ไทฮองไทเฮาก็เกิดสนใจฮูหยินอันลู่โหวขึ้นมาทันที ถึงแม้จะไม่ได้ตอบรับเรื่องนี้อย่างเต็มปากเต็มคำ และไม่ได้ถามถึงมาตรฐานในการเลือกสามีของคุณหนูเติ้งแห่งจวนอันลู่โหวอย่างละเอียด แต่กลับเชิญฮูหยินอันลู่โหวพาลูกชายและลูกสาวมาเป็นแขกที่วังฉือหนิงในวันพรุ่งนี้ และเอ่ยว่า “วันนั้นซื่อจื่อจิ้งไห่โหวกับบุตรชายคนโตของจินไห่เทาแม่ทัพไท่หยวนก็จะมาเหมือนกัน”
ฮูหยินอันลู่โหวเหมือนยกภูเขาออกจากอก นางเอ่ยคำว่า “เพคะ” ติดกันหลายครั้งด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เหมือนมีโอกาสเช่นนี้ก็ทำให้นางดีใจมากแล้ว
เจียงเซี่ยนมองอยู่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรดี
จนถึงวันที่เติ้งเฉิงลู่มาคารวะไทฮองไทเฮาที่วังฉือหนิง เจียงเซี่ยนไม่คุยกับเขา ด้วยกลัวว่าเขาจะเข้าใจผิด
เติ้งเฉิงลู่เสียใจจนปิดไม่มิด
เหมือนเด็ก
ทนไม่ไหวด้วยซ้ำ
เจียงเซี่ยนไม่กลัวหลี่เชียนปิดบัง ไม่กลัวจ้าวเซี่ยวมีเจตนาอื่นแอบแฝง แต่กลัวคนแบบเติ้งเฉิงลู่ คนที่อ่อนโยนมาก เหมือนลูกหมาที่เผยท้องสีขาวราวกับหิมะต่อหน้านาง และเอาความจริงใจออกมาให้นางเอาไปได้ตามใจชอบ
นางไม่รู้จะทำอย่างไรดี?
มักจะรู้สึกว่าเมื่อเทียบกับหลี่เชียนและจ้าวเซี่ยวแล้ว เขาเหมือนกระต่ายสีขาวตัวเล็กๆ ที่ตกลงไปในรังหมาป่า
เจียงเซี่ยนถึงได้รู้ว่าที่แท้ตนเองเป็นคนแพ้ทางคนที่พูดจาดี!
นางอดที่จะหัวเราะเยาะตนเองไม่ได้
แต่กลับดึงดูดสายตาของจินเซียว
เขามองจ้าวเซี่ยวที่คุยกับไทฮองไทเฮาอย่างฉะฉานด้วยท่าทางจริงจังและเสียงอ่อนโยนเบาๆ แล้วก็มองเติ้งเฉิงลู่ที่นั่งจ้องปลายเท้าของตนเองอย่างกระวนกระวายอยู่ตรงนั้น และทำใจกล้าสั่งนางในที่อยู่ข้างกายเสียงเบาให้ชงชามาให้ไทฮองไทเฮา ไทฮองไท่เฟย และพวกจ้าวเซี่ยว กระทั่งเติมชาให้เจียงเซี่ยนด้วย
เจียงเซี่ยนยิ้มให้เขาอย่างสุภาพและขอบคุณ
มือที่เคยแต่น้าวธนูของจินเซียวสั่นเล็กน้อย จนเกือบจะทำน้ำชาในมือพลิกคว่ำ
นี่เป็นครั้งแรกที่เขามองเจียงเซี่ยนใกล้ขนาดนี้
ผิวที่ละเอียดและขาวราวกับหิมะและเหมือนดอกสาลี่ ดวงตาโตที่สดใส สันจมูกที่โด่ง ผมที่สีดำสนิท และริมฝีปากที่แดงเปล่งปลั่งของนางล้วนทำให้เขาใจสั่น รู้สึกว่าตนเองไม่เคยเจอผู้หญิงที่สวยมากกว่าเจียงเซี่ยน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนางนั่งอยู่ตรงนั้น สวมเพียงเสื้อบุซับในลายเปี้ยนตี้จินสีม่วงกานพลูกลางเก่ากลางใหม่ สีอึมครึมเหมือนหญิงชรา ชุดที่ที่บ้านของพวกเขามีแต่พวกแม่นมที่มีหน้ามีตากับสาวใช้ที่ไม่มีระดับถึงจะใส่ ทว่าพอสวมลงบนตัวนางกลับแลดูสุภาพ อ่อนโยน และสง่างามในทันใด ไม่มีอะไรจะสวยไปกว่านี้อีกแล้ว
จะเห็นได้ว่าไม่ใช่ว่าเสื้อผ้าสีไม่สวย แต่ใครเป็นคนที่ใส่ต่างหาก!
ก่อนมาเขาไม่เต็มใจเป็นอย่างมาก ทว่าเวลานี้เสียดายเป็นอย่างมาก
หากรู้แต่แรกว่าท่านหญิงเจียหนานเป็นคนแบบนี้ เขาน่าจะมาเร็วหน่อย
นี่ก็โทษที่เขาไม่มีสมองเองเช่นกัน
เขาเคยเจอเจียงลวี่
เจียงลวี่หน้าตาแบบนั้น น้องสาวของเจียงลวี่ยังจะแย่ได้หรือ?
เวลานี้ความได้เปรียบของเติ้งเฉิงลู่คือบ้านอยู่เมืองหลวง ความได้เปรียบของจ้าวเซี่ยวคือฐานะครอบครัวดีกว่าเขา หากจะบอกว่าเขามีอะไรได้เปรียบ ก็คงจะคิดได้เพียงว่าตระกูลของเขาวางแผนและคุมทางตะวันตกเฉียงเหนือมาหลายยุคสมัย เวลานี้ตระกูลเจียงสูญเสียอำนาจในการควบคุมเมืองเซวียนไปแล้ว จึงจำเป็นต้องติดต่อกับเมืองที่อยู่ห่างไกล และเป็นพันธมิตรกับตระกูลจิน ทว่าหากตระกูลเจียงอยากเกี่ยวดองกับตระกูลจินก่อน ตระกูลเจียงก็ต้องควบคุมการแต่งงานของท่านหญิงเจียหนานให้ได้เช่นกัน…นอกจากเรื่องพวกนี้แล้ว เขาก็สู้แม้กระทั่งเติ้งเฉิงลู่ไม่ได้ด้วยซ้ำ หากเขาไม่พยายามให้ได้มาเอง เขาก็เป็นได้เพียงตัวประกอบที่ทำให้สองคนนั้นเด่นขึ้นเท่านั้น
ความคิดแล่นผ่านไป จินเซียวก็อดที่จะหัวเราะเบาๆ และเอ่ยกับเจียงเซี่ยนไม่ได้ว่า “ปีนี้อากาศหนาวในฤดูใบไม้ผลิกลับนาน ช่วงนี้ท่านหญิงคงจะออกไปข้างนอกน้อย ข้าได้ยินว่าปีนี้ดอกเหมยที่จวนเจิ้นกั๋วกงบานสวยทีเดียว ท่านหญิงไม่ได้กลับไปดูหรือ?”
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางตอบเขาว่า “ดอกเหมยในอุทยานหลวงก็บานแล้วสวยเหมือนกัน ปีที่แล้วไทฮองไทเฮาจัดงานเลี้ยงเชิญเหล่าฮูหยินมาชมดอกไม้ ไม่จำเป็นต้องกลับไปจวนเจิ้นกั๋วกงโดยเฉพาะหรอก”
จินเซียวยิ้มพลางพยักหน้า ใบหน้าด้านข้างหล่อเหลาและมีชีวิตมีชีวามากกว่าคนอื่น ทำให้เจียงเซี่ยนอดที่จะเผยความชื่นชมออกมาทางสายตาไม่ได้
แต่ละคนที่ไทฮองไทเฮาเลือกนี่ไว้ใจได้จริงๆ
ไม่ต้องพูดถึงฐานะทางครอบครัว แค่หน้าตานี่ก็ยอดเยี่ยมแล้ว
ที่กล่าวว่าสามีภรรยารักใคร่ปรองดองกันนั้นเป็นภาพมายาที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้ และก็ไม่มีใครบอกได้แน่ชัด ทว่าคนที่หน้าตาดีแต่ไร้ความสามารถกลับมองเห็นและจับต้องได้ อย่างน้อยลูกที่คลอดออกมาก็หน้าตาดีมาก
สาเหตุที่จินเซียวถูกเลือก เป็นไปได้มากว่าเป็นเพราะรูปงาม
เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม
เติ้งเฉิงลู่เสียใจมากขึ้น
แต่จ้าวเซี่ยวกลับฝืนอดทนยิ้ม
เขาคิดไม่ถึงว่าเจียงเซี่ยนจะวางตัวตามสบายขนาดนี้ ต่อหน้าผู้อาวุโสสองคนก็ยังชื่นชมความหล่อเหลาของจินเซียวได้อย่างสบายใจ
นี่เป็น…ท่าทีของผู้ที่มีฐานะสูงอย่างสิ้นเชิง
เป็นเพราะนางอยู่ที่วังฉือหนิงมานานแล้วงั้นหรือ?
ในสมองจ้าวเซี่ยวคิดแบบนี้ ทว่าในใจกลับแอบรู้สึกว่าความคิดนี้ของตนเองตื้นเขินเกินไป
ท่านหญิงเจียหนานก็เหมือนกับเขาวงกต สิ่งที่นางแสดงออกมาเมื่อเทียบกับสิ่งที่ซ่อนอยู่ในใจนางลึกๆ แล้วเกรงว่าจะเป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
ตัวนางที่แท้จริงเป็นเช่นไร เกรงว่าแม้แต่ไทฮองไทเฮากับเจิ้นกั๋วกงก็อาจจะไม่รู้เช่นกัน
จ้าวเซี่ยวรู้สึกว่าตอนนี้ตนเองเหมือนเผชิญหน้ากับภูเขาสมบัติ คิดหาทางเข้าไปในภูเขาสมบัติ ค้นหาอย่างระมัดระวัง และสุดท้ายก็ได้ของล้ำค่าที่ฝังอยู่ใต้ดิน…ความลับที่มีคนเพียงคนเดียวรู้แบบนั้น ทำให้เขารู้สึกอยากลองบุกเข้าไป
ไม่ว่าจะเป็นจินเซียวหรือเติ้งเฉิงลู่เขาก็ไม่เกรงกลัวทั้งนั้น
ที่สำคัญคือท่านหญิงเจียหนาน นางคิดอย่างไร
ขอเพียงนางตกลง การแต่งงานนี้ก็สำเร็จแล้ว
ไม่อย่างนั้นตอนนั้นเฉาไทเฮาก็คงออกราชโองการให้ท่านหญิงเจียหนานหมั้นกับเฉาเซวียนไปตั้งนานแล้ว จะรอจนถึงวันนี้ที่ไทฮองไทเฮาเลือกสามีให้ท่านหญิงเจียหนานเองได้อย่างไร
จ้าวเซี่ยวยิ้มพลางเอ่ยกับไทฮองไทเฮาว่า “ได้ยินว่าไทเฮาประชวร ฝ่าบาทต้องไปเยี่ยมไทเฮาที่ภูเขาวั่นโซ่ว สองสามวันนี้จึงไม่อยู่ในวัง ในวังก็เงียบเชียบมาก ตอนที่กระหม่อมมาจากฝูเจี้ยนพาคนรับใช้มาด้วยสองคน พวกนางขับร้องประกอบดนตรีได้ไม่เลวทีเดียว ไม่งั้นให้พวกนางเข้าวังมาร้องประกอบดนตรีให้ไทฮองไทเฮาฟังสักสองวันดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”
ไทฮองไทเฮาได้ยินก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ และเอ่ยว่า “บ้านของเจ้ายังเลี้ยงคนรับใช้แบบนี้ด้วยหรือ?”
จ้าวเซี่ยวเอ่ยอย่างไร้ความกังวลว่า “บ้านของกระหม่อมมีการติดต่อและจัดงานเลี้ยงบ่อย จึงไม่เพียงแต่เลี้ยงคนรับใช้ที่ร้องประกอบดนตรีไว้ ทว่ายังเลี้ยงคนรับใช้ที่ร้องงิ้วคุนฉวี่กับร้องละครใต้ไว้ด้วย มารดาของกระหม่อมชอบดูงิ้วมาก กระหม่อมติดตามตั้งแต่เด็กจึงชอบดูงิ้วมากเหมือนกัน เพียงแต่เวลานี้อายุมากขึ้น เรื่องพวกนี้ก็เป็นการเข้าสังคมไปเสียหมด จนกลายเป็นมีเวลาชมอย่างสงบน้อยมาก นี่ถึงได้อยากอาศัยบารมีของไทฮองไทเฮาพักผ่อนไปด้วยสักสองวันอย่างไรล่ะพ่ะย่ะค่ะ”
เติ้งเฉิงลู่อดที่จะแอบด่าจ้าวเซี่ยวว่าเจ้าเล่ห์ในใจไม่ได้
เขาต้องเลี้ยงคณะงิ้วในบ้านอย่างแน่นอน และรู้ว่าไทฮองไทเฮาจะไปสืบเรื่องเขา ในเมื่อเลี่ยงเรื่องนี้ไม่ได้ จึงพูดออกมาเองเสียเลย ชิงเป็น ‘คนที่มีคุณธรรมสูงส่งมักจะใจกว้าง’ ต่อหน้าไทฮองไทเฮา
ทว่าเกลียดที่ตนเองพูดน้อยตั้งแต่เด็ก อยากพูดอะไรก็พูดไม่ออก…
เติ้งเฉิงลู่ก้มหน้าดื่มชาทันที
เจียงเซี่ยนแอบถอนหายใจในใจ และส่งสัญญาณให้ฉิงเค่อดูแลเติ้งเฉิงลู่หน่อย
ฉิงเค่อพยักหน้าเล็กน้อยจนแทบมองไม่เห็น และแอบสั่งนางในที่เติมชาให้เติ้งเฉิงลู่ว่าไม่ต้องเติมชาให้เติ้งเฉิงลู่อีกแล้ว
จินเซียวเห็นกับตาก็รู้สึกร้อนใจมาก
บ้านอยู่เมืองหลวงก็เป็นเรื่องดี เข้าวังมาคารวะเหล่าชนชั้นสูงบ่อยๆ มีเรื่องอะไรก็มีคนให้ความร่วมมือ
ดูเหมือนเขาจะอยู่ที่ชายแดนตลอดแบบนี้ไม่ได้แล้ว!
จินเซียวถอนหายใจยาวเหยียด
ส่วนไทฮองไทเฮาสีหน้าก็ค่อยๆ อบอุ่นขึ้น
จ้าวเซี่ยวรู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย และเอ่ยด้วยรอยยิ้มต่อว่า “ไม่ทราบว่าไทฮองไท่เฟยชอบอะไรบ้าง? หากข้ามีโอกาสหา จะได้ทำให้ท่านยิ้มสักหน่อย”
ไทฮองไท่เฟยก็เลิกคิ้วและยิ้มให้ไทฮองไทเฮา แล้วเอ่ยว่า “ข้าเข้าวังก็อยู่กับไทฮองไทเฮา นานขนาดนี้แล้ว ความชอบก็คล้ายๆ กัน”
“เช่นนั้นวันมะรืนกระหม่อมจะส่งคนรับใช้สองคนนั้นเข้าวัง” จ้าวเซี่ยวยิ้มและเอ่ยอย่างรวดเร็ว “พรุ่งนี้ฝ่าบาทเสด็จไปภูเขาวั่นโซ่ว เกรงว่าจะมาลาที่วังฉือหนิงก่อนเดินทางไกล”
———————