ในตำหนักข้างเงียบสงัด ผ่านไปประมาณครึ่งก้านธูป เฉาไทเฮาถึงถอนหายใจยาวเหยียด และลุกขึ้นมานั่ง
เฉาเซวียนรีบทำเป็นตั้งใจฟัง
เฉาไทเฮายกถ้วยชาขึ้นดื่มอึกหนึ่ง แล้วถึงเอ่ยว่า “อาเซวียน ข้าคิดดูอย่างละเอียดแล้ว ไม่ว่าเจียงเซี่ยนจะหนีตามหลี่เชียนไปหรือถูกหลี่เชียนลักพาตัวไป หากไม่ใช่สองคนนั้นก็ไม่มีใครบอกได้แน่ชัดและเชื่อถือไม่ได้ทั้งนั้น” นางพูดอยู่ หางตาก็เลิกขึ้นเล็กน้อย และเผยสีหน้าร้ายกาจออกมาอย่างเบาบาง “และถึงหลี่เชียนจะลักพาตัวเจียงเซี่ยนไป ใครเห็นล่ะ? ใครเป็นพยานได้? ใครจะกล้ารับประกันว่าเจียงเซี่ยนไม่ได้หาเรื่องหลี่เชียนกลับเพราะเสียใจที่หนีตามหลี่เชียนไป?”
เฉาเซวียนหัวใจเต้นผิดจังหวะ และโพล่งออกไปว่า “เสด็จ…เสด็จป้าหมายความว่า…”
ความร้ายกาจเล็กน้อยตรงหางตาของเฉาไทเฮาลามมาถึงบนหน้าของนาง “หลี่เชียนก่อเรื่องใหญ่เช่นนี้ พวกเราพูดอะไรก็สายไปแล้ว แทนที่จะมัวยืนยันว่าตระกูลเฉาไม่เกี่ยวข้อง ข้าคิดดูอย่างละเอียดแล้ว หนทางเดียวในเวลานี้ก็คือยืนกรานว่าเจียงเซี่ยนหนีตามหลี่เชียนไป แบบนี้…ต่อให้เจียงเจิ้นหยวนอยากออกหน้าให้เจียงเซี่ยนก็จำต้องฝืนใจยอมรับแล้ว”
“เสด็จ…เสด็จป้าหมายความว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?” เฉาเซวียนรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที เขารู้สึกว่าเรื่องราวเหมือนจะหลุดจากการควบคุมของเขาไปเล็กน้อย และไหลไปทางสระน้ำลึกที่ไม่รู้ชื่อ
เฉาไทเฮาสายตาทอประกายวิบวับ และเอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ข้าจะให้คนเขียนพระราชเสาวนีย์พระราชทานงานสมรสฉบับหนึ่งเดี๋ยวนี้ เจ้านำพระราชเสาวนีย์ฉบับนี้ตามเจียงลวี่กับหวังจ้านไปให้เร็วที่สุด และมอบพระราชเสาวนีย์ฉบับนี้ให้หลี่เชียนก่อนที่เขาจะเอ่ยปากยอมรับผิด เขาเป็นคนฉลาด ย่อมรู้ว่าทำอย่างไรจะเป็นผลดีกับตนเองที่สุด!”
“แต่แบบนี้…” เฉาเซวียนเหงื่อตกเต็มศีรษะ รู้สึกว่าตนเองปีนออกมาจากบ่อโคลนบ่อหนึ่งและตกลงไปในบ่อโคลนอีกบ่อ
อย่างนั้นก็เป็นการทำร้ายเจียงเซี่ยนไม่ใช่หรือ!
การแต่งงานที่ฮ่องเต้พระราชทานให้นั้นหย่าร้างไม่ได้!
เขาไม่อยากให้ท่านป้าเสียใจ กลัวท่านป้าจะรับไม่ได้ที่ตระกูลหลี่ทรยศ จึงหวังว่าท่านป้าจะเชื่อว่าเจียงเซี่ยนหนีตามหลี่เชียนไป แต่เขาก็ไม่อยากบังคับให้เจียงเซี่ยนแต่งงานกับโจรที่ลักพาตัวตนเองและใช้ชีวิตด้วยกันไปตลอดชีวิตเช่นกัน!
อย่างที่ป้าของเขาเอ่ย ไม่ว่าเจียงเซี่ยนจะหนีตามผู้ชายไปหรือถูกลักพาตัวไปต่างก็เป็นคำพูดเพียงฝ่ายเดียวของจินเซียวกับไป๋ซู่ พวกเขาได้แต่พูดตามความคิดของตนกันทั้งนั้น หากเจียงเซี่ยนถูกหลี่เชียนลักพาตัวไปจริง แต่ท่านป้ากลับบังคับให้เจียงเซี่ยนแต่งงานกับหลี่เชียน เช่นนั้นเขาก็ช่วยคนเลวทำเรื่องชั่วไม่ใช่หรือ!
ตอนที่ตระกูลเฉากุมอำนาจ ถึงแม้เจียงเซี่ยนจะปฏิเสธเฉาเซวียนหลายครั้ง และไม่เคยดีกับเฉาเซวียนเลย ทว่าในความคิดของเฉาเซวียน นี่ถึงจะเป็นปฏิกิริยาที่คนปกติควรมี คิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้น เขาจึงไม่เพียงแต่ไม่เคยเกลียดเจียงเซี่ยน กลับรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนน่ารักมาก เหมือนน้องสาวข้างบ้าน เทียบกับคนรอบกายที่รู้หน้าไม่รู้ใจ ข้างในไม่รู้ว่าเคลือบแฝงอะไรไว้บ้าง
ตอนหลังตระกูลเฉาตกอับแล้ว ก็มีคนทุกประเภท แต่เจียงเซี่ยนกลับปฏิบัติกับเขาอย่างอ่อนโยนกว่าเมื่อก่อนเล็กน้อย อาจจะเป็นเพราะเขาไม่มีสิทธิแต่งงานกับนางอีกแล้วเช่นกัน
นางแยกความรักและความเกลียดชังชัดเจนแบบนี้ ทุกครั้งที่เฉาเซวียนนึกถึงก็จะเข้าใจความรู้สึกของนางและยิ้มออกมาเล็กน้อย รู้สึกว่าหาได้ยาก
เวลานี้เขารู้สาเหตุที่แท้จริงที่ตระกูลเฉากับตระกูลไป๋เกี่ยวดองกันจากไป๋ซู่แล้ว ก็ยิ่งรู้สึกว่าเจียงเซี่ยนเหมือนเด็กสาวและน้องสาวที่พูดไม่คล่อง…ปากไม่พูด ทว่าในใจกลับคอยเป็นห่วงเขา
เขาจึงยิ่งไม่อาจให้เจียงเซี่ยนมีจุดจบเป็นการถูกบังคับให้แต่งงาน และเผชิญหน้ากับคนที่ทำร้ายตนเองไปตลอดชีวิตได้!
เช่นนั้นจะต่างอะไรกับตาย?
ไม่สิ…มันทรมานยิ่งกว่าตายเสียด้วยซ้ำ!
เขาคิดถึงสายตาเย่อหยิ่งของเจียงเซี่ยนทุกครั้งที่มองเขา
เกรงว่าสำหรับนาง วางชื่อของนางกับหลี่เชียนไว้ด้วยกัน นางก็คงจะรู้สึกว่าเป็นความอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงการแต่งงานกับหลี่เชียนแล้ว!
“ไม่ได้ ไม่ได้!” เฉาเซวียนพึมพำ และคัดค้านโดยสัญชาตญาณ “ทำเช่นนั้นไม่ได้…”
สายตาของเฉาไทเฮากลายเป็นคมดาบอันคมกริบและจับจ้องมาที่เฉาเซวียน “เจ้าโง่ นี่ก็ไม่ได้ นั่นก็ไม่ได้ แล้วเจ้ายังทำอะไรได้? เจียงเซี่ยนเป็นราชนิกุล เจ้าเก็บกลับมาจากสถานที่เปล่าเปลี่ยวไม่ได้! ตอนนี้เจียงเจิ้นหยวนรักหลานสาวมาก และยังไม่รู้แน่ชัดว่าเจียงเซี่ยนหนีตามคนไปหรือถูกคนลักพาตัวไปกันแน่ จึงเก็บเรื่องราวไว้ในใจ ไว้เจียงลวี่กับหวังจ้านพบเจียงเซี่ยนและรู้ความจริงแล้ว เจ้าก็รอถูกเจียงเจิ้นหยวนสับเป็นหมื่นชิ้นได้เลย! เขาคนนี้เป็นบ้าขึ้นมา แม้แต่ฝ่าบาทพระองค์ก่อนก็ยังกลัว ไม่อย่างนั้นฝ่าบาทพระองค์ก่อนจะให้หลานที่เพิ่งเกิดอย่างเจียงเซี่ยนรับเงินเดือนชินอ๋องได้อย่างไร เจ้าคิดว่าราชสำนักมีเงินมากจนไม่มีที่ใช้แล้วหรือ?”
“เจ้าต้องให้เหตุการณ์คับขันจนถูกเจียงเจิ้นหยวนฉีกแล้วถึงจะรู้จักเสียใจใช่หรือไม่?”
“เรื่องนี้เจ้าตัดสินใจไม่ได้”
“หากเจ้าไม่ไป ข้าจะให้หมิ่นโจวไป”
“แล้วเจ้าก็กลับไปเป็นลูกเขยของจวนเป่ยติ้งโหวของเจ้าอย่างว่าง่ายเถอะ”
“ดูสิว่าจวนเป่ยติ้งโหวจะปกป้องเจ้าได้หรือไม่?”
“ดูสิว่าเจ้าคุกเข่าและเลียรองเท้าของเจียงเจิ้นหยวนแล้วเจียงเจิ้นหยวนจะปล่อยเจ้าไปหรือไม่?”
เฉาเซวียนก้มหน้าลงอย่างเงียบๆ
เฉาไทเฮาป้าของเขากับเจียงเจิ้นหยวนลุงของเจียงเซี่ยนต่างเป็นคนที่มีความทะเยอทะยาน ความเด็ดเดี่ยว และความสามารถมากจนแทบจะจับวัวด้วยมือเปล่าได้ เรื่องที่พวกเขาต้องทำจะต้องทำให้สำเร็จ
เฉาเซวียนไม่สงสัยแม้แต่นิดเดียว
แต่ไม่ว่าจะเขาหรือเจียงเซี่ยนต่างก็เป็นเพียงคนที่อยากใช้ชีวิตของตนเองเท่านั้น แล้วทำไมจะต้องเข้าไปแทรกกลางระหว่างพวกเขาให้ตกที่นั่งลำบาก จนจะทำอะไรก็ลำบากทุกย่างก้าวด้วย?
เพียงแค่เขาคิดว่าตนเองเป็นคนนำราชโองการที่บังคับให้แต่งงานไป ก็รู้สึกไม่สบายใจเป็นอย่างมาก
ทว่าหากเขาไม่ไป ป้าของเขาย่อมมีวิธีทำให้หมิ่นโจวไปอ่านพระราชเสาวนีย์ต่อหน้าทุกคนอย่างชอบธรรม
เช่นนั้นไปเองเสียดีกว่า!
ไม่แน่ถึงเวลานั้นสถานการณ์อาจจะยังมีวี่แววว่าจะดีขึ้นก็ได้
“กระหม่อมเชื่อฟังพระบัญชาของเสด็จป้าพ่ะย่ะค่ะ” เฉาเซวียนเอ่ยอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
“เช่นนี้ก็ถูกแล้ว!” เฉาไทเฮาคลายความโกรธลงมาก พอเห็นสีหน้าของเฉาเซวียนเจือความไม่สบายใจเล็กน้อย ก็คิดว่าตอนที่เขาเกิดนั้นตระกูลเฉากลายเป็นตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจแล้ว เขาจึงไม่เคยรู้ถึงความลำบาก ประกอบกับบิดามารดาเสียชีวิตตั้งแต่เล็ก และนางก็สั่งสอนเขาน้อยเช่นกัน เขาเติบโตมาเป็นคนอ่อนโยน จิตใจดี บริสุทธิ์และงดงามอย่างตอนนี้ได้ อย่างไรก็ดีกว่าไร้น้ำใจและเย็นชา ยิ่งกว่านั้นเด็กคนนี้ยังรู้จักกตัญญูต่อนางตอนที่นางตกต่ำลงมาถึงขั้นนี้ ช่างหาได้ยากจริงๆ ดังนั้นนางก็ไม่ควรจะเข้มงวดกับเขามากเกินไปเช่นกัน
เรื่องบางเรื่องค่อยๆ สอนแล้วกัน
เฉาไทเฮาคิดไป สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเรื่อยๆ และเอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “อาเซวียน ข้ารู้ว่าเจ้ารู้สึกไม่สบายใจ เจ้ากับเจียงเซี่ยนนั้น คนหนึ่งอยู่ในวังถาวรเพราะไทฮองไทเฮา อีกคนเข้าออกวังหลังบ่อยเพราะข้า ก็ถือว่าเติบโตมาด้วยกันเช่นกัน แต่เรื่องบางเรื่อง…เจ้าต้องแบ่งลำดับความสำคัญให้ชัดเจน มีแต่คนที่ตนเองกินดีอยู่ดีแล้วเท่านั้นที่จะมีสิทธิไปสงสารคนอื่น เรื่องนี้…เจ้าก็สู้หลี่เชียนไม่ได้แล้ว ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น แค่เขาลักพาตัวเจียงเซี่ยนไปใต้จมูกพวกเจ้า ข้าก็นับถือว่าเขาเป็นคนที่มีความสามารถโดดเด่นคนหนึ่ง ดังนั้นครั้งนี้เจ้าไปพบเขาแล้ว จะเห็นเขาเป็นลูกชายของแม่ทัพธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้อีกแล้ว สุภาพเขาหน่อย…”
เฉาเซวียนได้ยินแล้วก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเอ่ยว่า “เสด็จป้า เจียงลวี่กับหวังจ้านไปแล้ว พวกเขาต่างมาจากตระกูลทหาร โดยเฉพาะเจียงลวี่ หากตอนที่กระหม่อมไป หลี่เชียนสารภาพความผิดของตนเองแล้ว…”
“ไม่มีทาง” เฉาไทเฮามองเฉาเซวียนครั้งหนึ่ง และเอ่ยอย่างมั่นใจมากว่า “อาเซวียน เจ้าไม่เข้าใจ หลี่เชียนกับข้าเหมือนกันมาก พวกเราต่างมาจากตระกูลที่ยากจนและฐานะต่ำต้อย อาศัยคนที่มีตำแหน่งสูงเล็กน้อยคว้าโอกาสไว้ และค่อยๆ เดินมาทีละก้าวจนถึงวันนี้ ความลำบากและความเจ็บปวดในนั้นเป็นสิ่งที่พวกเจ้าไม่อาจรู้ได้ ต่อให้ถึงช่วงเวลาสำคัญสุดท้ายแล้ว ขอเพียงยังมีลมหายใจอยู่ ก็จะไม่ยอมแพ้ และยิ่งไม่มีทางที่จะประนีประนอมและยอมอ่อนข้อให้ หากหลี่เชียนยอมรับผิด ก็ต่อเมื่อเขาตายอย่างแน่นอน เจียงลวี่ถึงจะสามารถกดมือของเขาให้พิมพ์ลายนิ้วมือลงในหนังสือยอมรับผิดได้”