เวลานี้ภายในอีกห้องหนึ่ง หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงที่ลงทะเบียนเสร็จแล้วกำลังนอนหลับตาพักผ่อนอยู่บนเตียง
ผ่านไปไม่นาน หลิงหลานได้รับข้อความสั้น เธอเปิดออก จากนั้นก็ตื่นเต้นมาก วินาทีถัดมาเธอเตะหลี่หลานเฟิงบนเตียงชั้นบนโดยไม่เกรงใจงทีหนึ่ง
หลี่หลานเฟิงสัมผัสได้ถึงแรงมหาศาลที่ส่งมาจากเตียงก็ลุกขึ้นมานั่งด้วยความตกใจ ยังไม่ทันสอบถามหลิงหลานที่อยู่เตียงชั้นล่างว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ก็ได้ยินหลิงหลานกล่าวว่า “มีข่าวของพวกหมายเลขสองแล้ว รีบเก็บของเร็วเขา เราจะไปหาพวกเขา”
หลี่หลานเฟิงตาเป็นประกาย ก่อนจะสวมเสื้อคลุมแล้วกระโดดลงจากเตียง เดินตามหลิงหลานไปยังสถาที่ที่ฉีหลงอยู่
สาเหตุที่หลิงหลานได้รับข่าวเร็วขนาดนี้ ไม่ใช่เพราะความสามารถของเสี่ยวซื่อ แน่นอนว่าถ้าเกิดข้อมูลของของพวกฉีหลงถูกลงทะเบียนแล้ว เสี่ยวซื่อที่ซุ่มอยู่ในเครือข่ายของฐานที่มั่นซวิ่นหลงย่อมได้รับข่าวตั้งแต่วินาทีแรก แต่เพื่อให้ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติ ดังนั้นหลิงหลานจึงติดสินบนเจ้าหน้าที่ฝ่ายพลาธิการของฐานที่มั่นซวิ่นหลงตอนที่ลงทะเบียน แน่นอนว่าเธอยังให้หลี่หลานเฟิงใช้ความสามารถที่ได้รับความรู้สึกดีๆ จากคนรอบข้างโดยธรรมชาติของเขามาปรับระดับความรู้สึกประทับใจของอีกฝ่ายอย่างสุดความสามารถ ทำให้อีกฝ่ายตกปากรับคำอย่างราบรื่น
อันที่จริง ตอนที่ข้อมูลของพวกฉีหลงเพิ่งจะลงทะเบียนนั้น เสี่ยวซื่อได้บอกหลิงหลานแล้ว เพียงแต่หลิงหลานสงบนิ่งมาก ยังนอนอยู่บนเตียงทำเหมือนไม่รู้อะไรเลย จนกระทั่งเธอได้รับข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลาธิการคนนี้ส่งมาถึงค่อยแสร้งทำเป็นตื่นเต้น
แน่นอนว่าอีกฝ่ายทำเรื่องเหล่านี้ก็ไม่ได้ละเมิดกฎระเบียบอะไรของฐานที่มั่น ถึงอย่างไรพวกหลิงหลานแค่อยากหาเพื่อนร่วมรบที่กระจัดกระจายไปเท่านั้น ไม่ได้อยากล้วงลึกความลับของฐานที่มั่น ยิ่งไปกว่านั้นในฐานที่มั่นซวิ่นหลงเวลานี้ ไม่ได้มีแค่ทางหลิงหลานเท่านั้นที่มีปรากฏการณ์แบบนี้ มีทหารมากมายที่กระจัดกระจายจากทีมเดิมเพราะสาเหตุนั่นโน่นนี่ได้ยืนคำขอเหล่านี้เช่นเดียวกัน ทว่าในขณะที่หลิงหลานยื่นคำขอ เธอได้มอบค่าตอบแทนเล็กๆ น้อยๆ เพิ่มให้ด้วย
รางวัลนี้เรียบง่ายมาก เป็นแค่เหล้าดีกรีแรงที่หลิงหลานพกไว้ใช้ยามฉุกเฉิน หลิงหลานรู้แต่แรกแล้วว่างานอดิเรกของหมอนี่ก็คือการดื่มเหล้าภายใต้การช่วยเหลือของเสี่ยวซื่อ
ทำไมหลิงหลานมีเหล้าแรงติดตัวน่ะเหรอ แค็กๆ ความจริงแล้วนี่ก็เป็นนิสัยของหลิงหลานที่ตกค้างจากการนอนป่วยในชาติก่อน เธอที่ชินว่าต้องใช้เหล้าแรงมาฆ่าเชื้อบาดแผล ปรับตัวเข้ากับวิธีการของโลกใบนี้ไม่ได้เลยจริงๆ ที่ไม่จัดการอะไรเลย ใช้แค่ยารักษาพ่นลงไปโดยตรงก็เสร็จแล้ว
จิตใจของหลิงหลานยังคงมีหวาดกลัวต่อวิธีการรักษาแบบนี้อยู่บ้างมาโดยตลอด ถ้าเกิดมีโรคบาดทะยักอะไรทำนองนี้ ไม่ใช่เป็นการรนหาที่ตายเหรอ? ดังนั้นในกระเป๋าของเธอจึงใส่เหล้าดีกรีแรงไว้หลายขวดด้วยความเคยชิน ถ้าเกิดได้รับบาดเจ็บโดยไม่คาดคิด ก็จะเปิดเหล้าสักขวดมาฆ่าเชื้อแล้วค่อยพ่นยารักษาลงไป…
ถึงแม้พวกฉีหลงไม่เข้าใจนิสัยเคยชินแบบนี้ของหลิงหลาน แต่ก็ไม่ได้ไปซักถาม พวกเขาแค่แอบเดาว่า ลูกพี่ชอบดื่มเหล้า แต่ผู้ปกครองไม่เห็นด้วยถึงได้หาเหตุผลที่ไม่สมเหตุสมผลแบบนี้มาหรือเปล่า?
พูดได้แค่ว่า ของบางอย่างกลายเป็นนิสัยเคยชินของหลิงหลานไปแล้ว อยากจะเปลี่ยนก็เปลี่ยนไม่ได้ไปชั่วขณะ ดังนั้นหลิงหลานเลยกลายเป็นคนชอบดื่มเหล้าในสายตาของลูกทีมไปแล้วโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
และในตอนที่หลิงหลานหยิบเหล้าแรงๆ ออกมาส่งให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลาธิการอย่างเงียบเชียบ หลี่หลานเฟิงก็อดลอบกุมขมับตัวเองไม่ได้เช่นกัน สงสัยว่าหลิงหลานเป็นกระต่ายชอบดื่มเหล้าหรือเปล่า ดังนั้นถึงได้นึกวิธีใช้เหล้าแรงมาติดสินบนได้
อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะเหตุผลอะไร สรุปแล้ว สินบนที่หลิงหลานมอบให้ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายพลาธิการคนนั้นพออกพอใจมากเหลือเกิน ผลที่ได้มาก็คืออีกฝ่ายให้ความร่วมมือดีเยี่ยมมาก แทบจะตอบในทันที นี่ทำให้หลี่หลานเฟิงอุทานด้วยความชื่นชมอีกครั้ง การกระทำของหลิงหลานที่ดูเหมือนซี้ซั้ว แต่ได้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยม
ทั้งสองคนหาจุดพักผ่อนของพวกฉีหลงเจออย่างรวดเร็ว ก่อนจะเคาะประตู
คนที่เปิดประตูยังคงเป็นหยางอีหลง ใครใช้ให้เขานอนอยู่บนเตียงที่ใกล้กับประตูมากที่สุดล่ะ เขาเปิดประตูออกดูก่อนจะพบคนแปลกหน้าสองคนเลยถามว่า “พวกคุณมาหาใคร?”
“พวกหลัวอิงอยู่ที่นี่หรือเปล่าครับ?” หลิงหลานเอ่ยถามอย่างเย็นชา สายตาที่เย็นชานั้นทำให้หยางอีหลงรู้สึกความหนาวเหน็บจู่โจมเข้าที่หัวใจ เขารีบหลบเข้าไปด้านใน ตะโกนว่า “ร้อยเอกหลัว มีคนมาหาครับ”
แววตาของฉีหลงวาวโรจน์เมื่อได้ยินคำกล่าว เขากระโดดลงมาจากเตียงชั้นบนโดยพลัน ก้าวเท้าแค่สองสามก้าวก็มาถึงหน้าประตู พอเห็นดวงหน้าที่ดูคุ้นเคยของลูกพี่ตน เขาพลันตื่นเต้นมาก “หัวหน้า ในที่สุดนายก็มา”
เสียงร้องคำว่าหัวหน้าของฉีหลงทำให้คนอื่นๆ ในห้องเด้งตัวขึ้นด้วยความตื่นเต้นแล้วทยอยกันวิ่งออกมา
หยางอีหลงเห็นดังนั้นก็ลอบพูดไม่ออก แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกที่คนหน้าประตูมอบให้เขา ในใจก็รู้ชัดเจนว่าทำไมสมาชิกทีมหุ่นรบเหล่านี้ถึงได้ตื่นเต้นกันขนาดนี้ และก็มีเพียงคนแบบนั้นถึงจะสามารถทำให้ทหารหุ่นรบที่เย่อหยิ่งกลุ่มนี้ศิโรราบได้ แค่แววตานั้น หยางอีหลงก็รู้ว่าหัวหน้าทีมคนนั้นต้องเป็นยอดฝีมือแน่นอน เนื่องจากเขาเคยสัมผัสแรงกดดันแบบนั้นได้จากบนตัวหัวหน้าของหน่วยรบเหลยกวงเหมือนกัน
เมื่อเห็นเพื่อนอีกสองคนชะโงกหัวสอบถามเขาว่าอีกฝ่ายเป็นใคร หยางอีหลงลอบส่งสัญญาณว่าอย่าพูดมาก นอนหลับต่อไปไม่ต้องรบกวนพวกเขา
สำหรับทหารฝ่ายพลาธิการหุ่นรบอย่างพวกเขาแล้ว บุคคลระดับหัวหน้าทีมคือตัวตนที่อยู่สูงมาก เขาไม่อยากทำให้หัวหน้าทีมคนนั้นไม่พอใจ
พวกฉีหลงทยอยกอดหลิงหลานทีละคนด้วยความตื่นเต้น หลังจากนั้นค่อยมองไปยังดวงหน้าคุ้นเคยที่เอาแต่ยิ้มแย้มตลอดยืนอยู่ข้างกายหลิงหลาน นอกจากจีอู๋ปู้ซิวแล้ว คนอื่นๆ อดตกตะลึงไม่ได้ โดยเฉพาะหลี่ซื่ออวี๋ หน้าของแข็งทื่อไปชั่วขณะ
หลี่หลานเฟิงเห็นแบบนั้นก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มเจื่อนว่า “หมายเลขแปด ตอนนั้นเพราะว่าฉันอิจฉาก็เลยวางแผนแย่งตำแหน่งติดตามหัวหน้าของนายมา ฉันทำผิดต่อนายแล้ว หายนะครั้งใหญ่นี้ทำให้ฉันรู้แล้วว่า ฐานะ ระดับอะไรต่างไม่สำคัญเลย สิ่งสำคัญที่สุดคือพวกเพื่อนๆ นายให้อภัยฉันด้วยนะ”
หลี่ซื่ออวี๋ได้ยินคำพูดก็ได้แต่แค่นเสียงเหอะ หันหน้าไปอีกทางโดยไม่พูดอะไร เขารู้ว่าสีหน้าของตัวเองผิดปกติอยู่บ้าง ถ้าเกิดมีอุปกรณ์วงจรปิดกำลังจับภาพอยู่ละก็ เกรงว่าคงปรากฏพิรุธออกมาแล้ว หลี่หลานเฟิงกำลังช่วยเขาปกปิดอย่างไม่ต้องสงสัย เพียงแต่เขาไม่ชินกับการแสดงละคร ไม่รู้ว่าควรจะรับมืออย่างไร
เซี่ยอี๋เห็นแบบนั้นก็รั้งแขนของหลี่ซื่ออวี๋ไว้และพูดว่า “พวกเขารอดชีวิตมาได้ก็คือความโชคดีแล้ว ยังไปนึกถึงเรื่องก่อนหน้านี้ทำไมเล่า นายว่าจริงไหมล่ะ หมายเลขแปด”
หลี่ซื่ออวี๋เห็นทุกคนมองเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม เขาก็ได้แต่ทำหน้าหนาตอบว่า “ช่างเถอะ เรื่องเมื่อก่อนก็ไม่ต้องพูดถึงแล้ว”
หลี่หลานเฟิงค่อยถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขาเดินขึ้นหน้าก่อนจะกอดหลี่ซื่ออวี๋ฉับพลัน กล่าวว่า “ขอบคุณที่นายเข้าใจและยกโทษให้นะ…” มีเพียงหลี่หลานเฟิงที่รู้ว่า ตอนที่เขาเอ่ยคำพูดนี้ เขาไม่ได้แสดงอยู่…เขาหวังจริงๆ ว่าสักวันหนึ่งในอนาคต หลี่หลานเฟิงสามารถเอ่ยคำพูดประโยคนี้กับอีกฝ่ายได้เหมือนกัน แต่หลี่หลานเฟิงก็รู้ว่า นี่อาจจะเป็นความเพ้อฝันของเขา
หลิงหลานเห็นดังนั้นก็ตบมือทันใดและเอ่ยว่า “ฝังความแค้นในอดีตได้ก็ดีแล้ว ต่อไปต้องสามัคคีกันเข้าไว้ อย่าขัดแย้งกันเองอีกล่ะ” คำพูดของหลิงหลานประกาศว่าเรื่องนี้สิ้นสุดลงเพียงเท่านี้ ทุกคนต้อนรับหลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงเข้ามาในห้องอย่างตื่นเต้นระคนยินดี
ส่วนหลี่หลานเฟิงก็รั้งตัวหลี่ซื่ออวี๋ไว้ ทั้งคู่นั่งอยู่บนเตียงของหลี่ซื่ออวี๋ แล้วกระซิบกระซาบกัน ดูเหมือนพวกเขาฝังความแค้นในอดีตได้จริงๆ
มีเพียงตัวหลี่หลานเฟิงที่รู้ว่า เขาที่ดูสงบนิ่งนั้น ความจริงแล้วภายในใจของเขายังคงตกตะลึงมาก เมื่อเขาเห็นหลี่ซื่ออวี๋ ต่อให้เขาที่เชี่ยวชาญด้านการเสแสร้งก็แทบจะเผลอหลุดเหมือนกัน เนื่องจากหลิงหลานที่น่าตายนี้ไม่ได้บอกเขาก่อนล่วงหน้าเลยว่า หลี่ซื่ออวี๋จากตระกูลของเขาก็เข้าร่วมหน่วยรบของเขาด้วยเหมือนกัน
พอเห็นหลี่ซื่ออวี๋ทำหน้าใสซื่อบริสุทธิ์ หลี่หลานเฟิงก็อดลอบถอนหายใจไม่ได้ ตระกูลหลี่ของพวกเขาติดหนี้หลิงหลานอะไรกันแน่นะ ไม่เพียงแค่เขาที่เข้าร่วม กระทั่งหลี่ซื่ออวี๋ที่ไม่สามารถเข้าร่วมหน่วยรบก็เข้าร่วมด้วย…แต่ในใจเขากลับเริ่มภาคภูมิใจอย่างควบคุมไว้ไม่อยู่ อย่างที่คิดไว้เลย กระต่ายสามารถทำเรื่องที่คนอื่นทำไม่ได้จริงๆ
ถ้าหากอนาคตมีความช่วยเหลือของกระต่ายละก็ เขาจะหลุดพ้นจากสิ่งที่เรียกว่าโชคชะตาได้เหมือนกันหรือเปล่านะ…แววตาของหลี่หลานเฟิงไหววูบ แต่เขาก็เก็บงำอารมณ์อย่างรวดเร็ว โยนความคิดโง่เง่าของตัวเองทิ้งไป เขาไม่อาจทำร้ายกระต่ายได้แน่นอน หากคิดจะเปลี่ยนแปลงโชคชะตา จำเป็นต้องจ่ายค่าตอบแทนที่แสนสาหัส ตอนนั้นคุณปู่จูเก่อก็พูดชัดเจนแล้วว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าค่าตอบแทนนี้คือชีวิตของเขา
ถึงแม้ปากของหลี่หลานเฟิงกำลังพูดคุยกับหลี่ซื่ออวี๋ แต่ในสมองกลับหวนนึกถึงตอนที่เขากับหลิงหลานเห็นโฉมหน้าที่แท้จริงในโลกเหมือนจริงเมื่อไม่นานมานี้
พอถึงฐานที่มั่นซวิ่นหลงแล้ว หลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงจำเป็นต้องออกจากหุ่นรบ แน่นอนว่าพวกเขาดูสบายกว่าพวกฉีหลง เนื่องจากหลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงต่างเป็นตัวตนมหัศจรรย์อย่างหนึ่งในโลกเสมือนจริง เนื่องจากหลิงหลานมีเสี่ยวซื่อ หลิงหลานเลยเปลี่ยนจากชุดเครื่องแบบควบคุมหุ่นรบที่พลเมืองสวมแต่เดิมมาเป็นชุดเครื่องแบบควบคุมหุ่นรบที่กองทัพใช้อย่างเป็นทางการ ส่วนหลี่หลานเฟิงก็เป็นผีซวี ถึงแม้เขาไม่สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าที่กำหนดไว้ของโลกเสมือนจริงได้โดยตรง แต่เขาสามารถทำการปลอมแปลงได้ ดังนั้นเมื่อทั้งสองคนลงจากหุ่นรบก็เลยไม่มีพิรุธอะไร ไม่มีความแตกต่างจากผู้ควบคุมหุ่นรบคนอื่นๆ เลยสักนิดเดียว
อย่างไรก็ตาม เมื่อหลิงหลานกับหลี่หลานเฟิงออกจากหุ่นรบเจอหน้ากันครั้งแรกก็แทบจะทำให้หลี่หลานเฟิงเผยพิรุธออกมา ถ้าหากไม่ใช่เพราะความสามารถผีซวีที่ปกปิดสีหน้าของเขาไว้เหมือนกันละก็ สีหน้าตกตะลึงของเขาย่อมทำให้คนข้างๆ สังเกตเห็นปัญหาแน่นอน
ทว่าหลิงหลานทำหน้าเย็นชามานานแล้ว ต่อให้เห็นหลี่หลานเฟิงก็ไม่ได้สูญเสียการควบคุม
“….ลูกพี่!” หลี่หลานเฟิงกลืนคำว่าหลานในลำคอ พูดแค่คำว่าลูกพี่สองคำเท่านั้น ดูเหมือนกับทักทายลูกพี่ที่เป็นหัวหน้าตนก็ไม่ปาน
“หมายเลขเก้า ตามมาสิ” สายตาเย็นเยียบของหลานแฝงคำเตือนไว้อย่างลับๆ ถึงแม้คนอื่นๆ มองไม่เห็นสีหน้าของหลี่หลานเฟิง แต่บางทีอาจเป็นเพราะเธอคุ้นเคยกับชีตาห์มากเกินไป ดังนั้นหลิงหลานยังสัมผัสได้ว่าหลี่หลานเฟิงสูญเสียการควบคุม
แววตานี้ทำให้หัวใจที่เดิมทีตกตะลึงกระสับกระส่ายของหลี่หลานเฟิงสงบลงทันที เขาก้มหน้าตบหน้าผากของตัวเองเบาๆ ลอบโกรธเคืองความหวั่นไหวของตัวเอง ต่างฝ่ายต่างไม่รู้เบื้องลึกของกันและกัน แต่หลิงหลานยังคงสงบนิ่งมาก ทางด้านจิตใจ เขายังสู้กระต่ายที่อ่อนกว่าเขาสามปีไม่ได้เลย นี่ทำให้เขาอับอายอยู่บ้าง
เวลานี้หลี่หลานเฟิงไม่ได้แปลกใจแล้วว่าทำไมหลิงหลานที่อายุแค่สิบขวบสามารถเข้าไปในโลกหุ่นรบได้ หลิงหลานที่สามารถปลอมแปลงตัวตนได้เหมือนกับเขาคือผีซวีเหมือนกับเขาอย่างไม่ต้องสงสัย และสิ่งที่เรียกว่าการปิดผนึกและขอบเขตจำกัดใดๆ ในโลกเสมือนนั้นไม่มีผลกับผีซวีเลย พวกมันไม่สามารถขวางกั้นการเข้าออกของพวกเขาได้ ดังนั้นหลิงหลานถึงสามารถเข้าสู่โลกหุ่นรบได้ตอนสิบขวบ นี่สมเหตุสมผลทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม หลี่หลานเฟิงถอนหายใจอีกครั้ง ความสามารถผีซวีของหลิงหลานที่อายุสิบขวบแข็งแกร่งจนทำให้จับสังเกตไม่ได้เลย มิน่าล่ะ ตอนนั้นพวกเขาถึงมีวาสนากันขนาดนั้น ต่อให้เขาเข้าไปในห้องโถงฝึกฝนหุ่นรบก่อน กระต่ายก็สามารถมาถึงห้องโถงฝึกฝนที่เขาเลือกได้อย่างแม่นยำ พอมาคิดตอนนี้ หลิงหลานต้องใช้ความสามารถผีซวีหาทิศทางของเขาเจอแน่นอน
นี่เป็นการยืนยันใช่ไหมว่า ตอนนั้นกระต่ายก็ให้ความสำคัญกับเขามากเหมือนกัน ดังนั้นถึงได้ใช้ความสามารถผีซวีตามหาตำแหน่งของเขาแล้วแสร้งทำเป็นบังเอิญเจอ?
หลี่หลานเฟิงรู้สึกอบอุ่นในใจ ดูเหมือนว่าตอนนั้นไม่ใช่เขามอบมิตรภาพเพียงฝ่ายเดียว ถ้าเกิดตอนนั้นเขากล้าบอกสถานะตัวตนที่แท้จริงให้หลิงหลานละก็ บางทีตอนนี้พวกเขาอาจจะเป็นเพื่อนสนิทที่รู้ใจกันมากที่สุด เขาคงไม่ถูกจัดลำดับอยู่ด้านหลังเพื่อนคนอื่นๆ ของกระต่าย
เวลานี้ในใจหลี่หลานเฟิงอดผุดความเสียใจขึ้นมาไม่ได้ แต่มันก็ถูกเขาสะกดไว้ทันที เพราะเขาไม่คิดว่าตอนนี้สายเกินไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้เอง ถึงแม้ในใจของหลี่หลานเฟิงจะรู้สึกไม่สบอารมณ์เล็กน้อย แต่เขายังคงยอมรับหลิงหลาน ถึงอย่างไรหลิงหลานก็อายุน้อยกว่าเขาสามปี แต่กระต่ายเป็นตัวตนที่แข็งแกร่ง เป็นผู้แข็งแกร่งที่เขานับถือในใจมาตลอด ดังนั้นช่องว่างเล็กๆ น้อยๆ บางอย่างนี้จึงเป็นเรื่องที่ปกติอย่างยิ่งยวด แต่ว่าสิ่งเหล่านี้ต่างเป็นเรื่องเล็ก หลี่หลานเฟิงไม่มีทางตัดใจทอดทิ้งกระต่ายที่เขาคิดถึงและตามหามาตลอดเจ็ดปีได้ลงคอ
ส่วนหลิงหลานพอรู้สถานะตัวตนที่แท้จริงของชีตาห์ ความคิดแรกก็คือ อย่างที่คิดเอาไว้เลย ชีตาห์อันตรายมากๆ ความคิดที่สองก็คือ ชีตาห์ไม่ใช่คนดีจริงๆ!
อย่างไรก็ตาม หลิงหลานไม่สนใจ ขอเพียงชีตาห์ปฏิบัติต่อเธอด้วยความจริงใจ ขอเพียงเขาไม่ทำร้ายพวกเพื่อนๆ ของเธอ เธอก็ไม่สนว่าอนาคตชีตาห์จะทำเรื่องเลวร้ายอะไรบ้าง เธอยินดีเก็บตำแหน่งในหน่วยรบให้ชีตาห์
แน่นอนว่าตอนนี้สถานะของหลี่หลานเฟิงในใจหลิงหลานก็มีเพียงแค่นี้เท่านั้น ถ้าหากเป็นพวกฉีหลงอยากทำเรื่องเลวร้ายอะไรละก็ หลิงหลานย่อมม้วนแขนเสื้อ ลงมือวางแผนให้ความช่วยเหลือเอง
เอาเถอะ ราชินีหลิงหลานของพวกเราไม่มีสิ่งที่เรียกว่าความยุติธรรมจริงๆ เธอแค่อยากดูแลลูกน้องที่เชื่อใจและยินดีติดตามเธอเหล่านี้ให้ดีเท่านั้น นอกจากนี้เธออยากอบรมสั่งสอนพวกเขาให้กลายเป็นยอดฝีมือในด้านของตัวเอง
—————————–