มู่หนานจือ – บทที่ 86 กลับวัง

มู่หนานจือ

มอบเรื่องของคนสกุลฟางให้หลี่เชียนแล้ว เจียงเซี่ยนก็เบาใจลงมาก

เวลานี้เฉาไทเฮาดีสงบ จ้าวอี้กำลังดีใจ หลี่เชียนทำงานราบรื่น ลุงของนางก็ไปได้ดีมากเช่นกัน นางอยู่ที่นี่ไปก็ไม่มีความหมายอะไร

เจียงเซี่ยนที่กินอิ่มแล้วไม่ได้กลับไปที่ตำหนักข้าง แต่บอกซุนเต๋อกงว่าให้เขาคิดหาทางไปแจ้งเจียงเจิ้นหยวนหน่อยว่านางจะรีบกลับเมืองหลวง

ทว่าเวลานี้เจียงเจิ้นหยวนกลับรู้สึกว่าขจัดวิกฤตแล้ว ถึงเจียงเซี่ยนจะอยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่วก็ไม่เป็นไรเช่นกัน จึงตั้งใจมาหาพร้อมกับเจียงลวี่โดยเฉพาะ และถามนางว่าจะดูกายกรรมก่อนแล้วค่อยไปหรือไม่

ตอนที่นางมาภูเขาวั่นโซ่วก็มาโดยอ้างว่ามาดูกายกรรม

เจียงเซี่ยนไม่ค่อยสนใจเรื่องพวกนี้นัก จึงปฏิเสธข้อเสนอของเจียงเจิ้นหยวนทางอ้อมว่า “จู่ๆ เฉาไทเฮาก็มอบอำนาจคืนให้ฝ่าบาท นี่เป็นเรื่องใหญ่ และภูเขาวั่นโซ่วก็ไม่ได้ตั้งใจปิดบัง แม้ว่าที่เมืองหลวงจะไม่ถึงกับแพร่ไปจนวิพากษ์วิจารณ์กันมากมาย แต่ก็น่าจะมีขุนนางรู้แล้วไม่น้อยเช่นกัน เวลานี้ไทฮองไทเฮาอยู่ในวังจะต้องกังวลมากแน่ๆ ข้ากลับไปเร็วหน่อย ก็จะได้ปลอบใจนางเช่นกัน”

เจียงเจิ้นหยวนรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนพูดจามีเหตุผล เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ได้! ไว้ข้าเสร็จงานช่วงนี้แล้ว ค่อยเข้าวังไปเยี่ยมเจ้าและคารวะไทฮองไทเฮา เจ้าก็ส่งคนไปแจ้งทางป้าสะใภ้เจ้ากับชินเอินป๋อด้วยว่าปลอดภัยดี”

ก่อนหน้านี้กลัวว่าจะมีคนลอบส่งข่าวให้คนของเฉาไทเฮา จึงห้ามทุกคนออกจากภูเขาวั่นโซ่ว เวลานี้ขุนนางคนสนิทของเฉาไทเฮาและผู้บัญชาการกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครเข้าคุกไปแล้ว ในมือเฉาไทเฮาไม่มีองครักษ์คนอื่นที่จงรักภักดีอย่างแน่วแน่อีกต่อไปแล้ว พวกเจียงเจิ้นหยวนถึงโล่งอก และนึกได้ว่าควรจะแจ้งข่าวกับคนในครอบครัว เขากำลังคิดว่าจะส่งเจียงลวี่ไป เจียงเซี่ยนก็มาบอกว่าจะกลับวังพอดี เจียงเจิ้นเหยวนจึงมอบเรื่องนี้ให้เจียงเซี่ยนเลย เจียงลวี่จะได้ว่างมาช่วยตนเองช่วงชิงผลประโยชน์ของตระกูลกับพวกวังจี่เต้า

เขาไปบอกจ้าวอี้แล้ว

จ้าวอี้กำลังยุ่งอยู่กับกิจของฮ่องเต้ ยังมีกะจิตกะใจสนใจเรื่องของเจียงเซี่ยนที่ไหนกัน เขาถามถึงเจียงเซี่ยนแสดงความใส่ใจอย่างพอเป็นพิธีไม่กี่คำ ก็หันหน้าไปคุยกับวังจี่เต้าเรื่องเลือกราชเลขาธิการและขุนนางที่ช่วยบริหารราชการแผ่นดินใหม่แล้ว

เจียงเจิ้นหยวนอดไม่ได้ที่จะรู้สึกดีใจที่เจียงเซี่ยนรู้เรื่องของจ้าวอี้กับคนสกุลฟาง ไม่อย่างนั้นหากพวกเขาไม่รู้เรื่องและให้เจียงเซี่ยนแต่งงานกับจ้าวอี้ จะไม่เป็นการทำร้ายเจียงเซี่ยนไปตลอดชีวิตงั้นหรือ

และเพราะคำนึงถึงความสอดรู้ของเหล่าสตรีที่ตำหนักอี๋อวิ๋น เจียงเจิ้นหยวนจึงให้เจียงลวี่หาเรือของขุนนางลำหนึ่งที่ไม่ค่อยสะดุดตานักให้เจียงเซี่ยน และส่งนางขึ้นเรือด้วยตนเอง

ตอนที่มาภูเขาวั่นโซ่วนางรู้สึกหดหู่ มาด้วยความหวาดกลัวที่ไม่รู้อนาคต ทว่าตอนกลับไปกลับรู้สึกมีความสุข รู้สึกว่าอนาคตที่มืดมนในชาติก่อนถูกมีดกรีดจนขาดเป็นรู และมีแสงแดดส่องเข้ามามากมาย

บางทีชีวิตของนางอาจจะสดใสในไม่ช้าแล้ว

เจียงเซี่ยนชมทิวทัศน์ระหว่างทาง รู้สึกว่ากิ่งเรียวยาวที่ลู่ลงมาของต้นหลิวที่ปลูกอยู่ทั่วสองฝั่งเหมือนผ้าไหมสีเขียวสิบล้านผืน สวยงามมาก

นางยิ้มพลางเอ่ยกับฉิงเค่อที่ชงนมซิ่งเหริน[1]มาให้นางว่า “ต่อไปที่ที่ข้าอยู่ก็ปลูกต้นหลิวด้วย”

ฉิงเค่อยิ้มและเอ่ยว่า “ถึงเวลานั้นท่านอยากปลูกอะไรก็ปลูกได้เจ้าค่ะ”

ถึงต่อไปท่านหญิงเจียหนานจะไม่แต่งงานกับตระกูลขุนนาง ก็สามารถตั้งจวนของตนเองได้เช่นกัน ซึ่งแน่นอนว่านางสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ

เจียงเซี่ยนก็ตั้งตารอชีวิตหลังจากนี้ของตนเองมากเช่นกัน

ทันใดนั้นนางนึกได้ว่ามีฤดูหนาวปีหนึ่งที่อ๋องเจี่ยนลาป่วย เดิมทีนางอยากไปเยี่ยมคนป่วย ทว่าซื่อจื่ออ๋องเจี่ยนกลับบอกนางว่าอ๋องเจี่ยนไปพักรักษาตัวที่น้ำพุร้อนภูเขาเสี่ยวทัง จนถึงเดือนสาม ปีหน้าถึงจะกลับมา นางจึงเลิกล้มเรื่องนี้ไป แต่พอคิดว่าอ๋องเจี่ยนแช่น้ำพุร้อนอยู่ที่ภูเขาเสี่ยวทังในช่วงที่อากาศหนาวที่สุดในฤดูหนาว ส่วนนางกลับถือชาเก๊กฮวยและดื่มเพื่อไม่ให้เป็นร้อนในอยู่ที่วังฉือหนิง นางก็รู้สึกอึดอัดมาก…

เจียงเซี่ยนจึงเรียกหลิวเสี่ยวหม่านเข้ามา และเอ่ยว่า “ขันทีเสี่ยวหม่าน ให้ข้ายืมตัวหลิวตงเยว่หน่อยเถอะ! ข้ามีงานให้เขาทำ!”

ตอนนางเจ็ดแปดขวบเคยเรียกหลิวเสี่ยวหม่านว่า ‘ขันทีเสี่ยวหม่าน’ ตอนหลังโตแล้ว บุคลิกน่าเกรงขามและจริงจังมากขึ้นทุกวัน ก็ไม่เคยเรียกหลิวเสี่ยวหม่านแบบนี้อีกเลย

ความสุขที่เผยออกมาในน้ำเสียงของเจียงเซี่ยนอย่างมากมายทำให้เขามีความสุขไปด้วย เขายิ้มตาหยีและตกลงอย่างเร็วมาก พลางเอ่ยอย่างดีใจว่า “ท่านหญิงจะทำอะไรหรือขอรับ? จะให้ข้าช่วยหรือไม่?”

ท่านหญิงเจียหนานมีรอยยิ้มบนหน้า ไทฮองไทเฮามีความสุข นางก็มีความสุขแล้ว ทั้งวังฉือหนิงก็จะผ่อนคลายและน่าอยู่ขึ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งจู่ๆ เฉาไทเฮาก็มอบอำนาจคืนให้ฮ่องเต้ ชีวิตในวังฉือหนิงก็จะสบายมากขึ้นแล้ว

“ตอนนี้ยังไม่ใช้” เจียงเซี่ยนรู้ว่าคนที่สามารถเป็นถึงหัวหน้าขันทีในวังได้อย่างพวกเขานั้น แต่ละคนต่างมีฝีมือเป็นของตนเอง นางจึงไม่เกรงใจหลิวเสี่ยวหม่าน และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “หากหลิวตงเยว่ทำต่อไปไม่ได้แล้ว คนที่เป็นอาจารย์อย่างเจ้ายังสามารถมองอยู่เฉยๆ ได้งั้นหรือ!”

“นั่นก็จริงขอรับ!” หลิวเสี่ยวหม่านค้อมตัว และยิ้มจนตาปิด

นางในและขันทีที่รับใช้เจียงเซี่ยนในห้องโดยสารบนเรือต่างก็ยิ้มออกมา

หลิวตงเยว่ถือโอกาสเข้าไปหยอกให้เจียงเซี่ยนอารมณ์ดี โดยยิ้มและเอ่ยอย่างประจบว่า “ท่านหญิง มีอะไรจะสั่งหรือขอรับ? ท่านวางใจได้เลย ท่านอาจารย์ชมว่าข้าทำงานเป็นมาตั้งแต่เล็ก เรื่องที่ท่านสั่งข้า จะต้องไม่พลาดอย่างแน่นอนขอรับ”

ใครจะไม่ชอบบรรยากาศแห่งความสุขล่ะ?

เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “สองวันนี้เจ้าหาเวลาว่างไปจวนเจิ้นกั๋วกงหน่อย ให้พ่อบ้านที่ดูแลที่นาของจวนพวกเขาไปหาบ้านหลังหนึ่งที่ภูเขาเสี่ยวทังมาให้ข้า ต้องมีน้ำพุร้อน แล้วก็ต้องแช่น้ำพุร้อนได้ทั้งในและนอกบ้าน หากหาหลังที่มีอยู่แล้วไม่เจอ ก็ไปหาหน่วยงานที่ดูแลเรื่องนี้ วงมาให้ข้า แล้วข้าจะสร้างเอง”

นางไม่ใช่ฮองเฮาแล้ว ก็สามารถไปใช้ชีวิตที่นั่นในช่วงฤดูหนาวกับไป๋ซู่ได้แล้ว

คิดถึงตรงนี้ นางก็เริ่มคิดถึงไป๋ซู่ที่ไม่ได้เจอกันมาสองวันแล้ว

หลิวตงเยว่รีบขานรับ

ทุกคนก็คุยกันอย่างต่อเนื่องว่าจะสร้างบ้านเองดีหรือซื้อบ้านเก่าไปเลยดี

ทุกคนพูดคุยและหัวเราะ ในที่สุดก็กลับถึงเมืองหลวงทันก่อนที่เมืองหลวงจะห้ามสัญจรในตอนกลางคืน

พอเข้าไปทางประตูเสินอู่ ไป๋ซู่กับเมิ่งฟางหลิงที่ได้ข่าวก็มารออยู่หน้าประตูนานแล้ว

การเปลี่ยนแปลงที่ภูเขาวั่นโซ่วแพร่มาถึงวังฉือหนิง พวกไทฮองไทเฮาได้ยินแล้วก็รู้สึกกลัวอยู่พักหนึ่ง ด้วยกลัวว่าเจียงเซี่ยนจะเจออันตรายอะไร แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ถือว่าจบเรื่องแล้ว จ้าวอี้ว่าราชการด้วยตนเอง ต่อให้เจียงเซี่ยนลำบากแค่ไหน ก็มีฮ่องเต้ค้ำจุนอยู่ สงสารก็แต่ไป๋ซู่ ต้องเป็นห่วงทั้งเจียงเซี่ยนและเฉาเซวียน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลานี้เฉาเซวียนเป็นผู้แพ้แล้ว หากยังทำตัวเหมือนเดิมและไม่รู้จักสำนึกผิดและปรับปรุงตัว เกรงว่าคงจะต้องลำบาก

นางจับมือของเจียงเซี่ยนและสังเกตอยู่พักหนึ่ง

เมิ่งฟางหลิงเห็นเจียงเซี่ยนหน้าแดงเลือดฝาด สายตามีชีวิตชีวา ก็รู้ว่านางอยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่วสบายดี จึงหมดห่วงในที่สุด และเร่งให้เจียงเซี่ยนรีบกลับวังฉือหนิง “เมื่อวานไทฮองไทเฮาไม่ได้นอนทั้งคืนเจ้าค่ะ”

เจียงเซี่ยนรู้สึกผิดมาก จึงรีบขึ้นเกี้ยวตามพวกนางไปวังฉือหนิง

ไทฮองไทเฮารออยู่อย่างร้อนใจ กำลังขมวดคิ้วและเอ่ยกับไทฮองไท่เฟยว่า “ทำไมยังไม่กลับมาอีก” ก็มีนางในเลิกม่านขึ้น และเจียงเซี่ยนก็เดินข้ามธรณีประตูเข้ามา

“เสด็จยาย!” เจียงเซี่ยนถลาเข้าสู่อ้อมกอดของไทฮองไทเฮาเหมือนลูกนกนางแอ่นเข้าป่า และเอ่ยอย่างออดอ้อนว่า “หม่อมฉันคิดถึงเสด็จยายมาก! ภูเขาวั่นโซ่วยุ่งวุ่นวาย ตอนที่ข้าจากมา งานเลี้ยงวันเกิดยังไม่เริ่มเลยเพคะ! ไม่แน่ฝ่าบาทอาจจะลืมเรื่องอวยพรวันเกิดไทเฮาไปจนหมดสิ้นตั้งนานแล้วก็ได้”

ปีที่แล้วตอนงานวันเกิดของไทฮองไทเฮา เฉาไทเฮาอ้างว่าท้องพระคลังว่างเปล่า และจัดโต๊ะต้อนรับบรรดาญาติให้ไทฮองไทเฮาเพียงไม่กี่โต๊ะ แม้ไทฮองไทเฮาจะไม่พูดออกมา ทว่าก็คิดอยู่ในใจ ดังนั้นก็ถือว่านางแก้แค้นให้ไทฮองไทเฮาเล็กๆ น้อยๆ แล้วกัน!

———————————–

[1] นมซิ่งเหริน = นมอัลมอนด์

Related

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท