ทว่าเห็นได้ชัดว่าจ้าวอี้ไม่พอใจกับการจัดการแบบนี้
เขาประกาศข่าวที่เขามีลูกชายคนแรกแล้วในการประชุมว่าราชการครั้งใหญ่วันรุ่งขึ้น
ท่ามกลางขุนนางใหญ่ในราชสำนักมีคนมาแสดงความยินดี แต่คนมากมายกลับยังคงเงียบ
จ้าวอี้เหมือนเด็กยังไม่รู้จักความเป็นความตาย เขาปรึกษากับวังจี่เต้าว่าจะตั้งชื่อให้ลูกว่าอะไรในห้องทรงอักษร
ไทฮองไทเฮาหัวเราะเยาะ
วันที่สองเดือนสอง ทางภูเขาวั่นโซ่วส่งข่าวมาว่า ซ่งเสียนอี๋ตายเพราะตกเลือดหลังคลอดและการรักษาไม่ได้ผล
จ้าวอี้ที่ได้ข่าวตกใจมาก
ทว่าเจียงเซี่ยนที่กำลังเช็ดใบของดอกกล้วยไม้อยู่กลับแค่เงียบไปนานมาก
นางคาดการณ์ไว้ก่อนแล้วว่าซ่งเสียนอี๋ไม่มีทางมีจุดจบที่ดี
เดิมทีในวังหลวงก็แตกต่างกับตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจทั่วไปอยู่แล้ว คนที่โง่เขลาและไร้ประโยชน์ แม้จะลืมตาอ้าปากได้ยาก กระทั่งอาจจะเจอเหตุร้าย แต่คนที่คิดว่าตนเองฉลาดกลับมีแต่จะตายไวขึ้นเท่านั้น
ถึงแม้นางจะเคยอยากให้ซ่งเสียนอี๋มีชีวิตอยู่ เพื่อเผยจุดอ่อนของฮ่องเต้และทำให้เขาตกที่นั่งลำบาก แต่ส่วนลึกในใจกลับรู้ดีว่า ซ่งเสียนอี๋มีจุดจบแบบนี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว และหากเป็นนางก็อาจจะตัดสินใจแบบเดียวกัน
นางในที่ติดตามรับใช้อย่างซ่งเสียนอี๋ ไม่ตั้งใจปรนนิบัติรับใช้เจ้านาย กลับกล้าขโมยหลักฐานความรักของฮ่องเต้มามอบให้ไทเฮา นางไม่เพียงแต่เห็นแก่ตัวมาก ทว่าความโลภยังครอบงำจิตใจด้วย แล้วใครจะกล้าไว้ใจนางเล่า?
เฉาไทเฮาไม่ป้องกันไม่ได้
นางจึงยิ่งไม่อยากเบนความสนใจมาดูแลซ่งเสียนอี๋
และถือโอกาสขจัดหายนะที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตเสียเลย
ซ่งเสียนอี๋เป็นคนมาสองชาติ สุดท้ายก็ยังคงมีจุดจบแบบเดิม
เพียงแต่ชาติก่อนนางไร้ชื่อเสียงไร้ฐานะ ไม่มีแม้แต่สถานที่ฝังร่าง ชาตินี้สามารถอาศัยชื่อเสียงและฐานะของมารดาผู้ให้กำเนิดลูกชายคนโตของจ้าวอี้และฝังที่อุทยานหลวงได้เพราะความดีความชอบที่ให้กำเนิดบุตร มีการจุดธูปเซ่นไหว้ ก็ถือว่าเป็นความโชคดีในโชคร้ายแล้วกัน!
หากมีชาติหน้า ไม่รู้ว่าซ่งเสียนอี๋จะเสียดายที่เลือกแบบนี้หรือไม่
เจียงเซี่ยนถอนหายใจเบาๆ
ไม่นานจ้าวอี้ก็ตั้งชื่อให้ลูกของคนสกุลฟางที่เพิ่งเกิดว่า ‘สี่’ บันทึกชื่อลงในบันทึกลำดับการสืบเชื้อสายประจำราชวงศ์แล้ว โดยบันทึกไว้ใต้ชื่อของซ่งเสียนอี๋ และแต่งตั้งให้ซ่งเสียนอี๋เป็น ‘ซูหนี่ว์’ ซึ่งเป็นระดับต่ำสุด ฝังนางในฐานะซูหนี่ว์ และเลี้ยงเด็กคนนี้ไว้ข้างกายเฉาไทเฮาที่ภูเขาวั่นโซ่ว
การตายของซ่งเสียนอี๋ไม่ทิ้งร่องรอยใดๆ ไว้
คนในวังวิจารณ์นางสองวันก็ไม่มีใครเอ่ยถึงอีก
ดูเหมือนเฉาไทเฮาจะรู้จักจ้าวอี้ดีกว่านาง
ซ่งเสียนอี๋ตายอย่างคลุมเครือ จ้าวอี้ไม่เพียงแต่ไม่สืบหาสาเหตุ กลับให้ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปตามความต้องการของเฉาไทเฮา
เจียงเซี่ยนก็เริ่มย้อนกลับมาคิดถึงความแตกต่างระหว่างตนเองกับเฉาไทเฮาเช่นกัน
ชาติก่อนนางถูกคนวางยาพิษ เป็นเพราะนางยังไม่เด็ดขาดเหมือนเฉาไทเฮาหรือ?
เจียงเซี่ยนรู้สึกหดหู่อยู่ช่วงหนึ่ง ยังดีที่ไป๋ซู่เขียนจดหมายมาหานาง บอกนางว่าหลังจากตนเองกลับจวนทุกอย่างเรียบร้อยดี ฮูหยินเป่ยติ้งโหวถึงกับซ่อมแซมเรือนที่เมื่อก่อนปีหนึ่งนางก็อยู่ไม่กี่วันแต่เก็บเอาไว้ตลอดขนานใหญ่ อาจจะเพราะคิดว่าเรื่องราวไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ต่อให้เวลานี้ฮูหยินเป่ยติ้งโหวจะไม่เต็มใจแค่ไหน ไป๋ซู่ก็ไม่อาจตัดขาดจากเฉาเซวียนได้แล้วเช่นกัน นางจึงไม่ต่อว่าเฉาเซวียนและตระกูลเฉาอีก ความกลุ้มใจเพียงอย่างเดียวก็คือเฉาไทเฮาส่งแม่นมคนหนึ่งมาสอนจากในวัง ซึ่งมักจะท้าทายนางว่าตรงนี้ผิด ตรงนั้นไม่ถูก หากไม่ใช่ว่านางอาศัยอยู่ในวังฉือหนิงมาหลายปี และรู้กฎในวังเป็นอย่างดี ก็เล่นงานแม่นมคนนั้นจนโงหัวไม่ขึ้นไปตั้งนานแล้ว
ไป๋ซู่คิดว่าต่อไปนางแต่งเข้าจวนเฉิงเอินกงต้องใช้ชีวิตลำบากอย่างแน่นอน
เจียงเซี่ยนหัวเราะเสียงดัง
นางรู้นิสัยของไป๋ซู่
ชาติก่อนตอนที่ไป๋ซู่แต่งเข้าจวนจิ้นอันโหว ถึงจะลำบากขนาดนั้นก็ดูแลตนเองเป็นอย่างดี ยิ่งไปกว่านั้นเฉาเซวียนที่นางเจอในชาตินี้…ในมุมมองของเจียงเซี่ยน ต่อให้เฉาเซวียนเลวแค่ไหน ก็ไม่อาจหลงอนุภรรยาจนละเลยภรรยาเอกได้เช่นกัน มีฐานะแบบนี้ ไป๋ซู่ก็คงจะไม่ใช้ชีวิตลำบากมากนัก
เจียงเซี่ยนตอบจดหมายไป๋ซู่ว่า ให้นางเตะแม่นมคนนั้นไปในทีเดียว แสดงฝีมือให้ตระกูลเฉาดูล่วงหน้า ถึงอย่างไรตระกูลเฉากก็ไม่มีทางถอนหมั้น
ไป๋ซู่ส่งจดหมายมาว่าไม่ต้องเป็นห่วง ตอนนี้นาง ‘ขอคำแนะนำ’ เรื่องกฎในวังจากแม่นมคนนั้นทุกวัน จนตอนนี้แม่นมคนนั้นหวาดกลัวจนตัวสั่นที่จะเอ่ยปากคุยกับนางแล้ว
ทั้งสองคนหัวเราะอย่างมีความสุข
ไม่นานก็ถึงช่วงกลางเดือนสอง
ราชสำนักออกคำสั่งแต่งตั้งตำแหน่งใหม่มาอย่างต่อเนื่อง
บางตระกูลมีความสุขบางตระกูลกังวล
ว่ากันว่ากิจการของเหล่าร้านขายเครื่องประดับเงินทองในเมืองหลวงที่ให้ขุนนางที่ได้รับตำแหน่งใหม่กู้ยืมเพื่อเลี้ยงแขกและมอบของขวัญโดยเฉพาะต่างดีขึ้นมาก
ไป๋ซู่พูดเล่นกับเจียงเซี่ยนว่า “หลังจากข้าแต่งงานก็ทำการค้าด้านนี้โดยเฉพาะแล้วกัน ด้วยนามของจวนเฉิงเอินกง ไม่มีใครกล้าติดหนี้แล้วไม่คืน”
เจียงเซี่ยนตอบนางว่า “ด้วยนามของจวนเฉิงเอินกง เกรงว่าจะไม่มีใครกล้ายืม”
กลัวจะเข้าไปพัวพันกับเฉาเซวียนและเฉาไทเฮา
ไป๋ซู่แลดูลำบากใจ
ทว่าเจียงเซี่ยนกลับกลุ้มใจเล็กน้อย
—
หลังจากจ้าวเซี่ยวยื่นสาส์นขอเข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาเป็นครั้งที่ห้า ในที่สุดไทฮองไทเฮาก็ทนไม่ไหวและเชิญเขามาเป็นแขกที่วังฉือหนิง
อากาศยังคงหนาวเล็กน้อย แต่จ้าวเซี่ยวกลับเปลี่ยนเป็นชุดคลุมยาวที่บุซับในสำหรับใส่ในฤดูใบไม้ผลิแล้ว
ชุดผ้าดิ้นลายค้างคาวห้าตัวล้อมคำว่าเมฆทรงกลมสีน้ำเงินสดใส ปิ่นปักผมสีขาวของหยกเหอเถียน และเสื้อคลุมทอลายดอกเป่าเซียงสีแดงเข้ม ขับให้จ้าวเซี่ยวดูอ่อนโยน สูงศักดิ์ และสุขุมเยือกเย็นมากขึ้น ทำให้ไทฮองไทเฮากับไทฮองไท่เฟยพยักหน้าไม่หยุด
ของขวัญที่เขามอบให้ไทฮองไทเฮาคือลูกประคำไม้สีทองสิบแปดตัวอักษร ซึ่งวัดฝ่าไห่ที่ฝูเจี้ยนจัดการเบิกเนตรแล้ว ของที่มอบให้ไทฮองไท่เฟยคือคัมภีร์ ‘อมิตตาพุทธ’ ซึ่งเย็บปักด้วยเส้นผม ส่วนของที่มอบให้เจียงเซี่ยนเป็นหยกสีเขียวชิ้นเล็กๆ ซึ่งแกะสลักเป็นรูปถั่วแขกแฝงความหมายว่าปลอดภัยตลอดทั้งปี บนถั่วสีเขียวขจีต่างมีจุดสีขาวเล็กๆ จุดหนึ่ง ดูไปก็เหมือนสุกจนใกล้จะแตกแล้ว
ของทั้งหมดไม่ถึงกับมีค่า แต่ดีที่ความตั้งใจ
ไทฮองไทเฮาประทับใจในตัวจ้าวเซี่ยวมาก บวกกับหลังจากจ้าวเซี่ยวพบไทฮองไทเฮาแล้วก็ปิดปากไม่พูดเรื่องการเมืองในราชสำนัก และเอ่ยเพียงว่าเขาเจอเจียงเซี่ยนครั้งแรกเมื่อไร คุยอะไรกันบ้าง แล้วตอนหลังเจอเจียงเซี่ยนอีกเมื่อไร เจียงเซี่ยนใส่ชุดอะไร สวมเครื่องประดับอะไร…สุดท้ายก็ถามไทฮองไทเฮาว่าเมืองหลวงมีที่ไหนน่าเที่ยวเล่นบ้าง ฮ่องเต้อยากให้เขารับราชการที่กองบัญชาการห้าทัพ เขาอาจจะอยู่ที่เมืองหลวงถึงห้าหกปี
จุดประสงค์ที่จ้าวเซี่ยวมาชัดเจนมากแล้ว
ไทฮองไทเฮายิ้มตาหยี สายตาที่มองจ้าวเซี่ยวเปลี่ยนเป็นเอ็นดูและปลื้มใจ
ไม่ว่านางจะวางแผนให้เจียงเซี่ยนอย่างไร ก็เพียงแค่อยากให้เจียงเซี่ยนแต่งงานกับสามีที่ตรงใจ และสามีที่ตรงใจที่สุดก็คือสามารถจริงใจกับเจียงเซี่ยนได้
การริเริ่มของจ้าวเซี่ยว ทำให้ไทฮองไทเฮารู้สึกมีเกียรติที่ ‘ครอบครัวที่มีลูกสาวก็ย่อมมีคนมาสู่ขอมากมาย’
ดังนั้นไม่ว่าสุดท้ายการแต่งงานนี้จะเป็นอย่างไร จ้าวเซี่ยวก็ถูกไทฮองไทเฮาจัดไว้ที่อันดับหนึ่งของรายชื่อผู้สมัครแล้ว
ไทฮองไทเฮาส่งหลิวเสี่ยวหม่านไปสืบเรื่องของจ้าวเซี่ยว ในนั้นก็รวมถึงเรื่องที่จ้าวเซี่ยวมีเมียบ่าวหรือไม่และรู้จักกันเมื่อไรด้วยเป็นต้น
หลิวเสี่ยวหม่านรู้เรื่องนี้ก็เท่ากับหลิวตงเยว่รู้
หลายวันนี้เขาช่วยวิ่งเต้นทำงานเล็กๆ น้อยๆ ให้เจียงเซี่ยนอยู่ตลอด และแอบสังเกตเห็นความแตกต่างที่ไม่เหมือนใครของเจียงเซี่ยนแล้ว ทั้งที่เขารู้ดีว่าตอนที่เจียงเซี่ยนแต่งงานไม่มีสิทธิพาเขาไปด้วย แต่เขาก็ยังกลัวเจียงเซี่ยนมาก ความกลัวแบบนี้ส่วนหนึ่งก็เพราะความเด็ดเดี่ยวของเจียงเซี่ยน และอีกส่วนก็เพราะความสุขุมเยือกเย็นเหมือนคาดการณ์เหตุการณ์ได้ล่วงหน้าของเจียงเซี่ยนด้วย
หลิวตงเยว่คิดแล้วคิดอีก สุดท้ายก็ยังเปิดเผยเจตนาของไทฮองไทเฮาให้เจียงเซี่ยนรู้
เจียงเซี่ยนถึงได้เริ่มคิดเรื่องแต่งงานของตนเองอย่างจริงจัง
นางให้หลิวตงเยว่เขียนชื่อของคนที่ไทฮองไทเฮาถูกใจทั้งหมดให้นาง และสั่งเขา “คนพวกนั้นนิสัยเป็นอย่างไรกันแน่ ทางไทฮองไทเฮามีข่าวแล้ว เจ้าอย่าลืมบอกข้าด้วย”
—————-