มู่หนานจือ – บทที่ 112 ตัดสินใจ

มู่หนานจือ

เจียงเซี่ยนตัดสินใจลองสืบเรื่องของหลิวชิงหมิง

งานนี้มอบให้ให้หลิวตงเยว่จัดการ

หลังจากนั้นเพียงสองวันหลิวตงเยว่มารายงานนาง เจียงเซี่ยนตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก

นึกไม่ถึงว่าหลิวชิงหมิงจะใช้เส้นสายของคนสกุลฟางเข้าท้องพระคลัง

ตอนนั้นเจียงเซี่ยนกำลังทาเล็บอยู่บนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่าง พอได้ยินก็ลุกขึ้นมานั่งทันที จนนางในที่ทาเล็บให้นางเกือบจะทำน้ำดอกเทียนเปื้อนบนนิ้วของนาง

“เจ้าไม่ได้สืบมาผิดใช่หรือไม่?” เจียงเซี่ยนเบิกตาโต “แม่นมฟางแนะนำหลิวชิงหมิง? หลิวชิงหมิงเข้าท้องพระคลังผ่านใครนะ?”

คนในวังต่างคิดว่าคนสกุลฟางไปเยี่ยมสามีที่รับราชการอยู่ที่เป่าติ้งกับลูกชาย ทว่ามีเพียงนางกับจ้าวอี้ที่รู้เบื้องหลัง ตอนนี้จ้าวอี้กำลังตามหาคนสกุลฟางทั่วทุกที่ แล้วนางจะเป็นคนแนะนำหลิวชิงหมิงให้จ้าวอี้ได้อย่างไร?

หลิวตงเยว่เห็นเจียงเซี่ยนไม่พอใจกับคำตอบนี้ ก็อดที่จะทำหน้ากลุ้มใจไม่ได้ และเอ่ยว่า “ท่านหญิง ข้าสืบมาแน่ชัดแล้วจริงๆ ขอรับ หลิวชิงหมิงผู้นี้แม่นมฟางเป็นคนแนะนำเข้ามา ขันทีตู้แห่งวังเฉียนชิงเป็นคนจัดการเองกับมือ เพื่อเรื่องนี้ ข้ายังตั้งใจไปพบขันทีตู้มาโดยเฉพาะด้วย ข้าแสร้งทำเป็นเอ่ยถึงเรื่องของหลิวชิงหมิงโดยไม่ได้ตั้งใจ ขันทีตู้ยังบอกข้าว่าหลิวชิงหมิงเคยช่วยแม่นมฟางตอนที่นางลำบากไว้ไม่น้อย และยังบอกข้าอีกว่า เรื่องที่ให้เขาเข้าท้องพระคลัง เป็นพระราชประสงค์ของฝ่าบาท…”

เรื่องนี้ทำให้เจียงเซี่ยนสับสนมาก

ทว่าประสบการณ์ชีวิตบอกนางว่า เรื่องที่ไม่เข้าใจก็วางไว้ในใจไปก่อน ไม่จำเป็นต้องจดจ่ออยู่ตลอดเวลา ถึงเวลาเรื่องราวก็จะเปิดเผยออกมาเองอย่างแน่นอน

สิ่งที่นางต้องสนใจในเวลานี้คือเรื่องไปเล่นบนน้ำแข็งที่ทะเลสาบสือช่าวันที่สิบเดือนหนึ่ง

จ้าวอี้เรียกหมอหลวงเถียนมาตรวจชีพจรให้นางที่วังฉือหนิงแล้ว

ไทฮองไทเฮากับเจียงเซี่ยนต่างแปลกใจมาก

จนหมอหลวงเถียนตรวจชีพจรและบอกว่าปลอดภัยแล้ว ไทฮองไทเฮาก็ให้หมอหลวงเถียนอยู่คุยต่อ “…ปีนี้เป่าหนิงอายุสิบสี่แล้ว ปีหน้าก็เข้าพิธีปักปิ่นแล้ว ข้าอยากถามว่า นางเหมาะที่จะแต่งงานในสองปีนี้หรือไม่?”

หมอหลวงเถียนได้ยินข่าวลือบางอย่างมาแว่วๆ ว่าเจียงเซี่ยนอาจจะแต่งงานกับฮ่องเต้ แน่นอนว่าตอนที่เขาพูดก็ต้องระวังเป็นอย่างมาก “ตั้งแต่ท่านหญิงอายุสิบขวบ ร่างกายก็ค่อยๆ ดีขึ้น แต่ถึงอย่างไรนางก็เป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด แต่งงานนั้นไม่เป็นไร แค่เกรงว่าหากถึงเวลาตั้งครรภ์ จะส่งผลกระทบต่อแม่…”

ความนัยที่แฝงในนั้นคือ แต่งงานได้ แต่มีลูกช้าหน่อยจะดีที่สุด

ไทฮองไทเฮาพยักหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่าง และให้คนส่งหมอหลวงเถียนออกจากวัง ส่วนนางไปที่ตำหนักของเจียงเซี่ยน

นี่ยังเป็นครั้งแรกที่ไทฮองไทเฮาเหยียบย่างเข้ามาในตำหนักของเจียงเซี่ยนหลังจากเทศกาลฉงหยาง

ตำหนักของเจียงเซี่ยนตกแต่งใหม่อีกแล้ว

‘ภาพปี่แป่ในฤดูใบไม้ร่วง’ อันเดิมเปลี่ยนเป็น ‘ภาพดอกซิ่ง[1]ในฤดูใบไม้ผลิ’ แล้ว แจกันเหมยจิ่งไท่หลานอันเดิมถูกเปลี่ยนเป็นคนโทเครื่องเคลือบสีแดงจี้หง[2]แล้ว ตลับหมึกเคลือบทองลายต้นสนกับนกกระเรียนเปลี่ยนเป็นตลับหมึกหินสีเทาลายกล้วยไม้กับต้นไผ่…ในความงดงามของเครื่องเรือนภายในห้องเผยให้เห็นความมีชีวิตชีวาอย่างเบาบาง ทั้งเหมาะกับอากาศในเวลานี้และเหมาะกับสภาพอากาศช่วงเทศกาลตรุษจีน

ไทฮองไทเฮานั่งลงบนเตียงอุ่นหลังใหญ่ใกล้หน้าต่าง และลูบหนังสือคู่มือหมากล้อม ‘รวมลืมทุกข์สุขแท้จริง’ ที่วางอยู่บนโต๊ะของเตียงอุ่น พลางถอนหายใจเบาๆ ในใจ

ไทฮองไทเฮานึกถึงภาพที่เจียงเซี่ยนใส่เสื้อผ้าให้หุ่นไม้ตอนเด็ก

นางอดไม่ได้ที่จะจับมือของเจียงเซี่ยน ให้หลานสาวนั่งลงข้างตนเอง และถามเจียงเซี่ยนด้วยเสียงอ่อนโยน “เป่าหนิง ฝ่าบาทอยากชวนเจ้าไปเล่นบนน้ำแข็งที่ทะเลสาบสือช่าวันที่สิบ เจ้าอยากไปหรือไม่?”

“ไม่อยาก!” เจียงเซี่ยนตอบโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ “อากาศหนาวมาก ใครจะอยากไปที่นั่น” แล้วคิดได้ว่าไทฮองไทเฮาคงจะไม่เอ่ยเรื่องนี้อย่างไร้สาเหตุ จึงเอ่ยอีกว่า “หากฝ่าบาทออกราชโองการ หม่อมฉันก็ไป ถ้าฝ่าบาทไม่ออกราชโองการ หม่อมฉันก็อยู่ในวัง จะได้ช่วยจ่างจูตรวจนับของที่นางสามารถนำออกจากวังได้ด้วย”

ไทฮองไทเฮาฟังที่นางพูดแล้วก็ไม่ได้แสดงสีหน้ายิ้มออกมา แต่พึมพำว่า “ข้าจำได้ว่ามีอยู่ปีหนึ่งที่อาลวี่พาเจ้าไปเล่นบนน้ำแข็งที่ทะเลสาบสือช่า เจียงเจิ้นหยวนรู้เรื่องแล้วจะตีอาลวี่ เจ้าก็บอกว่าเจ้าบังคับให้อาลวี่พาเจ้าไป ตอนหลังเจ้ายังแอบหนีออกไปครั้งหนึ่งด้วย…”

เจียงเซี่ยนหน้าแดง และเอ่ยว่า “เสด็จยาย ตอนนั้นหม่อมฉันอายุยังน้อยไม่รู้ความ หม่อมฉันไม่ได้อยากไปเล่นบนน้ำแข็ง หม่อมฉันอยากกินถั่วใส่เครื่องเทศทั้งห้ากับมันเผาที่ขายที่นั่นต่างหาก…หากตามฝ่าบาทไป จะต้องไม่ได้กินอะไรเลยอย่างแน่นอน แล้วหม่อมฉันยังไปที่นั่นทำไม? ตากลมหนาวเป็นเพื่อนพวกเขาหรือ!”

ไทฮองไทเฮาหัวเราะออกมา และลูบศีรษะนางเบาๆ พลางเอ่ยว่า “งั้นก็ดี! หากฝ่าบาทออกราชโองการ เจ้าก็ไป ถ้าไม่ออกราชโองการ เจ้าก็เล่นไพ่อยู่ในวังเป็นเพื่อนยาย…พอจ่างจูกลับไปแล้ว ไพ่ก็ไม่ครบขาแล้ว”

เจียงเซี่ยนยิ้มและเอ่ยว่า “ให้ฝ่าบาทตั้งฮองเฮาเร็วหน่อยก็ได้ แบบนี้พวกเราก็มีขาไพ่เพิ่มมาอีกคนแล้ว” พอเอ่ยถึงตรงนี้ นางก็เอ่ยอย่างกลุ้มใจเล็กน้อยว่า “ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าฮองเฮาจะเป็นคนอย่างไร? หากเข้ากันไม่ได้และยังต้องอดทนเล่นไพ่กับนาง นั่นก็น่าหนักใจจริงๆ แต่หม่อมฉันว่าท่านหญิงอู่หยางกับท่านหญิงตงหยางต่างก็เล่นไพ่เก่ง แล้วก็เป็นคนตรงไปตรงมา เสด็จยายเรียกท่านหญิงตงหยางมาพักชั่วคราวดีกว่า…”

ถึงอย่างไรพวกเขาสองคนก็ไม่ได้อาศัยอยู่ด้วยกันตั้งนานแล้ว

ท่านหญิงตงหยางเข้ามาอยู่เป็นเพื่อนไทฮองไทเฮา ยังสามารถข่มขู่ครอบครัวของสามีนางได้ด้วย

ไทฮองไทเฮาหัวเราะ ทว่าในใจกลับเสียใจมาก

เจียงเซี่ยนรู้เรื่องในวังเป็นอย่างดี แล้วก็สามารถจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เรียบร้อยได้อย่างเยือกเย็น เพียงแต่ไม่รู้ว่าพอนางไปอยู่ข้างนอกแล้วยังจะได้เจอสภาพแวดล้อมที่เหมาะกับตนเองเหมือนอยู่ในวังหรือไม่!

อาจจะเพราะตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะให้เจียงเซี่ยนแต่งงานออกไปก่อนจ้าวอี้ตั้งฮองเฮา ไทฮองไทเฮาจึงเริ่มอาลัยอาวรณ์นางเป็นพิเศษ และให้เจียงเซี่ยนอยู่ด้วยตั้งแต่เช้าจรดค่ำ บางครั้งยังออกไปเดินเล่นในสวนดอกไม้เล็กๆ ของวังฉือหนิงเป็นเพื่อนเจียงเซี่ยน และสั่งให้นางเด็ดดอกเหมยสองกิ่งให้เจียงเซี่ยนเอากลับไปเลี้ยงในตำหนักด้วย

พอถึงวันที่แปด นึกไม่ถึงว่าจ้าวอี้จะออกราชโองการว่าจะไปเล่นบนน้ำแข็งที่ทะเลสาบสือช่าจริงๆ

หน่วยองครักษ์ กรมกลาโหม และกองบัญชาการปัญจทิศรักษานครรีบไปจัดการสถานที่และถนนที่ทะเลสาบสือช่า แต่เจียงเซี่ยนกลับขมวดคิ้วแน่น และบ่นต่อหน้าไป๋ซู่ว่า “ฝ่าบาทจะทำอะไรกันแน่? แบบนี้ก็ถือว่ารบกวนผู้อื่นเหมือนกันรู้ไหม?”

ทว่าไป๋ซู่กลับอ่านราชโองการที่คัดลอกส่งมาอย่างละเอียด และเอ่ยว่า “ไม่เพียงแต่เจ้ากับข้าต้องไป ท่านหญิงชิงอี๋ ไช่หรูอี้ของจิ้นอันโหว คุณหนูสองคนของตระกูลอันกั๋วกง คุณหนูใหญ่ของตระกูลอันลู่โหว คุณหนูสองคนของตระกูลราชเลขาธิการวัง และคุณหนูของตระกูลซูเพ่ยเหวินรองเสนาบดีกรมพิธีการ…ก็ต้องไปด้วยหมด”

ทั้งหมดเป็นเด็กสาวที่อายุเหมาะสม!

จ้าวอี้จะเลือกฮองเฮางั้นหรือ?

เจียงเซี่ยนกับไป๋ซู่อดที่จะแลกเปลี่ยนสายตากันไม่ได้

“เจ้าคิดจะทำอย่างไร?” ไป๋ซู่อดไม่ได้ที่จะเอ่ย

ฮ่องเต้จะเลือกฮองเฮาควรให้ไทเฮามาดู แต่ไทเฮาถูกฮ่องเต้กักบริเวณไปแล้ว ฮ่องเต้อยากทำสิ่งที่ออกนอกกรอบก็ไม่มีคนไปขัดขวางแล้วเช่นกัน

เจียงเซี่ยนถอนหายใจอย่างจนใจ และเอ่ยว่า “หากข้ามีคนที่ชอบสักคนก็ดี ข้าจะได้พยายามไขว่คว้ามาให้ได้เหมือนเจ้า แล้วก็จะได้ไม่ต้องเป็นบันไดที่จะก้าวไปสู่ความก้าวหน้าให้ฮองเฮาในอนาคตด้วย!”

ไป๋ซู่ถึงได้รู้อย่างแน่ชัดว่าเจียงเซี่ยนไม่อยากแต่งงานกับจ้าวอี้

นางไม่ได้ถามว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่ นางมักจะรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนดูเหมือนเอาแต่ใจและโอหัง ทว่าไม่เคยสะเพร่าในเรื่องสำคัญ ในเมื่อเจียงเซี่ยนตัดสินใจแบบนี้ ก็จะต้องมีเหตุผลของตนเองอย่างแน่นอน

ยิ่งกว่านั้นเรื่องในวังก็ไม่เคยทนการดักฟังได้

“งั้นพวกเราจะไปหรือไม่?” ไป๋ซู่ถามเจียงเซี่ยน

เจียงเซี่ยนมองชื่อของเจียงลวี่กับหวังจ้านในราชโองการ และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ไป! ทำไมจะไม่ไป! ฝ่าบาทออกราชโองการมาแล้ว หากพวกเราไม่ไป จะไม่เป็นการส่งตนเองไปอยู่ในที่ที่อันตรายที่สุดหรือ? ข้าไม่ว่างเล่นลูกไม้นี้เป็นเพื่อนเขา!”

——————

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท