ท่านหูไม่ใช่นักบัญชีธรรมดา
เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายบัญชีของจวนเจิ้นกั๋วกง
คุมรายการบัญชีทั้งหมดของตระกูลเจียง
ตระกูลของพวกเขามาถึงรุ่นของเขาก็เป็นรุ่นที่ห้าแล้ว เคยรับใช้เจิ้นกั๋วกงมาแล้วห้าคน
ท่านหูตอบรับอย่างดีใจ
ทั้งสองคนไปที่ห้องโถง
หลี่เชียนสวมเสื้อคลุมยาวผ้าไหมหังลายค้างคาวห้าตัวล้อมคำว่า ‘อายุยืน’ ทรงกลมสีน้ำเงินสดใสอย่างเรียบร้อย บนใบหน้าอันหล่อเหลาเผยรอยยิ้มสดใสออกมาอย่างเต็มที่ จนสว่างไสวกว่าแสงแดดต้นฤดูร้อนเสียอีก
“ท่านกั๋วกงน้อย!” เขาคารวะเจียงลวี่อย่างนอบน้อม ท่าทางถ่อมตนและสุภาพ ทำให้ท่านหูรู้สึกชอบทันที
เจียงลวี่พยักหน้า แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือกลางห้องโถง พลางชี้เก้าอี้ไท่ซือตัวที่อยู่ต่ำกว่า ส่งสัญญาณให้เขานั่งเช่นกัน
หลี่เชียนยิ้มพลางนั่งลงบนเก้าอี้ไท่ซือ แล้วแนะนำเซี่ยหยวนซีกับเจียงลวี่ “…ผู้ช่วยของข้า”
ท่านหูสังเกตว่าเขาใช้คำว่าผู้ช่วย ‘ของข้า’ ไม่ใช่ผู้ช่วยของ ‘ตระกูลหลี่’ แล้วก็อดที่จะแอบพยักหน้าไม่ได้
เจียงลวี่ก็แนะนำท่านหูกับหลี่เชียนเช่นกัน
หลี่เชียนทักทายท่านหูด้วยท่าทางนุ่มนวล และเอ่ยถึงจุดประสงค์ที่ตนเองมา
เจียงลวี่แปลกใจเล็กน้อย เขาคิดว่าด้วยความเย่อหยิ่งของหลี่เชียน จะยอมแอบแสวงหาเองดีกว่ามาขอร้องเขา เขาจึงงุนงงเล็กน้อยไปชั่วขณะ และยังคิดไม่ออกจริงๆ ว่าให้ยืมใครไปช่วยตระกูลหลี่ดี
สามารถปรับตัวได้ไม่ว่าสภาพแวดล้อมจะดีหรือแย่ คือสิ่งที่ลูกผู้ชายทำ!
ท่านหูประทับใจในตัวหลี่เชียนมากขึ้น และถามหลี่เชียนว่า “ไม่ทราบว่าลูกเขยใหญ่ต้องการคนจัดการเรือนด้านในหรือคนต้อนรับแขกที่มาเยี่ยม?”
เจียงลวี่แนะนำให้เขารู้จักอย่างระมัดระวังและจริงจังแบบนี้ ต้องไม่ใช่คนรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายธรรมดาอย่างแน่นอน
ท่านหูกลายเป็นคนของตระกูลเจียงที่หลี่เชียนรู้สึกว่าควรเอาชนะทันที เขาจึงระมัดระวังและจริงจังกับข้อเสนอของท่านหูมากด้วยเหตุนี้
“หากมีตัวเลือก เรือนด้านในกับเรือนด้านนอกต่างก็ต้องการคนช่วยทั้งนั้น” เขาเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “แต่หากกำลังคนไม่พอ เรือนด้านนนอกต้องการคนมากกว่าเรือนด้านใน”
คนที่เรือนด้านนอกต้อนรับเป็นคนมีหน้ามีตา จึงแน่นอนว่าย่อมสำคัญมากกว่าเรือนด้านใน
ท่านหูเอ่ยอย่างมีเลศนัยว่า “เดี๋ยวข้าจะลองไปถามฮูหยินดูว่าฮูหยินมีตัวเลือกที่เหมาะสมหรือไม่ แล้วถึงเวลานั้นค่อยตอบลูกเขยใหญ่”
หลี่เชียนรีบขอบคุณ เขาเห็นว่าเจียงลวี่สีหน้าไม่สบอารมณ์ จึงตัดสินใจว่าตอนนี้ยั่วโมโหอีกฝ่ายให้น้อยหน่อยจะดีกว่า เขาพูดคุยกับเจียงลวี่และท่านหูไม่กี่คำ ก็ลุกขึ้นบอกลา
เจียงลวี่กับท่านหูกลับไปที่ฝ่ายบัญชีอีกครั้ง ท่านหูอดที่จะชื่นชมหลี่เชียนไม่ได้
“เจ้าจำเป็นต้องช่วยพูดให้เขาแบบนี้ด้วยหรือ?” เจียงลวี่เอ่ยพลางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ข้าไม่ได้ทำอะไรเขาเสียหน่อย?”
ท่านหูยิ้มพลางเอ่ยว่า “เขาเป็นคนของตระกูลเจียงแล้ว ข้าชมเขาก็กำลังชมตระกูลเจียงของพวกเราอยู่ไม่ใช่หรือ? ช่วยพูดให้อีกหน่อยก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่เช่นกัน”
หลังจากนั้นท่านหูก็ไปหาฮูหยินฝาง
ฮูหยินฝางกำลังจัดสินเดิมของเจียงเซี่ยนอยู่ที่นั่น พอรู้ว่าหลี่เชียนต้องการหาคนช่วย และได้ยินท่านหูชมหลี่เชียน ก็คิดว่าการแต่งงานนี้อาจจะดีกว่าที่พวกเขาคิดก็ได้ จึงรู้สึกสบายใจเล็กน้อย และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “เช่นนั้นก็ให้ตงเยว่ไปช่วยเถอะ! ถึงแม้เขาจะไม่เคยคุมงาน แต่ก็รู้กฎเกณฑ์ดี เป็นคนที่ขันทีหลิวดูแลและสั่งสอนมาด้วยตนเอง และเจียหนานก็บอกข้าแล้วเช่นกันว่า อยากเก็บหลิวตงเยว่ไว้ใช้งานข้างกาย ต่อไปเรื่องของเรือนด้านนอก ก็ต้องให้ตงเยว่ช่วยวิ่งเต้นทำงานให้อย่างขาดไม่ได้ เช่นนั้นก็ให้เขาเริ่มคุ้นเคยเสียตั้งแต่ตอนนี้ดีกว่า เขาจะคว้าโอกาสครั้งนี้ไว้ได้หรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับโชคชะตาของเขาเองแล้ว”
ท่านหูคิดว่าจัดการแบบนี้ก็ไม่เลวเช่นกัน
“ส่วนเรือนด้านใน ข้าว่าก็ให้แม่นมอวี๋ไปแล้วกัน” ฮูหยินฝางพึมพำ “สตรีที่แต่งงานแล้ว ส่วนใหญ่ก็ยังอยู่ที่เรือนด้านใน แทนที่จะค่อยคิดหาทางจัดการคนเหล่านั้นทีหลัง สู้แสดงอำนาจตั้งแต่ต้นดีกว่า เจียหนานแต่งไปแล้วก็จะสบายหน่อยเช่นกัน”
แน่นอนว่าเรื่องของเรือนด้านในต้องมอบให้ผู้หญิง
ท่านหูคิดว่าในเมื่อฮูหยินฝางเห็นว่าจำเป็น เช่นนั้นก็ทำตามที่ฮูหยินฝางต้องการแล้วกัน
ทั้งสองคนปรึกษากันเรียบร้อยแล้ว ท่านหูก็พาคนไปหาหลี่เชียนด้วยตนเอง
พอรู้ว่าแม่นมอวี๋เป็นแม่นมส่วนตัวของฮูหยินฝาง หลี่เชียนแปลกใจมาก หลังจากขอบคุณก็เริ่มใช้แม่นมอวี๋อย่างไม่เกรงใจทันที “…ท่านพ่อซื้อเรือนตรงถนนตะวันตกไม่ไกลจากกองบัญชาการต้าถงเอาไว้หลังหนึ่ง แล้วก็ซื้อสาวใช้กับหญิงรับใช้มาจากพ่อค้านายหน้ายี่สิบกว่าคน ถึงเวลานั้นก็รบกวนเจ้าช่วยสั่งสอนธรรมเนียมด้วย”
แม่นมอวี๋ขานรับอย่างนอบน้อม หลังจากรายงานฮูหยินฝางแล้วก็เข้าไปอยู่บ้านที่ตระกูลหลี่ซื้อใหม่พร้อมกับหลิวตงเยว่ และเริ่มรีบจัดการเรื่องมอบสินสอดกับเหล่าพ่อบ้านของตระกูลหลี่
ฮูหยินฝางพอใจกับเรื่องนี้มาก ตอนที่คุยเรื่องส่วนตัวกับเจียงเซี่ยนก็เอ่ยว่า “ได้ยินแม่นมอวี๋บอกว่า ตระกูลหลี่กลัวว่าต่อไปเจ้าแต่งไปไท่หยวนแล้วจะไม่มีคนคุยเล่นด้วย จึงซื้อเรือนตรงถนนตะวันตกเอาไว้ ตอนที่เจ้าว่างก็สามารถมานั่งคุยเล่นที่ต้าถงบ่อยๆ ได้”
เจียงเซี่ยนรู้สึกว่าการแต่งงานนี้ฟุ่มเฟือยมากเกินไปหน่อยแล้ว
ตระกูลหลี่ต้องมีเงินอย่างแน่นอน แต่จะใช้เงินแบบนี้ไม่ได้
ต่อไปหลี่เชียนยังต้องขยายกำลังรบ และเลี้ยงทหารส่วนตัว มีเรื่องที่ต้องใช้เงินมากมาย
นึกถึงตอนนั้นที่นางถูกแต่งตั้งเป็นฮองเฮา สินสอดก็เพียงแค่ทองสองร้อยตำลึง เงินหนึ่งหมื่นตำลึง ผ้าต่วนหนึ่งพันพับ ใบชาหนึ่งร้อยจิน ม้าที่มีขนสีสันงดงามยี่สิบตัว ม้าธรรมดาสี่สิบตัว และเกราะหลังยี่สิบชุด รวมแล้วไม่เกินสองสามหมื่นตำลึง ทว่าเวลานี้ตระกูลหลี่ยังไม่ได้มอบสินสอด ก็ซื้อเรือนและซ่อมแซมหอบรรพบุรุษ ใช้เงินไปไม่ต่ำกว่าสองหมื่นตำลึงแล้ว
นางอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ได้นำใบรายการที่ตระกูลหลี่มอบสินสอดมาไหมเจ้าคะ?”
“ยังไม่ได้เลย!” ฮูหยินฝางยิ้มพลางล้อเจียงเซี่ยนเล่นว่า “เจ้าวางใจเถอะ สินเดิมของเจ้าต้องมากกว่าสินสอดของพวกเขาอย่างแน่นอน”
ตามปกติเวลานี้สินสอดของฝ่ายชายเท่าไร ก็จะแสดงถึงการให้ความสำคัญกับฝ่ายหญิง
เจียงเซี่ยนคิดว่าจะจัดพิธีแต่งงานที่เรียบง่ายหน่อย ทว่าพอเห็นฮูหยินฝางดูคึกคัก จึงกลืนคำพูดที่มาถึงใกล้ปากแล้วลงไป…เพียงแค่เรื่องเงินสองสามหมื่นตำลึงแค่นี้ หากทำให้คนในครอบครัวมีความสุขได้ ก็จ่ายไปเถอะ ต่อไปค่อยคิดหาทางหากลับมาก็ได้
—
หลี่เชียนก็กำลังกลุ้มกับเรื่องสินสอดอยู่จริงๆ
ตามความต้องการของหลี่ฉางชิง สินสอดก็หามทองสองพันตำลึง เงินห้าหมื่นตำลึง ส่วนของอย่างอื่นจัดซื้อตามธรรมเนียมในการหมั้นสตรีของตระกูลที่มั่งคั่งและมีอำนาจของเจียงหนาน
ในเมื่อเป็นสินสอด ก็ต้องบรรจุลงในกล่องและหามไป
แน่นอนว่าไม่สามารถใช้ตั๋วเงินได้
ทว่าเงินมากขนาดนี้ รวมเงินที่เก็บอยู่ในคลังของร้านขายเครื่องประดับเงินทองทั้งต้าถงแล้วก็ยังได้ไม่ครบอยู่ดี
ต้องรวมร้านขายเครื่องประดับเงินทองหลายร้านไปแลกที่ไท่หยวน
ไท่หยวนอยู่ห่างจากต้าถงเร่งความเร็วขึ้นแล้วก็ยังต้องใช้เวลาเจ็ดแปดวันอยู่ดี
และการโอนย้ายเงินมากขนาดนี้ ก็ไม่มีทางที่ทำเงียบๆ ได้ มันจะต้องดึงดูดขโมยและโจรในใต้หล้ามาอย่างแน่นอน
ถึงเวลานั้นจะส่งเงินจากไท่หยวนมายังต้าถงอย่างไรกลับกลายเป็นปัญหาที่แก้ยากที่สุด
แต่หากสินสอดน้อยเกินไป เขาก็รู้สึกว่าไม่เป็นธรรมกับเจียงเซี่ยน
เซี่ยหยวนซีเอ่ยว่า “ไม่อย่างนั้น…พวกเราลองปรึกษากับตระกูลเจียงดูว่า เปลี่ยนเป็นทองห้าร้อยตำลึง เงินห้าพันตำลึง และของอย่างอื่นใช้ตั๋วเงินแทน?”
“โอนย้ายเงินจากไท่หยวนดีกว่า!” หลี่เชียนลังเลเพียงชั่วครู่ก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ทันที “เรื่องแค่นี้ยังทำได้ไม่ดี แล้วจะตะลุยไปทั่วซานซีได้อย่างไร! ข้าจะได้ดูด้วยว่า สรุปแล้วมีใครกล้ากระตุกหนวดเสือ ปล้นของของตระกูลหลี่ของพวกเราบ้าง”
สีหน้าของเขาสงบนิ่งและเยือกเย็น ทว่ากลับมีความแข็งแกร่งบวกกับความทรหดที่ไม่มีทางหวนกลับคืนมาได้เหมือนก้อนหินที่หนาและใหญ่มหึมา
เซี่ยหยวนซีอึ้งไปเล็กน้อย และเอ่ยว่า “ก็ดีเหมือนกัน! หลายวันก่อนเจ้าไปเยี่ยมเยียนลูกน้องเก่าของใต้เท้า บางคนหน้าไหว้หลังหลอก บางคนดูถูก บางคนจงใจเพิกเฉย ลืมอำนาจและบารมีของตระกูลหลี่ในตอนนั้นไปนานแล้ว ฉวยโอกาสนี้ทำให้คนพวกนั้นจำได้นานหน่อยก็ดีเหมือนกัน”
หลี่เชียนส่งรายการสินสอดไปให้ฮูหยินฝางที่พักอยู่ที่ตระกูลฉีชั่วคราวตรวจสอบ
ฮูหยินฝางยังเห็นไม่ชัดก็ถูกเจียงลวี่หยิบไปแล้ว
สายตาของเขาที่จับจ้องอยู่ที่รายการสินสอดก็เบิกโตขึ้น “คุณพระช่วย หลี่เชียน เจ้าเกลียดที่รั้วของกองบัญชาการต้าถงหนาเกินไปใช่หรือไม่? หากส่งสินสอดนี้มา ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องแต่งงาน พวกเราต้อนรับพวกโจรขโมยทุกวันก็ยุ่งจนไม่มีแม้แต่เวลาหายใจแล้ว! ไม่ได้! เปลี่ยนใหม่!”
————————————-