มู่หนานจือ – บทที่ 150 โต้เถียง

มู่หนานจือ

มีสิทธิอะไร?!

หลังจากที่เขาหลอกนาง เห็นนางเป็นสิ่งต่ำต้อยจนไม่คุ้มที่จะให้ความสนใจ และรู้ว่าต่อหน้าผลประโยชน์ของนางกับตระกูล เขาจะเห็นผลประโยชน์ของตระกูลมาก่อนเสมอแล้ว นางยังต้องแต่งงานกับเขาอีก!

นี่ไม่ใช่เรื่องตลกหรือ?

เจียงเซี่ยนยิ้มเยาะ

หัวใจที่ลนลานก็ถูกแช่แข็งจนเป็นน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกในชั่วพริบตา

นางผลักหลี่เชียนออก “ข้าจะกลับวัง!” นางเอ่ยพลางไปเลิกม่านรถขึ้น

หลี่เชียนไม่ห้าม

รถม้าแล่นอยู่ในเส้นทางที่ก่อด้วยอิฐและหิน ท้องฟ้าที่มืดครึ้มในยามเย็นปกคลุมอยู่รอบด้าน ทั้งสองฝั่งล้วนเป็นไร่พืชทางการเกษตร ควันหนาจากปล่องไฟของบ้านเกษตรกรที่อยู่ไกลๆ ลอยขึ้นสู่อากาศ และปกคลุมเหนือหมู่บ้านที่ไม่เล็กไม่ใหญ่เหมือนหมอก

เจียงเซี่ยนรู้สึกตกใจ และหันกลับไปซักถามหลี่เชียน “นี่พวกเราอยู่ที่ไหน?”

ต่อให้นางไม่มีความรู้ทั่วไปแค่ไหน ก็รู้ว่านี่ไม่ใช่ทั้งทางกลับเมืองหลวง แล้วก็ไม่ใช่ทางกลับหมู่บ้านเช่นกัน

“พวกเรากำลังจะไปซานซี!” หลี่เชียนเอ่ยพลางรั้งนางกลับมาในรถม้า

ใบหน้าของเขาซ่อนอยู่ในรถม้าที่มืด จึงเห็นสีหน้าไม่ชัด ทว่านัยน์ตาที่สดใสกลับเปล่งประกายระยิบระยับ ราวกับดาวที่ส่องแสงระยิบระยับที่สุดในท้องฟ้ายามราตรี แล้วก็เหมือนเสือดาวที่ล่าเหยื่อในความมืด

เจียงเซี่ยนรู้สึกถึงอันตรายได้ด้วยสัญชาตญาณ

“ไม่ ไม่ ไม่” นางกระโจนไปทางม่านรถ “ข้าจะกลับวัง! ข้าไม่อยากไปซานซีกับเจ้า! ข้าจะกลับบ้าน…”

“เป่าหนิง!” หลี่เชียนลังเลเล็กน้อย มือหนึ่งโอบเอวของเจียงเซี่ยนไว้ อีกมือจับมือที่เจียงเซี่ยนไปเลิกม่านรถขึ้นไว้ รั้งนางกลับเข้ามาในรถม้าอีกครั้งอย่างกึ่งโอบกึ่งกอด “ตอนนี้พวกเราออกจากชางผิงแล้ว…”

ก็กล่าวได้ว่า นางถูกเขาลักพาตัวแล้ว!

มิน่าเล่าเขาถึงพูดจาไร้สาระกับนางมากขนาดนั้น!

มิน่าเล่านางถามเขาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เขากลับเลี่ยงไม่ตอบ!

มิน่าเล่าเขาถึงเล่าเรื่องของตระกูลหลี่ให้นางฟังไม่หยุด!

เพียงแค่อยากถ่วงเวลา และเบี่ยงเบนความสนใจของนาง

เจ้าคนสารเลวนี่ หลอกนางอีกแล้ว!

ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่าเวลาแบบนี้ตนเองยิ่งควรจะใจเย็น เวลาแบบนี้ตนเองยิ่งควรจะสงบนิ่ง แต่สติปัญญาก็เหมือนสายของเครื่องดนตรีเส้นหนึ่ง เสียงดังผึงทีเดียวก็ขาดแล้ว

เจียงเซี่ยนเหมือนสัตว์ตัวน้อยที่โกรธสุดขีด นางลงมืออย่างสะเปะสะปะ ขอแค่ให้ได้เตะต่อยหลี่เชียนอย่างเต็มที่สักพักหนึ่ง “เจ้าคนสารเลว! กล้าหลอกข้า! เจ้ากล้าหลอกข้า! เสียแรงที่ข้าดีกับเจ้าขนาดนั้น…เจ้ายังหลอกข้า! เจ้า…เจ้ามันหน้าไม่อาย! เจ้า…เจ้ามันจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต…”

การสั่งสอนที่นางได้รับกับสภาพแวดล้อมที่อยู่ทำให้นางรู้คำด่าคนแค่ไม่กี่คำนี้ จึงทำได้เพียงด่าไม่กี่คำนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนล้อรถ

หลี่เชียนโอบนางไว้ในอ้อมแขน ทั้งไม่กล้าใช้แรงทำให้นางรู้สึกไม่สบาย และไม่กล้าผ่อนแรงกลัวทำให้นางดิ้นหลุดออกไป เขาปล่อยให้นางตบตีตนเอง และขอโทษนางเสียงเบาอย่างเต็มไปด้วยความละอายใจ “ข้าไม่ดีเอง! ข้าไม่ดีเอง! เรื่องนี้เป็นความผิดของข้าทั้งหมด! เจ้าอย่าโกรธได้หรือไม่? ต่อไปเจ้าอยากทำอะไรข้าจะตามใจเจ้าทุกอย่างดีหรือไม่?”

เจ้าคนสารเลวนี่ยังกล้าใช้กำลังบังคับนางด้วย!

เจียงเซี่ยนโกรธจนตัวสั่นตลอด ทว่าคำว่า ‘ต่อไปเจ้าอยากทำอะไรข้าจะตามใจเจ้าทุกอย่าง’ ก็ยังเจาะเข้าไปในสมองของนางเหมือนสว่าน

นางหยุดแล้ว

ถึงรู้สึกว่าเหนื่อย

และยิ่งรู้สึกว่าตนเองโง่

หลี่เชียนเป็นใคร?

หลี่เหยาเสนาบดีกรมกลาโหมเคยประเมินเขาว่า ‘เด็ดหัวทหารศัตรูในกองทัพที่มีกำลังพลมหาศาล เหมือนล้วงหยิบของในกระเป๋า[1]’

นางสู้กับคนแบบนี้ด้วยหมัดและเท้า นี่ไม่ใช่ว่าสมองมีปัญหาหรือ?

เจียงเซี่ยนผลักหลี่เชียนออก และสูดหายใจลึกๆ หลายครั้ง พยายามทำให้ตนเองสงบลง แต่ก็ยังอดที่จะปรายตามองหลี่เชียนไม่ได้และเอ่ยว่า “เมื่อครู่เจ้าบอกว่า…ต่อไปข้าอยากทำอะไรเจ้าก็จะตามใจข้าทุกอย่าง?”

“อือ!” หลี่เชียนพยักหน้า ในสายตาที่มองนางเป็นความจริงจังอย่างที่ไม่ต้องสงสัยว่าแยกแยะผิด “ต่อไปเจ้าอยากทำอะไรข้าก็จะตามใจเจ้าทุกอย่าง!”

“เช่นนั้นก็ดี!” เจียงเซี่ยนเผยรอยยิ้ม และเอ่ยว่า “ข้าจะกลับบ้าน! เจ้าส่งข้ากลับบ้านเดี๋ยวนี้!”

“นอกจากเรื่องนี้!” หลี่เชียนเอ่ย กระทั่งเสียงก็เรียกได้ว่าอ่อนโยนมาก ทว่าเจียงเซี่ยนกลับฟังออกเป็นความเคร่งขรึมจริงจังที่มีความตั้งใจแน่วแน่มากจนไม่มีใครสั่นคลอนเจตนาอันแน่วแน่ได้

ก็เหมือนกับหลายครั้งในอดีตที่นางเสนอให้ลดหรือเว้นภาษีที่ดินของเจียงหนาน และส่งเสริมให้ผู้อพยพที่ไม่มีสำมะโนครัวบุกเบิกที่รกร้างก็ถูกหลี่เชียนปฏิเสธเช่นกัน ไม่ว่านางจะพูดอย่างไร เขาก็ไม่เห็นด้วย หากพูดต่อไปอีก เขาก็จะส่ายหน้าอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไร เขาปฏิบัติกับนางเหมือนเด็กไม่รู้ความ พอคุยกันไม่ลงตัวก็จะเมินเฉย พอนานวันเข้า นางก็คิดได้แล้ว แต่นางนั้น ถึงแม้จะโกรธจนแอบร้องไห้เงียบๆ ทว่าก็ยังคงไม่มีทางเลือกเช่นเดิม จึงจำเป็นต้องประนีประนอม…

ความอยุติธรรมที่ได้รับและความเสียใจอย่างลับๆ เหล่านั้น เหมือนหินหนืดที่โหมซัดสาดไล่หลังมาท่วมสติปัญญาของนางอีกครั้ง

“ข้าไม่สน ข้าจะกลับบ้าน! ข้าแค่อยากกลับบ้าน!” เจียงเซี่ยนพูดไปก็ยกเท้าขึ้นและเตะไปทางหลี่เชียน น้ำตาก็ร่วงลงมาอย่างควบคุมตนเองไม่ได้เช่นกัน “ข้าแค่อยากกลับบ้าน! ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น!”

ถูกเตะอย่างไม่วางกำลังป้องกันแม้แต่นิดเดียวแบบนี้ แถมยังเป็นการเตะมั่วซั่วอย่างไม่สนใจไยดี ถึงจะเป็นหลี่เชียน ก็เจ็บจนส่งเสียงอู้อี้อยู่ในลำคอเช่นกัน

สายตาของเขามืดมน เขาโอบเจียงเซี่ยนไว้ในอ้อมแขนอย่างแผ่วเบาและนุ่มนวลอีกครั้ง

“นอกจากเรื่องนี้ เรื่องอื่นข้าจะตามใจเจ้าทุกอย่าง!” หลี่เชียนพึมพำ แขนเหมือนห่วงเหล็ก ไม่ว่าเจียงเซี่ยนจะดิ้นอย่างไรก็หนีจากอ้อมกอดของเขาไม่ได้อยู่ดี

“เจ้าคนสารเลว! เจ้าคนสารเลว!” เจียงเซี่ยนน้ำตาไหลอาบหน้า นางตบตีหลี่เชียนอย่างเกรี้ยวกราด

“ข้าไม่ดีเอง ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า!” หลี่เชียนนิ่งดุจขุนเขา เขาปลอบนางด้วยเสียงอ่อนโยน และไม่คิดจะปล่อยนางไปแต่อย่างใด

เจียงเซี่ยนนั้นแม้แต่ถนนยังเดินน้อย ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการโกรธและกลุ้มใจพักหนึ่งเช่นนี้ ไม่นานนางก็หอบหายใจหนัก และเคลื่อนไหวช้าลงเรื่อยๆ ปากตะโกนว่า “เจ้าปล่อยข้ากลับบ้าน” แต่หมัดกลับถูกตัวหลี่เชียนเป็นพักๆ

หลี่เชียนโล่งอก เขากอดนางไว้ในอ้อมแขน และให้นางซบไหล่ของตนเอง เขาลูบผมนางเป็นระยะๆ แล้วเอ่ยเสียงนุ่มข้างหูนาง “ข้าไม่ดีเอง ทั้งหมดเพราะข้าไม่ดีเอง เจ้าอย่าโกรธเลย ต่อไปข้าจะฟังเจ้าทุกอย่าง ดีหรือไม่? พวกเราไม่ทะเลาะกันแล้ว ได้หรือไม่? พวกเรายังต้องเดินทางอีกสิบกว่าวันนะ! เจ้าร่างกายอ่อนแอ แล้วก็ทนความโคลงเคลงของรถและเรือไม่ไหว ป่วยไปจะทำอย่างไร? ข้ารู้ว่าข้าทำให้เจ้าไม่พอใจ เจ้าอยากตีข้า ข้าก็ตามใจเจ้าทุกอย่าง แต่เจ้าอย่าโกรธเลย โกรธก็ต้องสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงเช่นกัน และเจ้าไม่มีเรี่ยวแรงแล้ว จะตีข้าอย่างไรล่ะ! ไม่โกรธแล้ว ได้หรือไม่? ข้ารินชาถ้วยหนึ่งให้เจ้าดื่ม เจ้านอนอีกสักพัก ไว้เจ้าตื่นแล้ว ค่อยมาคิดบัญชีกับข้าดีหรือไม่? เรื่องนี้ข้าผิดเอง ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า…เอ่อ…”

อ้อมกอดของเขา…อบอุ่นทำให้คนสบายใจ มือที่เขาลูบนางอยู่…แผ่วเบา นุ่มนวล และอบอุ่น เหมือนนางเป็นสิ่งล้ำค่าที่ถูกคนประคองอยู่กลางฝ่ามือ ทั้งหลงและรัก…ทำให้เจียงเซี่ยนที่เหนื่อยแล้วรู้สึกเบื่อหน่าย และนึกไม่ถึงเลยว่านางจะเกิดอาการง่วงสะลึมสะลือขึ้นมาเล็กน้อย

ทว่าในใจนางยังคงไม่สบายใจเช่นเดิม

ไม่ใช่ว่าไม่สบายใจที่ไปซานซี

นางรู้ว่า เวลานี้นางหายตัวไป ไม่นานพี่ชายของนางก็จะตามหา

แล้วก็ไม่ได้รู้สึกไม่สบายใจเพราะคิดว่าหลี่เชียนจะทำร้ายร่างกายนางเช่นกัน

นางรู้ว่า หลี่เชียนยังไม่เลวทรามขนาดนั้น

เจียงเซี่ยนเพียงแค่คิดว่า ต่อให้เวลานี้เขาเห็นคุณค่าของนางแค่ไหน ทว่าสักวันหนึ่งเมื่อนางกับตระกูลหลี่ต้องการให้หลี่เชียนเลือก นางก็ต้องเป็นฝ่ายที่ถูกทอดทิ้งอย่างแน่นอน

นางไม่อยากโศกเศร้าแบบนั้น!

นางไม่อยากอ้างว้างแบบนั้น!

นางไม่อยากวางตนเองไว้ในตำแหน่งที่ฐานะต่ำต้อยแบบนั้น

เจียงเซี่ยนโซเซอยากผลักหลี่เชียนออกไป

ทว่าความจริงแล้วนางก็เพียงแค่โบกมืออย่างอ่อนระโหยโรยแรง

“หลี่เชียน เจ้าส่งข้ากลับไปเถอะ! ข้ารับรองว่า เรื่องนี้จะเหมือนไม่เคยเกิดขึ้น” นางรู้สึกว่าวิงเวียนศีรษะ ร่างกายก็ร้อนเล็กน้อยเช่นกัน “เจ้าควรจะเชื่อในตัวข้า คำพูดที่ข้าพูดออกมา ข้ารักษาคำพูดอย่างแน่นอน”

นางรู้ว่าเขาอยากแต่งงานกับนางจริงๆ และเขาก็แค่จะทอดทิ้งนางต่อหน้าผลประโยชน์ที่ใหญ่ขึ้นเท่านั้นเอง

นี่เป็นธรรมดาของคน

ดังนั้นนางจึงไม่ดูถูกเขาด้วยการเอ่ยว่าจะช่วยให้ตระกูลหลี่ได้เลื่อนตำแหน่งขุนนางและร่ำรวยขึ้นเช่นกัน

————————————-

[1] ล้วงหยิบของในกระเป๋า หมายถึง ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท