มู่หนานจือ – บทที่ 188 ตามมา

มู่หนานจือ

เจียงเซี่ยนตกใจตื่นเพราะเสียงดังจากด้านนอก

หลังจากนางตื่นก็งีบหลับบนเตียงอีกครึ่งถ้วยชาถึงจะพลิกตัว และถามหลิวตงเยว่ที่งีบหลับผ่านม่านเตียงอย่างเกียจคร้านว่า “ตอนนี้ยามไหนแล้ว? หลี่เชียนส่งคนมาหรือไม่? ข้างนอกทำอะไรกันอยู่หรือ? ถึงเสียงดังอึกทึกขนาดนี้?”

หลิวตงเยว่เข้าเวรเฝ้าเจียงเซี่ยนตอนกลางคืนและนอนชดเชยตอนกลางวันมานานมาก สองวันนี้พักที่วัดป่าโอสถ แม้ตอนกลางคืนจะได้นอนนอกห้องเจียงเซี่ยนตื่นหนึ่งแล้ว แต่ตอนกลางวันก็ยังสัปหงกไม่หยุด เจียงเซี่ยนตื่นแล้วเขาก็ไม่ได้ยินเสียงด้วยซ้ำ

พอได้ยินเขาก็อดที่จะสะดุ้งไม่ได้ ได้สติกลับมา ก็รีบเดินไปดูเวลาอย่างรวดเร็ว แล้วกลับมาตอบด้วยรอยยิ้มว่า “เวลานี้ต้นยามเซินตอนบ่ายแล้ว ใต้เท้าหลี่ไม่ได้ส่งคนมา ข้างนอกไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้ขอรับ” เขาเอ่ยจบก็สาวเท้าจะเดินออกไปข้างนอก

เจียงเซี่ยนเรียกเขาไว้ และเอ่ยว่า “ถึงอย่างไรมีเรื่องอะไร พวกเราก็ไม่มีสิทธิออกหน้าอยู่ดี เจ้าตักน้ำเข้ามาก่อนแล้วกัน ข้าจะหวีผม”

หลิวตงเยว่ขานรับและจากไป

เจียงเซี่ยนพิงหัวเตียงและคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในสองสามวันนี้

ไม่ว่าหลี่เชียนจะตั้งใจหรือไม่ พวกเขาก็เลื่อนเดินทางมาสองสามวันแล้วเช่นกัน ทำไมท่านพี่อาลวี่ยังไม่ตามมาอีก?

เพราะในเมืองหลวงเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น พวกเขาจึงไม่เจออะไรเลย?

หรือว่าท่านพี่อาลวี่ไม่ได้เดินทางเร็วขนาดนั้น?

พรุ่งนี้พวกเขายังมีข้ออ้างที่จะหยุดพักที่นี่ต่ออีกหรือไม่?

ถูกต้อง พวกเขา

แม้จะไม่รู้ว่าหลี่เชียนคิดอย่างไร ทว่าตอนที่เพิ่งออกจากเมืองหลวงนั้นเขารีบเดินทางอย่างสุดกำลังทั้งวันทั้งคืน เวลานี้จู่ๆ ก็ช้าลง จึงอดที่จะทำให้รู้สึกสงสัยไม่ได้

แต่นางก็ไม่ได้คำตอบ

ถึงไท่หยวน ก็เป็นเขตอิทธิพลของตระกูลจินแล้ว ตระกูลหลี่ไม่มีความสามารถ ตระกูลเจียงไม่มีอิทธิพลมากขนาดนั้น ข่าวที่นางตามหลี่เชียนไปไท่หยวนก็ไม่มีทางที่จะปิดได้แล้ว ถึงเวลานั้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ยังบอกยากจริงๆ

กลัวแต่ว่าจ้าวอี้รู้แล้วจะคิดอะไรแปลกๆ ขึ้นมาอีก

นับวันนางยิ่งอ่านใจจ้าวอี้ไม่ออก

ชาติก่อนนางแต่งงานกับเขาแต่โดยดี เขากลับคิดถึงแต่คนสกุลฟาง เรื่องของทั้งสองคนนั้นเกรงว่าจะรู้กันตั้งแต่ขุนนางจนถึงประชาชน และปิดบังนางเพียงคนเดียว ทำให้นางถูกคนอื่นเห็นเป็นตัวตลกและเสียหน้า

ชาตินี้นางอยู่ห่างจากเขามาก เขากลับปฏิบัติกับนางเหมือนเป็นสิ่งล้ำค่า ไม่ว่านางจะเหน็บแนมอย่างไรก็ไม่ใส่ใจอย่างสิ้นเชิง และก็ไม่ได้เอาใจใส่คนสกุลฟางเหมือนชาติก่อนเช่นกัน

ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ จ้าวอี้ก็เหมือนจะไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไรกันแน่

คิดถึงตรงนี้ เจียงเซี่ยนก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้

พวกเขาช่างสมกับที่เป็นพี่น้องกันจริงๆ

นางก็ไม่รู้เหมือนกัน

นางจะแต่งงานกับจ้าวเซี่ยวจริงๆ หรือ?

สักวันหนึ่งตามเขาไปฝูเจี้ยน

ไปยังสถานที่แห่งใหม่ที่ไม่คุ้นเคย ทุกสิ่งทุกอย่างแปลกไป ข้างกายไม่มีขุนนางที่จงรักภักดี ในมือไม่มีกำลังทหารที่พอจะต่อต้านจ้าวเซี่ยวได้ ตอนที่ขัดผลประโยชน์กับจ้าวเซี่ยวถูกคนขังก็ไม่มีใครช่วยเหลือ…

เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าตนเองเข้าใจเฉาไทเฮามากขึ้นแล้ว

นางช่างเหมือนกับเฉาไทเฮา

ชาติก่อนนางก็จับหลี่เชียนไว้ในมือแน่นๆ แบบนี้เหมือนกัน

เพียงเพราะอยากไขว่คว้าสิ่งที่ปกป้องตนเองได้เท่านั้น

เฉาไทเฮานั้นนอกจากตนเองแล้วก็ไม่มีคนที่ไว้วางใจได้ นางทำงานคนเดียวโดยไม่รับความช่วยเหลือจากภายนอก ดังนั้นนางจึงต้องว่าราชการหลังม่าน และกุมอำนาจไว้ในมือ

นางถูกคนสนิทข้างกายประคบประหงมมาตั้งแต่เล็ก แต่ทุกคนต่างก็มีชีวิตเป็นของตนเอง ภายใต้ภาพทิวทัศน์ที่หลากสีสันสดใสและสวยงามมากนั้น นางมักจะอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวเสมอ

การทรยศของจ้าวอี้ถึงได้ทำให้นางยากที่จะอดทนได้แบบนั้น

การเลือกของหลี่เชียนถึงได้ทำให้นางโกรธแบบนั้น

หรือว่าบนโลกใบนี้จะไม่มีคนที่จะกอดนางไว้ในอ้อมแขนแน่นๆ และเอาใจใส่ ไม่ว่าลมพัดหรือฝนสาดก็จะพานางไปด้วยอย่างนั้นหรือ?

เจียงเซี่ยนรู้สึกท้อแท้ในทันใด

นางที่คิดว่าฟื้นคืนชีพก็ดี และเป็นคนมาสองชาติ ก็เพียงเท่านี้

ยังคงใช้ชีวิตอย่างโดดเดี่ยวคนเดียว

ไม่ถูก ยังมีไทฮองไทเฮา

ในใจไทฮองไทเฮามีนางเพียงคนเดียว

พวกนางใช้ชีวิตพึ่งพาอาศัยกัน

ความคิดฉายวาบผ่านไป นางก็รู้สึกสงสัยอยู่ชั่วครู่

ไทฮองไทเฮาเลี้ยงดูนางด้วยตนเองเพราะองค์หญิงหย่งอันผู้เป็นมารดา หากองค์หญิงหย่งอันผู้เป็นมารดายังอยู่ นางก็คงเป็นเพียงหลานสาวที่ได้รับความโปรดปรานสำหรับท่านยายกระมัง?

เจียงเซี่ยนรู้ดีว่าตนเองไม่ควรคิดเช่นนี้ ทว่าก็ยังรู้สึกหดหู่อย่างไม่อาจห้ามได้ ตอนที่หลิวตงเยว่เข้ามาเชิญนางไปหวีผมและล้างหน้านั้น นางก็นิ่งไปนานมาก จนคิดที่จะมุดเข้าไปในผ้าห่มและนอนต่ออีกสักตื่น

นางต่อสู้อยู่ในใจนานมาก ก็ลุกจากเตียงจนได้

นางนึกถึงภาพเหตุการณ์ในชาติก่อนหลังจากที่ไทฮองไทเฮาจากไป นางร้องไห้ตลอด และไม่ออกจากวังคุนหนิงเกินครึ่งเดือน เมิ่งฟางหลิงเข้ามาใช้กำลังบังคับดึงนางขึ้นมา และร้องไห้พร้อมกับเอ่ยว่าหากไทฮองไทเฮายังมีชีวิตอยู่ และเห็นสภาพของนางจะเสียใจสักแค่ไหนกัน

หลิวตงเยว่พยายามช่วยหวีผมและล้างหน้าให้นางอย่างสุดความสามารถแล้ว แต่การหวีผมก็ยังเป็นปัญหาใหญ่อยู่ดี

เจียงเซี่ยนคิดว่าต้องให้หลี่เชียนหาผู้หญิงมาหวีผมให้นางสักคน

ถึงอย่างไรเขาก็ไม่สนใจว่าจะเปิดเผยร่องรอยแล้ว แล้วนางยังจะทำให้ตนเองลำบากทำไม?

หลิวตงเยว่ชงชาให้นาง

เสียงอึกทึกด้านนอกดังขึ้นเรื่อยๆ

เจียงเซี่ยนอดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้

หลิวตงเยว่รีบเอ่ยว่า “ข้าจะไปดูเดี๋ยวนี้ขอรับ!”

เจียงเซี่ยนรู้สึกดีขึ้นหน่อยแล้ว

ทว่าไม่นานหลิวตงเยว่ก็เดินโซเซย้อนกลับมา

“ท่านหญิง ท่านหญิง!” เขาคุกเข่าลงตรงหน้าเจียงเซี่ยนด้วยสีหน้าไม่พอใจ “ท่านรีบไปดูเถอะขอรับ! คุณชายใหญ่มาแล้ว แต่ใต้เท้าหลี่ให้นักยิงหน้าไม้แถวหนึ่งยกหน้าไม้หันไปทางคุณชายใหญ่…”

“เจ้าว่าอะไรนะ?” ถ้วยชาในมือเจียงเซี่ยนร่วงลงบนพื้น น้ำชาสาดเต็มพื้น นางมือเท้าอ่อนแรง กว่าจะยันโต๊ะชาและลุกขึ้นยืนได้ก็ไม่ง่ายเลย นางถามหลิวตงเยว่ด้วยสีหน้าซีดเผือด “หลี่เชียนให้คนไปยิงคุณชายใหญ่หรือ?”

“ก็ใช่น่ะสิขอรับ” หลิวตงเยว่เช็ดน้ำตาพลางร้องไห้ออกมา “ซื่อจื่อชินเอินป๋อก็มาเช่นกัน จงเทียนอี้ลงมือกับซื่อจื่อ ส่วนผู้ติดตามของใต้เท้าหลี่กับคนที่คุณชายใหญ่พามาก็ตะลุมบอนกัน วุ่นวายไปทั่ว…ใต้เท้าหลี่ก็ไม่มีความเกรงใจเลย เวลานี้ไม่ขอร้องคุณชายใหญ่แล้วยังกล้าทะเลาะวิวาทกับคุณชายใหญ่อีก…คุณชายใหญ่เป็นพี่ชายของภรรยาของเขานะขอรับ…มีใครลงมือกับพี่ชายของภรรยาแล้วได้ผลดีบ้าง…”

ในสมองของเจียงเซี่ยนว่างเปล่า นางได้ยินไม่ชัดด้วยซ้ำว่าหลิวตงเยว่กำลังบ่นอะไรบ้าง

หลิวตงเยว่ประคองนางเดินออกไปข้างนอกอย่างโซเซ ในสายตาของนางดอกไม้ ใบหญ้า และต้นไม้รอบด้านต่างกลายเป็นพร่าเลือนจนไม่ชัดเจน

เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?

หลี่เชียนพูดเก่งมากไม่ใช่หรือ?

ทำไมถึงได้ลงมือกับท่านพี่?

มีอะไรคุยกันดีๆ ไม่ได้หรือ?

มีคนขวางพวกนางระหว่างทางและพูดบางอย่าง

นางขี้เกียจที่จะสนใจ จึงเดินตรงไปข้างหน้า

หลิวตงเยว่รั้งนางไว้ และร้องไห้สะอึกสะอื้นพลางเรียกว่า “ท่านหญิง”

เจียงเซี่ยนได้สติกลับมา จึงเห็นว่าคนที่ขวางพวกนางคือปิงเหอ และเห็นนักยิงหน้าไม้แถวนั้นที่สวมชุดทะมัดทะแมงสีดำและหันหลังให้พวกนางผ่านประตูของห้องโถงตรงประตูใหญ่ที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่งชัดมาก

“เป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?” นางพึมพำ

มือของหลิวตงเยว่ถูกนางจับจนรู้สึกเจ็บ แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงแม้แต่นิดเดียว

“ท่านหญิง!” ปิงเหอเหงื่อตกเต็มศีรษะ “นายท่านไม่ได้อยากขวางท่าน แล้วก็ไม่ได้อยากทำร้ายซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกงเช่นกัน นี่เพื่อป้องกันพวกคนที่มีตาแต่หามีแววไม่นั้นเห็นว่าทางนี้ไม่มีคนเฝ้า และบุกเข้ามาอย่างกะทันหัน จนรบกวนท่านหญิง…ท่านหญิง อย่าได้ร้อนใจ อย่าได้ร้อนใจเลย…”

เจียงเซี่ยนจะไม่ร้อนใจได้อย่างไร!

นางสลัดหลิวตงเยว่ทิ้งและไปที่ห้องโถงตรงประตูใหญ่

ปิงเหอขวางตรงหน้าเจียงเซี่ยนทันที

“ท่านหญิง!” เขาตาแดง และร้อนใจจนจะร้องไห้แล้ว “ท่าน…ท่านไปไม่ได้…อาวุธไม่มีตา…นายท่านกำชับเอาไว้ว่า…ให้ท่าน…ให้ท่านรออยู่ในห้อง แล้วเขาจะไม่แตะต้องซื่อจื่อเจิ้นกั๋วกงแม้แต่ผมเส้นเดียวอย่างแน่นอน…”

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท