซื่อคือตัวตนระดับไหน พริบตาเดียวเขาก็ช่วยหลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงสร้างช่องสื่อสารที่ใช้เฉพาะพวกเขาสองคนขึ้นมาอย่างลับๆ
“ไม่รู้ว่าพวกเก๋อโต้วก็เข้ามาในยานลำนี้แล้วเหมือนกันหรือเปล่า? จะอยู่ในห้องโถงหุ่นรบนี้ไหมนะ?” หลี่หลานเฟิงกวาดตามองรอบด้านทีหนึ่งซึ่งทั้งหมดต่างเป็นหุ่นรบแบบเดียวกัน จากนั้นก็อดส่ายหน้าไม่ได้ เขาไม่สามารถตามหาสมาชิกทีมจากในหมู่หุ่นรบที่เหมือนกันเหล่านี้ได้จริงๆ
“ขอเพียงพวกเขายังมีชีวิตอยู่จะต้องหาเจอแน่นอน ไม่ต้องร้อนใจหรอก” หลิงหลานกลับใจเย็นมาก เธอยังคงมีความเชื่อมั่นต่อพวกฉีหลงมากๆ พวกเขาเคยเข้าร่วมกลุ่มผจญภัยมาก่อน ไม่มีทางลำบากเพราะเรื่องเล็กๆ แบบนี้แน่นอน นอกจากนี้นี่ก็เป็นการทดสอบของเธอต่อพวกเขาด้วยว่า พวกเขาสามารถอาศัยกำลังของตัวเองเอาชีวิตรอดต่อไปได้โดยที่ไม่มีการคุ้มกันอย่างเต็มกำลังของเธอหรือเปล่า
……….
เวลานี้เอง ในห้องโถงหุ่นรบอีกแห่งของยานรบซวิ่นหลง เซี่ยอี๋สร้างความสัมพันธ์ดีๆ กับเจ้าหน้าที่ของที่นี่แล้ว เขากลับมาที่ในหมู่เพื่อนร่วมทีมด้วยใบหน้ายิ้มแย้มเต็มเปี่ยม ก่อนจะแบ่งปันข้อมูลที่ได้ยินมาให้กับพวกเพื่อนร่วมทีม
พวกฉีหลงเจ็ดคนไม่ได้อยู่ในหุ่นรบ นั่นเป็นเพราะตอนนี้พวกเขาสวมชุดเครื่องแบบที่เหมือนกับทหาร NPC ของสหพันธรัฐ ไม่ได้เป็นชุดเครื่องแบบที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของพวกเขา
โชคดีที่ตอนคลื่นพายุสนามแม่เหล็กเกิดการระเบิดอย่างรุนแรงปกคลุมส่วนหางของยานรบ ฉีหลงกับลั่วล่างได้พุ่งเข้าไปที่ส่วนด้านในของยานรบทันทีอย่างเข้าขารู้ใจกันมาก คว้าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษที่ยังไม่ทันได้สติมาขวางไว้เบื้องหน้าทีมของพวกเขา เป็นโล่ป้องกันของพวกเขาโดยไม่ลังเล อีกฝ่ายสกัดพลังของคลื่นพายุสนามแม่เหล็กส่วนใหญ่ไว้ให้พวกเขา และก็ทำให้พวกเขาผ่านพ้นวิกฤติครั้งนั้นไปได้อย่างปลอดภัย (แน่นอนว่าพวกฉีหลงไม่รู้ว่าการที่พวกเขาสามารถรอดชีวิตมาได้เป็นเพราะหลิงหลานขวางพลังของคลื่นพายุสนามแม่เหล็กส่วนใหญ่ไว้แล้ว ไม่อย่างนั้นอาศัยแค่หุ่นรบระดับพิเศษตัวเดียวก็ไม่สามารถทำให้พวกเขารอดชีวิตได้กันหมด…)
จุดจบของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษย่อมน่าอนาถมาก เขาถูกพลังของคลื่นพายุสนามแม่เหล็กที่หลงเหลืออยู่ทำลายทิ้งทันที นี่ก็เป็นเพราะว่าอีกฝ่ายได้สติไม่ทัน เปิดใช้งานมาตรการป้องกันช้าไปครึ่งวินาที และเป็นเพราะช่วงเวลาครึ่งวินาทีนี้เอง ผู้ควบคุมหุ่นรบด้านในจึงไม่สามารถทนพลังของพายุสนามแม่เหล็กไปได้และเสียชีวิตไปทันที
การกระทำอย่างต่ำช้าเด็ดขาดของฉีหลงกับลั่วล่างทำให้จีอู๋ปู้ซิวกับหลี่ซื่ออวี๋ที่เพิ่งเข้าร่วมทีมอดใจสั่นไม่ได้ โดยเฉพาะหลี่ซื่ออวี๋ ในที่สุดเขาก็พบว่าทีมที่เขาเข้าร่วมนี้ ไม่เพียงมีหัวหน้าทีมหน้าเนื้อใจเสือไร้ยางอายแล้ว สมาชิกทีมของเขาก็ไม่ใช่คนดีอะไรเหมือนกัน…ถ้าเกิดเป็นเขาละก็ คงทำเรื่องเอาคนบริสุทธิ์มาเป็นโล่ไม่ได้แน่นอน…
แต่สติของหลี่ซื่ออวี๋กลับยอมรับว่า การตัดสินใจของฉีหลงกับลั่วล่างถูกต้องแล้ว เพราะว่าการตัดสินใจของพวกเขาทำให้ทีมของพวกเขารอดชีวิตต่อไปได้ หลี่ซื่ออวี๋ไม่ลืมว่า ตอนที่คว้าหุ่นรบระดับพิเศษนั้น ฉีหลงผลักเขากับจีอู๋ปู้ซิวไปที่ด้านหลังสุดทันที ส่วนอีกสามคนที่เหลือก็ร่วมมือกับพวกฉีหลงและลั่วล่างอย่างดีเยี่ยมมาก รีบขวางอยู่เบื้องหน้าพวกเขาไว้ พูดอีกอย่างก็คือ ขอเพียงพวกเขาห้าคนเสียชีวิตกันหมดถึงจะเป็นตาของเขากับจีอู๋ปู้ซิว
หลังจากจบเรื่อง อารมณ์ของหลี่ซื่ออวี๋ก็สับสนอย่างยิ่งยวด เขาตกตะลึง ว้าวุ่นใจ ละอายใจ แต่ที่มากกว่านั้นกลับเป็นซาบซึ้งใจ ตำหนิฉีหลงกับลั่วล่างไม่ออกไปชั่วขณะ…บางทีนี่อาจจะเป็นมิตรภาพของเพื่อนร่วมรบ หัวใจของหลี่ซื่ออวี๋พลันสั่นคลอน พบว่าเขารู้สึกชอบบ้างแล้ว
———————–