พอแม่นมเมิ่งเอ่ยออกมาเช่นนี้ ทุกคนต่างก็อึ้งไป
พี่น้องสกุลฉีครุ่นคิดพลางเอ่ยว่า “เดิมทีตระกูลเซ่ากับตระกูลจินก็เป็นญาติที่เกี่ยวดองกันอยู่แล้ว ยังมีเหตุผลอะไรที่ต้องแต่งงานกันอีก?”
ไป๋ซู่มองเมิ่งฟางหลิงและเอ่ยว่า “แม่นม มองอะไรออกแล้วหรือเปล่า?”
แม้แต่ทังลิ่วที่ชงชาอยู่ข้างๆ ก็เอ่ยเสียงเบาด้วยว่า “คุณหนูจินสวยขนาดนั้น แต่งงานคุณชายเซ่าหยาง ก็หญิงงามแต่งงานกับสามีที่ต่ำทรามไม่ใช่หรือ น่าเสียดายมากเลย…”
ความสัมพันธ์ของทุกคนดูเหมือนสนิทกันไม่น้อยในชั่วเวลาอันสั้น เวลาพูดก็ไม่มีความกังวลอย่างก่อนหน้านี้แล้วเช่นกัน
เจียงเซี่ยนเห็นสถานการณ์อันแปลกประหลาดตรงหน้าแล้วก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้
เมื่อก่อนเฉาเซวียนเคยบอกนางว่า ‘เพื่อนร่วมงานที่ไม่เคยด่าผู้บังคับบัญชาด้วยกันไม่ถือว่าเป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกัน!’
เวลานี้พวกนางกำลังถกเถียงความถูกผิดของคนอื่นด้วยกันลับหลัง ก็พอจะถือว่าเป็นเพื่อนสนิทกันแล้วได้หรือไม่?
ทุกคนมองนางพร้อมกัน ในดวงตาล้วนเต็มไปด้วยความงุนงง
เจียงเซี่ยนเห็นสีหน้าที่ส่วนใหญ่คล้ายกันและต่างกันเพียงเล็กน้อยตรงหน้าแล้วก็หัวเราะอย่างเบิกบานใจมากขึ้น
“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไร” กว่านางจะลดเสียงหัวเราะลงได้ก็ไม่ง่ายเลย และเอ่ยว่า “ข้าคิดว่าแม่นมเมิ่งพูดมีเหตุผลมาก!”
“เจ้าหลอกพวกเราอีกแล้ว” ไป๋ซู่ที่รู้จักนางเป็นอย่างดีแสร้งทำเป็นเอ่ยอย่างไม่พอใจว่า “ข้ารู้ว่าเจ้ามีความคิดเป็นของตนเองที่สุดแล้ว เจ้ารีบบอกมาว่าเจ้าคิดอย่างไร? พวกเราต่างอยากรู้มากว่าคุณหนูจินจะแต่งงานกับเซ่าหยางจริงหรือ?”
สายตาที่ทุกคนมองนางอยู่ล้วนกระตือรือร้นไม่น้อย
เจียงเซี่ยนไอเบาๆ อย่างลำบากใจครั้งหนึ่ง
พอนึกถึงที่ทังลิ่วกระซิบเมื่อครู่ ก็เสียดายกับชะตากรรมของจินย่วนเล็กน้อยในทันใดเช่นกัน
นางถามฉีตานว่า “ข้าได้ยินเจ้าบอกว่าเดิมทีตระกูลเซ่ากับตระกูลจินก็เป็นญาติที่เกี่ยวดองกันอยู่แล้ว เจ้ารู้ว่าใครแต่งงานกับใครหรือไม่?”
ฉีตานเอ่ยว่า “ย่าของจินเซียวกับย่าของเซ่าเจียงเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกัน ก่อนหน้านี้ตระกูลเซ่าก็เคยมีลูกสาวแต่งงานกับตระกูลสาขาของตระกูลจินเหมือนกัน แต่อันนั้นอยู่ไกลไปหน่อย ข้าจึงไม่ค่อยรู้”
“ย่าของจินเซียวกับย่าของเซ่าเจียงยังอยู่หรือไม่?” เจียงเซี่ยนเงยหน้าพลางเอ่ย
“ยังอยู่สิ!” ฉีตานมองเจียงเซี่ยนอย่างแปลกใจ เหมือนไม่เข้าใจว่าทำไมนางถึงกลายเป็นจริงจังขึ้นมาทันที “ปีที่แล้วฮูหยินเฒ่าของตระกูลจินยังฉลองวันเกิดอายุครบหกสิบปีอยู่เลย”
“ตระกูลจินกับตระกูลเซ่า ใครมีอำนาจมากกว่ากัน?” เจียงเซี่ยนถามอีก
ถึงแม้จะเป็นแม่ทัพของเมืองสำคัญตามชายแดนเหมือนกัน ตระกูลฉีก็เทียบกับตระกูลจินไม่ได้
เช่นเดียวกับจวนกั๋วกง จวนอันกั๋วกงก็เทียบจวนเจิ้นกั๋วกงไม่ได้เช่นกัน
ฉีตานตอบโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำว่า “แน่นอนว่าตระกูลเซ่าแข็งแกร่งกว่าอยู่แล้ว! ถึงแม้บรรพบุรุษของตระกูลจินจะเคยอภิเษกกับองค์หญิง มีความสามารถล้ำลึก ทว่าหลายปีมานี้คนรุ่นหลังของตระกูลเซ่ากลับเก่งกว่าคนรุ่นก่อน ลูกหลานที่ทำสงครามได้ก็ไม่ธรรมดา สามารถโจมตีชนกลุ่มน้อยทางเหนือจนหนีหัวซุกหัวซุนได้ทุกครั้ง หากพวกชนกลุ่มน้อยทางเหนือก่อกวนชายแดน โดยปกติก็จะอ้อมอวี๋หลินไปล้อมโจมตีต้าถงกับเมืองเซวียน”
“แม้จะบอกว่าที่ชนกลุ่มน้อยทางเหนือมักจะก่อกวนต้าถงกับเมืองเซวียน เกี่ยวข้องกับต้าถงและทั้งสองที่ค่อนข้างอยู่ใกล้เมืองหลวง แต่ก็เกี่ยวข้องกับที่หลายปีนี้ต้าถงกับเมืองเซวียนสับเปลี่ยนแม่ทัพกันบ่อยครั้ง อย่างไท่หยวนกับอวี๋หลินนั้น ตระกูลจินกับตระกูลเซ่าดูแลอย่างละเอียดและพิถีพิถันจนเหมือนที่ดินของตนเอง ตอนที่ที่อื่นต่างขาดเงินเดือนทหาร พวกเขาไม่ขาด ตอนที่ที่อื่นไม่มีเสบียงกิน พวกเขาไม่เคยอด บางครั้งราชสำนักเกณฑ์ทหาร บางคนก็ยอมวิ่งจากต้าถงไปกองบัญชาการอวี๋หลินหรือกองบัญชาการไท่หยวน แต่ไม่ยอมมาที่ต้าถงกับเมืองเซวียน ท่านพ่อก็เคยบอกท่านกั๋วกงน้อยให้บอกท่านกั๋วกงว่า ต้าถงกับเมืองเซวียนจะเปลี่ยนแม่ทัพบ่อยแบบนี้ไม่ได้แล้ว เขายอมตั้งมั่นรักษาการณ์ต้าถงตลอดไป”
เจียงเซี่ยนนิ่งเงียบ
ไม่ใช่ว่าตระกูลเจียงไม่อยากรักษาการณ์ต้าถงกับเมืองเซวียนตลอดไป ทว่าฮ่องเต้มักจะไม่วางใจคนของตระกูลเจียง ไม่เปลี่ยนคนทุกสองสามปีก็จะรู้สึกเหมือนกระวนกระวายใจ หม่าเซี่ยงหย่วนนั่นก็เพราะไม่ใช่คนของตระกูลเจียงถึงได้ถูกย้ายไปรับตำแหน่งแม่ทัพที่เมืองเซวียน
พูดถึงกองทัพของต้าถงกับเมืองเซวียนพร้อมไปด้วยความสามารถในการสู้รบเพราะตระกูลเจียง ก็ระส่ำระสายเพราะตระกูลเจียงเช่นกัน…ดังนั้นเรื่องราวจึงมักจะมีสองด้านเสมอ โดยเจ้าไม่รู้ว่าด้านไหนจะทำร้ายเจ้า ด้านไหนจะทำให้เจ้าทำงานสำเร็จ
คนที่อยู่ในห้องก็เงียบลงเช่นกัน
บรรยากาศเปลี่ยนเป็นอึมครึมเล็กน้อย
พวกนางออกมาเที่ยวเล่น ไม่ได้ออกมาหาความทุกข์เสียหน่อย
เจียงเซี่ยนยิ้มพลางเอ่ยว่า “ข้ากำลังคิดอยู่ว่า…จะเป็นแบบนี้ได้หรือไม่ ฮูหยินเฒ่าของตระกูลเซ่ากับฮูหยินเฒ่าของตระกูลจินต่างอายุมากแล้ว มิตรภาพห่างเหิน ตระกูลเซ่ากลัวว่าต่อไปจะค่อยๆ ห่างกับตระกูลจิน และตระกูลจินก็จะไม่สนิทสนมแน่นแฟ้นและมีปณิธานเหมือนกับพวกเขาเหมือนอย่างตอนนี้ กำลังที่แท้จริงลดลงไปมาก จึงอยากแต่งงานกับตระกูลจินอีกครั้ง ปรากฏว่าฮูหยินเฒ่าจินกลัวว่าอำนาจในการปกครองแคว้นของคนรุ่นหลังจะได้รับความเสียหาย จึงคิดเช่นนี้เหมือนกัน ดังนั้นจึงต้องช่วยให้ทั้งสองตระกูลแต่งงานกันอีกครั้งให้สำเร็จให้ได้ ทว่าตระกูลเซ่ามีแค่สองพี่น้องสกุลเซ่า เซ่าเจียงก็แต่งงานไปตั้งนานแล้ว เซ่าหยางจึงกลายเป็นตัวเลือกเดียว ใต้เท้าจินก็อาจจะรู้ว่าเซ่าหยางไม่ได้เรื่องได้ราว พอคิดว่าเขาอาจจะเป็นลูกเขยของตนเอง จึงจำเป็นต้องสั่งสอนให้ดี ถึงให้เขาเป็นผู้บัญชาการใต้บังคับบัญชาของตนเอง”
คำพูดของนางทำให้ทุกคนคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ในทันใด
ฉีตานเอ่ยอย่างประหลาดใจว่า “แต่คุณหนูจินไม่ชอบลูกผู้ดีมีเงินอย่างเซ่าหยางสักนิด วันนี้บังเอิญเจอเซ่าหยางระหว่างทาง คุณหนูจินกับคุณหนูโหยวถึงพักที่หออี้เซียน เพื่อหลบเซ่าหยาง แต่สุดท้ายกลับเจอพวกเราเข้า…”
“ข้าก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน” ไป๋ซู่ก็กลายเป็นอารมณ์คึกคักขึ้นมาด้วย และเอ่ยว่า “พวกเจ้าว่า จะเป็นไปได้หรือไม่ว่าเซ่าหยางชอบคุณหนูจินมาก จึงจะแต่งงานกับนางให้ได้!”
“ก็อาจจะเป็นแบบนี้จริงๆ!” ฉีซวงเอ่ยว่า “คุณหนูจินเป็นหญิงงามอันดับหนึ่งแห่งซานซี เซ่าหยางเป็นพวกมักมากในกามและติดสุรา! อาจจะเป็นเพราะเขาจะแต่งงานกับคุณหนูจินให้ได้ แล้วก็มีฮูหยินเฒ่าทั้งสองคอยผลักดันอยู่เบื้องหลัง และฮูหยินหลี่ว์ก็ไม่ยอมล่วงเกินแม่สามีเพื่อนาง ดังนั้นถึงใต้เท้าจินจะรู้ดีว่าเซ่าหยางไม่ใช่ลูกเขยที่ดี ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน จึงจำเป็นต้องตกลงให้คุณหนูจินแต่งงานกับเซ่าหยาง!”
แนวคิดของไป๋ซู่ได้รับการยอมรับ นางจึงดีใจมาก และถามฉีตานว่า “ข้ารู้ว่าตระกูลจินมีลูกชายหกคน นอกจากคุณหนูจินแล้ว ยังมีลูกสาวอีกกี่คนหรือ?”
“สองคน!” ฉีซวงรีบเอ่ยแทรก โดยไม่รอให้ฉีตานเอ่ยปากว่า “ในนั้นคนหนึ่งสิบขวบ อีกคนสองขวบ คนที่สองขวบนั้นไม่เคยเจอ ส่วนคนที่สิบขวบนั้นหน้าตาเหมือนคุณหนูจินมาก ต่อไปโตแล้วจะต้องเป็นผู้หญิงที่สวยมากเหมือนกันอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้นก็ถูกแล้ว” แม่นมเมิ่งเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “สำหรับคนของตระกูลจินแล้ว คุณหนูจินจะดีแค่ไหน ก็เป็นเพียงหนึ่งในสามอยู่ดี”
“น่าสงสารเกินไปแล้วจริงๆ!” ฉีซวงเอ่ยด้วยอารมณ์หดหู่ว่า “เมื่อก่อนข้าอิจฉานางมาก ครอบครัวฐานะดี หน้าตาสวย แถมยังมีพี่ชายที่ยอดเยี่ยมและโดดเด่นแบบนั้น…”
ส่วนฉีตานด่าจินไห่เทาว่า “เป็นถึงขุนนาง แต่กลับไม่รักและทะนุถนอมลูกชายกับลูกสาวแม้แต่นิดเดียว ยังเทียบพวกคนที่ทำการเกษตรในที่ดินของชนชั้นสูงไม่ได้เลย!”
“นี่ก็ช่วยไม่ได้เหมือนกันนี่นา!” แม่นมเมิ่งถอนหายใจพลางเอ่ยว่า “แต่ละคนต่างมีโชคชะตาของตนเอง!”
“ตระกูลหลี่ว์นั่นก็ไม่ใช่คนดีเช่นกัน!” ทังลิ่วสังเกตสีหน้าของเจียงเซี่ยน และเอ่ยเสียงเบาว่า “น้องชายของฮูหยินหลี่ว์ยังเคยบีบบังคับผู้เช่าที่ดินของตนเองจนตายด้วยขอรับ”
ทุกคนถกเถียงเรื่องนี้กันอย่างกระตือรือร้น
เจียงเซี่ยนมองคนตรงหน้าตาโต รู้สึกเหมือนตนเองเดินเข้าผิดห้อง
สิ่งที่ทุกคนชอบที่สุดยังคงเป็นการพูดคุยซุบซิบนินทาจริงๆ!
นางอดที่จะเอ่ยไม่ได้ว่า “ฮูหยินเฒ่าหวงฉลองวันเกิด แถมยังเป็นวันเกิดธรรมดา แต่คุณหนูจินกลับมาต้าถงจากไท่หยวน และยังหลบเลี่ยงคุณชายเซ่าหยาง หากข้าเดาไม่ผิด คุณหนูจินน่าจะมาขอความช่วยเหลือจากฮูหยินเฒ่าหวง ไม่อย่างนั้นเมื่อครู่นางก็น่าจะมาทักทายพวกเราเองแล้ว”
ต่อให้นางอ่อนน้อมถ่อมตน ทำอะไรเสแสร้งแสดงอยู่ตรงนั้นแค่ไหน จินย่วนมาจากตระกูลขุนนาง เห็นเหตุการณ์แบบนี้ไม่มีทางที่จะไม่รู้ว่านางพักอยู่ในโรงน้ำชา
และว่ากันด้วยมารยาทแล้ว ก็มีแต่ฮูหยินเฒ่าหวงยายของนางที่สามารถออกหน้าต่อว่าฮูหยินเฒ่าของตระกูลจินได้จริงๆ
ดังนั้นจินย่วนจึงไม่มีอารมณ์มาทักทายนาง
————————————