มู่หนานจือ – บทที่ 195 เลือกหนึ่ง

มู่หนานจือ

มือที่วางอยู่บนกล่องที่สลักลายมังกรและลงรักสีแดงราวกับถูกไฟลวก ทำให้เจียงเซี่ยนรู้สึกเจ็บปวด

หากเผาราชโองการฉบับที่สั่งให้หลี่เชียนฆ่าตัวตาย…นางก็ต้องเลือกแต่งงานกับหลี่เชียน

ทว่าชาตินี้นางไม่เคยคิดที่จะแต่งงานกับหลี่เชียนเลย ไม่อย่างนั้นทำไมนางถึงตกลงให้ไทฮองไทเฮาเลือกสามีให้นาง? ทำไมถึงตกลงแลกใบบันทึกวันเดือนปีและเวลาเกิดกับจ้าวเซี่ยว…ใช่แล้ว แล้วยังจ้าวเซี่ยว

จ้าวเซี่ยวตามมาตลอดทาง

และอยู่ข้างนอกนี้เอง

เมื่อครู่นางกลัวว่าจะทำลายเกียรติของจ้าวเซี่ยวถึงได้ไม่ปรากฏตัว ในสถานการณ์แบบนี้หากนางเลือกแต่งงานกับหลี่เชียน จ้าวเซี่ยวจะยังมีหน้ายืนอยู่ในสังคมได้อย่างไร?

เขาไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แต่กลับถูกลากเข้ามาพัวพันกับบุญคุณและความแค้นของนางกับหลี่เชียน นี่ไม่ยุติธรรมกับจ้าวเซี่ยว

นางไม่อาจทำเรื่องที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้ได้!

หากไม่เลือกราชโองการทั้งสองฉบับ แล้วนางจะเอาราชโองการที่ขอมาให้นางสองฉบับอย่างไม่สนใจคำตำหนิและคำวิจารณ์ของผู้คน กระทั่งไทฮองไทเฮาที่ให้นางเลือกอย่างอิสระไปไว้ที่ไหน?

สามทาง เดินไม่ได้สักทาง

เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดออกมาบนหน้าผากของเจียงเซี่ยน

นางอยากให้เวลาหยุดอยู่ตอนนี้ตลอดไปจริงๆ และนางก็จะไม่มีวันเผชิญกับสถานการณ์ที่ลำบากแบบนี้แล้ว

เฉาเซวียนเห็นเจียงเซี่ยนไม่ตอบอะไรเขาสักคำมานาน ก็ยิ่งรู้สึกแน่ใจว่าเจียงเซี่ยนมีใจให้หลี่เชียนแล้ว และยิ่งแน่ใจว่าถึงเจียงเซี่ยนจะถูกหลี่เชียนลักพาตัวมา ในใจเจียงเซี่ยนก็ไม่ได้ตำหนิหลี่เชียนจริงๆ เช่นกัน

แต่การจะแต่งงานกับหลี่เชียน และเรียกโจรท้องถิ่นคนหนึ่งที่ถูกเกลี้ยกล่อมให้ยอมจำนนอย่างให้เกียรติว่าพ่อสามีนั้น สำหรับเจียงเซี่ยนก็คงจะเป็นเรื่องที่รับได้ยากมากไปชั่วขณะเช่นกันกระมัง?

เขาเปิดกล่องที่สลักลายมังกรและลงรักสีแดง แล้วหยิบราชโองการทั้งสองฉบับออกมากางและวางบนโต๊ะสี่เหลี่ยมกลางห้องโถง แล้วเอ่ยว่า “เจียหนาน พวกเรามีเวลาอย่างมากที่สุดอีกหนึ่งเค่อ หากภายในหนึ่งเค่อเจ้ายังไม่ตกลง ต่อให้ข้ายินดีรอเจ้าต่อไป พวกคนที่ประสงค์ร้ายและเฝ้ารอโอกาสแย่งชิงอยู่ข้างนอกนั่น ก็อาจจะไม่ยอมรอเจ้าก็ได้”

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่เจียงเซี่ยนไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี?

ในลานกว้าง จ้าวเซี่ยวยืนอยู่กลางลานและมองฉากกั้นไม้กฤษณาสิบแปดอรหันต์ของห้องโถงตรงประตูใหญ่อย่างเหม่อลอย

เจียงลวี่กับหวังจ้านยืนอยู่ไม่ไกลทางตะวันออกของจ้าวเซี่ยว และมองจ้าวเซี่ยวอย่างกังวล

ส่วนหลี่เชียนถอยไปอยู่ใต้ต้นไม้โบราณทางตะวันตกของลาน ยืนอยู่กับจงเทียนอี้ และหลุบตาลงมองมดใต้เท้าย้ายบ้าน

เจียงลวี่กับหลี่เชียนต่างยืนอยู่ฝั่งตะวันออกและฝั่งตะวันตกของลานตามอีกฝ่าย

ยามเย็นพระอาทิตย์ตกดิน ทั้งลานเงียบสงัดไร้ซึ่งเสียงใด

นานมากแล้ว ด้านในก็ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไร

จงเทียนอี้เหมือนจะอยู่นิ่งไม่ได้แล้ว จึงกระซิบข้างหูหลี่เชียนว่า “จะให้ข้าไปดูให้เจ้าสักหน่อยหรือไม่? วิชาตัวเบาของข้าจัดอยู่ในสามอันดับแรกของยุทธภพ พวกเขาไม่มีทางรู้หรอก…”

เขายังพูดไม่จบ หลี่เชียนก็เงยหน้ามาปรายตามองเขาอย่างดูถูกแล้ว และเอ่ยอย่างแผ่วเบาว่า “เจ้าลองขยับดูสิ?”

จงเทียนอี้เห็นหวังจ้านเหลือบมองมาทางนี้อย่างว่องไว

เขาลอบถอนหายใจ แล้วแสร้งทำเป็นลูบเคราที่ไม่มีอยู่บนคาง และถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “ท่านหญิงเจียหนานผู้นี้เป็นหญิงงามที่เป็นต้นเหตุของหายนะจริงๆ ด้วย ถึงทำให้หนุ่มรูปงามมากมายชื่นชอบนาง! หากนางเป็นหญิงงามที่ไม่มีใครเทียบได้ก็ว่าไปอย่าง แต่กลับเป็นผู้หญิงที่มีท่าทางและหน้าตาที่งดงามเพียงห้าหกส่วน เจ้าว่า…สรุปแล้วพวกเจ้าอยากได้หน้าตาอันงดงามของนางหรืออยากได้ฐานะของนางกันแน่…”

หลี่เชียนใช้ศอกกระแทกหน้าอกของเขาทันที แล้วกดคอลงพลางเตือนเขาว่า “เจ้าพูดจาเพ้อเจ้อให้มันน้อยๆ หน่อย เจียหนานเป็นผู้หญิงที่น่าสนใจมาก เจ้าไม่เคยพูดคุยกับนางอย่างลึกซึ้ง หากเจ้ารู้จักนางแล้ว ก็จะชอบนางมากเช่นกัน คำพูดแบบนี้เจ้าพูดต่อหน้าข้าครั้งเดียวก็พอแล้ว ข้าไม่อยากได้ยินเป็นครั้งที่สอง ไม่อย่างนั้นได้ยินหนึ่งครั้งก็ทุบหนึ่งครั้ง ทุบจนกว่าเจ้าจะแก้ไข…”

จงเทียนอี้กุมหน้าอกและบ่นพึมพำว่า “สนใจแต่นางจนเมินเพื่อน” พอเห็นเจียงลวี่มองมาเช่นกัน ก็กลัวว่าจะสร้างความเดือดร้อนให้หลี่เชียน จึงไม่อาจก่อกวนได้อีก เขายืนตัวตรง แล้วก็อดที่จะถามเว่ยสู่ที่พาเฉาเซวียนขึ้นมาไม่ได้ “เจ้าบอกว่าตอนนั้นใต้เท้าเฉาบอกเจ้าว่ามาถ่ายทอดราชโองการ เจ้าไม่ใช่คนที่เชื่อคนง่ายขนาดนั้น ไม่ได้ตรวจสอบว่าราชโองการฉบับนั้นเป็นของจริงหรือของปลอมกันแน่อย่างนั้นหรือ?”

เว่ยสู่เบิกตาโต นานมากทีเดียวกว่าจะสูดหายใจเข้าอย่างเกินจริง และเอ่ยด้วยสีหน้าแปลกๆ ว่า “ราชโองการยังมีของจริงกับของปลอมด้วยอย่างนั้นหรือ? นั่นเป็นพระดำรัสของฝ่าบาทเชียวนะขอรับ!”

เพียงแค่จงเทียนอี้คิดว่าหลี่เชียนจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ฐานะสูงขนาดนั้น ต่อไปไม่เพียงแต่หลี่เชียน แม้แต่เพื่อนของหลี่เชียนเจอแล้วก็ต้องเคารพมากเช่นกัน เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจ จนต้องหาจุดอ่อนและข้อเสียอะไรสักหน่อยถึงจะสบายใจ

“แน่นอน!” จงเทียนอี้เอ่ย “หลายวันก่อนเกิดคดีหนึ่งขึ้นที่เจ้อเจียงไม่ใช่หรือ เห็นว่ามีคนสวมรอยผู้ตรวจการการศึกษาเจ้อเจียงรับสินบนไปทั่ว แถมยังสัญญาว่าเพียงแค่อยู่ในประโยคที่เขากำหนดก็สามารถหาหัวข้อการสอบขุนนางของปีหน้าได้ คนมากมายหลงกล สุดท้ายรู้ว่าถูกหลอกแล้วยังกลัวคนหัวเราะเยาะจึงไม่กล้าบอกคนอื่น…” เขาเอ่ยพลางมองหลี่เชียนเหมือนกำลังสื่อถึงอะไรบางอย่าง

เว่ยสู่นึกถึงเหตุการณ์ในตอนนั้น และไม่สบายใจขึ้นมาทันที

หลี่เชียนรอบคอบมาโดยตลอด พอเห็นสถานการณ์ก็รู้สึกกระวนกระวายใจ จึงเอ่ยว่า “เป็นอะไรไป? เจ้าไม่เห็นราชโองการหรือ?”

“เห็นน่ะเห็นแล้วขอรับ” เว่ยสู่เอ่ยอย่างลำบากใจ “แต่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน จึงไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นของจริงหรือของปลอม ราชโองการเก็บอยู่ในกล่องที่สลักลายมังกรสีแดงใบหนึ่ง ด้านนอกเป็นสีเหลืองสดใส ปักลายมังกรทองห้าเล็บ ตัวม้วนเป็นไม้ลงรักสีดำ ไม่ได้ทำจากหยก…” เขาตั้งใจระลึกความทรงจำ

หลี่เชียนโล่งอก และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “นั่นก็คือราชโองการ”

หินก้อนใหญ่ที่ทับอยู่บนใจของเว่ยสู่ถูกย้ายออกไปแล้ว เขาสนใจมาก จึงเอ่ยกับจงเทียนอี้ที่น่าสงสัยว่าจะหลอกเขาว่า “คุณชายจง ท่านดูสิ ข้าไม่ได้จำผิด ในนั้นยังใส่ราชโองการไว้สองฉบับด้วยนะ? แน่นอนว่าฉบับหนึ่งให้นายท่านของพวกเราไว้ถวายในหอบรรพบุรุษ ส่วนอีกฉบับก็เก็บไว้ในวังหลวง ใช้สำหรับตรวจสอบได้…”

“เจ้าว่าอะไรนะ?” หลี่เชียนตกใจ และเอ่ยว่า “มีราชโองการสองฉบับ?”

“ขอรับ!” แม้เว่ยสู่จะรู้สึกว่าสีหน้าของหลี่เชียนแปลกเล็กน้อย แต่ยังคงไม่รู้ว่าสิ่งที่ตนเองพูดนั้นทำให้เกิดระลอกคลื่นที่ใหญ่แค่ไหนในใจของหลี่เชียน “ตอนนั้นข้ายังถามเฉิงเอินกงเลยว่า ทำไมถึงมีสองม้วน เฉิงเอินกงก็ตอบข้าแบบนี้!”

หลี่เชียนกับจงเทียนอี้แลกเปลี่ยนสายตากัน ทั้งสองคนต่างเห็นความตื่นตระหนกและหวาดกลัวจากในสายตาของอีกฝ่าย

ในวังจะออกราชโองการสองฉบับมาพร้อมกันได้อย่างไร นี่ไม่ใช่การแต่งตั้งลูกชายที่เกิดจากอนุภรรยาที่มีความดีความชอบมากเสียหน่อย นอกจากมอบรางวัลให้ภรรยาหลวงแล้วยังออกราชโองการมอบรางวัลให้อนุภรรยาพร้อมกันด้วย?

ทว่าเรื่องนี้จะโทษเว่ยสู่ได้อย่างไร ก็เขาไม่เคยเห็นราชโองการมาก่อน!

“หลี่เชียน ข้าว่าข้าไปดูสักหน่อยดีกว่า!” จงเทียนอี้เก็บใบหน้าทะเล้นเมื่อครู่ไป และเอ่ยด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “ข้าว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา!”

หลี่เชียนมองเจียงลวี่กับหวังจ้านที่เดินไปอยู่ข้างกายจ้าวเซี่ยวและพูดอะไรบางอย่างกับจ้าวเซี่ยว แล้วคว้าแขนของจงเทียนอี้เอาไว้อย่างเร็วมาก “รอเดี๋ยว เจ้ารอเดี๋ยว ให้ข้าคิดเรื่องนี้ดูดีๆ เจ้าอย่าเพิ่งรีบแอบเข้าไปในเรือนด้านใน เรื่องนี้ต้องมีอะไรที่พวกเราไม่รู้อย่างแน่นอน!”

สมองของเขาแล่นอย่างเร็ว

เฉาเซวียนเคยบอกว่า เขาได้รับมอบหมายจากไทฮองไทเฮา และไทฮองไทเฮารักเจียงเซี่ยนที่สุด นางไม่มีทางที่จะทำสิ่งที่ไม่เป็นผลดีต่อเจียงเซี่ยน ส่วนเฉาเซวียน เมื่อครู่เขาก็กำลังคิดอยู่ว่า ความสัมพันธ์ของตนเองกับตระกูลเจียงถูกเปิดโปงแล้วหรือเปล่า เฉาไทเฮาจึงจะลงมือกับเขาแล้ว แต่หลังจากเฉาเซวียนมาถึงก็ไม่ประกาศราชโองการทันที ทว่าจะพบเจียงเซี่ยนให้ได้ เขาก็รู้ว่า ราชโองการฉบับนี้ต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน

แต่เขารู้สึกได้ว่า ถึงแม้บางครั้งเจียงเซี่ยนจะไม่ชอบเขา ทว่าเวลาสำคัญ เจียงเซี่ยนก็ไม่เคยทอดทิ้งเขาเลย จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องทำร้ายเขา

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท