เฉาเซวียนไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของไป๋ซู่ ทว่าครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่ และเอ่ยเสียงเบาว่า “เจ้าไม่รู้จักหลี่เชียน หลี่ฉางชิงมาจากตระกูลโจรท้องถิ่น เขาให้ความสำคัญกับกำลังทหาร และไม่ชอบการผูกมัด ยกย่องการตาต่อตา ฟันต่อฟัน ในความคิดของพวกเราเจียหนานใจกว้างกับหลี่เชียนแล้ว แต่สำหรับพวกเขา อาจจะเป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวงก็ได้…”
ไป๋ซู่ขมวดคิ้ว
หลี่เชียนไม่ได้ทำให้นางรู้สึกแบบนั้น
ทว่าเฉาเซวียนติดต่อกับหลี่เชียนบ่อย บางทีเฉาเซวียนอาจจะถูกก็ได้
นางเอ่ยกับเฉาเซวียนว่า “เดี๋ยวเจ้ายังมีธุระอะไรอีกหรือไม่? ไปจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นเพื่อนข้าได้หรือไม่ ในเมื่อท่านลุงเจียงสงสัยว่าข้ารู้เรื่องที่เจียงเซี่ยนคบหากับหลี่เชียน ข้าว่าอธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจนอย่างเร็วที่สุดจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นก็จะไม่เป็นผลดีต่อทั้งเจ้า ข้า และเจียงเซี่ยนและจะได้ฉวยโอกาสนี้เตือนท่านลุงเจียงสักหน่อยว่า อย่าเดาว่าฝ่าบาทเป็นคนลักพาตัวนางไปเหมือนครั้งก่อนอีก สุดท้ายเสียเวลาไปสามสี่วัน หากพบว่าจินเซียวมีพิรุธตั้งแต่แรก ไม่แน่เจียงเซี่ยนอาจจะกลับมาแล้วก็ได้”
เฉาเซวียนรับปาก และไปบอกลาเป่ยติ้งโหวโดยอ้างว่าฝางจื่อชิงมีเรื่องอยากพบไป๋ซู่
เป่ยติ้งโหวไม่ได้ถามอะไรมาก และจัดรถม้าให้พาไป๋ซู่ตามเฉาเซวียนไปจวนเจิ้นกั๋วกง
เจียงเจิ้นหยวนที่กำลังรับประทานอาหารเช้ากับฝางจื่อชิงเห็นเฉาเซวียนไปและกลับมาทันที แถมยังพาไป๋ซู่มาด้วย ก็รู้ว่าพวกเขาจะมาอธิบายกับตนเอง แต่เขายังคงโกรธจนทนไม่ไหว จึงแทบจะบุ่มบ่ามปฏิเสธไป๋ซู่ทันที “ให้พวกเขากลับไปเถอะ! บอกว่าข้านอนแล้ว”
ไป๋ซู่ร้อนใจขึ้นมา นางรีบขอร้องเด็กรับใช้ที่มาบอก “รบกวนพี่ชายไปอีกครั้ง บอกว่าข้ามีเรื่องสำคัญจะแจ้งให้ท่านลุงเจียงทราบ หากท่านลุงเจียงนอนแล้ว ให้ข้าพาฮูหยินฝางก็ได้”
นางเคยตามเจียงเซี่ยนมาพักที่จวนเจิ้นกั๋วกงชั่วคราว และเด็กรับใช้คนนี้ก็รับใช้เรือนด้านใน ไป๋ซู่ไม่รู้จักคนอื่น ทว่าคนอื่นกลับรู้จักนาง รู้ว่านางคือท่านหญิงชิงฮุ่ย และสนิทกับเจียงเซี่ยน คิดแล้วก็ไปที่เรือนหลักอีกครั้ง
เจียงเจิ้นหยวนเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะนอนแล้ว ได้ยินเด็กรับใช้รายงานก็ไม่ขยับเขยื้อน
ฮูหยินฝางคิดถึงไป๋ซู่ที่ปกติดูน่าเอ็นดู ก็อดที่จะเกลี้ยกล่อมไม่ได้ว่า “ไม่ว่าท่านจะโกรธจ่างจูเพราะอะไร ถึงอย่างไรนางก็เป็นเหมือนลูกหลาน ท่านคุยกับนางสักหน่อยจะเป็นไร? ยิ่งกว่านั้นข้าคิดว่าเด็กคนนี้ไม่เลวทีเดียว ไม่แน่อาจจะเข้าใจผิดกันก็ได้!”
เจียงเจิ้นหยวนกลับห้องก็บอกเรื่องของเจียงเซี่ยนกับฝางจื่อชิงแล้ว พอเห็นฝางจื่อชิงช่วยพูดให้ไป๋ซู่แบบนี้ ก็ไม่อาจหักหน้าภรรยาได้ จึงจำต้องสวมเสื้อผ้าใหม่ และไปที่ห้องหนังสือของเรือนด้านใน
เฉาเซวียนเป็นห่วงไป๋ซู่เล็กน้อย จึงตัดสินใจว่าจะไปพบเจียงเจิ้นหยวนเป็นเพื่อนไป๋ซู่
แต่ไป๋ซู่กลับให้เฉาเซวียนกลับไปก่อน “ในเมื่อท่านลุงเจียงยอมพบข้า ก็คงจะไม่โกรธแล้วอย่างแน่นอน หลังจากข้าคารวะท่านลุงเจียงแล้ว อยากไปเยี่ยมฮูหยินฝางสักหน่อย…เจียหนานหายตัวไป นางต้องรู้สึกไม่สบายใจมากแน่ๆ ข้าอยู่คุยเป็นเพื่อนนางสักหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
เฉาเซวียนอดที่จะมองไป๋ซู่อีกสองสามครั้งไม่ได้
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น ไป๋ซู่มีวิธีจัดการเรื่องราวให้คนอื่นในแบบของตนเองจริงๆ มิน่าเล่าตอนนั้นถึงถูกไทฮองไทเฮาเลือกให้เข้าวังไปอยู่เป็นเพื่อนเจียงเซี่ยน แถมยังได้บรรดาศักดิ์ท่านหญิงชิงฮุ่ย
เขาลุกขึ้นบอกลา
ไป๋ซู่พาเด็กรับใช้ไปที่ห้องหนังสือของเรือนด้านใน
นางเห็นเจียงเจิ้นหยวนก็รีบเอ่ยว่า “ท่านลุงเจียง เกรงว่าเป่าหนิงจะไม่ได้หนีตามหลีเชียนไป แต่ถูกหลี่เชียนลักพาตัวไปเจ้าค่ะ”
เจียงเจิ้นหยวนรู้สึกว่านางกำลังเล่นลูกไม้จงใจพูดให้คนอื่นตกใจเพื่อเปลี่ยนจากฝ่ายรับกลายเป็นฝ่ายรุก
ไป๋ซู่รู้สึกได้ถึงความเย็นชาของเจียงเจิ้นหยวน จึงเสียใจเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ข้าไม่ได้บอกเรื่องบางเรื่องกับท่านลุงจริงๆ แต่นั่นเพราะมีสาเหตุเจ้าค่ะ” นางพูดอยู่ก็เว้นวรรคเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า “มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่ได้บอกใครทั้งนั้น หลังเทศกาลฉงหยางปีที่แล้ว ข้ากลับบ้าน พอกลับเข้าวังอีกครั้ง อยู่ๆ เป่าหนิงก็กลายเป็นคนพูดน้อย ทำอะไรก็ล้วนเฉื่อยชาและไม่จดจ่อกับอะไร แต่อยู่มาวันหนึ่ง นางกลับให้ข้าช่วยปิดบังให้นาง นางจะออกจากวัง…แม้ข้าจะไม่รู้ว่าเป่าหนิงจะออกจากวังทำไม และออกจากวังเพราะอะไร แต่ตั้งแต่วันนั้น หลี่เชียนก็มาหาเป่าหนิงบ่อยๆ ทั้งสองคนมักจะซุบซิบกันเหมือนกำลังปรึกษาอะไรบางอย่าง…”
เจียงเจิ้นหยวนได้ยินก็รู้สึกตกใจ
เขาลองคำนวณวันเวลา นั่นเป็นช่วงเวลาที่เจียงเซี่ยนพบว่าฮ่องเต้เป็นชู้กับคนสกุลฟางพอดี
ก่อนหน้านี้เขาก็สงสัยแหล่งข่าวของเจียงเซี่ยน
เวลานี้ดูเหมือนคนที่ช่วยเจียงเซี่ยนสืบข่าวก็น่าจะเป็นหลี่เชียนแล้ว
เช่นนี้ก็ถูกแล้ว
เจียงเซี่ยนพบว่าฮ่องเต้ผิดปกติ อยากสืบเบื้องหลังของฮ่องเต้ ทว่าช่วงนั้นพวกเขาดันกำลังลอบวางแผนเรื่องการยึดอำนาจในราชสำนักกับฮ่องเต้พอดี จึงไม่มีใครว่างสนใจนาง นางจำเป็นต้องขอให้หลี่เชียนช่วย และหลังจากนั้นเจียงเซี่ยนก็แนะนำหลี่เชียนให้เขา เพื่อขอบคุณที่หลี่เชียนช่วยเหลือ
กระทั่งเพื่อให้หลี่เชียนได้รับความไว้วางใจจากเฉาไทเฮาอย่างเร็วที่สุด เจียงเซี่ยนถึงกับแสดงละครฉากใหญ่ที่ท่าเรือวารีเคียงพฤกษา เพื่อให้ตระกูลหลี่มีเหตุผลไปพึ่งพาอาศัยเฉาไทเฮา และขจัดความสงสัยของเฉาไทเฮา ให้ตระกูลหลี่แสดงตัวตนออกมาอย่างเต็มที่ในการยึดอำนาจในราชสำนัก และกระโดดไปเป็นตระกูลทหารที่ได้รับการจับตามองมากที่สุด จากโจรท้องถิ่นที่ยอมจำนนและสวามิภักดิ์กลายเป็นขุนนางที่จงรักภักดีอย่างแน่วแน่ แข็งแกร่งและหยิ่งในศักดิ์ศรี ล้างมลทินให้ตระกูลหลี่และหลี่เชียน…
ดังนั้น…ถึงหลี่เชียนกับเจียงเซี่ยนจะติดต่อกัน ก็ไม่ใช่เพราะมีความรักเช่นกัน
หากไป๋ซู่ไม่บอกเขา เกรงว่าเขาก็คงจะไม่มีวันรู้ว่าเป่าหนิงยังมีความลับมากขนาดนี้ด้วย
เจียงเจิ้นหยวนงุนงงเล็กน้อย
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ทั้งสองคนก็น่าจะสนิทกันมากถึงจะถูก ทำไมไป๋ซู่ถึงบอกว่าหลี่เชียนลักพาตัวเจียงเซี่ยนไป?
ไป๋ซู่มองเห็นความงุนงงของเจียงเจิ้นหยวน จึงเอ่ยต่อว่า “ท่านลุงน่าจะรู้ว่า ที่ตระกูลไป๋กับตระกูลเฉาแต่งงานกันนั้น เป่าหนิงเป็นแม่สื่อ” นางหน้าแดงขึ้นมา “นั่นเป็นเพราะนางรู้ว่าข้าชอบเฉาเซวียน…” นางบอกทุกสิ่งทุกอย่างเช่นมุมมองของเจียงเซี่ยนต่อการที่นางแต่งงานกับเฉาเซวียน และตอนนั้นที่ตัดสินใจแต่งงานกับจ้าวเซี่ยวก็เพื่อที่จะได้ปรนนิบัติไทฮองไทเฮากับเจียงเจิ้นหยวนอย่างหมดเปลือก แล้วเอ่ยทั้งที่ตาแดงว่า “ท่านลุงเจียง ท่านว่า…เป่าหนิงมีความคิดเป็นของตนเองเช่นนี้ นางจะให้ตนเองลดตัวลงไปใช้วิธีหนีตามผู้ชายไปเพื่อแก้ไขเรื่องแต่งงานของตนเองได้อย่างไร?”
เจียงเจิ้นหยวนได้ยินแล้วก็เหงื่อตกไปทั้งตัว…
——————————————————
ออกมาจากจวนเจิ้นกั๋วกง เฉาเซวียนยืนอยู่บนถนนหงส์แดงที่ผู้คนเดินไปมาตลอด และงุนงงไปชั่วขณะ
ตอนนี้เขาควรจะทำอย่างไร?
เจียงลวี่กับหวังจ้านรีบไปซานซีแล้ว
ตระกูลเจียงจะต้องเหยียบเรื่องนี้ไว้อย่างแน่นอน
ทว่าสำหรับเหล่าคนที่ติดตามความเคลื่อนไหวของราชสำนักตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นช่วงเวลาที่ประกาศออกไปว่าฮ่องเต้กำลังจะเริ่มเลือกฮองเฮา ถึงอย่างไรก็ต้องมีคนสืบได้ว่าเจียงเซี่ยนเคยปรากฏตัวที่ซานซี
และไทเฮาก็เป็นคนหนึ่งในนั้น
ถึงเวลานั้นเขาจะอธิบายสิ่งที่หลี่เชียนทำกับไทเฮาอย่างไร
ไทเฮารู้ว่าตระกูลหลี่กำลังแสดงละคร กำลังหลอกลวงนาง และเป็นหมากตัวหนึ่งที่ตระกูลเจียงจัดให้อยู่ข้างกายนาง นางจะรับเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจอีกครั้งได้หรือไม่?
เฉาเซวียนค่อยๆ เดินไปท่ามกลางฝูงชนที่มาอย่างไม่ขาดสาย
ยี่สิบปีที่ผ่านมา เขาได้รับการปกป้องจากไทเฮามาตลอด
เวลานี้ไทเฮาตกอับและสูญเสียอำนาจแล้ว ก็ถึงตาเขาเป็นฝ่ายดูแลไทเฮาแล้ว
เขาไม่อาจให้เรื่องนี้เกิดขึ้นได้
และเขาก็ไม่อาจให้ไทเฮารับเรื่องที่กระทบกระเทือนจิตใจที่เป็นอันตรายถึงชีวิตอีกครั้งได้แล้วเช่นกัน
เขาต้องบอกไทเฮาก่อนที่คนอื่นจะพบความผิดปกติของเจียงเซี่ยน
ส่วนตระกูลหลี่จะลอบวางแผนทำร้ายไทเฮาอย่างไร ตระกูลเจียงคิดจะจัดการตระกูลเฉาอย่างไร และฮ่องเต้ใจร้ายใจดำอย่างไรนั้น ให้เขาเป็นคนแบกรับไว้ทั้งหมดแล้วกัน
สองมือของเฉาเซวียนค่อยๆ กำเป็นหมัด
ตั้งแต่นี้ไป…เขาจะเริ่มจัดการฐานะของตระกูลเฉา
ทำให้คนอื่นพูดถึงตระกูลเฉา โดยที่ไม่เห็นแค่ไทเฮาคนเดียวอีกต่อไป
เฉาเซวียนสั่งผู้ติดตามเสียงดัง “เตรียมม้าให้ข้า พวกเราไปภูเขาวั่นโซ่ว”