มู่หนานจือ – บทที่ 233 ไปซื้อของ

มู่หนานจือ

แน่นอนว่าเจียงเซี่ยนก็รู้เรื่องที่ฮูหยินฝางส่งหลี่เชียนออกไปด้วยตนเองเช่นกัน

นางถามชีกูที่มาส่งข่าวให้นางว่า “ท่านป้าเรียกนายท่านของพวกเจ้ามาคุยเรื่องอันใด?”

“ไม่ทราบเจ้าค่ะ” ชีกูเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าน้อยไม่กล้าแอบฟังนายท่านคุย”

เจียงเซี่ยนเบ้ปากอย่างไม่เห็นด้วย

ชีกูป้องปากยิ้ม

หลี่ฉางชิงพอใจกับลูกสะใภ้คนนี้มากจริงๆ พ่อบ้านรองของตระกูลหลี่มาช่วยจินไห่เทาส่งสินสอดด้วย และตกรางวัลให้พวกนางทุกคนที่รับใช้เจียงเซี่ยนคนละยี่สิบตำลึง ทุกคนต่างดีใจมาก และเดาว่ากว่าท่านหญิงเจียหนานจะแต่งไป ไม่รู้จะได้รางวัลเท่าไร ตอนที่รับใช้เจียงเซี่ยนแต่ละคนจึงต่างทำจิตใจให้สดชื่นอย่างเต็มที่ แม้ไป่เจี๋ยกับฉิงเค่อจะเรียกใช้พวกนาง พวกนางก็เต็มใจและแย่งกันทำเช่นกัน

ชีกูถามเจียงเซี่ยน “ท่านหญิง เบญจมาศสีดำที่แม่นมเมิ่งนำมาให้ท่านจากเมืองหลวงนั้น วันนี้ยังต้องรดน้ำหรือไม่เจ้าคะ?”

“ไม่ต้อง!” เจียงเซี่ยนเอ่ยอย่างมีประสบการณ์มากว่า “เจ้าดูว่าดินชื้นก็พอแล้ว รดน้ำมากไป จะทำให้รากเน่าได้ง่าย กระถางก่อนถูกข้ารดจนตายไปก็เพราะแบบนี้”

ชีกูเช็ดเหงื่อ

ฉีตานกับฉีซวงจูงมือกันเดินมา และตะโกนเรียกมาแต่ไกลว่า “ท่านหญิง”

เจียงเซี่ยนอดยิ้มไม่ได้

พวกนางสองคนนั้น คนหนึ่งใส่สีแดง อีกคนใส่สีเขียว หน้าแดงเปล่งปลั่ง เต็มไปด้วยความมีชีวิตชีวา ทำให้คนเห็นแล้วรู้สึกว่าจิตใจเบิกบานขึ้นตามไปด้วย

ทว่าเจียงเซี่ยนก็ยังคงแยกไม่ออกอยู่ดีว่าใครเป็นพี่ใครเป็นน้อง

ฉีตานยิ้มและเอ่ยว่า “พวกเราก็กลัวว่าท่านจะแยกไม่ออก ข้าจึงใส่ชุดสีแดง น้องสาวใส่ชุดสีเขียว”

เจียงเซี่ยนอับอายจนเหงื่อตก

ฉีซวงถามเจียงเซี่ยนว่า “วันนี้มีตลาดม้า ครั้งที่แล้วท่านพ่อรับปากว่าจะซื้อม้าให้พวกเราพี่น้องคนละตัว พวกเราอยากไปดูสักหน่อย ท่านหญิงอยากไปกับพวกเราหรือไม่?”

“ตลาดม้าอยู่ที่ใด? อยู่ไกลจากที่นี่หรือไม่? ทางเดินสะดวกหรือไม่?” เจียงเซี่ยนรักความสะอาดมาตั้งแต่เด็ก จึงกลัวว่าตัวจะเต็มไปด้วยฝุ่นที่สุด

“อยู่ตรงมุมตะวันตกเฉียงเหนือในเมืองต้าถงนี้เอง” ฉีตานเอ่ยอย่างเสียดายว่า “ข้าอยากไปที่ป้อมเต๋อเซิ่ง แต่ท่านพ่อไม่ให้”

“นี่ท่านพ่อก็หวังดีกับพวกเราเช่นกัน” ฉีซวงเอ่ยว่า “ป้อมเต๋อเซิ่งมีชนกลุ่มน้อยทางเหนือเยอะเกินไป ไม่ปลอดภัย”

พวกนางเป็นลูกสาวของแม่ทัพต้าถง ฐานะแบบนี้มีแรงดึงดูดที่ไม่ธรรมดาต่อชนกลุ่มน้อยทางเหนือ

ฉีตานถอนหายใจและเอ่ยว่า “ดังนั้นข้าก็ไม่ได้คิดที่จะไปป้อมเต๋อเซิ่งเหมือนกัน! แค่คิดในใจเท่านั้นเอง”

ฉีซวงหัวเราะ และเอ่ยกับเจียงเซี่ยนว่า “พวกเราออกมาจากตลาดม้า ยังสามารถไปกินอะไรนิดหน่อยที่ร้านหอแรกหรือร้านแหล่งประกายอัญมณีได้ด้วย ที่ร้านของพวกเขานอกจากจะทำเนื้อแพะได้ดีแล้ว นมแพะก็อร่อยมากเช่นกัน ไม่มีกลิ่นสาบแม้แต่นิดเดียว แถมยังสามารถเพิ่มพวกพุทราแดง ถั่วเขียว หรือดอกหอมหมื่นลี้ตามความชอบของแต่ละคนได้ด้วย พวกเราไปกินข้าวที่หอแรกเถอะ?”

เจียงเซี่ยนนึกถึงเหล่าหญิงสาวที่ไม่สวมแม้แต่หมวกม่านตาข่ายบนถนน แล้วก็อดที่จะใจเต้นไม่ได้ และให้คนไปถามไป๋ซู่ว่าอยากไปหรือไม่

ไป๋ซู่เอ่ยอย่างลังเลว่า “ไปได้หรือ? ต้องบอกฮูหยินฝางสักหน่อยกระมัง?”

เจียงเซี่ยนเป็นเจ้าสาวที่รอแต่งงาน ออกไปข้างนอกไม่ได้ไม่ใช่หรือ?

“ไม่ได้ตรงไหน ทุกเรื่องล้วนมีข้อยกเว้นน่า!” เจียงเซี่ยนเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “พวกเราก็ลากแม่นมเมิ่งไปด้วยแล้วกัน?”

ชาติก่อนเมิ่งฟางหลิงเข้าวังตั้งแต่อายุสิบสาม หลังจากนั้นก็เคยไปไกลที่สุดแค่ภูเขาวั่นโซ่วเหมือนกับนาง

มีเมิ่งฟางหลิงขวางอยู่ข้างหน้าพวกนาง ต่อให้ฮูหยินฝางอยากตำหนิ ก็จะไม่โกรธมากเช่นกัน

ไป๋ซู่กับเจียงเซี่ยนไปหาเมิ่งฟางหลิง

เมิ่งฟางหลิงไม่เห็นด้วย

เจียงเซี่ยนกอดแขนนางพลางอ้อนว่า “ไปด้วยกันเถอะ! ไม่อย่างนั้นป้าสะใภ้ก็จะไม่ให้พวกเราไปเหมือนกัน กว่าพวกเราจะออกมาได้สักครั้งก็ไม่ง่ายเลย อย่างไรก็กลับไปโดยไม่รู้แม้กระทั่งว่าต้าถงหน้าตาเป็นอย่างไรไม่ได้กระมัง?”

เมิ่งฟางหลิงถูกนางกวนจนหวั่นไหว สุดท้ายก็ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นและตอบตกลง “แต่ไปตลาดม้าไม่ได้ ที่นั่นอันตรายเกินไป ข้าเคยเห็นม้าตกใจเองกับตา”

ฉีตานอยากบอกว่าพวกนางเชี่ยวชาญการขี่ม้าและยิงธนู ทว่ากลับถูกฉีซวงรั้งไว้ และเอ่ยว่า “ก็ได้ วันนี้พวกเราก็ไปเดินเล่นในย่านการค้าเป็นเพื่อนพวกเจ้าแล้วกัน พวกเจ้ายังสามารถซื้อพวกภาพพิมพ์สักหลาดหนังแพะ กาเหล้าหนังแพะ รองเท้าหุ้มข้อขนแพะ และมีดอันเล็กของชนกลุ่มน้อยทางเหนือกลับไปเป็นของขวัญได้ด้วย”

แต่เจียงเซี่ยนกลับคิดว่าเรื่องแบบนี้มีครั้งแรก ก็มีครั้งที่สองได้ ครั้งแรกไปไหนจึงไม่สำคัญ ถึงตอนที่ออกไปข้างนอกครั้งที่สองก็พูดง่ายแล้ว

นางรับปากอย่างเต็มปากเต็มคำ

ทุกคนไปหาฮูหยินฝางด้วยกัน

แน่นอนว่าฮูหยินฝางไม่อนุญาต ทว่าเห็นเจียงเซี่ยนมองนางพลางกะพริบดวงตาโตที่ใสแจ๋วและใสสะอาดปริบๆ นางก็ใจอ่อน และเอ่ยว่า “ไม่ใช่ว่าให้เจ้าไปซื้อของไม่ได้ แต่พวกเจ้าต้องแต่งตัวธรรมดาหน่อย พาแม่นมอวี๋กับหลิวตงเยว่ไปด้วย และให้ผู้ติดตามกับเด็กรับใช้ของพี่เจ้าตามไปด้วย”

เจียงเซี่ยนก็ไม่อยากให้เกิดอะไรขึ้นเช่นกัน และมีคนของเจียงลวี่ติดตามอยู่ข้างกาย อย่างกับมีทั้งผู้คุ้มกันและอันธพาล ทำไมจะไม่ยินดีที่จะทำล่ะ!

นางรับปากด้วยรอยยิ้ม

ไป๋ซู่กับเมิ่งฟางหลิงก็ดีใจมากเช่นกัน

แต่ฉีตานกับฉีซวงกลับสบตากันอย่างค่อนข้างจนใจ

ช่างกล้าได้กล้าเสียจริงๆ!

เจียงเซี่ยนแอบยิ้มและเอ่ยในใจ พลางทำเป็นมองไม่เห็น แต่ละคนต่างกลับไปเปลี่ยนการแต่งตัวให้ธรรมดาที่ห้อง และขึ้นรถม้าอย่างดีใจมาก

พอรถม้าออกจากกองบัญชาการ นางก็เลิกม่านขึ้นมองออกไปข้างนอก

วันท้องฟ้าปลอดโปร่งในเดือนห้าของต้าถง อากาศปลอดโปร่งและแจ่มใส

เจียงเซี่ยนอดที่จะสูดหายใจลึกไม่ได้ และเอ่ยกับเมิ่งฟางหลิงว่า “แม่นมเมิ่ง เจ้ากลับวังแล้วทูลไทฮองไทเฮาว่า ข้าคิดถึงไทฮองไทเฮามาก ให้ไทฮองไทเฮารักษาสุขภาพให้ดี แล้วข้าจะส่งพวกของอร่อยกับของที่น่าสนใจไปให้ไทฮองไทเฮาบ่อยๆ ถึงเวลานั้นแม่นมเมิ่งก็จะได้ออกจากวังบ่อยๆ เช่นกัน”

เมิ่งฟางหลิงพยักหน้าติดกันหลายครั้ง และเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ท่านวางใจเถอะ ไทฮองไทเฮายังตรัสว่าต้องได้ทอดพระเนตรเหลนถึงจะสวรรคต!”

เจียงเซี่ยนเม้มปากยิ้ม ทว่าในใจกลับรู้สึกเสียใจเล็กน้อย

ขอให้ท่านยายมีชีวิตอยู่ได้ถึงตอนนั้น

รถม้าเลี้ยวครั้งเดียวก็ถึงถนนตะวันตกที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดของต้าถงแล้ว

เจียงเซี่ยนตั้งใจมองแล้ว กลับคล้ายกับตลาดในเมืองหลวง นางยังเห็นร้านเก่าแก่ของเมืองหลวงสองสามร้านด้วย

นางอดที่จะชี้หน้าร้านและร้องอย่างตกใจไม่ได้ “แม่นมเมิ่ง ไป๋ซู่ พวกเจ้าดูนี่ ‘ร้านขนมแปดชนิดแห่งเมืองหลวง’ ที่ขายขนมอบ”

เมิ่งฟางหลิงกับไป๋ซู่รีบเข้ามาใกล้ “ร้านขนมแปดชนิดแห่งเมืองหลวงจริงๆ ด้วย!”

พวกนางรู้สึกว่าต้าถงเปลี่ยนเป็นใกล้ชิดขึ้นมาทันที

พี่น้องสกุลฉียิ้มพลางเอ่ยว่า “ที่นี่อยู่ใกล้เมืองหลวงมาก จึงมีร้านเก่าแก่ของที่นั่นมาเปิดสาขาที่นี่มากมาย เวลาพวกเราไปทำธุระที่เมืองหลวง เพราะไม่รู้จักทางในเมืองหลวง บางครั้งก็จะซื้อพวกกล่องของขวัญของว่างจากร้านเก่าแก่เหล่านี้นำไปเมืองหลวงเลย ว่ากันว่าร้านที่นี่ซื้อได้เหมือนกับที่เมืองหลวง จนแยกไม่ออกด้วยซ้ำว่าซื้อที่ต้าถงหรือซื้อที่เมืองหลวง”

ทุกคนฟังนางพูดพลางยิ้มตาหยี ไม่นานก็เดินถึงหน้าโรงน้ำชาแห่งหนึ่ง

เจียงเซี่ยนยิ้มและชี้ป้ายร้านนั้นพลางอ่านว่า “โรงน้ำชาอี้เหวิน!”

นี่ก็เป็นร้านเก่าแก่ร้านหนึ่งของเมืองหลวงเช่นกัน

เมิ่งฟางหลิงหัวเราะ และถามเจียงเซี่ยนว่า “จะเข้าไปดื่มชาสักถ้วยหรือไม่เจ้าคะ?”

เจียงเซี่ยนส่ายหน้า และเอ่ยว่า “ในเมื่อมาต้าถงแล้ว ก็ต้องกินอาหารท้องถิ่นของต้าถง ไปดื่มชาที่โรงน้ำชาท้องถิ่นของต้าถง!”

ฉีตานได้ยินก็ยิ้มและเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็เดินไปข้างหน้าอีกหน่อย ที่นั่นมี ‘หออี้เซียน’ เป็นโรงน้ำชาท้องถิ่นของพวกเรา ชาอัดก้อนของพวกเขามีชื่อเสียงที่สุด ท่านหญิงเคยดื่มชาอัดก้อนหรือไม่? หากไม่เคยดื่ม ลองดูสักหน่อยก็ได้”

“ได้สิ!” เจียงเซี่ยนรับปากอย่างอารมณ์ดี ทุกคนจึงไปดื่มชาที่หออี้เซียน

———————————–

มู่หนานจือ

มู่หนานจือ

Status: Ongoing
นิยายรักย้อนยุค จากนักเขียนดัง ‘จือจือ’ กับการฟาดฟันอันดุเดือดของนางเอกสุดแกร่งในวังหลวง!แม้ เจียงเซี่ยน เป็นถึงสตรีผู้สูงศักดิ์ ทั้งยังได้แต่งงานกับ ‘จ้าวอี้’ ผู้เป็นฮ่องเต้ ทว่าเขามิเคยร่วมหออุ่นเตียงกันจนกระทั่งจากนางไปเมื่อนางต้องกลายเป็นไทเฮา จึงได้โอบอุ้ม ‘จ้าวสี่’ ลูกชายคนเดียวของจ้าวอี้ว่าราชการหลังม่าน ประคองราชวงศ์อย่างยากเข็ญแต่แล้วนางกลับถูกฆ่าตายด้วยถ้วยยาพิษ ที่อยู่ในอุ้งมือของฮ่องเต้น้อยอย่างจ้าวสี่!เมื่อลืมตาตื่นมาอีกครั้ง ก็พบว่าได้ย้อนกลับมาช่วงชีวิตวัยสิบสามปี… ก่อนมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในราชสำนัก‘เหตุใดจ้าวสี่จึงมอบความตายให้นาง?’…แม้โอกาสในการมีชีวิตอาจทำให้ไขปริศนานี้ได้แต่นางขอเลือกเดินในเส้นทางใหม่ ไม่เข้าไปข้องเกี่ยวกับตระกูลจ้าว ไม่สนใจการผลัดเปลี่ยนแผ่นดินนางขอเพียงมีชีวิตครอบครัวเล็กๆ กับสามีที่วางใจได้ และลูกที่แสนน่ารักทว่า เมื่อนางได้นำพบกับ หลี่เชียน แม่ทัพหนุ่มที่นางเคยรู้สึกเกลียดทุกคราที่พบหน้าชีวิตและความรักของนางจึงกำลังจะพบกับจุดเปลี่ยนอีกครั้ง…หรือ ‘โชคชะตา’ จะนำพาให้เกิดเรื่องราวและวังวนที่ไม่เหมือนเดิม!

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท