เวลานี้หลี่เชียนอึดอัดใจเล็กน้อยจริงๆ
เขารู้ว่าสินเดิมของเจียงเซี่ยนจะต้องไม่น้อยอย่างแน่นอน
แต่มากมายขนาดนี้…
หลี่เชียนมองสมุดรายชื่อสินเดิมที่เด็กรับใช้สองคนยกเข้ามา แล้วก็เหงื่อออกตรงหน้าผากเล็กน้อย
หลี่ไท่หัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลหลี่ยิ่งตกใจจนพูดไม่ออก มือเปิดสมุดรายชื่อไป ก็อดที่จะอ่านออกเสียงไม่ได้ว่า “ตู้แช่ลงยาสีน้ำเงินจี้หลานวาดลายสีทองพันกิ่งไม้และดอกไม้หนึ่งเครื่อง! นี่คืออะไร?”
เขาถามหลี่เชียน
ของนี้หายากมาก แม้แต่คนในวัง ก็ไม่ใช่ว่าจะรู้จักทุกคนเช่นกัน
หลิวตงเยว่กลัวว่าหลี่เชียนจะไม่รู้เหมือนกัน จึงรีบชิงตอบว่า “เป็นของที่ใช้สำหรับเก็บผลไม้และน้ำแข็งในหน้าร้อน…” เขาเอ่ยจบก็เห็นหลี่ไท่ยังคงงุนงง จึงคิดแล้วเอ่ยอีกว่า “เป็นตู้ลงยาใบหนึ่ง แบ่งเป็นชั้นในกับชั้นนอก พอวางน้ำแข็งไว้ที่ชั้นนอก อาหารในตู้ก็จะเก็บความเย็นได้สิบสองชั่วยาม และจะไม่เน่าเสีย…”
หลี่ไท่ยังคงไม่เข้าใจ
แต่เขาอายที่จะถามต่อไปอีก
เขาพยักหน้าอย่างลวกๆ และเอ่ยว่า “อ้อ ที่แท้เป็นตู้เก็บของนี่เอง!”
หลิวตงเยว่รู้ว่าเขายังไม่เข้าใจ ทว่าไม่ว่าอย่างไรหลี่ไท่ก็เป็นหัวหน้าพ่อบ้านของตระกูลหลี่ อย่างไรเขาก็ต้องไว้หน้าหลี่ไท่บ้างเช่นกัน ในเมื่อหลี่ไท่บอกว่าตนเองเข้าใจแล้ว เขาก็จะถือว่าหลี่ไท่เข้าใจแล้ว และไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้อีก แล้วยิ้มพลางเปลี่ยนเรื่องเอ่ยกับหลี่เชียนว่า “ลูกเขยใหญ่ ฮูหยินเจิ้นกั๋วกงบอกว่า ในวันหลายวันที่สำนักหอดูดาวหลวงกำหนดมานั้น ฮูหยินเลือกวันที่หกเดือนห้าเป็นวันมอบสินสอด และวันที่ยี่สิบสี่เดือนห้าเป็นวันแต่งงาน ท่านว่าได้หรือไม่?”
หลี่เชียนแค่อยากแต่งเจียงเซี่ยนเข้าตระกูลเร็วๆ แน่นอนว่ายิ่งเร็วก็ยิ่งดี
เขาตอบตกลงอย่างดีใจ
หลิวตงเยว่ยืนยันพ่อสื่อของทั้งสองฝ่ายกับหลี่เชียนอีกครั้ง หลี่เชียนถึงให้เซี่ยหยวนซีส่งหลิวตงเยว่ออกไป
หลี่ไท่เผยสีหน้าละอายใจออกมาทันที และเอ่ยว่า “นายท่าน วันนี้ทำให้ท่านเสียหน้าแล้ว…”
หลี่เชียนโบกมืออย่างไม่เห็นด้วย และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สิ่งนั้นคืออะไรข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ไว้ท่านหญิงแต่งเข้ามาแล้ว ถึงเวลานั้นพวกเราไปดูด้วยกัน”
หลี่ไท่รู้สึกว่าความร้อนบนหน้าสลายไปไม่น้อยทันที
หลี่เชียนเอ่ยถึงเรื่องแต่งงาน “ในเมื่อฮูหยินฝางกำหนดวันแล้ว เจ้าก็ส่งคนไปแจ้งข่าวกับท่านพ่อเดี๋ยวนี้ แล้วก็ตอนที่ต้อนรับ พ่อสื่อจะตามมาหรือไม่? หากพ่อสื่อตามมา เกรงว่าเวลานี้คงจะออกเดินทางแล้ว ใต้เท้าจินงานยุ่ง ไม่สามารถอยู่ต้าถงได้นาน ถึงเวลานั้นจะทำอย่างไร ยังต้องขอให้ท่านพ่อไปปรึกษากับใต้เท้าจินและใต้เท้าหลี่ด้วยตนเอง ส่วนเฉวียนฝูเหริน[1]นั้น ข้าได้ยินว่าเชิญฮูหยินของใต้เท้าหลี่มา ทางฮูหยินหลี่นั้นก็ต้องเร่งให้คนไปเชิญแล้วเช่นกัน…”
พ่อสื่อที่ตระกูลเจียงเชิญคือฉีเซิ่งกับจ้าวซีเจ้าเมืองต้าถง
พ่อสื่อที่ตระกูลหลี่เชิญคือจินไห่เทาแม่ทัพไท่หยวนกับหลี่ขุยเจ้าเมืองไท่หยวน
จินไห่เทาแม่ทัพไท่หยวนยังถามหลี่ฉางชิงเล่นๆ ว่าต้องเขียนคำอวยพรให้เสร็จก่อนหรือไม่ ‘ข้าไม่ใช่บัณฑิตเหมือนใต้เท้าหลี่ อ้าปากก็มา’
ตามหลักแล้ว ตอนที่ต้อนรับนั้นพ่อสื่อของทั้งสองตระกูลต่างก็ควรจะมาด้วย
ทว่าเจียงเซี่ยนมาแต่งงานที่ต้าถง ระหว่างทางก็ต้องเดินทางสี่ห้าวัน เวลานานเกินไป คนที่พิถีพิถันหน่อยจะเชิญเฉวียนฝูเหรินมาช่วยไปรับเจ้าสาว ส่วนพ่อสื่อก็รอรับที่หน้าประตูเมืองก็พอ ทว่าเฉวียนฝูเหรินที่สบายๆ หน่อยจะรอรับที่หน้าประตูเมือง ส่วนพ่อสื่อก็รอรับที่หน้าประตูใหญ่ก็พอ
หลี่เชียนไม่อยากให้เจียงเซี่ยนน้อยใจแม้แต่นิดเดียว ความนัยที่แฝงในนั้นก็คือให้เขาคิดหาทางทำให้พ่อสื่อตามขบวนที่ไปรับเจ้าสาวมารับเจ้าสาวที่ต้าถง
หลี่ไท่เข้าใจ และปรึกษารายละเอียดในนั้นกับหลี่เชียน
ปิงเหอเข้ามารายงานว่า “นายท่าน นายท่านหกซุนมาขอรับ”
หลี่ไท่ได้ยินก็อดที่จะขมวดคิ้วไม่ได้ และเอ่ยว่า “เขามาทำไม?”
ตอนนั้นที่ซุนซื่อติ่งกับหลี่ฉางชิงสาบานเป็นพี่น้องกันจัดอยู่ในอันดับที่หก คนของตระกูลหลี่จึงพากันเรียกซุนซื่อติ่งว่านายท่านหก ตอนนั้นที่หลี่เชียนไปเยี่ยมเยียนที่ตระกูลซุน ซุนซื่อติ่งไม่ยอมเอ่ยถึงเรื่องคนที่ตอนนั้นตระกูลหลี่ฝากไว้กับเขาอย่างเด็ดขาด หลี่เชียนรู้ว่าทั้งสองตระกูลมีความคิดเห็นแตกต่างกันจึงไม่มีทางร่วมงานกันได้แล้ว ก็ไม่บังคับเช่นกัน เขาปฏิเสธงานเลี้ยงของตระกูลซุนทางอ้อมอย่างสุภาพและกลับจวนทันที
ทว่าเวลานี้ซุนซื่อติ่งกลับมาหาถึงที่…
หลี่เชียนยิ้มและเอ่ยว่า “อาจจะได้ยินข่าวอะไรกระมัง! ตอนนี้เขาเป็นพ่อค้าแล้ว ไม่มีผลประโยชน์ไม่ตื่นเช้าหรอก!”
“เช่นนั้นก็อย่าเจอเลยขอรับ!” หลี่ไท่เอ่ย หน้าตาฉายแววโหดเหี้ยมอย่างเบาบาง
หลี่เชียนยิ้ม
อย่ามองว่าหลี่ไท่ผอมบางและสะอาดสะอ้าน ก่อนที่เขาจะมาพึ่งพาอาศัยหลี่ฉางชิง เขาเป็นนักฆ่าหมู ดังนั้นจึงนิสัยไม่ค่อยดีนัก แต่กลับต้อนรับพวกคนต่ำต้อยที่ไปมาหาสู่กับตระกูลหลี่ได้ดี
“นั่นไม่จำเป็นหรอก!” หลี่เชียนยิ้มและเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ไม่มีซุนซื่อติ่ง ยังมีเฉินซื่อติ่ง อู๋ซื่อติ่ง รู้ว่าเขาเป็นคนอย่างไรก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องโกรธ คนแบบนี้ไม่คู่ควร”
ปิงเหอได้ยินก็เอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงดูถูกมากว่า “เขาบอกว่าเขาทำงานที่หุนหยวน ได้ยินว่านายท่านจะแต่งงานแล้ว จึงรีบมาแสดงความยินดีกับนายท่านโดยเฉพาะขอรับ”
หลี่ไท่ยิ้มเยาะ
หลี่เชียนเอ่ยกับหลี่ไท่ด้วยสีหน้าเหมือนเดิมว่า “เขาเป็นเพื่อนบ้านมาแสดงความยินดี ข้าก็ต้องเชิญเขาดื่มชาสักถ้วยเช่นกัน เจ้าไม่จำเป็นต้องกังวล ข้ารู้ดีว่าต้องทำอย่างไร!” แล้วสั่งปิงเหอว่า “เชิญเขาไปดื่มชาในโถงบุปผา พวกเราจะเมินแขกไม่ได้”
หลี่ไท่ไม่พูดอะไรอีก เขาค้อมตัวคารวะ และออกไปจัดคนส่งข่าวไปไท่หยวน
ส่วนปิงเหอทำแก้มป่องและออกไปจากห้องโถง
หลี่เชียนไปพบซุนซื่อติ่งที่โถงบุปผา
—
ซุนซื่อติ่งรูปร่างกำยำสูงใหญ่และอ้วนท้วน ดวงตาเล็กคู่นั้นคมกริบเหมือนคมมีด เผยให้เห็นความเฉลียวฉลาด ก่อนที่จะยึดครองยอดเขาและเรียกตนเองว่าอ๋องนั้น เขาเป็นคนขายเสื่อ เวลานี้สวมแพรต่วนแล้วก็ดูไม่เหมือนคหบดีในชนบทเช่นกัน
เขาเห็นหลี่เชียนก็ยิ้มจนเหมือนพระสังขจาย “หลานชาย! ยินดีด้วยยินดีด้วย! เจ้าเก่งกว่าพ่อเจ้าและอามากทีเดียว พ่อเจ้ากว่าจะได้แต่งงานกับแม่เจ้าก็ไม่ง่ายเลย ข้าก็กว่าจะได้แต่งงานกับอาสะใภ้ของเจ้าก็ไม่ง่ายเช่นกัน แต่เจ้ากลับแต่งงานกับท่านหญิง เก่งมาก! เก่งมาก! อานับถือจริงๆ!”
ตาของหลี่เชียนเป็นซิ่วไฉที่สอบตก พ่อตาของซุนซื่อติ่งเป็นเจ้าของที่ดิน
“ท่านอาชมเกินไปแล้ว!” หลี่เชียนยิ้มพลางเอ่ยอย่างถ่อมตนและสุภาพว่า “ข้าเพียงแค่โชคดี ได้รับความโปรดปรานจากไทเฮา ไทเฮาจึงช่วยเป็นแม่สื่อให้เท่านั้น”
นี่เป็นสิ่งที่หลี่เชียนบอกกับคนนอก แม้แต่ทางหลี่ฉางชิง เขาก็ปิดบังเช่นกัน
แม้หลี่ฉางชิงจะงุนงง ทว่าไม่ได้เจอหลี่เชียน ก็ทำได้เพียงฝังความงุนงงเหล่านั้นไว้ในใจ
แต่ซุนซื่อติ่งกลับไม่สงสัย
ในความคิดของเขา ท่านหญิงเจียหนานฐานะสูงศักดิ์ หากเฉาไทเฮาไม่เป็นคนตัดสินใจ ก็ไม่มีทางแต่งงานกับหลี่เชียนอย่างเด็ดขาด
พอเขากวักมือ เด็กรับใช้ที่ติดตามอยู่ข้างกายก็รีบยื่นรายการของขวัญหลายแผ่นให้
“หลานชาย อารีบมา และเตรียมของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มามอบให้ท่านหญิงด้วย” ซุนซื่อติ่งยิ้มอย่างประจบประแจง “อย่างไรก็ขอให้หลานช่วยมอบให้ท่านหญิงด้วย ไว้วันที่พวกเจ้าแต่งงาน อาจะพาพี่จี้เหยียนของเจ้า อาสะใภ้ของเจ้า พี่สะใภ้ และหลานชายหลานสาวไปดื่มสุรามงคลให้เจ้าอย่างแน่นอน”
แต่งงานกับเจียงเซี่ยน พวกความเปลี่ยนแปลงในเรื่องการเข้าสังคมนี้หลี่เชียนก็คาดเอาไว้แล้วเช่นกัน เขายิ้มและเอ่ยกับซุนซื่อติ่งว่า “ก่อนข้ากับท่านหญิงจะแต่งงานกันนั้นพบกันไม่ได้ และงานยุ่งมาก จึงไม่อาจมอบรายการของขวัญนี้ให้ได้ ข้าว่าท่านส่งไปที่กองบัญชาการต้าถงโดยตรงดีกว่า เวลานี้ท่านหญิงพักอยู่ที่กองบัญชาการต้าถง”
ตอนนั้นซุนซื่อติ่งทำไม่ดีกับหลี่เชียน ตอนที่มาก็เตรียมพร้อมที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนและประจบประแจงแล้ว ดังนั้นเขาจึงไม่รู้สึกผิดหวังหรือโกรธแค้น แต่เอ่ยด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความละอายใจว่า “หลานชาย เจ้ายังไม่พอใจที่หลายวันก่อนอาทำไม่ดีกับเจ้าใช่หรือไม่ พูดถึง…อาก็จำเป็นเช่นกัน เจ้าไม่รู้หรอกว่า หลังจากพ่อเจ้าไปแล้ว พวกหน่วยงานราชการก็มาไม่ขาดสาย หากไม่ต้องต้อนรับด้วยเหล้าและอาหารมากมาย ก็บอกว่าวันนี้ตนเองมือไม่ขึ้นและเสียเงินไปแล้ว ข้าก็ใช้ชีวิตลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ พวกเงินทองที่พ่อเจ้าทิ้งไว้ในมือข้าตอนนั้น ก็ถูกข้าใช้ไปพอสมควรแล้วเช่นกัน หลานเอ๋ย…ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากช่วยเจ้า แต่อาไม่มี…ไม่มีเงินจริงๆ จึงเอาเงินก้อนนั้นออกมาไม่ได้แล้ว…”
————————————
[1] เฉวียนฝูเหริน ตามธรรมเนียมในการแต่งงาน ในพิธีแต่งงานจะต้องมีคนที่มีวาสนาและครอบครัวสมบูรณ์คอยดูแลงานต่างๆ เป็นสตรีที่บิดามารดายังมีชีวิตและแข็งแรงดี มีสามี และมีบุตรสาวบุตรชายที่สมบูรณ์พร้อม เพื่อให้คู่บ่าวสาวมีสิริมงคลและสมปรารถนาในอนาคต