มู่หนานจือ – บทที่ 176 รู้เรื่อง

มู่หนานจือ

เฉาเซวียนไม่มีอะไรจะพูดกับความมั่นใจในตนเองอันแข็งแกร่งของเฉาไทเฮา เขาขานรับอย่างนอบน้อม เชื่อฟัง ถ่อมตน และสุภาพ

เฉาไทเฮาพอใจกับท่าทีของเฉาเซวียนมาก และเรียกนางในข้างกายเข้ามาร่างพระราชเสาวนีย์ นางอ่านด้วยตนเองสอบรอบ เมื่อคิดว่าไม่มีความเห็นต่างอะไรแล้ว ก็ให้นางในไปประทับตราประจำตัว แล้วมอบให้เฉาเซวียน และกำชับเขาว่า “หากเจ้าไม่มีม้าดี ก็ไปหาหลิวชิงหมิงที่ท้องพระคลังในวัง ให้เขาคิดหาทางให้เจ้า ข้าจำได้ว่าปีที่แล้วพื้นที่ทางแถบตะวันตกยังส่งบรรณาการม้าเหงื่อโลหิตมาด้วย หากไม่ได้เจ้าก็ยืมใช้ก่อนสักสองสามวัน อย่าลืมพกพวกตราประทับไปด้วย ส่วนองครักษ์ก็ต้องเลือกยอดฝีมือเช่นกัน ข้างนอกไม่ค่อยสงบนัก ข้าจำได้ว่าก่อนที่ข้าจะมาภูเขาวั่นโซ่วนั้นผู้ว่าราชการมณฑลซานซียังส่งสาส์นมาขอให้ราชสำนักช่วยปราบโจรด้วย คนอย่างพวกเขาหากไม่ใช่ว่ากู้สถานการณ์ไม่ได้แล้ว ก็คงจะไม่ส่งสาส์นแบบนั้นมาหรอก แสดงว่าซานซีวุ่นวายมากแล้ว นี่ก็คือสาเหตุที่ทำไมข้าตกลงให้ตระกูลหลี่กลับซานซีเช่นกัน”

เฉาเซวียนพยักหน้าเป็นระยะ

เฉาไทเฮากำชับอีกสองสามคำ ถึงจะให้เฉาเซวียนออกไป

เฉาเซวียนถือพระราชเสาวนีย์ และค่อยๆ เดินไปเหมือนถือมันเทศที่ลวกมือ

พอออกจากตำหนักอี๋อวิ๋นก็เจอหมิ่นโจวอยู่ตรงหน้า ข้างหลังเขามีขันทีถือตะกร้ากล่องอาหารตามอยู่หลายคน

“นี่ท่านจะกลับแล้วหรือขอรับ!” เขาคารวะเฉาเซวียนด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม และเอ่ยว่า “เดี๋ยวก็จะกินอาหารเที่ยงแล้ว ท่านไม่อยู่รับประทานอาหารที่นี่แล้วค่อยไปหรือ?”

“ไม่ล่ะ!” เฉาเซวียนเอ่ยอย่างใจลอย “ข้าต้องไปทำราชกิจแทนไทเฮา ต้องรีบไป!”

หมิ่นโจวยิ้มและหลบไปข้างๆ พลางเอ่ยว่า “เดินทางปลอดภัยขอรับ! เสียดายพรุ่งนี้ถึงจะไปรับเสื้อผ้าสำหรับฤดูร้อนที่กรมวัง ไม่อย่างนั้นก็ได้กลับเมืองหลวงพร้อมท่านแล้ว”

เฉาเซวียนได้ยินแล้วก็อึ้งไป และแอบด่าตนเองว่า “โง่”

มิน่าเล่าไทเฮาถึงบอกว่าเขาสู้หลี่เชียนไม่ได้

เขาคิดไม่ถึงได้อย่างไรว่า บนโลกใบนี้นอกจากเจียงเจิ้นหยวนแล้ว คนที่รักเจียงเซี่ยนมากที่สุดยังมีไทฮองไทเฮา

ไทฮองไทเฮาไม่มีทางที่จะคิดมากเท่าเจียงเจิ้นหยวน

หากนางรู้ว่าไทเฮาจะบังคับให้เจียงเซี่ยนแต่งงานกับหลี่เชียน ต้องไม่มีทางตกลงอย่างแน่นอน

เขาลืมเทพองค์นี้ไปได้อย่างไรกัน

เฉาเซวียนตบบ่าของหมิ่นโจว และเอ่ยว่า “ขอบคุณมาก” แล้วก็เปลี่ยนใจรีบเดินย้อนกลับไปที่ตำหนักอี๋อวิ๋น

หมิ่นโจวมองแผ่นหลังของเฉาเซวียนอย่างตกใจและไม่เข้าใจพลางกะพริบตาปริบๆ แล้วพาเหล่าขันทีที่ถือตะกร้ากล่องอาหารเข้าไปในตำหนักอี๋อวิ๋นอย่างไม่รีบร้อน

เฉาเซวียนหอบหายใจและบุกเข้าไปในตำหนักข้าง เฉาไทเฮากำลังให้นางในสองคนช่วยใส่รองเท้าให้ เตรียมไปรับประทานอาหารเที่ยง

พอเห็นสถานการณ์ก็อดที่จะเอ่ยอย่างไม่พอใจไม่ได้ว่า “อาเซวียน เรื่องใดกันที่ทำให้เจ้าเสียมารยาทแบบนี้?”

เฉาเซวียนมีทางแก้ไขในใจแล้ว และกำลังแอบตื่นเต้นอยู่ พอได้ยินก็เพียงแค่ยิ้ม และไล่นางในสองคนออกไป แล้วนั่งลงข้างกายเฉาไทเฮาและเอ่ยเสียงเบาว่า “เสด็จป้า ทรงลืมไทฮองไทเฮาไปได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ!”

เฉาไทเฮายังไม่เข้าใจไปชั่วขณะ

เฉาเซวียนเอ่ยว่า “เสด็จป้าลองคิดดู เจียงลวี่กับหวังจ้านไป ต้องพาองครักษ์กับผู้ติดตามไปไม่น้อยอย่างแน่นอน แล้วองครักษ์กับผู้ติดตามของตระกูลเจียงก็ไม่ใช่พวกท่าดีทีเหลวที่ลูกผู้ดีมีเงินใช้เพื่อรักษาหน้า เสด็จป้าลองคิดดู กระหม่อมพาคนไปเพียงไม่กี่คน หากเจียงลวี่ไม่รับราชโองการ และไม่ยอมรับการแต่งงานนี้จะทำอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

นี่ก็คือสาเหตุที่ตระกูลเฉาจำเป็นต้องพึ่งพาตระกูลหลี่ไม่ใช่หรือ?

ไม่มีกำลังทหาร ก็ไม่มีสิทธิพูด!

เฉาไทเฮามองใบหน้าของเฉาเซวียนที่ฉายแววดีใจอยู่อย่างเบาบาง แล้วก็อดที่จะเอ่ยด้วยรอยยิ้มไม่ได้ว่า “เช่นนั้นเจ้ามีความคิดอะไรดีๆ หรือ?”

เฉาเซวียนทำจิตใจให้สงบ และพยายามทำให้น้ำเสียงของตนเองราบเรียบและผ่อนคลายที่สุด “กระหม่อมว่า แทนที่จะให้เสด็จป้าเป็นผู้ออกพระราชเสาวนีย์พระราชทานงานสมรสนี้ ให้ไทฮองไทเฮาเป็นผู้ออกจะดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ!”

“เจ้าหมายความว่า…” เฉาไทเฮาเข้าใจในทันใด

เฉาเซวียนเอ่ยว่า “เสด็จป้าลองคิดดู ตระกูลเจียงจะไม่ฟังพวกเราก็ได้ แต่ไม่ฟังไทฮองไทเฮาได้อย่างนั้นหรือ? ต่อให้พวกเขาไม่ฟัง นั่นก็เป็นเรื่องของพวกเขากับไทฮองไทเฮาเช่นกัน เกี่ยวอะไรกับพวกเรา? และตราประทับของฮองเฮาก็อยู่กับเสด็จป้า หากไทฮองไทเฮาจะออกพระราชเสาวนีย์ ก็จำเป็นต้องใช้ตราประทับของฝ่าบาท หากตระกูลเจียงไม่ทำตาม นั่นก็เท่ากับขัดราชโองการ”

พระราชโองการเป็นทางการ มีอำนาจ และน่าเกรงขามมากกว่าพระราชเสาวนีย์

“ไม่เลว ไม่เลว!” เฉาไทเฮามองเฉาเซวียนอย่างปลื้มใจ “ในที่สุดเจ้าก็ทำเรื่องฉลาดๆ แล้ว”

เฉาเซวียนเหงื่อออกบนหน้า

พลางคิดว่าหากวันหนึ่งท่านรู้ว่าข้าทำอะไรไปบ้างกันแน่ ก็อย่าฉีกข้าแล้วกัน

ทว่าไทฮองไทเฮากับป้าของเขาไม่ลงรอยกันมาตลอด คงจะไม่บังเอิญขนาดที่เขาเพิ่งจะทำเรื่องที่ผิดต่อท่านป้าก็ถูกจับได้ทันทีใช่หรือไม่?

เฉาเซวียนรีบกลับเมืองหลวง

ตอนที่เขาขอพบไทฮองไทเฮา ไทฮองไทเฮากำลังรับประทานอาหารเที่ยงกับไทฮองไท่เฟย

พอได้ยินนางในรายงานก็อดที่จะมองท้องฟ้าข้างนอกไม่ได้ และเอ่ยอย่างงุนงงว่า “ตอนนี้หรือ?”

นางในรีบพยักหน้า และเอ่ยว่า “เฉิงเอินกงบอกว่า มีเรื่องด่วนมาพบไทฮองไทเฮา ไม่ว่าอย่างไรก็ขอให้ไทฮองไทเฮาพบเขาสักครั้งเพคะ”

เวลาเข้าเฝ้าแทบจะไม่มีการอ้างแบบนี้ ไทฮองไทเฮาพลันคิดถึงเจียงเซี่ยนที่ยังไม่กลับวัง และรู้สึกร้อนใจขึ้นมาเล็กน้อยทันที จึงวางตะเกียบลงและไปที่ตำหนักข้าง

เฉาเซวียนกำลังหมุนตัวไปมาอยู่ที่ตำหนักข้าง พอเห็นไทฮองไทเฮาก็วิ่งไปหาทันที และเอ่ยกับไทฮองไท่เฟยที่มาด้วยกันว่า “ไทฮองไท่เฟยได้โปรดช่วยเฝ้าประตูให้พวกเราด้วย ข้ามีเรื่องจะคุยกับไทฮองไทเฮาตามลำพังขอรับ”

สีหน้าของผู้อาวุโสทั้งสองต่างเปลี่ยนไป แล้วไทฮองไท่เฟยก็พาคนที่ติดตามรับใช้ข้างกายออกไปโดยไม่ถามอะไรแม้แต่คำเดียว

เฉาเซวียนประคองไทฮองไทเฮานั่งลงบนเตียงอรหันต์ของตำหนักข้าง แล้วถึงหยิบพระราชเสาวนีย์ของเฉาไทเฮาออกมา และเล่าสิ่งที่เกิดขึ้นในหลายวันนี้ให้ไทฮองไทเฮาฟัง

ไทฮองไทเฮาได้ยินก็เกือบจะเป็นลม

เฉาเซวียนตกใจเป็นอย่างมาก และอดที่จะเสียใจไม่ได้ที่ตนเองทำอะไรบุ่มบ่ามเกินไป ไม่ได้คำนึงว่าไทฮองไทเฮาอายุมากแล้ว รับเรื่องที่สะเทือนจิตใจไม่ได้ จึงรีบเรียกเมิ่งฟางหลิงเข้ามา และให้ไทฮองไทเฮากินยาเม็ดที่ทำให้สบายใจและบำรุงตับ

ไทฮองไทเฮาหลับตาพักผ่อนครู่หนึ่ง แล้วไล่เมิ่งฟางหลิงออกไป และถามเฉาเซวียน “เจ้าหมายความว่า เวลานี้ไม่มีใครรู้แน่ชัดว่าเจียหนานหนีตามหลี่เชียนไปหรือถูกหลี่เชียนลักพาตัวไปกันแน่ แต่คนสกุลเฉากลับจะยืนกรานว่าเจียหนานหนีตามหลี่เชียนไป เจ้าจึงอยากไปด้วยตนเอง โดยให้ข้าเขียนราชโองการให้เจ้าสองฉบับ หากเจียหนานหนีตามหลี่เชียนไปก็พระราชทานงานสมรส หากเจียหนานถูกหลี่เชียนลักพาตัวไป ก็สั่งให้หลี่เชียนฆ่าตัวตาย หมายความเช่นนี้ใช่หรือไม่?”

“พ่ะย่ะค่ะ!” เฉาเซวียนยังไม่รู้ว่าไทฮองไทเฮาคิดอย่างไร ทว่าเพื่อประหยัดเวลาและเพื่อแสดงความจริงใจ จึงแสดงไพ่ตายของตนเองกับไทฮองไทเฮา เขารู้สึกร้อนอกร้อนใจมากอย่างเลี่ยงไม่ได้ และเอ่ยอย่างระมัดระวังมากว่า “ไทฮองไทเฮา ไม่ว่าอย่างไรกระหม่อมก็เห็นเจียหนานมาตั้งแต่เล็ก พูดถึงกระหม่อมยังเป็นพี่เขยของนางด้วย บุญคุณความแค้นของตระกูลเฉากับตระกูลเจียงเป็นเรื่องหนึ่ง การแต่งงานของเจียหนานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง กระหม่อมไม่อยากให้เจียหนานกลายเป็นองค์หญิงไท่ผิงอีกคน”

“เวลานี้เจียงลวี่กับหวังจ้านรีบไปแล้ว”

“หากเจียหนานสมัครใจไปซานซีกับหลี่เชียน เจียงลวี่กับหลี่เชียนพบกัน เจียหนานจะต้องปกป้องหลี่เชียนอย่างแน่นอน แต่เจียงลวี่จะปล่อยหลี่เชียนไปได้อย่างไร? หากเจียหนานถูกหลี่เชียนลักพาตัวไป เจียงลวี่ตามไปแล้ว ถ้าหลี่เชียนใช้เจียหนานเป็นตัวประกันข่มขู่เจียงลวี่ เกรงว่าเจียหนานจะมีความกังวลในชีวิต”

“เช่นนั้นก็จะทำให้ไม่เป็นผลดีกับตนเองและทำให้ศัตรูได้ใจไม่ใช่หรือ!”

ไทฮองไทเฮาเม้มปากแน่น และเหลือบมองไปที่หมองอิงใบใหญ่ด้วยสายตามืดมน โดยไม่พูดอะไรนานมาก

เฉาเซวียนไม่กล้าเร่ง จึงตั้งใจรออยู่ข้างๆ

“ข้าเข้าใจแล้ว!” นานมาก แล้วไทฮองไทเฮาก็ค่อยๆ เอ่ยว่า “ชิงฮุ่ยบอกว่าเจียหนานไม่มีทางหนีตามผู้ชายไป แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกันว่าเจียงเซี่ยนแอบพบกับหลี่เชียนบ่อยๆ ใช่หรือไม่?”

เฉาเซวียนพยักหน้า และเอ่ยว่า “ชิงฮุ่ยเอ่ยเช่นนั้นจริงๆ พ่ะย่ะค่ะ”

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท