หลี่เชียนก็เข้าใจเจตนาของจ้าวอี้ทันทีเช่นกัน
สีหน้าของเขาจึงซีดตามไปด้วย ในใจเหมือนคลื่นลูกใหญ่โหมซัดสาดกระทบโขดหินอย่างแรง ทำให้ความโกรธที่ไม่สามารถอธิบายได้ผุดออกมาดั่งสายน้ำ เขาปิดความโกรธนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ จนมันพุ่งตรงเข้าไปในความคิดของเขา
“เกินไปแล้ว!” สายตาของเขาโหดเหี้ยมและดุดัน สีหน้านิ่งสนิท “ฝ่าบาทเป็นฮ่องเต้ เป็นผู้ปกครองทั้งใต้หล้า แล้วฝ่าบาทจะทำแบบนี้ได้อย่างไร?”
หากสุดท้ายฮองเฮาไม่ใช่เจียงเซี่ยน นางจะทำอย่างไร?
ชั่วขณะนั้นเขาก็คิดอยากจะฆ่าจ้าวอี้แล้ว
หลี่เชียนที่ดูเหมือนเปลี่ยนไปเป็นคนละคนทำให้เจียงเซี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก นางร้องอย่างตกใจเบาๆ และถอยหลังติดกันหลายก้าว
นาง…นางเหมือนกับเห็นหลี่เชียนที่บุกเข้ามาในวังฉือหนิงของนางอีกครั้ง
เละเทะไปทั้งตัว และเลือดยังคงหยดจากดาบที่สะท้อนแสงอันเย็นยะเยือกไปรอบด้าน
เจียงเซี่ยนหันตัวไป แล้วน้ำตาก็ไหลลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
ทำไมถึงเป็นหลี่เชียน?
ทำไมถึงเป็นเจ้าคนสารเลวนี่?
เขาหาเรื่องใครไม่ได้ จึงต้องมาหาเรื่องนางหรือ?
ในสมองของเจียงเซี่ยนตีกันยุ่งเหยิงมาก เรื่องราวในอดีตเบียดเสียดเข้ามาเหมือนสายน้ำ ทว่านางก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า เรื่องราวในอดีตกับคนๆ นี้ในตอนนี้ไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่นิดเดียว นางไม่รู้ว่าตนเองควรจะทำอย่างไร แล้วก็ไม่รู้เช่นกันว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ และยิ่งไม่อยากรู้ว่าหลังจากนี้จะทำอย่างไร…นางแค่อยากหยุดอยู่ตรงนี้ หยุดอยู่ ณ เวลานี้ ให้นางร้องไห้อย่างเต็มที่สักรอบ และให้นางเป็นคนโง่ที่ไม่คิดอะไรทั้งนั้นสักครั้ง
ทว่าหลี่เชียนกลับตกใจกับความเสียใจของเจียงเซี่ยน เขาตกตะลึงจนไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี?
เข้าไปปลอบใจ เขาก็เหมือนจะไม่มีสิทธินี้ ทำอะไรให้นางไม่ได้และดูนางปิดหน้าร้องไห้ เหมือนแมวตัวน้อยที่ซ่อนตัว หัวใจเขาก็เหมือนฉีกเป็นสองชิ้น จนเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสเป็นระยะ…
ดีที่เขาเป็นคนหนักแน่นและเด็ดเดี่ยว เพียงไม่กี่อึดใจก็ตัดสินใจได้อย่างแน่วแน่แล้ว
“ไม่ต้องร้องไห้แล้ว!” เขาเข้าไปตบบ่าของนางเบาๆ และเอ่ยเสียงเบาว่า “ท่านเชื่อข้าหรือไม่? หากท่านเชื่อ ข้าจะคิดหาทางให้ฝ่าบาทแต่งงานกับท่าน”
เขาพูดไป สายตาก็ฉายแววโหดเหี้ยมออกมาโดยที่ตัวเขาเองไม่รู้ด้วยซ้ำ
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าเขากำลังพูดจาเหลวไหลอีกแล้ว
“เจ้าจะทำอย่างไรให้ฝ่าบาทแต่งงานกับข้า?” นางเอ่ยปนสะอึกสะอื้น พลางคลำหาผ้าเช็ดหน้าอย่างลวกๆ มาเช็ดน้ำตา “เจ้าบังคับฝ่าบาทได้ด้วยงั้นหรือ?”
“ข้าบังคับฝ่าบาทไม่ได้ก็จริง” หลี่เชียนเห็นเจียงเซี่ยนค่อยๆ หยุดร้องไห้แล้ว หัวใจก็ค่อยๆ สงบลงตามไปด้วย สมองจึงคิดออกอย่างเร็วมากเช่นกัน “แต่ข้ารับใช้อยู่ข้างพระวรกายเฉาไทเฮา เฉาไทเฮาไว้วางพระทัยข้ามาก ข้าจะคิดหาทางให้เฉาไทเฮาตัดสินพระทัยเรื่องแต่งงงานให้ฝ่าบาท…ท่านไม่ต้องกังวล”
เจียงเซี่ยนไม่สงสัยเลยว่าเขาจะทำไม่ได้ เพียงแค่รู้สึกว่านิสัยพูดเองเออเองของเขาทำให้นางอยากหัวเราะ
นางเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้อยากแต่งงานกับฝ่าบาท ข้าแค่อยากแต่งงานออกไปก่อนฝ่าบาทตั้งฮองเฮา และทำให้แผนการที่คิดแต่จะให้ตนเองได้ผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวของฝ่าบาทล้มเหลวเท่านั้น”
หลี่เชียนเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “การแต่งงานเป็นเรื่องชีวิตทั้งชีวิต ทำไมท่านถึงประมาทแบบนี้? ผ่านปีใหม่ไปแล้ว ฝ่าบาทก็น่าจะเจรจาเรื่องแต่งงานแล้วกระมัง? เวลาสั้นขนาดนี้ ท่านจะไปหาคนที่เหมาะสมจะแต่งงานที่ไหน?” พอเอ่ยถึงตรงนี้ ใบหน้าอ่อนโยนตอนที่หวังจ้านมองเจียงเซี่ยนก็ฉายวาบผ่านไปในความทรงจำของเขาในทันใด เขาอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ และเอ่ยว่า “ท่านคงจะไม่ได้มีคนที่ชอบแล้วใช่หรือไม่?”
“ไม่มี!” เจียงเซี่ยนเช็ดน้ำตาบนหน้าจนสะอาด และเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ข้าไม่มีคนที่ชอบ!”
ตั้งแต่ไหนแต่ไรมาสิ่งที่นางชอบก็ไม่ใช่ชื่อเสียงและเกียรติยศ แต่เป็นภาระอันหนักอึ้ง แล้วนางจะแข็งใจบดขยี้คนที่นางชอบได้อย่างไร
ทว่าสีหน้าของหลี่เชียนกลับเคร่งขรึมมากขึ้นแล้ว
เขาเข้าใจเจียงเซี่ยน
แม้ตอนนี้นางจะยังคิดแผนการรับมือไม่ออก แต่นางพูดออกมาแล้ว พอไปจากที่นี่ ไม่นานนางก็จะต้องคิดแผนการรับมือออกอย่างแน่นอน
“ท่านทำแบบนี้ไม่ได้!” เขาเอ่ย “ท่านไม่จำเป็นต้องแบกรับเรื่องนี้เองด้วยซ้ำ เจิ้นกั๋วกงน่าจะยังไม่รู้ หากเขารู้ ก็น่าจะสกัดข่าวลือพวกนี้ได้แน่ แต่สำหรับฝ่าบาท ท่านไม่อยากเป็นฮองเฮาจริงๆ หรือ? อันที่จริงถึงแม่นมฟางจะคลอดลูกชายคนโตที่เกิดจากสนมออกมาก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับท่านเช่นกัน เฉาไทเฮาไม่มีทางอนุญาตให้เด็กคนนี้เติบโตอย่างเปิดเผยเป็นแน่…”
เจียงเซี่ยนแทบอยากจะตีศีรษะเขาเดี๋ยวนี้และเปิดดูว่าทำจากรากต้นอวี๋[1]ที่แข็งแรงหรือเปล่า
“ข้าบอกเจ้าหลายรอบแล้วว่า ข้าจะไม่แต่งงานกับจ้าวอี้” นางถลึงตาใส่หลี่เชียน “เจ้าแก่แล้วสับสน จึงลืมไปแล้วหรือ”
“ไม่ใช่!” แน่นอนว่าหลี่เชียนรู้ว่าเจียงเซี่ยนไม่ชอบจ้าวอี้ ทว่าผู้หญิงมากมายไม่ชอบสามีของตนเองก็แต่งอยู่ดีไม่ใช่หรือ เขาเอ่ยว่า “ข้าแค่หวังว่าท่านจะคิดให้ดี ท่านไม่อยากเป็นฮองเฮาจริงๆ หรือ? หากท่านไม่เป็นฮองเฮา ต่อไปเข้าวังอีกก็เป็นสตรีบรรดาศักดิ์แล้ว และก็ต้องคุกเข่าถวายพระพรฮองเฮา แล้วพอเจอฝ่าบาทก็ต้องคุกเข่าถวายพระพรเช่นกัน ท่านทำได้หรือ?”
เจียงเซี่ยนอึ้งไป
ชาติก่อนที่นางตกลงเป็นฮองเฮา ก็ยังเพราะเหตุผลนี้ด้วยจริงๆ
นางจินตนาการไม่ออกมาว่าใครจะทำให้นางยอมคุกเข่าคำนับได้อย่างจริงใจ
เจียงเซี่ยนคิดไม่ถึงว่า หลี่เชียนเป็นหนึ่งในคนที่เข้าใจนาง
นางมองไปทางทะเลสาบสือช่าที่เสียงดังโหวกเหวกอย่างตื่นตะลึง และไม่เอ่ยสิ่งใดอยู่นานมาก
หลี่เชียนเตือนนางเสียงเบาว่า “เครื่องสำอางของท่านเลอะเล็กน้อย จะให้คนมาเช็ดหน้าให้ท่านใหม่หรือไม่?”
สถานที่แบบนี้ เช็ดหน้าได้ที่ไหนกัน?
เจียงเซี่ยนส่ายหน้า และเอ่ยว่า “ให้พวกนางเดาไป ถึงอย่างไรพวกนางก็ไม่กล้าถามข้าอยู่ดี”
แต่หลี่เชียนกลับเอ่ยว่า “ลมค่อนข้างแรง ข้ากลัวว่าจะทำร้ายผิวหน้าของท่าน”
เจียงเซี่ยนกลัวจนใจเต้นแรง
หลี่เชียนเอ่ยแล้วว่า “ท่านอย่าหลบอยู่ในมุมกำแพงและคิดหาทางเองคนเดียวเลย เรื่องนี้ต้องให้เจิ้นกั๋วกงรู้ ท่านอย่าได้ทำอะไรมั่วซั่ว ระวังจะพาตนเองเข้าไปพัวพันด้วย” พอคิดว่านางเป็นคนที่มีความคิดเป็นของตนเองมาก ก็รีบเอ่ยเสริมอีกว่า “ข้าไม่ได้คิดว่าวิธีที่ท่านคิดไม่ดี แต่คิดว่าท่านออกหน้าเวลานี้ไม่ดี ส่วนเรื่องแต่งงานนั้น ท่านคิดให้รอบคอบดีกว่า หากคิดว่าไม่เป็นฮองเฮาก็ไม่เป็นไรจริงๆ งั้นก็หาคนที่ฐานะสูงและมีอำนาจมากมาแต่งงาน ข้าคิดเสมอว่าฝ่าบาทกับท่านเติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เด็ก ฝ่าบาทชินกับการที่มีท่านอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาทแล้ว หากท่านแต่งงาน ฝ่าบาทจะต้องไม่ชินอย่างแน่นอน ลองถามว่าใต้หล้านี้ยังมีใครที่สามารถทะเลาะกับฝ่าบาทได้อีก…”
เขาพูดอย่างจริงใจมาก เจียงเซี่ยนพยักหน้า…และแอบรู้สึกเสียใจเล็กน้อยอย่างที่ไม่รู้ว่าทำไม
นางเอ่ยเสียงเบาว่า “ข่าวลือของตนเอง ก็มักจะเป็นคนสุดท้ายที่รู้”
เรื่องนี้นางต้องปรึกษากับท่านลุงจริงๆ นี่ไม่เพียงแต่เป็นปัญหาการแต่งงานของนางเอง ทว่ายังเกี่ยวพันถึงตระกูลเจียงเป็นพันธมิตรกับใครและแตกหักกับใครด้วย
หลี่เชียนเห็นนางไม่ยืนกรานเช่นเดิมแล้ว ก็รู้สึกผ่อนคลายลงตามไปด้วย เขารู้ว่าในเมื่อเจียงเซี่ยนพูดแล้วก็จะต้องทำได้แน่
เช่นนั้นนางจะต้องแต่งงานก่อนฮ่องเต้ตั้งฮองเฮาอย่างแน่นอน…
พอคิดถึงเรื่องนี้อีกที เขาก็เริ่มรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีก
ทว่าการแต่งงานก่อนจ้าวอี้ตั้งฮองเฮาเป็นวิธีที่ดีที่สุด เรียบง่ายที่สุด และได้ผลที่สุดที่จะหยุดจ้าวอี้ไม่ให้ทำร้ายเจียงเซี่ยน…เขาหาวิธีที่ดีกว่ามาแทนไม่ได้ แล้วก็ไม่มีสิทธิพูดเช่นกัน…เขารู้สึกวุ่นวายใจขึ้นมาทันทีจนไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้ เขาอยากจะทำอะไรสักอย่าง..แต่เขาไม่อยากให้เจียงเซี่ยนสังเกตเห็นว่าเขาวุ่นวายใจ จึงถือโอกาสเปลี่ยนเรื่องคุยเสียเลย โดยเอ่ยว่า “คทาหยกฝูหรงอันนั้นท่านชอบหรือไม่? ข้าเห็นว่าหน้าตาไม่เลว หากท่านไม่ชอบ วันหลังข้าค่อยหาของที่น่าสนใจให้ท่านสักสองสามชิ้น ท่านชอบอะไร? หินโมรา? พลอยไพฑูรย์? มรกต…”
เจียงเซี่ยนตกใจและอึ้งไปจนคางเกือบจะร่วงแล้ว
ครู่ใหญ่ถึงจะหาเสียงตนเองเจอ “ผ้ากับพลอยขี้นกการเวกนั้น เจ้าก็เป็นคนให้หรือ?”
“ใช่แล้ว!” เสียงของหลี่เชียนแหบต่ำเล็กน้อย “ข้ารับปากไว้แล้วว่าจะหาผ้าที่เหมาะสำหรับตัดเสื้อผ้าที่ใส่ในฤดูใบไม้ผลิให้ท่านไม่ใช่หรือ? เพียงแต่ตอนนี้ข้ารับใช้อยู่ที่ภูเขาวั่นโซ่ว มาออกเที่ยวหนึ่งก็ไม่ง่ายเช่นกัน จึงให้หลิวชิงหมิงนำไปให้ท่าน…”
——————-