หลิงเซียวได้ยินคำกล่าวก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ เขาไม่ได้ตอบ แค่ยื่นมือไปลูบศีรษะอีกฝ่ายตอนที่เดินผ่านหลินเจิ้งหนานเท่านั้น น้ำเสียงแฝงไปด้วยความจนใจว่า “เจ้าหนู นายคิดง่ายมากเกินไปแล้ว…”
ชายหนุ่มเลือดร้อน แบ่งแยกความรักความเกลียดชังอย่างชัดเจนจริงๆ แต่ในกองทัพกับรัฐบาลจะเรียบง่ายขนาดนั้นที่ไหนกัน เมื่อก่อนเขาก็ไม่อยากไหลไปตามกระแส ผลของการไม่ยอมประนีประนอมทำให้เขาแยกจากคนในครอบครัวสิบหกปีเต็มๆ หลิงเซียวคิดถึงเรื่องนี้ หัวคิ้วก็ขมวดเข้าหากันเล็กน้อย…แต่ถ้าหากพวกเขาคิดว่าเขายังเป็นหลิงเซียวในตอนนั้น เช่นนั้นก็ทำพลาดแล้วจริงๆ!
หลินเจิ้งหนานที่อยู่ด้านหลังลูบผมตัวเองตะลึงงัน เขาไม่คาดคิดว่านายพลที่เขาเคารพรักและบูชาจะลูบหัวของเขาอย่างสนิทสนมแบบนี้ เขาจ้องมองเงาด้านหลังของหลิงเซียวที่เดินผ่านเขาไปไกลด้วยความตื่นเต้นและนับถือ ไม่ได้สังเกตเห็นความเย็นชาอำมหิตที่พาดผ่านในแววตาของหลิงเซียวเลย
ด้านนอกห้อง คนคุ้มกันลับที่ซ่อนตัวอยู่ในที่ลับมาตลอดเห็นการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างหลิงเซียวกับหลินเจิ้งหนาน แววตาของเขาก็ฉายร่องรอยความอิจฉาขึ้นมาแวบหนึ่ง เขาเองก็เป็นคนเลื่อมใสบูชาหลิงเซียวเหมือนกัน ส่วนท่าทีแสดงออกที่ดูปัญญาอ่อนของหลินเจิ้งหนานคนคุ้มกันในที่แจ้งก็ทำให้เขาลอบทอดถอนใจทว่าก็ยินดีให้กับหลินเจิ้งหนาน มีเพียงนายพลหลิงเซียวที่มีนิสัยดีสามารถรับนิสัยแข็งกร้าวซื่อตรงของหลินเจิ้งหนานได้ ถ้าอยู่กับนายพลคนอื่นๆ ละก็ หลินเจิ้งหนานคงจะถูกทอดทิ้งอย่างไร้ความปรานี เพราะว่าเขาต้องเป็นตัวก่อปัญหาอย่างแน่นอน
หลิงเซียวกลับไปที่ห้องแล้วก็นั่งลงบนโซฟาอย่างสงบนิ่งคนเดียว ทว่าในสมองกลับนึกถึงเรื่องราวที่ลูกสาวของเขาได้บอกให้เขาฟังเมื่อสองวันก่อน รวมถึงข้อมูลคำสารภาพที่แอบส่งเข้ามาชุดนั้นด้วย ทุกครั้งที่เขานึกถึงเรื่องพวกนี้ ในใจก็นึกหวาดกลัว ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นมา เขาคงสูญเสียลูกสาวของเขาไปโดยสมบูรณ์
ตอนนั้นเขาได้ยินหลิงหลานบอกว่าภารกิจที่ได้รับคือ ภารกิจระดับ SSS เขาก็แค่ทึ่งกับความโชคร้ายอย่างมากของลูกสาวตัวเอง เขาไม่อาจทนเห็นสีหน้าของลูกสาวหลังจากที่ทำภารกิจล้มเหลวได้ และก็อยากเพิ่มความเป็นไปได้ในการทำสำเร็จให้กับลูกสาวนิดหน่อย เขาจึงมอบหรูอิ่งสุยเฟิงหุ่นรบระดับราชันเพียงหนึ่งเดียวให้หลิงหลานใช้เผื่อไว้ก่อน
ถ้าหากเขารู้แต่แรกว่าฐานที่มั่นซวิ่นหลงถูกคนของจักรวรรดิซีซาร์ลอบเข้ามา เขาจะต้องขัดขวางไม่ให้ลูกสาวไปทำภารกิจสมควรตายนี้อย่างแน่นอน โชคดีที่ตอนนั้นยังมีทีมตรวจสอบที่กองทัพสหพันธรัฐส่งมาเดินทางไปด้วย ในนั้นไม่เพียงมีแฮคเกอร์ระดับสูงจำนวนมาก เวลาเดียวกันยังมีผีซวีระดับสุดยอดหลายคนด้วย พวกเขาดึงดูดสายตาของชาวซีซาร์ได้สำเร็จ ทำให้ลูกสาวของเขาเจาะช่องว่างยึดความได้เปรียบมานิดหน่อย
จำเป็นต้องพูดว่า โชคในการรับภารกิจของลูกสาวเขาห่วยสุดยอด แต่ว่าโชคด้านการรับคนกลับดีเยี่ยมสุดๆ ไม่นึกเลยว่าเธอจะรับผีซวีระดับสุดยอดและแฮคเกอร์ระดับสุดยอดที่ซ่อนตัวอยู่ในหมู่ประชาชนเข้ามา (หลิงหลานโกหกตรงจุดนี้นิดหน่อย) กอปรกับโดยพื้นฐานแล้ว คนในทีมต่างเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงที่ครอบครองความสามารถในการรบไม่เลวเลย จึงทำภารกิจนี้ได้สำเร็จภายใต้สถานการณ์ที่อับจนแบบนั้น ได้รับข้อมูลที่ละเอียดมา ถึงขนาดที่จัดการกวาดเรียบผีซวีของซีซาร์ ช่วยเหลือทีมตรวจสอบของสหพันธรัฐอย่างลับๆ และซ่อนตัวเข้าไปในยานรบหนีกลับมาพร้อมกับทหารของสหพันธรัฐได้สำเร็จ
ตอนที่หลิงหลานบอกเรื่องพวกนี้ ในใจหลิงเซียวก็รู้สึกภาคภูมิใจจริงๆ แต่เขาก็นึกหวาดกลัวไม่หยุดเช่นกัน ควรรู้เอาไว้ถ้าเกิดผิดพลาดจุดเดียว นั่นก็คือพินาศทั้งทีม กระทั่งหลิงเซียวก็ต้องเลื่อมใสความใจกล้าของลูกสาวตัวเองเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ของการผจญภัยเต็มไปด้วยความสุขชื่นมื่น รางวัลที่ได้รับก็มหาศาล เมื่อนึกถึงหน่วยรบของลูกสาวที่กระโดดจากไร้ดาวมาเป็นห้าดาวทันที เรียกได้ว่าเป็นการทะยานขึ้นฟ้าในก้าวเดียว ระดับนี้ย่อมสามารถจัดอยู่ในอันดับหนึ่งในร้อยของหน่วยรบในโลกหุ่นรบ
แน่นอนว่าตอนนี้หน่วยรบของหลิงหลานไม่อาจเทียบเคียงพวกหน่วยรบที่อยู่ระดับสูงสุดได้ อย่างไรเสียหน่วยรบพวกนั้นก็เป็นหน่วยรบอสูรเฒ่าที่ก่อตั้งมาหลายสิบปีแล้ว หน่วยรบหลิงเซียวก็เคยเป็นหนึ่งในนั้น แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้บรรดาสมาชิกหน่วยรบของเขาในเวลานั้น ถ้าไม่ได้พลีชีพไปแล้วก็จากสหพันธรัฐไปไกลแล้ว ตอนนี้หลิงเซียวเป็นชื่อหน่วยรบที่ว่างเปล่า ไม่ใช่หน่วยรบที่แท้จริงอีกต่อไปแล้ว
หลังจากที่หลิงเซียวรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว เขาก็ให้หลิงหลานฝังเรื่องนี้ไว้ที่ก้นสมอง อย่าบอกใครอีก นี่ไม่เพียงทำเพื่อปกป้องหลิงหลาน ในขณะเดียวกันก็ทำเพื่อปกป้องพวกแฮคเกอร์กับผีซวีพลเมืองที่ไม่ได้ถูกทางกองทัพค้นพบด้วย
ทว่าหลิงเซียวก็ตระหนักได้เช่นกันว่า ระดับการก่อปัญหาของลูกสาวเขายังร้ายกาจกว่าเขาอยู่หลายขุม ตอนที่เขาทำภารกิจก่อตั้งหน่วยรบในเวลานั้น อย่างมากก็ไปก่อความวุ่นวายในอาณาเขตประเทศศัตรู สังหารหผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาไม่กี่คนก็เสร็จแล้ว แต่ลูกสาวของเขากำจัดผีซวีกับแฮคเกอร์ระดับสุดยอดของจักรวรรดิซีซาร์จำนวนมากทันที เชื่อว่าครั้งนี้จักรวรรดิซีซาร์คงต้องปวดใจแทบตายแล้ว
ดูเหมือนว่าเขาต้องแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจปกป้องลูกสาวที่หาญกล้าจนแทบยั่วยุสวรรค์ได้จริงๆ! หลิงเซียวคิดถึงตรงนี้ก็อดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้ นี่ก็คือภาระหน้าที่ของบิดาสินะ ถึงมันจะลำบากแต่กลับมีความสุขทำให้เขายินดียอมรับมัน
สองวันนี้หลิงเซียวดูเหมือนสบายๆ ว่างมากไม่มีอะไรทำ แต่ความจริงแล้วเขาลอบให้ขุมกำลังลับของตระกูลหลิงเริ่มตรวจสอบการเคลื่อนไหวทางฝั่งจักรวรรดิซีซาร์ ในขณะเดียวกันก็สั่งให้กองพลที่ยี่สิบสามเฝ้าจับตามองการเคลื่อนไหวของกองพลใหญ่ต่างๆ ของซีซาร์อย่างใกล้ชิด น่าเสียดายที่สองวันนี้ไม่ได้รับข่าวที่มีประโยชน์อะไรเลย นี่ทำให้หลิงเซียวกระวนกระวายใจอยู่บ้าง เขาเข้าใจจักรวรรดิซีซาร์ดี รู้ว่าอีกฝ่ายไม่มีทางกล้ำกลืนความโกรธเกรี้ยวที่สูญเสียอย่างลับๆ แบบนี้ อีกฝ่ายจะต้องมาล้างแค้นแน่นอน…
ถึงแม้หลิงหลานบอกว่าไม่ได้เปิดเผยร่องรอยของพวกเขาเลยในตอนที่ต่อสู้กับซีซาร์ แต่หลิงเซียวยังคงกังวลว่าหน่วยข่าวกรองของจักรวรรดิซีซาร์จะขุดเรื่องลูกสาวของเขาออกมาได้…
“วันพรุ่งนี้ต้องจากไปแล้วเหรอ? ถ้าเกิดอยู่ต่อได้อีกสักหลายวันก็คงดี” หลิงเซียวพลันรู้สึกว่าเวลาไม่เพียงพออยู่บ้าง ถ้าหากเขาอยู่ที่นี่ได้อีกหลายวัน ไม่แน่ว่าบางทีเขาอาจจะทำการป้องกันบางอย่างได้ เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็อดลอบถอนหายใจเฮือกหนึ่งไม่ได้ “หวังว่าทุกอย่างนี้เป็นเพียงแค่ฉันกังวลมากเกินไป”
หนึ่งคืนผ่านไปอย่างเงียบงัน เช้าวันรุ่งขึ้น นักเรียนทุกคนของโรงเรียนทหารต่างรีเฟรชฟอรั่มทางการของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง อยากได้ข้อมูลรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติโดยตรงจากผลการประเมินของกองพล…
กระทั่งนักเรียนใหม่ก็เบียดเข้าไปในกระแสความคึกคักนี้ เนื่องจากสามอันดับแรกของแต่ละกองทัพจะถูกประกาศคลิปวิดีโอการประเมินผลของพวกเขา บางทีนี่อาจจะทำให้พวกนักเรียนได้รับประสบการณ์บ้าง ถึงแม้พวกเขารู้ว่านี่อาจจะเป็นจินตนาการที่สวยงามของพวกเขา เพราะว่าเนื้อหาการประเมินของ แต่ละปีจะไม่เหมือนกันเลย แต่พวกรุ่นน้องชั้นปีต่ำๆ ยังคงกอดความคิดเผื่อว่ามีประโยชน์เอาไว้ และไปดูคลิปวิดีโอการประเมินเหล่านี้
“ยินดีด้วยลูกพี่ฮั่ว!” เฉียวถิงที่เข้าไปในฟอรั่มทางการสำเร็จแล้วก็ส่งข้อความยินดีให้กับฮั่วเจิ้นอวี่ทันที แม้ว่าเขาค่อนข้างประหลาดใจที่อีกฝ่ายเลือกสมัครเข้ากองพลที่ยี่สิบสาม ไม่ใช่กองพลที่หนึ่งที่เคยตัดสินใจก่อนหน้านี้ แต่ลูกพี่ฮั่วยังคงกลายเป็นคนที่ได้ผลคะแนนการประเมินสูงสุดของกองพลที่ยี่สิบสม สมกับที่เป็นหัวหน้าคนก่อนของกลุ่มเหลยถิงของพวกเขา
“ขอบใจมากรุ่นน้องเฉียว” ฮั่วเจิ้นอวี่เห็นผลคะแนนของตัวเองก็ดีใจสุดขีด ในขณะเดียวกันเขาเห็นว่าคนอื่นๆ ในหน่วยรบก็สอบเข้ากองพลที่ยี่สิบสามสำเร็จเหมือนกัน นี่หมายความว่านอกจากเนี่ยเฟิงหมิงที่ได้รับบาดเจ็บยังคงรักษาตัวแล้ว คนอื่นๆ ในทีมของพวกเขาต่างอยู่ครบ ไว้รอปีหน้าเนี่ยเฟิงหมิงสอบเข้ากองพลที่ยี่สิบสามได้สำเร็จ หน่วยรบของพวกเขาก็ไม่ขาดใครสักคนแล้ว
“พวกเราพ่ายแพ้แค่การต่อสู้บนสนามประลองกับกลุ่มนักเรียนใหม่เท่านั้น ต่อไปต้องพึ่งรุ่นน้องเฉียวจัดการเรื่องราวแล้ว” ฮั่วเจิ้นอวี่ครุ่นคิดสักพักแล้วยังคงเอ่ยเตือนหนึ่งประโยคว่า “ระวังหลิงหลานหัวหน้ากลุ่มนักเรียนใหม่เอาไว้ เขาแข็งแกร่งมากจริงๆ”
“ผมเชื่อว่า ผมไม่มีทางพ่ายแพ้ใครในการต่อสู้หุ่นรบครับ” เฉียวถิงได้ยินคำกล่าวก็ตอบอย่างเอาจริงเอาจังสุดขีด เขารู้ว่าลูกพี่ฮั่วมีเจตนาดี เป็นห่วงการต่อสู้ของเหลยถิงกับกลุ่มนักเรียนใหม่ในอนาคต ดังนั้นเขาจึงบอกลูกพี่ฮั่วอย่างจริงจังเช่นกันว่า ไม่จำเป็นต้องการเรื่องพวกนี้เลย
ฮั่วเจิ้นอวี่เงียบไปครู่หนึ่ง ถึงค่อยตอบว่า “รุ่นน้องเฉียว นายมีความมั่นใจในตัวเองก็ดีแล้ว” เขาไม่สามารถพูดกับเฉียวถิงว่า ความรู้สึกที่หลิงหลานมอบให้เขาคือเป็นคนที่ลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง สุดท้ายก็ได้แต่เปลี่ยนเป็นคำพูดประโยคนี้ เขายอมรับคำพูดของเฉียวถิง ในขณะเดียวกันก็อยากมอบความเชื่อมั่นให้ตัวเองสักเล็กน้อย
……
ในบ้านพักของหลิงหลาน พวกฉีหลงก็กำลังรีเฟรชฟอรั่ม แน่นอนว่าความสนใจของพวกเขาอยู่ที่กองพลที่ยี่สิบสาม เนื่องจากนั้นเป็นกองพลของพ่อลูกพี่ตน มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นสถานที่ที่พวกเขาต้องไปในอนาคต
“อ้าๆๆๆ ไม่นึกเลยว่าคุณลุงหลิงจะรับพวกฮั่วเจิ้นอวี่แล้ว…” ฉีหลงเป็นคนแรกที้เปิดเจอ เขากดเข้าไปที่เนื้อหาของกองพลที่ยี่สิบสามทันที และก็เห็นรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติสุดท้าย ชื่อที่คุ้นเคยหลายชื่อนั้นทำให้เขาอดร้องโหยหวนขึ้นมาไม่ได้
เนื่องจากหลิงเซียวเป็นพ่อของลูกพี่หลาน ต่อให้อายุจริงของหลิงเซียวจะเยาว์วัยกว่าพ่อของพวกเขา แต่พวกเขายังค เลือกเรียกว่าคุณลุงหลิงอย่างเคารพนับถือ หลิงหลานที่นอนอยู่บนโซฟากำลังเปิดอ่านข้อมูลกลุ่มอำนาจบางส่วนในที่ลับและที่แจ้งซึ่งเกี่ยวข้องกับตระกูลหลิงที่บิดาส่งให้เธอได้ยินคำเรียกขานว่าคุณลุงหลิงนี้เข้า ดวงหน้าเย็นชาแข็งทื่อของเธอก็กระตุกขึ้นโดยพลัน เอาเถอะ นึกถึงดวงหน้าอ่อนเยาว์ของพ่อเธอแล้ว ไม่สัมพันธ์กับคำเรียกขานว่าคุณลุงนี้เลยจริงๆ
“นี่มีอะไรให้น่าตื่นเต้นกัน นอกจากลูกพี่หลานของเราที่เขาเทียบไม่ได้แล้ว ทักษะการต่อสู้มือเปล่าของฮั่วเจิ้นอวี่ก็เป็นอันดับหนึ่งจากทั่วทั้งโรงเรียนทหาร” หานจี้จวินเห็นผลคะแนนนี้ก็ไม่ได้ประหลาดใจเลย
“ฉันแค่คิดไม่ออกว่า ทำไมเขาถึงสมัครเข้ากองพลที่ยี่สิบสาม” ฉีหลงขยี้หัวเอ่ยอย่างสับสน จากคำซุบซิบนินทาที่เซี่ยอี๋ได้รับมา ฮั่วเจิ้นอวี่เป็นคนที่ชื่นชมนับถือจอมพลที่หนึ่ง เขาสาบานมานานมากแล้วว่าจะต้องสมัครเข้ากองพลที่หนึ่ง
“บางทีอาจเป็นเพราะว่าผู้บัญชาการกองพลที่ยี่สิบสามคือคุณลุงหลิงเซียว” ลั่วล่างตอบกลับด้วยใบหน้าชื่นชม “หลังจากนี้ฉันเองก็จะสมัครเข้ากองพลที่ยี่สิบสาม…” ลั่วล่างกล่าวถึงตรงนี้ก็พลันตระหนักขึ้นมาได้ว่า ลูกพี่ตนยังไม่เคยพูดว่าจะสมัครเข้ากองพลไหน ดังนั้นเขาจึงรีบสอบถามลูกพี่หลานว่า “ลูกพี่ นายจะสมัครสอบเข้ากองพลที่ยี่สิบสามไหม?”
หลิงหลานปิดหน้าจอเสมือนจริงในมือ ตอบกลับอย่างเรียบนิ่งว่า “ทำไมถึงไม่สมัครล่ะ? มีคนคุ้มครองต้องดีอยู่แล้ว”
หลิงหลานรู้ดีว่า ต่อให้เธอเลือกสมัครเข้ากองพลอื่น พ่อของเธอจะต้องใช้อำนาจในมือพาเธอไปที่กองพลที่ยี่สิบสามแน่นอน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทำไมเธอจะต้องต่อต้านพ่อของเธอสิ้นเปลืองพลังงานด้วยล่ะ ยิ่งไปกว่านั้น เธอไม่ปฏิเสธที่จะไปกองพลที่ยี่สิบสามด้วย
“งั้นพวกเราก็ตกลงได้แล้ว พวกเราจะไปสมัครสอบเข้ากองพลที่ยี่สิบสามด้วยกัน” ลั่วล่างเอ่ยด้วยความตื่นเต้น คำพูดของเขาทำให้พวกเพื่อนๆ ข้างกายทยอยกันผงกศีรษะ พวกเขาตัดสินใจติดตามหลิงหลานมานานแล้ว นอกจากนี้เดิมทีหลิงเซียวก็เป็นไอดอลของพวกเขาด้วย หากสามารถไปที่กองพลที่ยี่สิบสามได้ พวกเขาต่างก็ยินดี
ลั่วล่างเพิ่งจะตื่นเต้นก็อารมณ์หดหู่ลงทันใด เขานิ่วหน้าเอ่ยด้วยความกังวลว่า “ไม่รู้ว่าสามคนที่เข้ามาใหม่จะเลือกกันยังไง?”
—————————