ในใจผู้บัญชาการรู้ดีว่า ในโลกหุ่นรบ ฐานที่มั่นซวิ่นหลงไม่มีจุดล็อกอิน หรือพูดอีกอย่างก็คือ ขอเพียงพวกเขายังอยู่ในฐานที่มั่นซวิ่นหลง พวกเขาก็จะไม่สามารถออกไปจากโลกเสมือนจริงได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องรายงานให้กับทางกองทัพเลย ดูเหมือนว่าเจตนาที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้อยากขัดขวางไม่ให้พวกเขาไปรายงานจริงๆ หากแต่คิดจะกำจัดพวกเขาทั้งหมด
“พวกแกโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว” ผู้บัญชาการกัดฟันตอบ เขารู้ว่าคราวนี้น่าจะรอดยากแล้วจริงๆ มีเพียงความหวังเดียวคือผีซวีของฝ่ายตรงข้ามมีแค่คนผู้นี้เท่านั้น…
ไรเตอร์ได้ยินคำกล่าวก็ไม่ได้โกรธเคือง เดิมทีพวกเขาเข้ามาก็คิดจะทำให้หัวเซี่ยตกอยู่ในความอลหม่านโกลาหล ตอนนี้เขายังพะวงเรื่องทางฝั่งฐานที่มั่นลับอยู่ อย่างไรเสียก็ถึงเวลาที่ไวรัส T ระบาดแล้ว แต่ยังไม่พบความผิดปกติเลย นี่ทำให้ในใจเขารู้สึกร้อนรนอยู่บ้าง ดังนั้นจึงไม่อยากพูดอะไรกับผู้บัญชาการสหพันธรัฐคนนี้มากนัก เขาโคจรพลังผีซวีจนไหลล้นออกมาอย่างบ้าคลั่ง พุ่งไปหาฝ่ายตรงข้าม…
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ท่าไม่ดีมากๆ ผู้บัญชาการกับทหารที่ดูธรรมดาสุดขีดคนหนึ่งก็สบตากันอย่างฉับไว หลังจากนั้นก็กระโดดขึ้นมาฉับพลัน คนหนึ่งเตะหมุนวนไปทางด้านข้าง ส่วนอีกคนเตะติดต่อกันเป็นลูกโซ่กลางอากาศ ซัดคนที่ล้อมพวกเขากระเด็นออกไป วินาทีถัดมา พวกเขาก็มาถึงข้างกายเสมียนคนหนึ่งที่ทำการจดบันทึกมาตลอดทาง คล้ายกับไม่มีกำลังรบอะไร ก่อนจะทำการคุ้มกันทางซ้ายและทางขวา
ในโลกที่คนทั่วไปไม่อาจมองเห็น พลังมหาศาลสองสายปะทะกันอย่างรุนแรง ร่างกายของไรเตอร์รวมถึงเสมียนคนนั้นต่างสั่นเทาทันใด
ไรเตอร์เอ่ยด้วยสีหน้าที่เปลี่ยนไปทันใดว่า “ผีซวี” ไม่นึกเลยว่าหัวเซี่ยยังซ่อนผีซวีไว้อีกคน ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขามาทันเวลาละก็ เกรงว่าคนที่ดักซุ่มเหล่านี้จะเป็นอันตรายกันหมดแล้ว
เสมียนไม่พูด เขาแค่มองอีกฝ่ายอย่างเย็นชาเท่านั้นโดยที่ไม่ส่งเสียงใดๆ เนื่องจากการปะทะกันเพียงครั้งเดียวทำให้เขารู้ว่าพลังผีซวีของอีกฝ่ายอาจจะเหนือกว่าเขาเล็กน้อย แววตาของเขามีร่องรอยความเสียใจพาดผ่าน ถ้าหากรู้แต่แรกว่าฝ่ายตรงข้ามมีผีซวีละก็ เขาคงฆ่าคนพวกนี้ทิ้งในตอนที่ถูกล้อมไว้นานแล้ว พวกเขาเลือกอดทนชั่วคราวเพื่อที่จะสืบที่มาของอีกฝ่าย ตอนนี้ดูเหมือนว่าวางแผนผิดพลาดเกินไปแล้วจริงๆ
กองทัพส่งผีซวีสองคนเข้ามาในภารกิจครั้งนี้อย่างเปิดเผยหนึ่งคนและซ่อนเร้นหนึ่งคนเพื่อรับประกันว่าไม่มีข้อผิดพลาด ผีซวีที่มาอย่างเปิดเผยก็คือตี้ซวี ส่วนผีซวีที่อยู่ในที่ลับก็คือเขา ปลอมตัวเป็นเสมียนเข้าไปในทีมตรวจสอบ นอกจากผู้บัญชาการกับผู้ช่วยผู้บัญชาการที่รู้เบื้องลึกของเขาแล้ว ทุกคนหรือแม้กระทั่งตี้ซวีก็ยังไม่รู้
สาเหตุที่ทำให้เขากลายเป็นผีซวีลับก็เพราะพลังผีซวีของเขาค่อนข้างมีเอกลักษณ์เฉพาะ ขอเพียงเขาไม่ใช้พลังผีซวี กลิ่นอายทั่วทั้งร่างเขาก็จะเหมือนกับคนธรรมดา ไม่มีทางทำให้คนจับสังเกตความผิดปกติได้ ควรรู้เอาไว้ว่าผีซวีต่างมีกลิ่นอายอันตรายไม่มากก็น้อย ผีซวีด้วยกันจะมีความรู้สึกไวต่อกลิ่นอายนี้อย่างมาก ดังนั้นเมื่อข้างกายมีผีซวี ในฐานะที่พวกเขาเป็นพวกเดียวกันจึงรู้สึกได้อย่างรวดเร็ว ความพิเศษของเขาทำให้เขารับหน้าที่เป็นผีซวีลับในภารกิจหลายครั้ง และคราวนี้ก็เหมือนกัน
ดังนั้น พอรู้ว่าฝ่ายตรงข้ามมีผีซวี ผู้บัญชาการกับผู้ช่วยผู้บัญชาการเลยรีบมาที่ข้างกายเขา อันที่จริงพลังผีซวีของเขาถือว่าไม่เลว แต่ความสามารถด้านร่างกายยังคงเหมือนกับผีซวีคนอื่นๆ นั่นก็คือห่วยแตกมาก
“ฉันแค่อยากรู้ว่า คนของเราที่หน้าประตูเป็นยังไงบ้าง?” เสมียนข่มกลั้นเลือดลมที่ปั่นป่วนตรงหน้าอก เอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่า เมื่อเห็นอีกฝ่ายมาจากด้านนอก เขาก็รู้สึกได้รางๆ ว่าท่าจะไม่ดีอยู่บ้าง มีความเป็นไปได้สูงที่ตี้ซวีจะเกิดเรื่องแล้ว แต่เขายังคงหวังว่าตี้ซวีจะปลอดภัยสบายดี ไม่ได้เสียชีวิตอยู่ท่ามกลางการต่อสู้
ไรเตอร์ได้ยินคำกล่าวก็เอ่ยอย่างแย้มยิ้มว่า “ในเมื่อฉันลงมาแล้ว นายว่าพวกเพื่อนของนายจะมีจุดจบแบบไหนล่ะ?”
เสมียนเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ตี้ซวี เขาแข็งแกร่งมาก” ความหมายก็คือ นายคิดจะหลอกฉันสินะ ไม่มีทาง
“โอ้? ที่แท้เขาชื่อตี้ซวีนี่เอง?” มุมปากของไรเตอร์เผยรอยยิ้มเยาะหยันออกมา “เขาตายก็ไม่ยอมบอกโค้ดเนมของเขา บอกว่าจะให้ประเทศของเขาขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด…”
“นายพูดเหลวไหล ตี้ซวีไม่มีทางตายได้” เสมียนเอ่ยค้านด้วยอารมณ์หวั่นไหว ตี้ซวีเป็นหนึ่งในสิบสุดยอดผีซวีของสหพันธรัฐ เขาจะถูกเด็ดปีกที่นี่ได้ง่ายๆ อย่างไร
หลิงหลานเห็นดังนั้น หัวใจก็กระตุกและเอ่ยถามว่า “เสี่ยวซื่อ นายเลียนแบบกลิ่นอายพลังงานผีซวีคนอื่นได้หรือเปล่า?” พลังผีซวีของผีซวีทุกคนต่างมีกลิ่นอายเฉพาะ คนที่คุ้นเคยจะระบุออกมาได้ง่ายมาก ไม่มีทางเกิดเหตุการณ์ทำร้ายด้วยความเข้าใจผิดโดยไม่คาดฝันขึ้นเด็ดขาด
“ได้อยู่แล้ว” เสี่ยวซื่อเม้มปาก คิดว่าลูกพี่ถามคำถามนี้คือการดูถูกเขาจริงๆ
“งั้นก็ดี นายรอเดี๋ยวนะ พอได้ยินคำสั่งของฉันแล้วก็เลียนแบบกลิ่นอายพลังงานตี้ซวีออกมาทันที ฉวยโอกาสกำจัดแฮคเกอร์ของซีซาร์” แววตาของหลิงหลานเปล่งประกาย ในใจเธอมีแผนการแล้ว “แน่นอนว่าจะต้องแสดงท่าทีตายตกตามกันนะ”
เสี่ยวซื่อได้ยินแล้ว แววตาก็ส่องประกาย เขายังไม่เคยเล่นเกมแบบนี้มาก่อน เขาเลยรีบพยักหน้าบ่งบอกว่า เชื่อฟัง ลูกพี่ทุกอย่าง
ส่วนทางด้านไรเตอร์เห็นอารมณ์ของคู่ต่อสู้ไม่มั่นคง แววตาก็วาววับ ตัดสินใจยั่วยุอีกฝ่ายต่อ เพราะว่าผีซวีที่สูญเสียความเยือกเย็นจะปรากฏช่องโหว่ง่ายมากที่สุด…
“เขาคนเดียวแข็งแกร่งมาก แต่ทางเราไม่ได้มีผีซวีแค่ฉันคนเดียว” ไรเตอร์ยิ้มอย่างเฉยชา เสมียนได้ยินคำกล่าวก็หน้าถอดสี สิ่งที่เขากลัวมากที่สุดก็คือความเป็นไปได้นี้แหละ หากมีแค่ผีซวีตรงหน้าย่อมไม่สามารถเอาชนะตี้ซวีได้แน่นอน
ไรเตอร์ฉวยโอกาสที่คู่ต่อสู้ยังคงสูญเสียความเยือกเย็น ระเบิดพลังผีซวีลอบทำร้ายคู่ต่อสู้อย่างเงียบเชียบอีกครั้งด้วยความเจ้าเล่ห์ แต่ไรเตอร์สิ้นหวังแล้ว เพราะเสมียนดูเหมือนจะไม่ได้โคจรพลังผีซวี แต่ความจริงแล้วเขาลอบเตรียมการป้องกันไว้ตลอด พอสัมผัสได้ถึงพลังผีซวีของคู่ต่อสู้โจมตีเข้ามาก็เข้าไปรับโดยไม่ครุ่นคิดเลยสักนิดเดียว
เสมียนรู้ว่าการปะทะกันอย่างรุนแรงแบบนี้ต่อไป ผลสุดท้ายก็จะเป็นภัยต่อพวกเขา ตอนที่เขาต้านทานพลังผีซวีของอีกฝ่ายก็ทอดสายตามองไปยังผู้บัญชาการที่อยู่ข้างกาย ส่งสัญญาณให้หาโอกาสหนีออกไปทันที…
การโจมตีสองครั้งทำให้ไรเตอร์เข้าใจความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้คร่าวๆ แล้ว อ่อนแอกว่าเขาเล็กน้อย ทว่าหากคิดจะสังหารอีกฝ่าย จำเป็นต้องผลาญพลังผีซวีของฝ่ายตรงข้ามก่อน นี่คือสงครามยืดเยื้อ พอคิดถึงเรื่องนี้ ไรเตอร์กลับนึกเสียใจอยู่บ้าง เมื่อครู่เขาไม่ควรรีบส่งไวต์กลับไปยังฐานที่มั่นลับเร็วขนาดนี้เลย…
จนถึงตอนนี้ฐานที่มั่นลับยังไม่มีข่าวส่งมาเลย (ไรเตอร์ไม่รู้ว่าพวก D1 ที่เป็นคนติดต่อถูกเสี่ยวซื่อกำจัดไปแล้ว) ในใจไรเตอร์เริ่มกังวลขึ้นมา เขารู้ดีว่าเป้าหมายที่พวกเขามาที่นี่คืออะไร ถ้าทางฐานที่มั่นลับเกิดเรื่องขึ้นมา ต่อให้เขากำจัดคนที่นี่ทั้งหมดแล้วก็ชดเชยความสูญเสียนี้ไปไม่ได้
ไรเตอร์ผุดความคิดขึ้นมา เขาไม่มีทางเสียเวลาอีกแล้ว ผีซวีพัฒนาเต็มที่และมีประสบการณ์มากมายต่างมีไพ่ตายของตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น ตี้ซวีคู่ต่อสู้คนก่อนเขา การโจมตีสุดท้ายก็คือไพ่ตายของอีกฝ่าย เช่นเดียวกัน ในฐานะที่เป็นหัวหน้าของผีซวีในการปฏิบัติการครั้งนี้ เขาก็มีเหมือนกัน
ดังนั้นพลังผีซวีที่เดิมทีเหนือกว่าคู่ต่อสู้นิดหน่อยก็ทรงพลังขึ้นหลายเท่าตัว นี่ทำให้เสมียนที่ต่อสู้กันทำการเตรียมตัวไม่พอ กระอักเลือดดังพรวดออกมาคำหนึ่ง ใบหน้าเปลี่ยนเป็นขาวซีดราวกับกระดาษขาวก็ไม่ปาน นี่ทำให้สีหน้าของผู้บัญชาการที่อยู่ข้างกายเปลี่ยนไป เขาทอดสายตามองไปที่ผู้ช่วยผู้บัญชาการ หลังจากนั้นก็เห็นผู้ช่วยผู้บัญชาการคว้าเสมียนไว้แล้วพุ่งออกไปจากวงล้อมราวกับบินไปก็ไม่ปานโดยมีผู้บัญชาการตามหลังมาติดๆ
ในขณะเดียวกัน สมาชิกทีมคนอื่นๆ พลันสลัดหลุดออกจากพันธนาการของศัตรูและจู่โจมอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาราวกับไม่ต้องการมีชีวิตอยู่แล้ว การกระทำนี้ทำให้คนที่โอบล้อมมือไม้สับสนทันที กลัวว่าถ้าหากตัวเองไม่ระวังจะทำร้ายอีกฝ่ายจนเสียชีวิตจริงๆ ทำให้พวกเขาตายอยู่ในพื้นที่ของฐานที่มั่นซวิ่นหลงจนก่อปัญหามากขึ้น
ไรเตอร์เห็นแบบนั้นก็ตะโกนเสียงดังลั่นว่า “รนหาที่ตาย!” พลังผีซวีที่ท่วมท้นบดขยี้เหล่าทหารสหพันธรัฐที่พยายามทำการดิ้นรนครั้งสุดท้ายทันใด
เสมียนกัดฟัน พยายามใช้พลังผีซวีที่เหลืออยู่สุดท้ายกางโล่ป้องกัน คุ้มครองบรรดาเพื่อนร่วมรบที่หลั่งเลือดต่อสู้อย่างกล้าหาญ
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือดอีกครั้ง เสมียนกระอักเลือดโดยที่ไม่อาจควบคุมได้อีกครั้ง เขารู้สึกได้ว่าเกราะป้องกันของตัวเองกำลังจะถูกพลังของฝ่ายตรงข้ามบดทำลาย และยามนั้นก็คือช่วงเวลาที่สมาชิกทีมของพวกเขาทุกคนต่อสู้กันจนตัวตายทั้งหมด เขายังอ่อนแอมากเกินไป…
ในใจเสมียนเกิดความรู้สึกไม่ยอมอย่างรุนแรง ถ้าหากเขาแข็งแกร่งเหมือนกับตี้ซวีได้ละก็ บางทีเขาอาจจะปกป้องคนเหล่านี้ให้รอดชีวิตต่อไปได้ เขาเหมือนกับได้ยินเสียงโล่คุ้มกันที่ตัวเองกางออกมาเริ่มส่งเสียงแตกละเอียด ทว่าในช่วงเวลาที่เขากำลังจะสิ้นหวัง รอคอยความตายมาเยือนนั้น…
“เสี่ยวซื่อ ลงมือ!” หลิงหลานเห็นดังนั้นก็สั่งการอย่างเฉียบขาด
ทันใดนั้นเองพลังผีซวีที่ทรงอานุภาพสายหนึ่งปรากฏตัวขึ้นมา ขัดขวางพลังผีซวีที่แข็งแกร่งของอีกฝ่ายไว้ แววตาของเสมียนวาววับ เป็นตี้ซวี!
ตี้ซวีขัดขวางคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ ไรเตอร์สัมผัสได้ถึงพลังที่คุ้นเคยสายนี้ สีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไป ในใจร้องอุทานว่า นี่มันเป็นไปไม่ได้
ใช่แล้ว เขาเห็นอีกฝ่ายกลายเป็นจุดสีขาวหายไปในโลกเสมือนจริงแล้วชัดๆ แน่ใจแล้วว่าสติของฝ่ายตรงข้ามถูกเขากับไวต์ร่วมมือกันกำจัดแล้ว แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีพลังผีซวีของตี้ซวีโผล่ขึ้นมาได้อีกล่ะ? เขาไม่เข้าใจ เขาหวาดหวั่น แต่เขากลับไม่มีโอกาสเอ่ยปากถามออกไปอีกแล้ว เพราะว่าในขณะที่พลังสายนี้สกัดกั้นการโจมตีของเขา มันก็โต้กลับมา
พลังที่โต้กลับมาไม่ได้รู้สึกว่าแข็งแกร่งขนาดนั้น แต่ไรเตอร์กลับพบว่าพลังผีซวีของตัวเองกำลังหายไปอย่างรวดเร็ว เขาถอยร่นครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็ถูกพลังที่ตอบโต้กลับมาบดขยี้…
นี่มันไม่เป็นวิทยาศาสตร์เลย! นี่คือความคิดสุดท้ายของไรเตอร์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้น ไรเตอร์ยังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบสนองก็ถูกพลังผีซวีที่ดูเหมือนไม่แข็งแกร่งกำจัดทิ้งไปแล้ว…
ทุกคนในที่นี่เห็นเพียงทั่วทั้งร่างของไรเตอร์ที่เดิมทีเก่งกาจระเบิดออกฉับพลัน กลายเป็นจุดสีขาวหายไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าของชาวซีซาร์เปลี่ยนไป ไรเตอร์เสียชีวิตกะทันหันทำให้พวกเขารู้ว่าเหตุการณ์ท่าจะไม่ดีแล้ว ส่วนทหารของสหพันธรัฐหัวเซี่ยเห็นแบบนี้ก็เหมือนกับฉีดยากระตุ้นหัวใจ ระเบิดกำลังรบที่เหนือชั้นอีกหลายเท่าตัว…
มีเพียงเสมียนเท่านั้นที่ดวงหน้าเผยความรู้สึกโศกเศร้า เขาสัมผัสได้ว่า ในขณะที่พลังผีซวีของคู่ต่อสู้สลายหายไปนั้น พลังผีซวีของตี้ซวีก็เริ่มสลายไปเช่นเดียวกัน
เสมียนคล้ายกับสัมผัสได้ถึงความอาลัยอาวรณ์อย่างรุนแรงที่ส่งมาจากพลังผีซวีของตี้ซวีที่ยังไม่ได้สลายหายไปจนหมดในอากาศ รวมถึงความพอใจที่พวกเขาปลอดภัยสบายดี เสมียนรู้ดีว่าสาเหตุที่ตี้ซวีสละชีวิตเป็นเพราะว่า การโจมตีเมื่อสักครู่นั้นคือไพ่ตายสุดท้ายของตี้ซวี โดยพื้นฐานแล้วไพ่ตายที่ผีซวีของสหพันธรัฐเลือกล้วนเป็นวิธีการตายตกตามกัน นี่เกี่ยวพันกับนิสัยของชาวหัวเซี่ยที่ยอมตายดีกว่ายอมจำนน…ตี้ซวีน่าจะผ่านการต่อสู้ติดต่อกัน มาถึงจุดที่ตะเกียงหมดน้ำมันแล้ว ทว่าเขายังคงรีบมาช่วยเหลือพวกเขา และสุดท้ายก็สละชีวิตเพื่อช่วยเหลือพวกเขาเอาไว้
ตี้ซวี ไปสู่สุคติเถอะนะ! เสมียนหลับตาที่เปียกชุ่ม สะกดกลั้นความโศกเศร้าที่มีอยู่เต็มหัวอก
————————–