ภายในห้องลับอีกแห่งหนึ่ง D2 ที่กำลังออกคำสั่งให้พวกแฮคเกอร์ดำเนินการแผน T อย่างสุดความสามารถเห็นฉากนี้เข้า เขาก็อดร้องตกใจขึ้นมาไม่ได้ “เขาไม่ใช่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูง เขาต้องเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแน่นอน…”
คนที่นั่งอยู่ข้างกาย D2 หรือก็คือ D3 หลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาจากหน้าผาก เอ่ยเตือนด้วยความร้อนใจว่า “เร็วเข้า รีบแจ้ง D1 ส่งผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาของเราให้เข้ามาทันที ไม่อย่างนั้นอาศัยแค่ทหารหุ่นรบของที่นี่เพียงอย่างเดียว ขัดขวางเขาไว้ไม่ได้”
D2 ได้สติจากคำเตือนของ D3 โดยพลัน แผนการ T ใกล้จะสำเร็จแล้ว ถ้าเกิดถูกอีกฝ่ายทะลวงมาถึงที่นี่ละก็ ความพยายามที่พวกเขาทุ่มเทมาตลอดก็เสียเปล่าแล้ว ดังนั้นเขาจึงรีบติดต่อ D1 แต่ข่าวที่ได้รับคือ การต่อสู้ตรงกับดับทางฝั่งนั้นตกสู่สภาพชะงักงันแล้ว ที่นั่นก็มีผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาที่ใกล้จะถึงระดับราชันอย่างไร้ที่สิ้นสุดปรากฏตัวขึ้นมาหนึ่งคนเช่นกัน และผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาของพวกเขากำลังต่อสู้กับอีกฝ่ายแล้ว
“ต้องถ่วงเวลาไว้ให้ได้” D2 เห็นทีมของหลิงหลานจัดการหุ่นรบไปอีกสี่ห้าตัวก็รู้ว่าไม่อาจลังเลได้อีก จึงส่งหุ่นรบที่เหลืออยู่อีกสองทีมเข้าไปอย่างเด็ดขาด
“ยังเหลือเวลาอีกเท่าไหร่ถึงจะสำเร็จ” D2 สั่งหน่วยหุ่นรบที่คุ้มครองห้องลับแห่งนี้รีบมุ่งไปที่สนามรบเบื้องหน้าแล้ว เขาก็เอ่ยถามแฮคเกอร์ใต้บังคับบัญชาคนหนึ่งในห้องลับที่กำลังใช้ความสามารถแฮคเกอร์เจาะเข้าไปในกล่องดำสักกล่องอย่างระมัดระวัง
“เข้าสู่ช่วงแพร่กระจายแล้วครับ ดูจากความเร็วแล้ว อย่างน้อยที่สุดยังต้องการเวลาหนึ่งชั่วโมงถึงจะเป็นรูปเป็นร่างได้อย่างแท้จริง” แฮคเกอร์ใต้บังคับบัญชาปาดเหงื่อเย็นๆ บนหน้าผาก ตอบกลับเสียงแผ่วเบา
“เร็วอีกหน่อยไม่ได้เหรอ?” D2 ได้ยินว่ายังเหลืออีกหนึ่งชั่วโมงก็ขมวดคิ้วทันที
“ไม่ได้แล้วครับ เร็วกว่านี้จะมีอันตรายได้ พวกมันจะกลืนกินพลังงานของพวกเรา ทั้งหมด…” แฮคเกอร์ใต้บังคับบัญชาได้ยินว่าให้เร่งความเร็ว สีหน้าพลันเปลี่ยนไป เขาเคยผ่านช่วงวิจัยไวรัส T ภายในประเทศมาก่อน เคยมีคนอยากเร่งความเร็วในการเพาะเลี้ยงเหมือนกัน ส่งพลังแฮคเกอร์เข้าไปจำนวนมหาศาล ทว่าเขาถูกไวรัส T กลืนกินอย่างไร้ความปรานี ผลสรุปของคนผู้นั้นคือเสียชีวิต
คำเตือนของลูกน้องทำให้ D2 ใจเย็นลง เขาเองก็รู้เรื่องราวในปีนั้นดีเช่นกัน นอกจากนี้ยังรู้ว่าการเพาะเลี้ยงไวรัส T จะรีบร้อนไม่ได้ เขาหวังเพียงอย่างเดียวว่าทุกอย่างจะราบรื่นได้ ขอเพียงเพาะเลี้ยงสำเร็จ พวกเขาก็ออกจากโลกเสมือนจริงได้ รอคอยชัยชนะที่ไวรัส T นำมาให้อย่างเงียบๆ สหพันธรัฐหัวเซี่ยก็จะเป็นรางวัลสงครามของพวกเขา
……
“ลูกพี่ พวกเขาส่งหุ่นรบเข้ามาอีกสองทีมแล้ว” การเคลื่อนไหวของหน่วยหุ่นรบย่อมปิดบังเสี่ยวซื่อที่กำลังสำรวจฐานที่มั่นลับไม่ได้ คราวนี้เสี่ยวซื่อเรียนรู้จากบทเรียนก่อนหน้านี้แล้วจึงรีบรายงานให้ลูกพี่ตัวเองทันที ลูกพี่จะได้ไม่ดีดศีรษะ ทารุณเขาอีก
“แม่งเอ๊ย บีบให้ฉันทุ่มสุดกำลังสินะ” หลิงหลานติดตั้งเอเนอร์จอนทั้งหมดในกระเป๋าลงไปในหุ่นรบมาตรฐานระดับสูงของสหพันธรัฐที่เธอบังคับอยู่ตอนนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะการควบคุมหุ่นรบข้ามระดับจะส่งผลสะท้อนกลับและสร้างภาระอย่างมหาศาลให้กับร่างกายละก็ หลิงหลานอยากใช้หุ่นรบระดับราชันมากกว่า ปืนใหญ่แม็กเลฟหกลำกล้องที่ติดตั้งตามมาตรฐานของมัน ขอเพียงยิงสักสามสี่ครั้งก็สามารถกำจัดผู้ควบคุมหุ่นรบเหล่านี้ได้ทั้งหมด
หลิงหลานลอบทอดถอนใจ หุ่นรบระดับราชันเป็นเพียงไพ่ตายเท่านั้น ไม่อาจใช้ได้หากยังไม่ถึงเหตุสุดวิสัย เธอรู้ดีว่าอาศัยความสามารถของเธอในตอนนี้ เธอบังคับหุ่นรบระดับราชันได้แค่ห้านาทีเท่านั้น ถ้าเกินห้านาที ร่างกายของเธอจะแบกรับพลังมหาศาลที่สะท้อนกลับมาจากการควบคุมหุ่นรบข้ามระดับไม่ไหวจากนั้นก็พังทลายลงโดยสิ้นเชิง
การกระทำโง่เง่าแบบนี้ในค่ายใหญ่ของศัตรูคือการฆ่าตัวตายโดยสิ้นเชิง หลิงหลานไม่มีทางให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพอับจนเพื่อแสดงความน่าเกรงขามชั่วขณะหนึ่งแน่นอน
หลิงหลานเพิ่งจะปล่อยพลังออกมาอย่างเต็มที่ก็รู้สึกได้ถึงการสั่นไหวเล็กน้อยจากพื้นอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องบอกเลย หน่วยหุ่นรบสองหน่วยสุดท้ายของศูนย์กลางฐานที่มั่นลับกำลังเข้ามาแล้ว พวกเขาต้องจัดการพวกหุ่นรบศัตรูตรงหน้านี้ก่อนที่หุ่นรบเหล่านั้นจะมาถึง ไม่เช่นนั้นหากมีหุ่นรบเพิ่มขึ้นอีกยี่สิบกว่าตัวละก็ ต่อให้ความสามารถในการบังคับหุ่นรบของพวกเขาจะเก่งกาจอีกสักแค่ไหนก็ต้านทานเอาไว้ไม่ได้แล้ว
“ศัตรูกำลังส่งกำลังเสริมเข้ามา รีบจัดการหุ่นรบพวกนี้ให้หมด” หลิงหลานเชื่อมต่อช่องสื่อสารเฉพาะของทีมแล้วออกคำสั่งอย่างเด็ดขาด (ในขณะที่พวกเขาเข้าไปในหุ่นรบ เสี่ยวซื่อก็เปิดช่องสื่อสารทีมของหุ่นรบทั้งเก้าตัวโดยเฉพาะ)
ทุกคนต่างรู้ว่าสถานการณ์เร่งด่วนจำเป็นต้องทุ่มเทกำลังทั้งหมด พวกเขาเสียบเอเนอร์จอนที่เตรียมใช้งานในกระเป๋าเข้าไปในหุ่นรบเหมือนกับหลิงหลาน รับรองให้แน่ใจว่าพลังงานของหุ่นรบเต็มเปี่ยม เนื่องจากพวกเขาจะได้ไม่ต้องประหยัดพลังงานโดยการปิดผนึกทักษะระดับสูงที่บริโภคพลังงานมากมายในการต่อสู้หลังจากนี้อีก
จากนั้นก็เห็นพวกฉีหลงห้าคนบวกกับหลี่ซื่ออวี๋ต่างบังคับหุ่นรบของตัวเองวิ่งทะยานไปซ้ายไปขวาอย่างฉับไว ทำให้ศัตรูไม่สามารถคาดการณ์เส้นทางของพวกเขาได้ และก็ไม่สามารถใช้ปืนลำแสงยิงโดนพวกเขา ยิ่งไปกว่านั้น เนื่องจากเป็นเพราะวิธีการวิ่งล่องลอยแบบนี้ทำให้ศัตรูไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป้าหมายที่พวกเขาจะต้องโจมตีคือผู้ใด…
หุ่นรบศัตรูทั้งหมดตึงเครียดขึ้นมา เนื่องจากหุ่นรบสิบแปดตัวที่เหลืออยู่ต่างมีโอกาสกลายเป็นเป้าโจมตีของทั้งหกคน ทันใดนั้นเองร่างของหุ่นรบหกตัวที่กำลังลอยเคลื่อนที่พลันหายไป…อ้อ ไม่สิ ไม่ได้หายไป หากแต่เป็นเงาพร่ามัวหกสายที่ปรากฏขึ้นรางๆ มันคือก้าวไถลเงา ทักษะระดับสูงที่ผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงเท่านั้นถึงจะสามารถเรียนรู้ได้
ทักษะการก้าวเท้าของผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงมีอยู่สองแบบ หนึ่งคือพุ่งหลบเป็นตัว Z อันที่จริงสิ่งที่พวกฉีหลงหกคนใช้ในตอนแรกก็คือแบบนี้ อีกอย่างหนึ่งก็คือก้าวไถลเงาที่พวกเขาใช้ในเวลานี้ สาเหตุที่ทั้งหกคนเลือกก้าวไถลเงาพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายในการโจมตีสุดท้ายเป็นเพราะว่า ก้าวไถลเงาไม่เพียงมีฟังก์ชั่นในการเร่งความเร็ว ยิ่งไปกว่านั้นยังมีประสิทธิภาพในการทำให้ศัตรูมึนงงด้วย มันจะทำให้กล้องด้านนอกของหุ่นรบศัตรูเกิดอาการแล็ก ระบุช่วงเวลาลงมือและตำแหน่งที่แท้จริงของพวกเขาได้ยากมาก
แน่นอนว่าผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงที่มีประสบการณ์สามารถอาศัยประสบการณ์มาตัดสิน ก้าวไถลเงาไม่อาจทำให้พวกเขางุนงง…อย่างไรก็ตาม ผู้ควบคุมหุ่นรบตรงหน้านี้ไม่ใช่คนจริงมาแสดง หากแต่เป็น NPC จริงๆ พวกฉีหลงรู้เรื่องนี้ดีในตอนที่ประมือกัน
ในการตั้งค่าของออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก NPC เหล่านี้มีอัตราแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่จะไม่มึนงง หรือพูดอีกอย่างก็คือ ความเป็นไปได้ที่จะถูกทำให้มึนงงค่อนข้างสูง และพวกฉีหลงไม่สนใจโจมตีลำแสงอย่างบ้าคลั่งของหุ่นรบ NPC เหล่านี้เลย วินาทีถัดมา พวกเขามาถึงเบื้องหน้าหุ่นรบเป้าหมาย จากนั้นก็ยกอาวุธเย็นของพวกเขาขึ้นมาฟันใส่อย่างรุนแรง ด้วยความอำมหิต
โล่แสงของหุ่นรบสามารถพูดได้ว่าสร้างขึ้นเพื่อรับมือกับอาวุธพลังงานอย่างพวกปืนลำแสงต่างๆ นานาโดยเฉพาะ แต่เมื่อมันรับมือกับอาวุธเย็นที่อาศัยการทำลายด้วยแรงป่าเถื่อนโดยสิ้นเชิงแล้ว เห็นได้ชัดว่าการป้องกันดูเปราะบางอยู่บ้าง
หุ่นรบห้าตัวถูกพวกฉีหลงฟันใส่อย่างรุนแรง ทำลายพลังงานบนโล่แสงทันที พลังงานมหาศาลมอบการโจมตีอย่างหนักหน่วงให้กับหุ่นรบโดยตรง ทั้งสองปะทะกันอย่างรุนแรงจนเกิดประกายไฟออกมาทันใด
พวกฉีหลงไม่ได้ทำบุ่มบ่ามล้วนๆ ตำแหน่งที่พวกเขาเลือกโจมตีคือจุดข้อต่อบริเวณต่างๆ ของหุ่นรบ ระดับความแข็งแกร่งในการป้องกันของตำแหน่งเหล่านี้ได้ถูกละทิ้งไปในตอนที่สร้างหุ่นรบเพื่อที่จะรักษาระดับความยืดหยุ่นของหุ่นรบ ยกตัวอย่างเช่น ส่วนไหล่ ส่วนลำคอ ส่วนสะโพก แขน ข้อเท้า หัวเข่า ฯลฯ ตัวเลือกของพวกเขาทำให้พวกเขาโจมตีเห็นผลได้ในครั้งเดียว ทำลายส่วนหนึ่งของหุ่นรบทันใด
มีเพียงหุ่นรบตัวเดียวที่หลบวิกฤติครั้งนี้ได้พ้น เข้าสู่อัตรายี่สิบเปอร์เซ็นต์ที่ไม่ถูกทำให้มึนงง เรียกได้ว่าโชคดีสุดขีด และคนที่โจมตีล้มเหลวก็คือลั่วล่างนี่เอง ที่ทำให้ในใจลั่วล่างไม่สบอารมณ์อยู่บ้าง คิดไม่ออกว่า ทำไมมีแค่เขาที่โชคร้ายแบบนี้?
ลั่วล่างกัดฟันกรอด บุกโจมตีอีกครั้ง ในเมื่อล้มเหลวแล้วก็เพิ่มเข้าไปสิ เขาไม่เชื่อว่า อีกฝ่ายยังคงมีโชคดียี่สิบเปอร์เซ็นต์ในการโจมตีครั้งถัดไปอยู่อีก
ลั่วล่างมั่นใจในการโจมตีครั้งนี้ของตัวเองเต็มร้อย แต่พอเขาพบว่าฟันใส่อากาศอีกครั้ง ดวงหน้าทั้งดวงก็แดงขึ้นด้วยความเดือดดาล แม่งเอ๊ย ต่อให้เขาหน้าตาเหมือนผู้หญิงนิดหน่อย จะดูถูกเขาว่าเหมือนผู้หญิงไม่ได้นะ
ลั่วล่างที่โกรธเกรี้ยวใช้ก้าวไถลเงาตามไปอีกครั้ง ในที่สุดลั่วล่างก็ทะเลาะกับออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักแล้ว เขาไม่เชื่อว่า ทหารหุ่นรบ NPC ตัวนี้ยังสามารถโชคดีแบบนี้ ไม่มึนงงติดต่อกันได้สามครั้งจริงๆ…
ความฝันช่างสวยงาม แต่ความจริงช่างโหดร้าย การโจมตีครั้งที่สามที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจของลั่วล่างถูก NPC หลบหลีกอีกครั้ง เวลานี้ลั่วล่างอดทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว โพล่งคำสบถออกมาว่า “บัดซบ…”
ขณะนี้เอง การก้าวเท้าที่หลิงหลานเลือกใช้ขณะยิงโจมตีด้วยมือทั้งสองข้างก็คือก้าวไถลเงาเช่นเดียวกัน หากต่อสู้กับมนุษย์จริงๆ ทักษะนี้มีข้อบกพร่องอยู่บ้างไม่มากก็น้อย แต่ถ้าต่อสู้กับ NPC ละก็ ประสิทธิภาพของมันกลับดีเยี่ยมมาก เป็นหนึ่งในทักษะตัวเลือกแรกของผู้เล่นทุกคน ตอนนี้อาวุธเย็นที่เธอใช้ในมือคือปู้หุ่ยซึ่งเป็นอาวุธมหัศจรรย์ที่ฉางซินหยวนตีออกมา ความคมเป็นพิเศษของปู้หุ่ยถูกหลิงหลานแสดงออกมาอย่างเต็มพิกัดในเวลานี้
หลิงหลานฟันจากซ้ายไปขวาหนึ่งที เปลือกนอกของหุ่นรบสองตัวตรงหน้าก็ถูกฟันออกทันที เธอรู้สึกว่าเปลือกนอกที่แข็งแกร่งของหุ่นรบไม่ได้แข็งทนทานเหมือนที่เธอจินตนาการไว้ เธอรู้สึกว่าฟันเข้าไปได้สบายๆ จนถึงห้องคนขับหุ่นรบ
ห้องคนขับหุ่นรบคือจุดอ่อนถึงแก่ความตายของหุ่นรบ เนื่องจากผู้ควบคุมอยู่ข้างในนั้น ไม่ว่าจะเป็นหุ่นรบ NPC หรือว่ามนุษย์จริงๆ เมื่อถูกโจมตีใส่ห้องคนขับก็จะถูกออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักตัดสินว่าเป็นการโจมตีทำลายล้าง เป็นไปตามที่คาดไว้ หุ่นรบระเบิดออกในชั่วพริบตา บนจอภาพของหลิงหลานขึ้นว่าหุ่นรบศัตรูถูกทำลายโดยสมบูรณ์แล้ว
หลิงหลานเห็นดังนั้นก็อดตกตะลึงไม่ได้ มองปู้หุ่ยในมือแวบหนึ่งอย่างเหลือเชื่อ เธอรู้มาตลอดว่าปู้หุ่ยคมมาก แต่ไม่นึกเลยว่าจะคมถึงขั้นนี้ หุ่นรบมาตรฐานระดับสูงในโลกหุ่นรบต้านทานการโจมตีเพียงแค่ครั้งเดียวของปู้หุ่ยไม่ได้เลย
ในเวลานี้เอง หุ่นรบศัตรูตัวหนึ่งที่อยู่ด้านหลังหลิงหลานเห็นหลิงหลานทำลายหุ่นรบของฝ่ายตนไปสองตัวก่อนจะหยุดชะงัก เขาก็คิดว่ามีโอกาสแก้แค้นแล้ว จึงรีบยกอาวุธเย็นในมือขึ้นมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ฟันลงไปทีด้านหลังศีรษะชองหลิงหลานอย่างโหดเหี้ยม
หลิงหลานที่ควบคุมสถานการณ์ไว้หมดแล้วไม่ได้ขยับเขยื้อน ทว่าปู้หุ่ยในมือกระตุกขึ้นแทงกลับไปที่ด้านหลังฉับพลัน การเคลื่อนไหวนี้มาอย่างซ่อนเร้นและกะทันหัน หุ่นรบตัวนั้นตอบสนองไม่ทัน ถูกปู้หุ่ยแทงเข้าไปในห้องคนขับทันใด
อาวุธเย็นที่ถูกชูขึ้นสูงในมือหุ่นรบศัตรูไม่สามารถฟันลงไปได้อีก หลิงหลานบังคับหุ่นรบให้ใช้ท่าแมงป่องสะบัดหางอันทรงพลังทีหนึ่ง เตะกลับหลังไปอย่างรุนแรงฉับพลัน เตะหุ่นรบตัวนั้นกระเด็นลอยออกไปกระแทกเข้ากับหลังหุ่นรบตัวหนึ่งที่กำลังใช้อาวุธเย็นโจมตีฝาหม้อของฉางซินหยวนอย่างสุดชีวิตด้านหลังตน การจู่โจมอย่างกะทันหันทำให้หุ่นรบตัวนั้นไม่อาจตอบสนองได้ทัน พุ่งไปทางด้านหน้าอย่างควบคุมไม่ได้ จากนั้นก็ล้มลงใส่ตัวหุ่นรบฝาหม้อของฉางซินหยวน การโจมตีหยุดชะงักลงโดยพลัน
เขากำลังคิดจะกระเสือกกระสนลุกขึ้นมาจากบนตัวหุ่นรบฝาหม้อของฉางซินหยวน ทันใดนั้นเอง สองฝั่งของฝาหม้อก็ปรากฏฟันสองซี่ขนาดใหญ่กัดลงไปที่หุ่นรบตัวนั้นอย่างอำมหิต เนื่องจากฝาหม้อถูกหุ่นรบศัตรูบดบังเอาไว้จนหมด ไม่มีใครมองเห็นว่าตรงกลางของฝาหม้อพลันแยกออกมาเป็นรูวงกลม หลังจากนั้นลำแสงแฝงสีม่วงสายหนึ่งพลันยิงใส่ตัวหุ่นรบฉับพลัน ระเบิดหุ่นรบออกเป็นโพรงวงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางห้าสิบเซนติเมตรทันที และตำแหน่งนั้นก็คือห้องคนขับของหุ่นรบ หุ่นรบศัตรูล้มลงบนตัวหุ่นรบฝาหม้อของฉางซินหยวนเช่นนี้เอง…
——————–